"เมอร์ลิน"
ไม่รู้คุณผู้อ่านจะงุนงง เหมือนเมอร์ลินเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนที่ประกาศว่ารักกัน ใจแทบขาด แต่สุดท้ายก็ไม่แคล้วหันมามีปากเสียงทะเลาะกันบ้างไหมล่ะ... ว่า มันเป็นหยั่งงี้ไปได้ยังไง
เพราะเรารักกันไม่ใช่หรือ? เราถึงได้มาอยู่ร่วมกัน
เพราะเรารักกันไม่ใช่หรือ? เราจึงปลีกตัวจากคนอื่นมาคลุกคลีอยู่กันเองเพียง 2 ต่อ 2
และเพราะเรารักกันไม่ใช่หรือ? เราถึงยอมให้กันและกันได้ทุกอย่าง ไม่มีลางที่จะส่อเค้ามาก่อนเลยว่า วันนี้เราต้องมาขัดอกขัดใจ ต้องมาขัดแย้ง และต้องมาทะเลาะกันด้วย... แปลกชะมัด คุณว่าไหม?
แต่จากประสบการณ์เฉพาะตัว ทำให้รู้ว่า เพราะเจ้าความรักตัวนี้นี่เอง ทำให้เราวางเฉยกับคนที่เรา "รู้สึกเป็นพิเศษ" ไม่ได้
ไม่ใช่จะจงเกลียด จงชัง หรือรักเขาน้อยลงก็หาไม่
เพราะสิ่งที่ผู้หญิงต้องการ ไม่มีอะไรมากไปกว่า "ความรัก" ไม่เหมือนคำจำกัดความ ของผู้ชาย ที่หาใหม่เปลี่ยนได้ หรือของเก่าเป็นสนิม ใหม่ๆ หน้าตาจุ๋มจิ๋ม ต่างกันสุดขั้ว... แต่เราก็ยังแอบ "รัก"
และในเมื่อชีวิตคู่มันต้องมี "ลิ้นกับฟัน" กระทบกระทั่งกันบ้างเป็นปรกติโลก เมอร์ลินก็อยากเตือนให้ทุกท่านทำใจไว้ว่า การประนีประนอม คือหนทางดีที่สุด ที่จะทะนุถนอมความรักไว้ อย่าไปใช้ "ความอดทน" นะน้อง
เพราะเมื่อไหร่ที่เราริใช้คำว่า อดทน กับการมีชีวิตร่วมกับใครสักคนแล้ว ระวังเหอะ สักวันหนึ่งคุณก็จะทนไม่ไหว อึดอัด และในที่สุดก็จะระเบิดอารมณ์เข้าใส่ เหมือนหยั่งกะว่าไม่เคยรักกันมาก่อนหยั่งงั้นไง
เขียนมาทั้งหมด เพราะรู้สึกว่า อาการทะเลาะกันในระหว่างคู่รักเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะโมงยามไหน รักมากก็ทะเลาะกันได้ รักน้อยก็ยังมีปากเสียงกันไม่เสร็จ จึงขอสรุปง่ายๆ ว่า เมื่อเราหลีกเลี่ยงการผิดใจกันไม่พ้น ทีนี้แล้วจะทำยังไงดีล่ะ เราถึงจะจบการวิวาทลง ที่ความเข้าใจ ก่อนจะร่ายยาวว่า คุณควรแก้ปัญหาที่ร้อนระอุขึ้นมาได้ไง ขอให้ตั้งจิตให้มั่นก่อนว่า คุณไม่ได้หวังที่จะทะเลาะเพื่อเลิกรากับเขาเลยจริงๆ เพราะขืนมีปากเสียงเพื่อจะเลิกกันแล้ว ก็ไม่เข้าใจว่า จะอยากทราบวิธีคืนดีกันทำไมอีก จริงไหมจ๊ะ
ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณอยากให้การวิวาทจบลงด้วยดี ชวนเขามารักกับคุณใหม่ หลังใส่อารมณ์กัน อย่างถึงพริกถึงขิงซึ่งบางทีอาจเป็นเรื่องมีสาระ หรืออีกทีอาจเอาเรื่องไม่มีสาระมาทะเลาะกัน- ทำไมก็บ่ฮู้
คุณต้อง...
