อารยา ทวิชศรี
ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีความจำเป็น ต้องออกไปทำงานนอกบ้านทั้งคู่ ในยุคเศรษฐกิจอันฝืดเคือง เช่นนี้ การฝากลูกให้กับเนิร์สเซอรี่สักแห่ง คุณย่อมต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่าง อันดับแรกในช่วงเวลานี้ก็คือ ค่าใช้จ่ายที่คุณต้องจ่ายให้กับเนิร์สเซอรี่แห่งนั้น อันดับต่อมา คือ ความสะดวกและความใกล้ไกลในการรับส่ง อันดับสุดท้าย คือความปลอดภัย สถานที่ และการดูแลเอาใจใส่ ในความเป็นจริงแล้ว คุณอาจจะไม่สามารถเลือกเนิร์สเซอรี่ ได้ถูกใจนัก จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนักใจ สำหรับคุณที่จะมอบความไว้วางใจ ที่จะฝากลูกไว้ตลอดทั้งวัน
รูปแบบของการจัดเนิร์สเซอรี่นั้น แตกต่างกันไปหลายรูปแบบ บางที่เน้นการดูแลเอาใจใส่ อย่างเดียว แต่ไม่ได้ส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้อะไร การเรียนรู้ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง การฝึกให้เด็กเขียนเป็น อ่านเป็น ในระดับก่อนวัยอนุบาล แต่หมายถึง การเรียนรู้ ด้วยการเล่นของเด็กจะช่วยให้เด็กได้พัฒนาทักษะหลาย ๆ ด้าน มีความคิด ริเริ่ม สร้างสรรค์ และจินตนาการได้ดี รวมทั้งฝึกการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันได้
เนิร์สเซอรี่ที่รับเด็กอายุตั้งแต่ 1 ขวบครึ่ง- 3 ขวบ ควรมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาการ ให้กับเด็ก เช่น มีการจัดมุมบล็อก มุมบ้าน ฯลฯ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเนิร์สเซอรี่แห่งนั้น จะมีการจัดสถานที่ให้ดูดี แต่ถ้าการจัดกิจกรรมให้กับเด็ก ไม่ได้ส่งผลให้เด็ก ได้พัฒนาสติปัญญา ทางด้านความคิด อย่างเป็นเหตุเป็นผล ได้แต่เล่นสนุกไปวัน ๆ ก็เท่ากับ คุณยังไม่ ประสพความสำเร็จ ในการเลือกเนิร์สเซอรี่เท่าใดนัก
จุดมุ่งหมายของคุณพ่อคุณแม่ในการส่งลูกไปอยู่เนิร์สเซอรี่นั้น คือ ต้องการให้ลูก ได้รู้จักการเข้าสังคมกับเพื่อน เล่นกับเพื่อนเป็น และรู้จักเชื่อฟังผู้ใหญ่ ที่อาจจะไม่ใช่คุณพ่อคุณแม่เท่านั้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนวัยอนุบาล ซึ่งในช่วงวัยอนุบาลเด็กจะต้องเริ่มเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการเรียนรู้จะได้ผลดี ถ้าเด็กได้เรียนรู้ด้วยการเล่นเพราะจะทำให้เด็กไม่เบื่อและจดจำประสบการณ์นั้นได้ดี คุณพ่อคุณแม่บางคนคาดหวังว่า เมื่อลูกเข้าเนิร์สเซอรี่จะต้องเขียนเป็น อ่านเป็น ท่องตัวเลข 1-10 และท่อง A-Z ได้บ้าง ในระดับชั้นเนิร์สเซอรี่ ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ระดับชั้นอนุบาล ก็จะได้เก่งทันเพื่อน หรือไม่ก็เก่งเป็นที่หนึ่งในชั้น อย่างไรก็ตามการเรียนในระดับ ชั้นเด็กเล็กนั้น ควรจัดให้มีกิจกรรมการเล่นปนเรียน ซึ่งจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับธรรมชาติ และพัฒนาการของเด็ก รวมทั้งชีวิตประจำวันของเด็กด้วย ทั้งนี้เพื่อทำให้เด็กมีความสุข ในการเรียนรู้
