นายแพทย์สินเงิน สุขสมปอง
เมื่อก่อนเราใช้ไม้เป็นวัสดุทำไม้บรรทัด แต่ปัจจุบันไม้บรรทัดกลายเป็นพลาสติกบรรทัดไปเกือบหมดแล้ว
ไม้บรรทัดที่ทำด้วยไม้จริงๆ จึงหาดูได้ยากขึ้นทุกวันแต่จะหา
"มนุษย์ไม้บรรทัด" หรือคนเจ้าระเบียบดูจะง่ายกว่า
คนที่มีบุคลิกภาพเจ้าระเบียบ (PERFECTIONIST)
หรือที่ผมให้ชื่อว่ามนุษย์ไม้บรรทัดนี้ พบว่าเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง และมักพบในลูกคนโตมากกว่าลูกคนรองๆ ลงไป เป็นเพราะว่า
พ่อแม่จำนวนมากยังมีค่านิยมที่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว เพราะลูกชายจะเป็นผู้สืบสกุล
ค่านิยมนี้เห็นได้ชัดจากวัฒนธรรมของชาวจีน
ที่มักให้ลูกชายคนแรกเป็นผู้นำครอบครัวในรุ่นถัดไป หรือให้หลานชายคนโตเป็นผู้รับบทบาทสำคัญในพิธีกรรมต่างๆ เช่น ในพิธีสวดกงเต้กจะให้หลานชายคนโตแต่งกายไว้ทุกข์แบบเดียวกับคนรุ่นลูก นอกจากนั้นชาวจีนแต่โบราณยังต้องการมีลูกแยกตามเพศอีกว่า
พ่อแม่คู่ใดที่มีลูกชาย 5 คน ลูกสาว 2 คน ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี
และเป็นยอดปรารถนา ครอบครัวใดมีแต่ลูกสาวโดยไม่มีลูกชาย
นับได้ว่าไม่มีบุญวาสนา ความลำเอียงนี้ก่อให้เกิดความคาดหวังของพ่อแม่ โดยแสดงออกในรูปของความเข้มงวดในการเลี้ยงดูต่อลูกชาย โดยเฉพาะลูกคนโตให้ต้องมีภาระและความรับผิดชอบมากเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นผลให้เพศชายและลูกคนโตมีความโน้มเอียง
ในการเกิดบุคลิกภาพแบบเจ้าระเบียบมากขึ้น
นอกจากนั้นพ่อแม่ที่เคยมีประสบการณ์ชีวิตที่ไม่สมหวังมาก่อน
เช่น เคยเรียนไม่ดีและรู้สีกอับอาย หรือเคยขาดโอกาสในการเล่าเรียน
อาจเป็นเพราะปัญหาครอบครัวหรือปัญหาทางเศรษฐกิจ จนรู้สึกว่าการขาดการศึกษาเป็นปมด้อยอย่างใหญ่หลวงในใจตน ก็เป็นสาเหตุให้พยายามอบรมเคี่ยวเข็ญลูกๆ โดยเฉพาะด้านการเรียนเพื่อชดเชยความไม่สมหวังของตนเองในอดีต
พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยวิธีเข้มงวดกวดขันมากจนเกินไป มักจะใช้การตำหนิบ่อยและวางกฎเกณฑ์มากๆ ให้ลูกปฏิบัติเพราะต้องการให้ลูกทำอย่างที่ใจตนเองต้องการ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เด็กเครียดบางครั้งเกิดความรู้สึกกลัว
ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น และไม่กล้าแสดงออกเมื่อเกิดความรู้สีกคับข้องใจ หากเด็กถูกกดดันมากเมื่อโตขึ้นอาจจะมีบุคลิกภาพแบบก้าวร้าว
สมยอม (PASSIVE AGGRESSIVE) หรือก้าวร้าวแบบเปิดเผย เพราะรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่รักและครอบครัวไม่อบอุ่น หากเด็กปรับตัวได้ตามควรจะมีบุคลิกภาพเป็นลักษณะเจ้าระเบียบ
คนบุคลิกเจ้าระเบียบจะมีลักษณะประจำดังต่อไปนี้
1. สนใจเรื่องต่างๆ ในรายละเอียดปลีกย่อยมาก มักดูแลความสะอาดเรียบร้อยของร่างกายและแครื่องแต่งตัวเป็นอย่างดี
ทรงผมหวีเรียบแปล้ ใบหน้าสะอาดสะอ้าน ผู้หญิงเจ้าระเบียบ
จะแต่งหน้าอย่างประณีตบรรจง เช่น ประดิดประดอยเขียนคิ้วทั้ง 2 ข้าง
ให้โค้งและมีขนาดเท่ากับเปี๊ยบ ไม่ชอบให้เครื่องแต่งกายมีรอยยับย่น ไม่ชอบให้รองเท้ามีรอยถลอก ผู้หญิงเจ้าระเบียบจึงมักใช้เวลาพิถีพิถัน
