คนสมถะ
นับปริมาณหน้าโฆษณาของบริษัทและห้างร้านต่างๆ
ในสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งลงประกาศรับสมัครพนักงานพบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
แต่ส่วนใหญ่เป็นการรับพนักงานฝ่ายการตลาดมากกว่าอย่างอื่น หากใครสนใจก็รีบสมัครกันเข้าไป ถึงยังไงก็ดีกว่าอยู่เปล่าๆ
ไปทดลองเขียนใบสมัคร ดูไม่เห็นเสียหายอะไร
ถ้าเกิดไม่ชอบใจในภายหลัง ก็ควรสมัครเผื่อไว้หลายๆ ที่
และหลายๆ แผนกของรูปแบบงาน จะได้ไว้ เลือกกันอีกที
นี่ก็เขียนอย่างกับว่า สภาพเศรษฐกิจดีจนมีทางเลือกมากมายแล้วงั้นแหละ
แต่ความจริงที่เหนืออื่นใดก็คือ หากขยันหางาน
ฟ้าดินก็จะเห็นใจให้คุณได้งานทำเอง
ปลอบใจคล้ายหนังจีนกำลังภายในมากไปไหมเนี่ย
โอ๋
ผู้ไม่มีงานทำแล้ว ก็ถึงเวลาหันไปเอาใจคนตกงาน
เพราะถูกเลิกจ้าง หรือบริษัทปิดกิจการกันบ้าง
ใน How to Heal Your Job-Loss Wounds
หรือทำอย่างไรถึงจะเยียวยารักษาแผล อันเนื่องมาจากการตกงาน
ทำให้ทราบว่า ไม่ได้มีแต่เฉพาะคนในบ้านเราเท่านั้น
ที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการถูกเลิกจ้าง เพราะเมืองนอกเมืองนา ก็มีกรณีเช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นเหมือนกันแต่การตกงานในประเทศที่เจริญแล้ว กับสภาพของคนตกงานในประเทศที่กำลังพัฒนาต่างกันนะท่าน
ตรงไหนน่ะหรือ? ก็ได้แก่
1. สวัสดิการสังคมของรัฐ จะให้ความช่วยเหลือผู้ตกงาน
ให้พอมีชีวิตอยู่ได้จนกว่าจะได้งานใหม่ และ
2. จะมีหน่วยแนะนำงานให้แก่คนจนตรอก หางานทำเองไม่ได้
จนหาได้ในที่สุด แต่ต้องไม่ใช่คนเลือกงานมากนักนะ สุดท้าย
3. โอกาสในการแสวงหางานทำจะมีมากกว่า
เพราะสถานที่หลายแห่งไม่ได้เข้มงวดในการรับคนเข้าทำงาน
ถึงขนาดต้องมีการจำกัดหรือระบุว่า ต้องไม่อายุเกินเท่านั้นเท่านี้
หรือกะเกณฑ์คุณวุฒิให้วุ่นวาย
แผลใจที่เกิดจากการสูญเสียงานจึงพอรักษาได้
และจะหายไวยิ่งขึ้นหาก...
- สมาชิกในครอบครัว หรือเพื่อนฝูงควรช่วยกันเชียร์อัพ
ให้คุณพ้นจากความรู้สึกช็อกหรืออับอายที่ต้องตกงาน
โดยไม่ไปซ้ำเติมหรือพูดถึงเรื่องทำนองนี้บ่อยเกินไป
- ถ้าผู้เคราะห์ร้ายยังเสียขวัญ อย่าเร่งให้เขารีบหางานทำ
เพื่อเป็นการแก้มือเร็วนัก เนื่องจากจะเพิ่มความเครียดให้เขามากขึ้น
- ในชั่ววูบหนึ่งของคนตกงาน ย่อมรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าอยู่แล้ว คนใกล้ชิดควรประคับประคองจิตใจของเขาเอาไว้ พยายามย้ำว่า
เขายังมีค่าต่อครอบครัวเข้าไว้
- เป็นกำลังใจให้เขาได้เริ่มงานใหม่ ชนิดที่ไม่ต้องหวังให้มากว่าจะเป็นงานอะไร
มีเพียงความรักเท่านั้นที่จะช่วยให้ทุกคนผ่านพ้นอุปสรรค
เพิ่งรู้ว่ามีหวานใจก็ดีอย่างนี้เอง...
|