รับมืออย่างไรกับคนชอบ
|
โกหก
|
เมอร์ลิน
ถ้าคุณเจอสภาพดังต่อไปนี้จะทำอย่างไร?
มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คุณรับสายและรู้สึกว่า
เสียงที่ได้ยินนั้นแสนคุ้นฝ่ายตรงข้ามเริ่มต้นว่า
"นี่เบตตี้พูดนะ ฉันคิดว่า คงเป็นเวลาเหมาะสมแล้ว
ที่เธอจะรู้สักทีว่า สามีของเธอกับฉันควงกันไปไหนต่อไหน
นานเกือบ 2 ปี ทีนี้รู้แล้วสินะว่าเขาไม่ได้รักเธอแล้ว
ทำไมไม่ปล่อยเขาไปสักที?"
หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง คุณเหลือบเห็นตัวเลขในสมุดเงินฝากลดลง คุณจึงโทร.ไปธนาคารเพื่อขอยอดที่แท้จริง เพราะคิดว่า
เงินฝากของคุณไม่ได้เหลือแค่นี้นี่นา หรือบางทีคอมพิวเตอร์ของแบงก์ อาจประสบปัญหาวายทูเคแน่เลย ที่ไหนได้ เจ้าหน้าที่สวนกลับว่า ยอดคงฝากของคุณเหลือกระจิ๋วเดียวจริงๆ ซึ่งถ้าไม่ใช่ฝีมือถอนกระหน่ำของคุณ ก็ต้องเป็นแฟนตัวแสบแหงๆ
หากได้ประสบพบพานเหตุการณ์ประมาณนี้
แล้วคุณจะทำไง? เดี๋ยวสิ ต้องมาไตร่ตรองก่อนว่า มันเกิดอะไรขึ้น
ซูซาน ฟอร์เวิร์ด เจ้าของหนังสือชื่อแสบทรวง
When Your Lover Is A Liar หรือ
เมื่อคู่รักของคุณกลายเป็นคนโกหก บอกว่า
พฤติกรรมข้างต้นเป็นส่วนหนึ่ง ในความปลิ้นปล้อนของชายหนุ่มนั่นแหละ
แม้จะรู้ทั้งรู้ว่า มุสาวาจาเป็นสิ่งไม่งาม แต่ตราบใดที่คุณมีคนรัก ย่อมเจอคำโกหกอย่างไม่ต้องสงสัย
การโกหก ก็ไม่ใช่ว่าจะหันเหไปในทางประสงค์ร้ายอย่างเดียว เนื่องจากโกหกเพราะปรารถนาดีก็มีให้เห็น แต่เชื่อไหมล่ะว่า หากเป็นคำพูดที่หลั่งไหลออกมาจากคนที่คุณปลื้ม
ไปในทางที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงเมื่อไหร่
ส่วนใหญ่แสดงให้เห็นว่า เขาเจตนาจะโกหก
และตั้งใจที่จะบิดเบือนอะไรบางอย่างกับสาวน้อยอย่างคุณ เช่น
- ผมไม่ได้มีเรื่องชู้สาวกับใครนะ (ทั้งๆ ที่มีให้เห็นอยู่เต็มตา
ดีนะที่ไม่เขียนว่า เต็มทีน)
- ผมหย่าขาดจากภรรยาเก่ามาเป็นปีแล้ว
(แต่ ที่จริงเขายังมีสถานภาพเป็นสามีอยู่ทนโท่)
- ผมเคยติดเหล้า แต่ตอนนี้เลิกแล้วครับ
(ทั้งที่ตัวเองก็ยังกระดกเหล้าเข้าปากทุกวัน)
สิ่งหนึ่งที่เป็นลางบอกเหตุว่า
คุณจะถูกหนุ่มคนรักหลอกเข้าเต็มเปาหรือเปล่า
ให้สังเกตจากการตั้งคำถาม ถามเขาง่ายๆ ว่า
อยู่ที่ไหนและอยู่กับใครหากแค่ 2 คำถามนี้ ทำเขากระอักกระอ่วนใจ หรือพยายามหลีกเลี่ยงไม่ต่อปากต่อคำละก้อ เชื่อขนมกินได้เลยว่า เขาจะตุกติกกับการคบหาสมาคมกับคุณไปอีกนานเท่านาน
กรณีของ "ลี" สาววัย 39 ประสบพบรักกับ "แบร์รี่"
