น.พ.สมชาย จิตเป็นธรรม
นับตั้งแต่เรื่อง ยากินรักษาสภาพการไม่แข็งตัวของอวัยวะเพศชายได้ออกจำหน่าย และเป็นข่วครึกโครมกันทั่วโลกเป็นต้นมา ภาวะการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ได้กลายเป็นหัวข้อในการสนทนาของกลุ่มคนต่างๆ ในสังคมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในวงการแพทย์และในหมู่ประชาชนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ประเด็นต่าง ๆ ที่หยิบยกมาสนทนากันนั้น ส่วนใหญ่แล้วกลับอยู่บน พื้นฐานทางทัศนคติที่ผิด ๆ เกี่ยวกับเรื่องเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งหากสังคมมิได้ตระหนักและรีบช่วยกันแก้ไขแล้ว ในไม่ช้าปัญหาต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อศีลธรรมและจริยธรรมจะตามมามากมาย
"ปัญหาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ" กับ "โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ" นั้นเป็นเรื่องที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะมีบางส่วนที่คาบเกี่ยวกันอยู่ก็ตาม
สามีภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งผ่ายชายมีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ แต่ฝ่ายภรรยา ก็มีความเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี และทั้งคู่ก็มิได้อนาทรร้อนใจต่อปัญหดังกล่าว ทั้งคู่ยังมีความรักและความจริงใจต่อกัน และยังอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ฉันคู่ทุกข์คู่ยาก แม้มิได้มีกิจกรรมทางเพศร่วมกัน ในสังคมของเราเชื่อว่า คู่สามีภรรยาเช่นนี้ ก็มีอยู่ไม่น้อย
ปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ของฝ่ายสามีในกรณีนี้ จึงไม่นับเป็น "โรค"
ในอีกด้านหนึ่ง มีสามีภรรยาอีกคู่หนึ่งที่เคยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตามปกติ อย่างที่ควรจะเป็น มีลูก มีครอบครัวด้วยกัน ต่อมาฝ่ายสามีซึ่งอายุ 40 กว่า ๆ เกิดมีโรคความดันโลหิตสูงและมีความเครียด ซึ่งนำไปสู่ภาวะ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
จากเดิมที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาได้อย่างปกติ ก็ค่อย ๆ มีปัญหาขึ้นทีละน้อย เริ่มจากการที่อวัยวะเพศมีการแข็งตัวได้ไม่เต็มที่ เมื่อเกิดการแข็งตัวขึ้นก็มักจะ อ่อนตัวเร็ว สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เกิดความล้มเหลวของการมีเพศสัมพันธ์ บ่อยครั้งมากขึ้น
จนในที่สุด ก็เกิดความไม่มั่นใจที่จะมีเพศสัมพันธ์ พยายามหลีกเลี่ยงที่จะใกล้ชิด หรือสัมผัสภรรยา ฝ่ายภรรยาก็เริ่มจะเกิดความไม่เข้าใจ มีความระแวงว่า สามีคงจะไปมีความสัมพันธ์ทางเพศ กับหญิงอื่น
ครั้นเมื่อสอบถามถึงสาเหตุในยามที่สามีล้มเหลวในการเพศสัมพันธ์ด้วยกัน ฝ่ายสามีก็มักจะโกรธและกลับโทษว่าเป็นเพราะภรรยาไม่มีเสน่ห์เหมือนแต่ก่อน และนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งกัน เกิดมีปัญหาในครอบครัวตามมา
ในกรณีนี้ ปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศจึงนับเป็น "โรค" ที่ควรได้รับการรักษา และเป็น "โรค" ที่ไม่เพียงกระทบต่อตัวผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อภรรยาของเขา ครอบครัวของเขา งานของเขา และสังคมของเขา
การรักษาที่ถูกต้องจะต้องคำนึงถึงผลกระทบเหล่านี้ ในสังคมของเรากรณีเช่นนี้ เชื่อว่าก็มีพอสมควรเหมือนกัน เขาและเธอเหล่านี้ ควรอย่างยิ่ง ที่จะได้รับการรักษา อย่างถูกต้อง และด้วยความเห็นใจ
อย่างไรก็ตาม ผู้คน (ชาย) ส่วนใหญ่ที่พยายามแสวงหาการรักษาภาวะ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ให้กับตนเอง มิได้เป็นดังเช่นกรณีที่ยกตัวอย่างมานี้เลย แต่กลับเป็นเหล่าผู้ชาย ที่มีทัศนคติที่ผิด ๆ เกี่ยวกับสมรรถภาพทางเพศ
ดังจะเห็นได้จากโฆษณาชวนเชื่อของยาต่าง ๆ ทั้งจำพวกสมุนไพร และที่อ้างว่า มาจากต่างประเทศ ล้วนพากันอวดอ้างสรรพคุณในทำนองที่จะให้สามารถ เพิ่มพลังทางเพศได้ต่าง ๆ นาน และก็คงประสบความสำเร็จ ในด้านการขายพอสมควร เนื่องจากการตลาดของผู้ที่หมกหมุ่น และอยากลองมีอยู่มาก จึงพบเห็นโฆษณาดังกล่าว ออกมาใหม่อยู่เสมอ