แต่งหน้าและแต่งตัวนานเป็นพิเศษ และมักหงุดหงิด
ที่เห็นคนอื่นแต่งกายไม่เรียบร้อย หรือขมวดคิ้วไม่พอใจ
หากเห็นคนรอบข้างไว้ทรงผมยุ่งกระเซิง
2. หมกมุ่นกับความรับผิดชอบมาก
มีความยุติธรรมและคุณธรรมดีเลิศ จะไม่ยอมผิดเวลานัด
รวมไปถึงคาดหวังให้ผู้อื่นรักษาเวลานัดหมายดีไปด้วย
ซึ่งมักจะผิดหวัง คนเจ้าระเบียบจึงทุ่มเทให้กับการทำงานมาก
จนขาดการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น
3. ใช้ชีวิตประจำวันซ้ำๆ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง
เช่น กินอาหารร้านประจำซ้ำๆ หรือขับรถเส้นทางเดิมๆ ไม่ค่อยยอมรับความคิดเห็นของคนอื่นหรือวิวัฒนาการใหม่ๆ และต้องการให้คนอื่นทำตามความคิดเห็นจองตนเองเสมอ
จึงมีลักษณะดื้อรั้น
4. ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจเพราะกลัวผิด
กลัวถูกตำหนิหรือผิดศีลธรรม
5. เครียดง่าย คนอยู่ใกล้ไม่รู้สึกอบอุ่น
และไม่ชอบการพักผ่อนหย่อนใจ เพราะฉะนั้นชีวิตส่วนตัว
จึงแห้งแล้งไม่ค่อยมีความสุข
สัมพันธภาพกับคนรอบๆ ตัวก็จะมีทั้งด้านดีและด้านด้อย
กับเจ้านาย เจ้านายจะชอบตรงการทุ่มเทให้กับการทำงาน
และความรับผิดชอบดีเยี่ยม แต่ไม่ชอบความดื้อรั้น
ไม่ค่อยโอนอ่อนผ่อนตามและไม่ประจบ (ตรงนี้เจ้านายเกลียดนัก)
กับเพื่อนๆ เพื่อนจะชอบที่หากรับปากช่วยทำอะไรแล้ว
จะไม่คืนคำบิดพลิ้วและไม่เอาเปรียบเพื่อน แต่เนื่องจาก
คนเจ้าระเบียบเป็นคนไม่ค่อยเฮฮาครึกครื้นจึงมีเพื่อนน้อย
กับลูกน้อง ลูกน้องจะชอบตรงที่มีความยุติธรรม
ไม่ลำเอียง แต่ไม่ชอบตรงที่เคร่งครัดกับกฎรเบียบมาก คอยจ้ำจี้จ้ำไชกับการงานแม้กระทั่งรายละเอียดจนลูกน้องอึดอัด
และมักให้คำตำหนิมากกว่าคำชม ทำให้ลูกน้อง
ซึ่งกำลังคอยเงี่ยหูฟังคำชมผลงานต้องหน้าหงายเสมอๆ เพราะเจ้านายช่างสรรหาข้อตำหนิจุดเล็กจุดน้อยมาจนได้
โดยรวมแล้วคนเจ้าระเบียบมักจะมีการงานที่มั่นคง
เพราะไม่ใช่คนเหลวไหล แต่มีความรับผิดชอบ ทุ่มเทให้กับงาน
ละเอียดถี่ถ้วน และรักษาระเบียบวินัยดี ปัญหาที่เกิด
จึงเป็นปัญหาการสังคมและสัมพันธภาพกับผู้อื่นมากกว่า
และที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดก็คือ บรรยากาศในครอบครัว
ของคนเจ้าระเบียบไม่ค่อยอบอุ่น ทั้งนี้เพราะคนประเภทนี้
จะทำอะไรก็ดูจริงจังไปหมด มีการตำหนิบ่อย ไม่ค่อยผ่อนคลาย
ไม่ค่อยอ่อนหวานโรแมนติก จึงมักทำให้คู่ชีวิตไม่แน่ใจว่า
อีกฝ่ายรักตนหรือไม่ยังจะหาความสุขได้จากไหน
หากใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วเกิดรู้สึกเหมือนกับว่า
กำลังอ่านนิสัยใจคอของตนเองอยู่ ก็อย่าได้รอช้าเลย จงเร่งปรับปรุงตัวเองโดยลดความเป็นมนุษย์ไม้บรรทัดลงเสียบ้าง และพยายามสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นให้มากขึ้น
ชีวิตจะมีความสุขกว่าเดิม
ที่สำคัญที่สุด อย่าลืมหันไปมองและให้ความสนใจกับคู่ชีวิต
ด้วยการเติมความโรแมนติคให้มากๆ และบ่อยๆ เช่น
พูดด้วยคำพูดหวานๆ มีการสัมผัสหยอกเย้าสบตาอย่างหวานซึ้ง และให้ของกำนัลที่มีความหมายในวันเกิด
วันวาเลนไทน์หรือวันครบรอบวันแต่งงานก่อนที่เขา
หรือหล่อนจะแห้งเฉาไปเสียก่อน
|