ทนายความหน้าตาดีวัย 20 เศษ ซึ่งเธอพยายามบอกเขาว่า อายุอาจเป็นอุปสรรคกับความสัมพันธ์ของเรา แต่แบร์รี่ก็ยืนยันว่า
เขาชอบคนที่อายุมากกว่า จนทำให้ลีใจชื้นขึ้นมาหน่อย
แต่พอลีถามว่า จะติดต่อเขาได้อย่างไร แบร์รี่กลับให้แต่เบอร์เพจเจอร์ แทนที่จะเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่บ้านหรือที่ทำงาน โดยอ้างว่า
เขาอาศัยอยู่กับรูมเมท และไม่อยากรบกวนเพื่อนร่วมห้อง
เลยจำเป็นต้องให้แต่เบอร์เพจ
กระทั่งคืนหนึ่งเราไปทานข้าวมื้อค่ำด้วยกัน และจบลงบนเตียงของลี แบร์รี่รีบตื่นขึ้นมาตอนเกือบใกล้รุ่ง บอกว่าต้องรีบกลับ ลีถามแบร์รี่ว่า
ทำไมไม่ค้างคืนอยู่ที่นี่ซะเลย แบร์รี่รู้สึกหัวเสียกับประโยคนี้ แล้วรีบเพ่นกลับอพาร์ตเมนต์ของตัวเอง เขาทำเช่นนี้หลายครั้ง
จนลีจับได้ว่า รูมเมทของเขาเป็นผู้หญิง ถึงตรงนี้ก็พอจะเข้าใจได้แล้วว่า แบร์รี่กับเพื่อนร่วมห้องของเขา ไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา
ทั้งลีและแบร์รี่จึงเลิกรากันไป เพราะแบร์รี่ยืนยัน
จะไม่ทิ้งรูมเมทของเขาไปไหน
อย่างไรก็ตาม โลกนี้ไม่มีใครสักคนกล้าเผชิญหน้ากับความจริงว่า
ถูกคนรักโกหก เพราะทุกคนไม่มีใครอยากเจ็บ ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงจึงค้นคิดกลไกในการป้องกันตนเอง
จากการถูกอีกฝ่ายตอแหลใส่ อาทิ
บทบัญญัติ ข้อที่ 1 แก้ต่างกับตัวเองในใจว่า
"บางทีเขาอาจโกหกกับสาวอื่น แต่เขาจะไม่ทำอย่างนี้กับฉันแน่"
เอ้า!!
หลอกตัวเองกันเข้าไป สาวเหล่านี้คงหารู้ไม่ว่า ความรักควรประกอบไปด้วยความซื่อสัตย์, เคารพนับถือซึ่งกันและกัน ตลอดจนความจงรักภักดี
บัญญัติ ข้อที่ 2 "ใช่ เขาโกหก แต่เขายืนยันว่ารักฉัน
แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง"
สาวที่ยึดข้อนี้ คงลืมไปละมังว่า
การมีความรักไม่ได้ทำให้คุณต้องโง่ไปด้วย
ความรักไม่ใช่เป็นเพียงสิ่งที่เร้าอารมณ์สิเน่หา
และกระพือความโรแมนติกใส่กันเท่านั้น แต่ถ้าเป็นรักแท้
ต้องมีพฤติกรรมที่แสดงออกว่า รักจนไม่คิดจะโกหก
ไม่ใช่โกหกเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ
บัญญัติที่ 3 "ใช่เขาโกหก แต่เขาน่าสงสารออก"
ความสงสารคงช่วยให้ความรักของคุณไปรอดงั้นสิ
การหาข้อแก้ตัวให้เขา รู้ไว้เถอะว่า
ไม่ได้ช่วยให้เขาหายจากการเป็นคนกะล่อนได้หรอก
บัญญัติ ข้อที่ 4 "ฉันเชื่อว่าจะช่วยเปลี่ยน
ความเป็นคนปลิ้นปล้อนของเขาได้"
คงลืมไปสิท่าว่า โลกนี้ไม่มีใครมีอิทธิพลเพียงพอ
ที่จะปรับเปลี่ยนสันดานของคนอื่นได้
ก่อนจากกัน ขอให้ทุกอนงค์โชคดีแคล้วคลาด
จากหนุ่มโกหกเก่งเป็นที่หนึ่ง เพี้ยง.
|
