นพ.อมรชัย หาญผดุงธรรมะ
อัมพาต! อัมพฤกษ์! สองโรคนี้เมื่อได้ยินชื่อแล้วหลายคน คงนึกถึงสภาพความพิการบางอย่าง ขึ้นมาทันทีเช่น ร่างกายกระดุกกระดิกไม่ได้ หรือไม่มีแรงไปแถบหนึ่ง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด กลืนลำบาก ตา หู ผิดปกติ ไม่เข้าใจคำพูดที่เคยพูดกันรู้เรื่อง ฯลฯ
ครับเหล่านี้ คืออาการส่วนหนึ่งของผู้เป็นอัมพาตนั่นเอง ส่วนอัมพฤกษ์ ก็คือ อัมพาตนั่นแหละ แต่เกิดขึ้นชั่วครู่เดียว เช่น อาจแค่ 4-5 แล้วนาทีก็หายไปเอง นั่นเป็นลางบอกเหตุ เป็นการเตือนว่า อัมพาตตัวจริงจะถามหาแล้วนะ ระวังตัวไว้ให้ดี
ปีหนึ่ง ๆ บ้านเราเป็นอัมพาตกันไม่น้อยครับ ที่อเมริกาพบราว 5 แสน 5 หมื่นราย จากจำนวนนี้ จะตายเสีย 1 แสน 5 หมื่น และอีก 3 แสนรายพิการ ผลของการเยียวยารักษาที่ดีขึ้น ทำให้อัตราการตายจากอัมพาตลดลง แต่ก็ทำให้ผู้รอดชีวิตในสภาพพิการมากขึ้นครับ
การช่วยฟื้นฟูสมรรถนะ ผู้ป่วยอัมพาตให้กลับสู่สภาพเดิม หรือใกล้เคียง หรือสามารถช่วยตัวเองได้ จะเป็นประโยชน์มาก ช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวและสังคม นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทีเดียว
เป้าหมาย
การฟื้นฟูสมรรถนะมีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่สำคัญคือ |
---|
- ฟื้นฟูสมรรถนะที่สูญเสียไปให้กลับคืนมามากที่สุด - ป้องกันโรคหรือภาวะแทรกซ้อน - เพิ่มคุณภาพชีวิต และ - ให้การศึกษาแก่ผู้ป่วย และครอบครัวเกี่ยวกับวิธีป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นอัมพาตอีก |
มีราว 10% ของผู้รอดชีวิตจากอัมพาตที่ไม่มีความพิการหลงเหลือ และสามารถทำงานได้เหมือนเดิม พวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องฟื้นฟูสมรรถนะ
อีก 10% มีความพิการมาก และรุนแรงจนต้องอยู่ในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะช่วยทำการฟื้นฟูสภาพอย่างไร ก็ไม่สามารถให้กลับไปอยู่บ้านตามลำพังได้
ที่เหลือ 80% ของผู้รอดชีวิตจะมีความพิการน้อยจนถึงปานกลาง และจะได้รับประโยชน์ จากการช่วยฟื้นฟูสมรรถนะครับ
การฟื้นฟูสมรรถนะควรเริ่มทำโดยเร็ว ภายใน 24-48 ชั่วโมง หลังเกิดอัมพาตเลยก็ดี แพทย์จะเป็นผู้ประเมินผู้ป่วย เพื่อคัดเลือกว่า รายใดจะได้ประโยชน์จากการฟื้นฟูสมรรถนะ และเพื่อกำหนดระดับการฟื้นฟูสมรรถนะว่าแค่ไหนเหมาะสม