รวมทั้งเหล่าผู้ชายที่มิได้แสวงหาทางบำบัดเพื่อที่จะมีเพศสัมพันธ์ กับภรรยา ของตนเอง แต่เพื่อที่จะมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาน้อย หรือหญิงอื่น ๆ รวมทั้งหญิงบริการ
พฤติกรรมของบรรดาชายที่มีทัศนคติที่ผิดเหล่านี้จึงเป็นไปในทางสำส่อนทางเพศ และกลายเป็นปัญหาสังคมดังที่พบเห็นกันอยู่ บรรดาชายจำนวนมากเหล่านี้ จะดิ้นรนลองยาหรือสมุนไพรต่าง ๆ ที่โฆษณาชวนเชื่อกันทั่วไปเพื่อสนอง พฤติกรรมสำส่อนของตนเอง ดีที่บรรดายหารือสมุนไพรต่าง ๆ นั้น ไม่ได้มีสรรพคุณ เป็นที่ประจักษ์ชัดเจน และไม่ได้เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์แผนปัจจุบัน การแพร่กระจายจึงไม่เป็นไปอย่างกว้างขวาง
แต่เมื่อมียาซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์และสามารถใช้กันอย่างง่ายดาย บรรดาผู้ที่มาขอรับการรักษาจึงเต็มไปด้วยผู้ที่มีความเชื่ออย่างผิด ๆ เต็มไปด้วยผู้ที่อยากจะขอลองยา เพราะคิดว่าจะสามารถเพิ่มพลังทางเพศแก่ตนได้ เต็มไปด้วยผู้ที่มุงหวังจะนำไปใช้เพื่อสนองพฤติกรรมสำส่อนทางเพศของตนเอง
การรักษาที่แพทย์หยิบยื่นให้กับบุคคลเหล่านี้ก็เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้มีพฤติกรรม สำส่อนทางเพศมากขึ้น และสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมทางเพศที่ผิดศีลธรรม
มือของแพทย์ที่หยิบยาให้คนไข้ไปนั้นจะเป็นมือที่เติมปัญหาให้กับสังคมหรือไม่ จะเป็นการเพิ่มการแพร่กระจายของโรคเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่ และในที่สุดจะเป็นองค์ประกอบของการก่ออาชญากรรมทางเพศหรือไม่
คำถามเหล่านี้ สมควรที่จะอยู่ในจิตใจของแพทย์ และตระหนักไว้ทุกครั้ง เมื่อให้การรักษาแก่คนไข้ของตน ซึ่งแพทย์จะต้องใช้วิจารณญาณ ในการรักษา ให้รอบคอบ เพื่อรักษาทั้งโรคและสังคม มิใช่มุ่งแต่แก้ปัญหาให้คนไข้ แต่สร้างปัญหาสังคมตามมา
ดังนั้นการรักษาปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ จึงควรมุ่งที่จะรักษาผู้ที่เป็น "โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ" อย่างแท้จริง นั่นคือ ต้องเป็นการรักษาที่นอกจากจะ ให้กับตัวคนไข้แล้ว ยังต้องคำนึงถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคดังกล่าว การรักษาเฉพาะตัวผู้ป่วยฝ่ายเดียวยังไม่อาจถือได้ว่าเพียงพอ แต่ต้องให้การรักษา ภรรยาของเขาด้วย เพื่อให้ทั้งคู่ได้มีความเข้าใจต่อปัญหาอย่างถูกต้องร่วมกัน
เมื่อทั้งคู่ได้บรรลุถึงความเข้าใจต่อปัญหาเป็นอย่างดีแล้ว จึงจะเป็นการรักษาที่สมบูรณ์ และมีคุณค่า แต่ปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญคือ สังคมของเรายังไม่ได้มองว่า โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศนี้ก็เป็นโรค ๆ หนึ่ง ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นกับใครก็ได้ และผู้ที่เป็นโรคนี้ก็สมควรได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง สมควรได้รับความเห็นใจ เหมือนกับการเป็นโรคอื่น ๆ และไม่จำเป็นต้องปิดบัง หรือไม่รับการรักษา อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ
สิ่งเหล่านี้คือทัศนคติเรื่อง โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศที่ถูกต้อง ที่สังคมเรายังไม่มี ซึ่งทั้งแพทย์ คนไข้ และสังคมต้องร่วมมือกันสร้างขึ้นมาเพื่อผลการรักษาที่ดีต่อไป
การรักษาโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่มีเพียงแต่แจกยา เพราะแนวทางการรักษาที่ควรยึดมั่นนั้น เป็นเพียงทางแคบ ๆ ที่อยู่บนขอบของกำแพง แม้ว่าจะยากไปบ้างแต่ทั้งแพทย์ คนไข้ และสังคมส่วนร่วมก็ควรมุ่งมั่นที่จะ รักษาแนวทางเดินเอาไว้
มิฉะนั้น หากเดินเฉไฉออกนอกทาง ก็จะตกจากกำแพงลงไปเกลือกกลั้วกับปัญหา ที่นอกจากจะผิดต่อศีลธรรม และจริยธรรมแล้ว ยังเป็นปัญหาที่สร้างความยุ่งเหยิง ให้กับสังคมของเราต่อไป
น.พ.สมชาย จิตเป็นธรรม
ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ
main |