0 ไม่ปิดประตูดังปัง ใส่หน้าเขาแล้วหายหัวไป
การอันตรธานหายไปสัก 3-4 ชั่วโมง หรือเป็นวันเป็นสัปดาห์อย่างที่คู่รักหน้าโง่บางคนคิดว่า
อาจทำให้กลับมาคืนดีกันได้ เพราะการคืนดี อาจต้องใช้เวลา มันก็จริงนะ
แต่ในฐานะที่พี่เมอร์ลินรู้รสชาติ แห่งความขัดแย้ง มาก่อน ขอบอกเลยว่า ทำแบบนี้ไม่เก๋ เลยค่ะ
การหายไปไม่ได้หมายความว่า ปัญหาที่มีอยู่จะหายตามไปด้วย
0 อย่าหนีเข้าห้องนอนทั้งที่ยังโกรธกันอยู่
ผู้หญิงเนี่ยะ เอะอะอะไร ก็ขอหนีเข้าไปนอนร้องไห้ กอดหมอนเอาไว้ก่อน ไม่รู้ว่า
รักหมอนหรือรักคนมากกว่ากัน แต่อย่างว่าแหละ พอปึงปังอะไรขึ้นมา หมอนคงเป็นอะไรที่ซื่อสัตย์ที่สุด
เพราะมันไม่มีชีวิตจะมาดุด่าว่าเรา เหมือนหนุ่มที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน อย่างหนุ่มใกล้ตัว ที่เรารู้จักนี่นา
ว่าแต่ หากคุณกำลังโกรธสุดขีดแล้วใช้วิธีหนีเข้าห้องนอน คุณคิดว่าจะนอนหลับไหม?
0 เวลาไม่พอใจอะไร ควรยับยั้งชั่งใจเสมอว่า เราน่าจะใจเย็นกว่านี้ และเป็นมิตรกับเขาทุกเมื่อ เพราะการมีคนมารัก ก็หมายถึงการมีเพื่อนนั่นแหละ ถามตัวเองว่า ถ้าคุณทะเลาะกับเพื่อน คุณจะโกรธไปได้นานแค่ไหน? วันนึง สองวัน หรือแค่ 2-3 ชั่วโมงก็หาย แล้วนี่โกรธกับใครอยู่ล่ะ คุณกำลังโกรธกับ "แฟน" เชียวนะ จะต้องให้เขาคลานมาขอโทษ แล้วคุณถึงจะหายโกรธ..ขนาดนั้นเลยหรือ
0 รับคำขอโทษ
การงอนอย่างมาราธอนไม่ช่วยให้ผู้หญิงเป็นวีรสตรีขึ้นมาได้หรอก แต่การรู้จักอภัยต่างหากที่แสดงว่า
ความรักของคุณยิ่งใหญ่เพียงไร นี่ถ้ามาถามเมอร์ลินว่า เคยทะเลาะกับแฟนไหม? จะตอบว่า ไม่ ดีกว่าค่ะ เพราะเรารักเขาใช่ไหม เราถึงให้อยู่ใกล้ แล้วยิ่งใกล้ เราก็ยิ่งต้องทำความรู้จัก และยอมรับกันมากขึ้น
เมื่อไหร่ที่พื้นฐาน "ความรัก" ไม่เปลี่ยน เมื่อนั้น "รักนี้" ย่อมนิรันดร์
แหม...รักของพี่นี่ไม่ค่อยหวานเลยเน้อ แค่ผึ้งชอบตอม ก็เท่านั้นเอง.
"เมอร์ลิน"
main |