ผู้ป่วย ครอบครัว แพทย์ผู้รักษาและนักฟื้นฟูสมรรถนะจำเป็นต้องเห็นพ้องต้องกันในวิธีการฟื้นฟู และผลสำเร็จจะขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยเองและครอบครัวเป็นอย่างมาก เขาจำเป็นต้องรู้และเข้าใจถึง สาเหตุและผลกระทบของอัมพาต โรคแทรกซ้อนและวิธีป้องกัน ยาที่ใช้รักษา วิธีป้องกัน ไม่ให้อัมพาตเกิดซ้ำ และเทคนิคที่ช่วยผู้ป่วยอัมพาตเคลื่อนไหวและช่วยตัวเองในการทำกิจกรรม ในชีวิตประจำวัน
รูปแบบการฟื้นฟูจากอัมพาต
เมื่อดูการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อหลังเป็นอัมพาต จะเห็นว่า เริ่มแรกกล้ามเนื้อจะอ่อนปวกเปียกเลย ต่อมายึดเกร็ง ต่อมาเริ่มเคลื่อนไหวได้เล็กน้อย จากนั้นก็เคลื่อนไหวได้คล่องขึ้น มีกำลังขึ้น และนานขึ้น จนในที่สุดกลับเป็นปกติเท่าก่อนเป็นอัมพาต
แต่ไม่ได้หมายความว่า ผู้ป่วยทุกคนจะฟื้นได้ดีขนาดนี้ บางรายการฟื้นตัวบางระยะช้ามาก บางรายหยุดอยู่แค่นั้น เช่น ระยะกล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก อาจล่าช้าเป็นเดือน อาจเคลื่อนไหวได้เล็กน้อยแต่ทำตามสั่งไม่ได้
ส่วนใหญ่แล้วการฟื้นตัวจะเร็วที่สุดในช่วง 3 เดือนหลังเป็นอัมพาต การฟื้นฟูสมรรถนะจึงมีบทบาทสำคัญมากในการเร่งหรือเปลี่ยนแปลงระยะฟื้นตัวนี้
ปัจจัยชี้บ่งการฟื้นตัวหลังอัมพาต
มีปัจจัยหลายอย่างที่ช่วยพยากรณ์ว่า ผู้ป่วยจะฟื้นตัวจากการเป็นอัมพาตได้ดีหรือไม่ดีครับ เช่น
ถ้าคู่ครองอีกฝ่ายสุขภาพดี ดูแลเอาใจใส่ดีและฐานะดีจะช่วยมากครับ การฟื้นตัวจะดี
การป้องกันและรักษาโรคแทรกซ้อน
โรคแทรกซ้อนของอัมพาต มีทั้งที่เป็นผลจากรอยโรคในสมองโดยตรงและที่เป็นผลทางอ้อม
โรคแทรกซ้อนมีผลต่อการฟื้นฟูสมรรถนะมากจึงต้องพยายามป้องกันอย่าให้เกิด ถ้าเกิดต้องรีบให้การรักษาโดยเร็ว
อาการกลืนลำบาก มักหายไปได้เองหลังจากหายจากเป็นอัมพาต ถ้าไม่หายคงต้องเจาะใส่สายยางจากหน้าท้อง เข้าไปกระเพาะเพื่อใช้ให้อาหาร
มาตรการป้องกันอัมพาตเกิดซ้ำ
ผู้ที่เคยเป็นอัมพาต จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอัมพาตซ้ำสูงถึง 5 เท่า ของผู้ไม่เคยเป็น ฉะนั้นการป้องกัน ไม่ให้เกิดอัมพาตซ้ำ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูสมรรถนะ
มาตรการป้องกันได้แก่ การชี้บ่งและควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ และการมีชีวิตประจำวันแบบนั่ง ๆ นอน ๆ
การให้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด และยาป้องกันเลือดจับตัวเป็นก้อน พบว่าช่วยป้องกันอัมพาตซ้ำได้ดี ในบางกรณี การป้องกันอาจใช้วิธีผ่าตัด เช่น ผ่าตัดแก้ไขเส้นเลือดแดงใหญ่ตีบตัน ผ่าตัดหลอดเลือดโป่งในสมอง หรือผ่าตัดหลอดเลือดผิดปกติต่าง ๆ
นพ.อมรชัย หาญผดุงธรรมะ
main |