รศ.บัญญัติ สุขศรีงาม
การดำรงชีวิตของมนุษย์นั้น ไม่เพียงแต่ต้องการปัจจัยพื้นฐานในด้านอาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรคและเครื่องนุ่งห่มเท่านั้น แต่ยังมีความต้องการสืบพันธุ์เพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์ ไว้เช่นเดียวกับสัตว์อื่น ๆ จะแตกต่างกันเพียงแต่ว่ามนุษย์มีประเพณี และวัฒนธรรม ที่เป็นเครื่องกำกับดูแล ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงถูกเรียกว่า สัตว์สังคม เพราะไม่สามารถที่จะ อยู่คนเดียวได้ ต้องอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นสังคมขึ้นมา
ในอดีตที่สังคมของไทยเป็นสังคมเกษตรกรรมนั้น ความสัมพันธ์ในด้านเพศสัมพันธุ์ จะเป็นเรื่องที่ต้องเก็บไว้เงียบ ๆ ไม่ต้องนำมาเผยแพร่ให้บุคคลอื่น ๆ ได้รับทราบ หรือการคบหาสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวก็จะเป็นไปด้วยความ เรียบร้อย ตามประเพณี ที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาครั้งบรรพบุรุษ แต่ในยุคปัจจุบันที่สังคมไทยเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมและยุคโลกาภิวัตน์นั้น เรื่องของเพศสัมพันธุ์กลายเป็นเรื่องที่เปิดเผยมากขึ้น ความสัมพันธ์แบบเลยเถิด ของหนุ่มสาวจึงมีมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนการสมรส ในอัตราที่สูงขึ้น และทำให้เกิดการลักลอบทำแท้งตามมา และนับวันจะมีปัญหาในเรื่องนี้ มากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นในวันนี้จึงขอนำเรื่องเพศสัมพันธุ์ของคนไทยมาเล่าสู่กันฟัง 2 เรื่องครับ
1. คนไทยกับเพศสัมพันธุ์
จากข้อมูลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้มีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ ของคนไทย ด้วยการสัมภาษณ์ประชาชนที่มีอายุระหว่าง 15-49 ปี จำนวน 2,800 คน เมื่อปี พ.ศ. 2538 พบว่า
2. ความล้มเหลวในเพศสัมพันธ์ของผู้ชาย
นายแพทย์ออมสิน บูลศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศได้ให้ข้อมูลว่า ชายไทยตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป จนถึงผู้สูงอายุประมาณ 15-20 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นผู้มีปัญหา ด้านสมรรถภาพทางเพศที่เรียกกันทั่วไปว่า เสพสมบ่มิสม ปัญหาที่พบมากได้แก่ อาการหลั่งเร็วหรือล่มปากอ่าว ซึ่งเกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น ต่อมลูกหมากอักเสบ การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง การมีเพศสัมพันธ์อย่างรีบเร่ง จนเป็นนิสัยตั้งแต่วัยหนุ่ม รวมทั้งการนิยมหลั่งภายนอกช่องคลอดในขณะมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ในฝ่ายหญิง เป็นต้น ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้มิใช่เรื่องร้ายแรง แต่อย่างใด สามารถแก้ไขได้ทั้งสิ้น แต่ที่ยังเป็นปัญหาอยู่ก็เนื่องจากผู้ชายส่วนใหญ่มักขี้อาย ไม่กล้าเปิดเผยให้แพทย์ได้ทราบ จึงมักไปหาซื้อยาตามโฆษณามาใช้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ในภายหลัง เช่น ขณะนี้มียาชนิดหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมมาก ได้แก่ ยาชา ที่มีทั้งประเภทครีมทา และฉีดพ่น (สเปรย์) โดยใช้ยาทาหรือฉีดพ่นบริเวณปลายองคชาตเพื่อทำให้เกิดอาการชา ในขณะมีเพศสัมพันธ์ จะได้ยืดเวลาการหลั่งให้ช้าออกไป ยาดังกล่าวนี้ถ้าใช้ต่อเนื่องนาน ๆ อาจเกิดอันตรายได้โดยเฉพาะการอักเสบขององคชาต เพราะเมื่อองคชาตอยู่ในภาวะ การชา จะทำให้ร่างกายไม่สามารถทราบได้เลยว่ามีการกระทบ หรือการเจ็บปวดเกิดขึ้น กับองคชาต ในขณะมีเพศสัมพันธ์ ถ้าเป็นดังกรณีนี้จะเป็นอันตรายต่อองคชาต อย่างมากทีเดียว
เป็นอย่างไรครับเรื่องราวเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ของคนไทย อย่างน้อยก็ทำให้ได้ทราบว่า เรื่องเพศสัมพันธ์เป็นปัญหาที่สำคัญหนึ่งของคนไทย แต่ปัญหาเหล่านี้ถูกปกปิดไว้ จึงไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควร เช่น การที่ชายมีเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรส กับหญิงบริการนั้น ถ้าหากขาดความระมัดระวังก็อาจจะติดเชื้อ หรือโรคจาก เพศสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ ซึ่งจากข้อมูลสถิติของผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทย จะมีการติดเชื้อมาจากเพศสัมพันธ์มากที่สุด นอกจากนี้ความล้มเหลวในเพศสัมพันธ์ของผู้ชายก็ก่อให้เกิดปัญหาอย่างมากเช่นกัน ดังนั้นการให้ความรู้เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน จะได้ช่วยลดปัญหาดังกล่าวลงด้วยครับ
รศ.บัญญัติ สุขศรีงาม
main |