การเรียนการสอนเด็กเล็กในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะฝึกให้เด็กท่องจำ ใช้ดินสอกระดาษในการทำงานเป็นส่วนใหญ่ เด็กมักจะถูกบอกให้นั่งฟัง ในสิ่งที่คุณครูกำลังสอน เช่น ครูอธิบายการเล่นไม้บล็อกให้กับเด็กว่าจะเล่นอย่างไร และสามารถต่อเป็นรูปอะไรได้บ้าง แต่นั่นไม่ใช่เป็นวิธีการสอนที่เหมาะสมสำหรับเด็ก เพราะเด็กจะรู้สึกเบื่อและไม่อยู่นิ่งกับที่ตลอดเวลาที่ครูสอน ครูควรจะให้เด็กได้มีโอกาส เรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยครูมีบทบาทหน้าที่ส่งเสริมกระตุ้นให้เด็กอยากเรียนรู้ โดยให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางทางการเรียนรู้ (Child Center) มากกว่าให้ครู เป็นผู้ป้อนความรู้ให้เด็กแต่ฝ่ายเดียว เพราะการเล่นจะทำให้เด็กรู้สึกตื่นเต้นและสนุก เพราะได้มีอิสระทางความคิดและจินตนาการของตนเอง
การเล่นช่วยพัฒนาทักษะอะไรให้กับเด็กบ้าง
การเล่นไม้บล็อก
ช่วยพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์ให้กับเด็ก เช่น การที่เด็กพยายามที่จะวางไม้บล็อก เรียงซ้อนกันขึ้นไปเป็นชั้น ๆ เพื่อต่อเป็นรูปหอคอย เด็กจะเริ่มเรียนรู้จำนวนนับ ขนาดเล็กใหญ่ รวมทั้งเศษส่วน เช่นเด็กจะเริ่มเรียนรู้ว่าไม้บล็อกสีฟ้า 2 ชิ้น เมื่อเอามาต่อกัน จะมีขนาดเท่ากับไม้บล็อกสีแดง 1 ชิ้น
การจัดมุมประสบการณ์
เช่น มุมบ้าน เด็กในวัยนี้จะให้ความสนใจมาก มักจะเข้ามาเล่นและแสดงบทบาทสมมติต่าง ๆ โดยใช้อุปกรณ์ที่ครูจัดเตรียมไว้ การเล่นบทบาทสมมติจะส่งเสริมให้เด็กเริ่มคิดว่า ตนจะเลียนแบบบุคคลนั้นอย่างไร เด็กในวัยนี้มักจะสมมติตนเอง และเพื่อนให้เป็นบุคคลต่าง ๆ ตามความชอบของเด็ก ในช่วงเวลาที่เด็กเริ่มแสดงบทบาทสมมติเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจมาก เพราะจะได้เห็นเด็กแต่งกายและให้อุปกรณ์ที่สมมติขึ้นมาตามความคิดและจิตนาการของเขา เด็กจะเริ่มรู้จักหัดใช้ภาษาพูดคุยกับเพื่อนตามบทบาทที่ตนคิด ซึ่งบางครั้งเด็ก 2 คน อาจจะพูดโต้ตอบในเรื่องเดียวกัน หรือคนละเรื่องก็เป็นได้ แต่นั่นก็คือ การที่เด็ก ได้ฝึกหัดใช้ภาษาพูด เพื่อเป็นการช่วยพัฒนาทักษะทางการอ่านในเวลาต่อมา
การเล่นทราย
ช่วยให้เด็กได้พัฒนาทักษะทางความคิดและสติปัญญา อีกทั้งเป็นการพัฒนาทักษะทางภาษา ซึ่งเด็กจะมีจิตนาการในการเล่นและมักจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด เช่น การที่เด็กตักทรายลงในถ้วย และถังตักทรายใบเล็ก ในเวลาเดียวกันนั่นก็คือ เด็กเริ่มจะเรียนรู้ทักษะทางคณิตศาสตร์เกี่ยวกับความจุและน้ำหนักน้อยกว่ามากกว่า เด็กสามารถทดลองเรียนรู้เพื่อค้นหาคำตอบด้วยตนเอง
การจัดมุมหนังสือให้กับเด็ก
จะช่วยให้เด็กได้พัฒนาทักษะการอ่าน ถึงแม้ว่าเด็กจะอ่านยังไม่เป็น แต่ก็สามารถดูภาพและสร้างจิตนาการตามรูปได้ จะเป็นการดีอย่างยิ่ง ถ้าครูผู้สอนคอยชี้ชวนให้เด็กสนใจการอ่าน และฟังนิทานจากครูในบรรยากาศ ที่เงียบสงบ จะเป็นการช่วยปลูกฝังนิสัยที่ดีในการอ่าน และช่วยให้เด็กรักการอ่าน มากยิ่งขึ้น
ในยุคเทคโนโลยีเช่นนี้
