มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/

[ คัดลอก จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2542 ]

สอนเพศศึกษาแก่เด็กจำเป็นไหม?


ในโลกปัจจุบัน เด็กๆ ต้องเผชิญกับข่าวสารต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องเพศกันไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นข่าวฉาวคาวโลกีย์ของบุคคลต่างๆ หรือแม้กระทั่งบทรักอันดูดดื่มที่ปรากฏในภาพยนตร์ และโทรทัศน์กันอย่างโจ๋งครึ่ม ซึ่งภาพและข่าวเหล่านี้ เหมือนเป็นการตอกยํ้าให้เด็กหันมาสนใจ เรื่องเพศสัมพันธ์กันเร็วกว่าวัยอันสมควร จนก่อให้เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจเกี่ยวกับเรื่อง เพศสัมพันธ์กันไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าจะเป็นการรุมโทรมข่มขืนเด็กหญิงการข่มขืนแล้วฆ่า หรือการทำแท้ง ทำให้หลายฝ่ายต้องหันกลับมาทบทวนถึงความสำคัญของการเรียนรู้ เรื่องเพศสัมพันธ์ว่า มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนเป็นผู้ปกครอง ควรหันมาให้ความรู้ เรื่องเพศศึกษาแก่ลูกกันให้มากขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เรื่องเพศศึกษา ให้แก่เด็ก เสียแต่เนิ่นๆจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายในอนาคตวันข้างหน้า

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับคำว่า เพศศึกษา เสียก่อนว่าคืออะไร ซึ่ง รศ.พญ.ชนิกา ตู้จินดา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเรื่องพฤติกรรมของเด็ก ตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึงวัยรุ่น บอกว่า ทุกวันนี้คนทั่วไปเข้าใจผิด คิดว่าเพศศึกษาคือเรื่องเพศสัมพันธ์ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เพศศึกษาคือการศึกษาบทบาทของตัวเองว่า ผู้หญิงควรเป็นอย่างไร ผู้ชายควรเป็นอย่างไร ตลอดจนการดูแลรักษาความสะอาดในเรือนร่างของแต่ละเพศ ว่าควรทำอย่างไร และการระมัดระวังป้องกันตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กผู้หญิง ซึ่งทุกวันนี้เด็กผู้หญิงถูกรังแกกันมาก คุณหมอชนิกาบอกว่า การจะพูดเรื่องเพศศึกษากับเด็กนั้น ในวัยเล็กๆ 8-9 ขวบ ก็ให้เริ่มจาก การอธิบายเรื่องการดูแลรักษาความสะอาดในเรือนร่าง สอนให้เด็กรู้จักป้องกันตัวเองจากคนแปลกหน้า แต่คงจะไม่ไปสอนเรื่องเพศสัมพันธ์ในเด็กวัยนี้ เพราะถือว่าไม่เหมาะ ต้องรอให้เด็กเป็นวัยรุ่นมากกว่านี้ และเมื่อเด็กโตเป็นวัยรุ่น เด็กก็จะค่อยๆ เรียนรู้ เรื่องเพศสัมพันธ์ไปเองว่าคืออะไร ซึ่งการจะพูด เรื่องเพศสัมพันธ์ให้เด็กรู้ ต้องดูตามความเหมาะสม ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ผู้ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นครู หรือผู้ปกครอง ก็คงจะพูดแค่ลักษณะของกายวิภาคว่า ในร่างกายเรามีอวัยวะอะไร และอวัยวะเพศเป็นอย่างไร เป็นการอธิบายที่อยู่ในกรอบแค่พอสมควร คงไม่เหมือนฝรั่งที่จะลึกซึ้งเรื่องเพศสัมพันธ์ เพราะบ้านเราถือว่าการอธิบายที่ลึกซึ้งเกินไป จะเป็นการไปกระตุ้นให้เด็กอยากรู้อยากเห็นเร็วขึ้น

ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ส.ส.หญิงซึ่งมีบทบาทในการต่อต้านการล่อลวงเด็กหญิงมาค้าประเวณี และมีประสบการณ์การเป็นแม่ของลูกชายวัยรุ่นถึง 2 คน เป็นผู้หนึ่งที่เห็นถึงความสำคัญ ในการให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาแก่ลูกของตัวเอง แต่ไม่ถึงขั้นไปยัดเยียดความรู้เรื่องเพศศึกษา ให้ลูกต้องรับรู้ว่าเป็นอย่างไร โดยคุณต้อยจะดูจากความสนใจของลูกเป็นหลัก ถ้าลูกไม่ได้มีความสนใจอยากรู้ คุณต้อยก็จะไม่พูดถึง ซึ่งคุณต้อยนั้นมีลูกผู้ชาย ก็จะพยายามปลูกฝังให้ลูกซึมซับถึงความเท่าเทียมกัน ระหว่างเพศชายกับเพศหญิง เพราะคุณต้อยเชื่อว่า หากเด็กได้รับการปลูกฝังที่ถูกต้อง ในเรื่องความเสมอภาคแล้ว การเหยียดหยาม หรือลบหลู่เพศหญิงก็จะน้อยลง ที่สำคัญคือ พ่อแม่ควรปลูกฝังเรื่องเพศศึกษา ให้ลูกเข้าใจอย่างถูกต้องว่า การมีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นสิ่งดี แต่ต้องมีวัฒนธรรม โดยเกิดจากความรักกันอย่างแท้จริง ไม่ใช่ไปฉุดกระชากลากถูลูกคนอื่นมาเพื่อมีเพศสัมพันธ์ ขณะเดียวกัน คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องพึงระวัง อย่าเอาวีดิโอโป๊ หรือหนังสือโป๊เข้าบ้าน และเวลานั่งดูโทรทัศน์กับลูก ถ้ามีบทเลิฟซีน ก็ควรจะเปลี่ยนช่องไม่ให้ลูกดู

