มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/
เมื่อลูกท้องเสีย คุณพ่อคุณแม่ควรทำอย่างไร
นายแพทย์อภิชัย ตันติเวสส
ยามลูกมีอาการท้องเสีย คุณพ่อคุณแม่หลายคนจะมีความวิตกกังวลและตกใจมาก เพราะบางครั้งลูกอาจถ่ายอุจจาระมากจนดูน่ากลัว อาจเคยมีผู้ใหญ่เคยบอกว่า การที่เด็กมีอาการท้องเสียนั้นมันอันตราย จะต้องพาไปรักษาที่โรงพยาบาล, ลูกของคนโน้น คนนั้นป่วยหนักไปหลายวัน ฯลฯ คุณพ่อคุณแม่ก็จะยิ่งตกใจใหญ่
อย่าเพิ่งตกใจมากครับ สมัยนี้มีอะไรหลายอย่างที่คุณพ่อคุณแม่จะทำให้ลูกได้ และอาจทำให้ลูกหายได้โดยไม่ต้องถึงขั้นเข้ารักษาในโรงพยาบาลก็เป็นได้
ผมอยากจะกล่าวถึงสิ่งที่ทางการแพทย์ค้นพบ ซึ่งสามารถช่วยชีวิตเด็กนับล้าน ในประเทศด้อยพัฒนาครับ สิ่งนั้นคือ น้ำเกลือแร่ ซึ่งสามารถให้ได้ทางปาก และได้ผลดีเกือบเทียบเท่าการให้น้ำเกลือ ทางเส้นเลือดทีเดียว
องค์การอานามัยโลกได้ใช้สารละลายเกลือแร่ในขนาดที่เหมาะสม ในการรักษาโรคท้องเสียทั่วโลก มาเป็นเวลา ไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปีแล้วครับ เป็นสารละลายที่ผลิตได้ง่ายมาก สามารถผสมขึ้นเองในบ้านได้ และใช้ง่ายจนไม่น่าเชื่อ นับว่าเป็นสิ่งค้นพบที่มีผลต่อวงการแพทย์มากที่สุดอย่างหนึ่งทีเดียว
เอาละครับ เข้าเรื่องกันเสียที
สาเหตุของการเกิดอาการท้องเสียนั้นมีหลายอย่าง แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถือหลักปฏิบัติ ได้ตามนี้ทุกกรณีครับ
- สิ่งแรกที่จะต้องทำคือ งดการให้นมวัว โดยเด็ดขาดครับ ทั้งนี้เป็นเพราะ ขณะที่ลูกมีอาการท้องเสียนั้น ลำไส้มีอาการอักเสบอยู่ ไม่สามารถผลิตน้ำย่อย ที่จะสามารถย่อยนมวัวได้ แม้จะให้นมเจือจางแล้ว ก็ตาม ยิ่งให้ไป ลูกก็จะยิ่งถ่ายมากขึ้น
คุณพ่อคุณแม่อาจห่วงว่า ลูกจะขาดอาหาร ซึ่งมันก็เป็นจริงอยู่บ้างครับ แต่มันก็เป็นเพียง ระยะสั้นไม่กี่วันเอง เราต้องยอมเสียสละบางอย่าง เพื่อให้ลูกพ้นสภาวะนี้ไปก่อน ไว้ไปชดเชยเอาภายหลังก็ได้
- ผสมผงเกลือแร่ให้ลูกดื่มไปเรื่อยๆ ส่วนมากแล้ว สูตรสำเร็จที่มีขายอยู่นั้น จะกำหนดให้ ผสมผงเกลือแร่ 1 ซองต่อน้ำ 8 ออนซ์ (ขวดนมใหญ่ 1 ขวด) คุณพ่อคุณแม่สามารถ ให้ลูกดื่มไปได้เรื่อยๆเท่าที่ลูกต้องการ อาการท้องเสียนั้นอาจไม่หายทันที แต่การให้น้ำเกลือแร่นั้นจะช่วยไว้ไม่ให้ลูกเข้าสู่สภาวะร่างกายขาดน้ำ ซึ่งสำคัญมาก