การจัดมุมคอมพิวเตอร์สำหรับเด็ก เข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อการเรียนในปัจจุบัน เด็กจะเริ่มเรียนรู้การใช้อุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์ เช่น เมาต์ คีย์บอร์ด ฯลฯ มีโปรแกรมการเรียนรู้สำหรับเด็กถูกสร้างขึ้นมากมาย เช่น โปรแกรมการวาดภาพ ซึ่งเด็กจะต้องใช้เมาต์เพื่อวาดรูปลงไปในจอคอมพิวเตอร์ และสามารถระบายสี เพื่อให้เกิดความสวยงามได้ อีกทั้งได้เรียนรู้ และเพลิดเพลินกับการเรียนทักษะวิชาต่าง ๆ จากเกมทางการศึกษา ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้เด็กพัฒนาทางความคิด และมีพื้นฐาน ในการใช้คอมพิวเตอร์ได้เป็นในอนาคต
นอกจากนี้การจัดสภาพแวดล้อมในเนิร์สเซอรี่ ก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ ให้กับเด็ก เช่น การเรียนรู้ทางด้านภาษา ครูควรจะมีตัวพยัญชนะ ก-ฮ และ ตัวอักษร A-Z แขวนไว้ในห้องและควรจะมีชื่อเด็กแต่ละคนเขียนไว้ที่แผ่นป้ายงานของเด็ก ตัวขนาดพอเห็นได้ชัดเจน เพื่อว่าเด็กจะได้จดจำชื่อของตนเองได้เร็วขึ้น และทำให้ทราบว่าตนมีหน้าที่อะไรในวันนั้น บางครั้งครูอาจจะบอกกับเด็กว่า ชื่อของใครที่ขึ้นต้นด้วยตัว ท. จะเป็นผู้ที่ให้อาหารปลาวันนี้ ในช่วงแรก ๆ ครูควรช่วยเด็กสะกดและอ่านชื่อนั้น เพราะเด็กยังไม่สามารถอ่านและประสมคำได้ การที่เด็กได้พูดคุย ได้เล่นกับเพื่อน รวมทั้งมีโอกาสได้บรรยายภาพวาดของตน ตามความรู้สึกนึกคิด และตอบคำถามครู จะช่วยให้เด็กได้พัฒนาทักษะการพูด ได้ดีและเร็วยิ่งขึ้น
คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ ฝากความหวังว่า การส่งลูกเข้าเนิร์สเซอรี่แต่เนิ่น ๆ จะทำให้ลูกเรียนเก่งมากกว่าที่จะปล่อยให้อยู่กับบ้านเฉย ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้ว การเรียนในระดับเนิร์สเซอรี่นั้น จะช่วยส่งเสริมให้เด็กได้พัฒนาทักษะได้เร็วขึ้น รู้จักระเบียบวินัย ช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันได้ รู้จักการเข้าสังคมกับเพื่อน ๆ และมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การสอนให้เด็กรู้จักเคารพในสิทธิของผู้อื่น และรู้จักการแบ่งปันของซึ่งกันและกัน จะช่วยทำให้เด็กไม่ทะเลาะแย่งของกัน และทำให้เด็กเข้าใจว่าควรปฏิบัติตนให้ถูกต้องอย่างไร
เนิร์สเซอรี่นั้นมีมากมายหลายแห่ง แต่ส่วนใหญ่จะรับเด็กตั้งแต่ขวบครึ่งถึงสามขวบ ซึ่งเป็นวัยที่เลี้ยงดูได้ง่ายกว่าเด็กทารก อย่างไรก็ตามไม่ว่าเนิร์สเซอรี่แห่งนั้นจะรับเด็กวัยทารก การจัดสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กและการเลือกของเล่นให้เหมาะสมกับเด็ก เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยกระตุ้น และส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการเรียนรู้ทางด้านประสาทสัมผัสได้ดี การจัดอาหารเสริมให้กับเด็กในแต่ละเดือนอย่างถูกหลักโภชนาการ รวมทั้งการดูแลเอาใจใส่ จากพยาบาลหรือผู้เลี้ยง จะทำให้คุณภาพของเนิร์สเซอรี่แห่งนั้น เป็นที่วางใจ ของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ที่ฝากลูกไว้ให้เลี้ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ถ้าต้องมาเครียดและห่วงเรื่องลูกอีกคงไม่มีใจทำงานแน่
อารยา ทวิชศรี
main |