คุณต้อยเล่าถึงวิธีการสอนเรื่องเพศสัมพันธ์ให้ลูกชายของตัวเองว่า ตนจะพยายามบอกลูกเสมอ ไม่ให้ไปจับมือเพื่อนหญิง หรือกอดจูบเขา ถ้าหากรักกันจริง ก็ขอให้เรียนรู้นิสัยกันไปก่อน ว่าจะไปด้วยกันได้ไหม เพราะถ้าหากผลีผลามมีเพศสัมพันธ์แล้ว ก็ต้องรับผิดชอบ และจะหาโอกาสถามลูกอยู่เสมอว่ามีแฟนหรือยัง ถ้ามีอย่าไปทำอะไรเขานะ อย่าอยู่กันสองต่อสอง ต้องเคารพเกียรติของเพื่อนหญิง ไม่เช่นนั้นเพื่อนหญิงของลูกจะถูกนินทาได้ เมื่อลูกซึมซับถึงการให้เกียรติเพื่อนหญิง ตนถึงค่อยๆ อธิบายให้ลูกรู้ว่า เรื่องเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งดี แต่ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง ซึ่งพ่อแม่ไม่ว่าจะทำงานอะไร คุณต้อยบอกว่า ขอให้ทุกคนหาโอกาส และสละเวลาเพื่อพูดคุยอบรมสั่งสอนลูก จะได้ไม่เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา

รุ่งทิพย์ อิศรางกูร ณ อยุธยา คุณแม่วัยเปรี้ยว ซึ่งมีลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนวัยเด็กเพียงคนเดียว เป็นผู้ปกครองคนหนึ่งที่ยอมรับว่า แม้ตัวเองจะดูเปรี้ยว และเป็นคุณแม่สมัยใหม่ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องเพศศึกษาแล้ว ยอมรับว่า ตัวเองยังเป็นคนไทยหัวโบราณ และยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณี ไม่ค่อยกล้าสอนเรื่องเพศศึกษาให้ลูก แต่ก็ได้พยายามเปิดกว้างในความคิด เนื่องจากมีสื่อต่างๆ ที่ถ่ายทอดให้เด็กได้ดู ได้เห็นเรื่องเพศสัมพันธ์กันอย่างโจ๋งครึ่ม คุณแต้วจะใช้วิธีการอธิบาย เรื่องเพศศึกษาให้ลูกเข้าใจ ด้วยการพาไปดูหนัง ถ้าในหนังมีบทรักให้เห็น ก็จะพยายามอธิบายให้ลูกเข้าใจว่า นี่เป็นธรรมชาติของหนุ่มสาว แต่ตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทยแล้ว ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว ถ้าลูกมีอะไรไม่เข้าใจก็ขอให้ปรึกษาพ่อกับแม่

คุณแต้วยังบอกถึงหัวอกคนเป็นแม่ที่มีลูกสาวด้วยว่า ตนค่อนข้างกังวล และกลุ้มกับเรื่องการเรียนรู้เพศศึกษาของลูกมาก กลัวว่าลูกจะฟุ้งซ่านกับสิ่งที่ผ่านตามา และไปจินตนาการเอาเอง ซึ่งตนก็พยายามอธิบาย แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรที่ลึกซึ้งมากไป เพราะกลัวจะเป็นการไปสนับสนุน และอยู่ดีๆ จะให้ไปนั่งพูดให้ลูกรู้ว่า เพศศึกษาเป็นอย่างไร ตัวเองคงไม่ทำ เพราะยังถือว่า เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาพูดกันอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งสมัยตัวเองเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ถือมาก และจะไม่พูดเรื่องพวกนี้ คุณแต้วจึงปล่อยให้สามี ซึ่งเป็นหมอและมีความใกล้ชิดกับลูก เป็นคนอธิบายในเชิงวิชาการ เพราะหมอย่อมอธิบายอะไรได้ลึกซึ้งกว่าตัวเองแน่.


[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600
1