มักจะเห็นว่าอาการท้องเสียนั้นจะค่อยๆดีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง โดยจะเห็นว่า การถ่ายอุจจาระนั้นจะถ่ายห่างขึ้นและปริมาณแต่ละครั้งจะน้อยลงไป
- หากลูกมีไข้ คุณพ่อคุณแม่ก็ควรให้ยาลดไข้ในขนาดที่พอเหมาะ หากไข้สูงมากก็อาจใช้วิธี เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น เป็นการช่วยด้วยก็ดีครับ จะทำให้เหงื่อเด็กออก เป็นการช่วยนำพา เอาความร้อนออกมาด้วย จะทำให้ไข้ลดลงได้อีกทางหนึ่ง กรุณาอย่าใช้น้ำเย็นครับ เนื่องจากจะทำให้ เกิดความแตกต่างของอุณหภูมิมากเกินไป ลูกจะหนาวสั่น และรู้สึกไม่สบายเอาเลย นอกจากนั้นแล้ว ความเย็นไม่สามารถมดูดความร้อนได้ อย่างที่หลายคนเข้าใจ กลับจะทำให้ร่างกาย หยุดถ่ายเทความร้อนออกเสียอีก เนื่องจากความเย็นจะทำให้เส้นเลือดที่ผิวหนังหดตัว (เอาไว้คราวหน้า ผมจะอธิบายกลไกให้ฟัง)
- เมื่อลูกเริ่มถ่ายอุจจาระน้อยลงแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถทำขั้นต่อไปได้ คือ เริ่มให้อาหารเหลว เช่น น้ำซุปใส, น้ำข้าวที่ผสมเกลือ (นิดเดียว), ให้ครั้งละน้อยๆแต่บ่อย ดีกว่าที่จะให้ครั้งละมากๆ
- เมื่อลูกรับอาหารเหลวได้ดีแล้ว คุณพ่อคุณแม่อาจลองไห้อาหารอ่อนได้ เช่น ข้าวบดกับเกลือ (เกลือนิดเดียวนะครับ), ข้าวบดกับน้ำแกงจืด, ข้าวต้มใส่หมูหยองหรือไข่เค็ม (เด็กมักจะชอบครับ)
- มาถึงตอนนี้ ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เราก็สามารถให้ลูกดื่มนมได้แล้วครับ แต่มีข้อแม้ว่า จะต้องเป็นนมที่มีไว้สำหรับเด็กที่ท้องเสียโดยเฉพาะ ลูกจะยังไม่สามารถดื่มนมที่เดิมเคยดื่มได้ครับ เพราะลำไส้ยังไม่ฟื้น
นมสำหรับเด็กท้องเสีย จะเป็นนมที่มีการดัดแปลงเอาสารที่เด็กท้องเสีย ไม่สามารถย่อยได้ออกไป ( O-Lac, Pregestimil) หรือเป็นนมที่ทำจากถั่วเหลือง (ProSoBee, Isomil)
ในช่วงแรกนั้น คุณพ่อคุณแม่ ควรชงนมให้จางครึ่งหนึ่งของที่แนะนำไว้ข้างกระป๋อง และให้ครั้งละน้อยๆก่อน เมื่อเห็นว่าลูกรับได้โดยไม่มีปัญหาก็สามารถชงให้เข้มข้นได้ตามมาตรฐาน และค่อยๆเพิ่มปริมาณได้
ลูกยังควรรับนมนี้ไปจนกว่าจะหายจากการท้องเสียโดยสนิทครับ ทั้งนี้เนื่องจากว่าลำไส้ยังคงไม่ฟื้นทีเดียว ต้องใช้เวลาสักนิดกว่าจะกลับมาสมบูรณ์เต็มที่
- ในรายที่อาการไม่ดีขึ้นภายใน 24 ชม นั้น ควรจะพาไปพบแพทย์ครับ เพราะอาจท้องเสียจากการติดเชื้อในลำไส้ ซึ่งการรักษานั้นจำจะต้องใช้ยาที่เหมาะสม
กรณีนี้ ผมเห็นว่า การตรวจอุจจาระมีความสำคัญมากทีเดียว เนื่องจากแทบจะเป็นวิธีเดียว ที่จะบอกได้ว่าอาการท้องเสียนั้น น่าจะเกิดจากเชื้ออะไร และควรจะใช้ยาอะไรในการรักษา (บอกไม่ได้ดีเท่าการเพาะเชื้อครับ แต่ทราบผลตรวจได้ในเวลาสั้น และบอกข้อมูลได้มากพอ)
- ผมอยากกล่าวถึงยาซึ่งออกจะเป็นยายอดนิยมในรายท้องเสียสักหน่อยครับ
ยาพวกนี้ได้แก่ยาที่รับประทานแล้วทำให้หยุดถ่าย
ยาจะไปทำให้ลำไส้หยุดบีบตัว จะทำให้ไม่ปวดท้อง ไม่ถ่าย ชั่วขณะที่ยามีฤทธิ์อยู่
แต่ยานี้ไม่ได้ทำให้โรคที่เป็นอยู่ หายเลยแม้แต่นิด เรายังคงเป็นอยู่อย่างเดิม
เมื่อไรยาหมดฤทธิ์ เราก็จะถ่ายอีก
นับว่ามีอันตรายพอควรครับ เพราะความจริง ร่างกายเราจำเป็นที่จะต้องขับอะไรต่ออะไรออกมา มิฉะนั้นอาจเป็นพิษต่อร่างกาย หากมีเชื้อโรคในลำไส้อยู่ เชื้อโรคก็จะกัดกินลำไส้ตามใจชอบ นับเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
นอกจากนี้แล้ว ยาจำพวกนี้ จะเป็นยาที่แปลงมาจากทิงเจอร์ฝิ่น ซึ่งหากได้รับเกินขนาดแล้ว จะมีอันตรายมากทีเดียว
โดยความเห็นส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่า ยาจำพวกนี้แทบไม่มีข้อบ่งชี้ ที่จะใช้กับเด็กท้องเสียเลย
สูตรผสมน้ำเกลือแร่ในครัวเรือน
คุณพ่อคุณแม่สามารถผสมน้ำเกลือแร่ขึ้นเองในบ้าน โดยใช้ส่วนผสมง่ายๆดังนี้ครับ
- น้ำต้มสุก 750 มล (1 ขวดน้ำปลา)
- เกลือแกง ครึ่งช้อนชา
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
จะเห็นได้ว่า ทำง่ายจริงๆครับ ทุกครัวเรือนสามารถผสมใช้เองได้
สูตรลับ ใช้เมื่อลูกไม่ยอมรับน้ำเกลือแร่
เด็กบางคนไม่ยอมรับน้ำเกลือแร่เอาเลย สูตรลับที่พอจะใช้ได้มีดังนี้ครับ
- ใช้น้ำอัดลม (ผมชอบใช้ โคคาโคล่า หรือ สไปรต์) ใส่เกลือนิดหนึ่ง (นิดเดียวนะ) จะให้ดีควรเอาช้อนคนให้ฟองออกไปเสียก่อน (และไม่ควรแช่เย็น)
คุณพ่อคุณแม่จะเห็นได้ว่า การที่ลูกมีอาการท้องเสียนั้น ไม่จำเป็นต้องตกใจมากอีกต่อไป เพียงเรามีหลักการปฏิบัติง่ายๆบางประการ เราก็อาจรักษาลูกให้หายเองได้
ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพดีครับ
นายแพทย์อภิชัย ตันติเวสส
กุมารแพทย์ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์
[ BACK TO LIST]
มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]
Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600