นพ.ชุมศักดิ์ พฤกษาพงษ์
ความล้มเหลวทางเพศของผู้ชายอาจแบ่งออกได้เป็น 3 เรื่องใหญ่ ๆ คือ
ข้อเท็จจริงมีว่า ผู้ชายทุกคนทั่วโลกจะต้องเคยผ่านประสบการณ์การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ในระยะหนึ่งระยะใดของชีวิต ทั้งนี้เพราะว่า ภาวะนี้เกิดได้ง่ายที่สุด เวลามีความเครียดในอารมณ์ การเกิดความระหองระแหงในครอบครัว หรือการขาดความเชื่อมั่นในตนเอง
อายุที่มากขึ้น ก็นับเป็นปัจจัยนำสู่การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้
สรีรวิทยาของเพศสัมพันธ์
มนุษย์คงเป็นสัตว์ประเภทเดียว ที่มีเพศสัมพันธ์เพื่อความมันในอารมณ์ นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ เพื่อการสืบพันธุ์เหมือนสัตว์อื่น ๆ คนเราจึงไม่มีขีดจำกัด หรือฤดูแห่งการร่วมเพศเหมือนของสัตว์
เพศสัมพันธ์ตามปกติ จะเกิดขึ้นได้ลำอวัยวะเพศชาย (PENIS) จะต้องแข็งตัวพอ จึงจะสอดเข้าไป ในช่องอวัยวะเพศของฝ่ายหญิงได้
แต่การแข็งตัวของลำอวัยวะเพศ จะเกิดขึ้นได้ต้องมีบางสิ่งบางอย่างมากระตุ้นให้เกิดอารมณ์ ตื่นเต้นทางเพศ (SEXUAL AROUSAL) ในจิตใจ หรือในสมองของฝ่ายชาย เช่น ภาพภรรยา หรือหญิงคู่ขาที่นอนอยู่ข้าง ๆ สัญญาณเซ็กซี่อย่างนี้ จะถูกส่งมาจากสมอง เพื่อกระตุ้นให้เกิด การหลั่งของสารเคมีชนิดหนึ่ง ที่ลำอวัยวะเพศชาย ชื่อสารไซคลิก จีเอ็มพี (CYCLIC GMP)
สารนี้จะทำให้กล้ามเนื้อคล้ายฟองน้ำ ภายในลำอวัยวะเพศ 3 แท่งหย่อนตัว ในขณะที่เส้นเลือดแดงขยายตัว เพื่อส่งเลือดเข้าไปตามช่องว่างที่อยู่ในกล้ามเนื้อ ทำให้ลำอวัยวะเพศเริ่มแข็งตัว และจะแข็งอย่างเต็มที่ เมื่อเส้นเลือดดำที่ปกติ จะระบายเลือดออกกลับปิดลงชั่วคราว ทำให้เลือดเข้าสู่ลำอวัยวะเพศได้แต่ออกไม่ได้
เมื่อลำอวัยวะเพศของฝ่ายชายแข็งตัวแล้ว ต่อจากนี้เพศสัมพันธ์จะดำเนินไปโดยการเสียดสี สัมผัสระหว่างหัวอวัยวะเพศชายกับผนังช่องคลอด ซึ่งล้วนอุดมไปด้วยปลายประสาทรับรู้ความรู้สึก ทั้งหลาย จนในที่สุดกล้ามเนื้อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจะช่วยกันบีบตัว เพื่อพ่นน้ำอสุจิออกจาก อวัยวะเพศชาย เรียกว่า การหลั่งน้ำอสุจิ (EJACULATION) อันเป็นการบรรลุจุดสุดยอดของฝ่ายชาย (CLIMAX)
เมื่อทราบสรีระวิทยาของการเกิดอารมณ์ทางเพศแล้ว ก็คงไม่แปลกใจที่หลายต่อหลายครั้ง คนเรากลายเป็นมะเขือเผาหรือนกเขาไม่ขันได้ เพราะลำอวัยวะเพศไม่ยอมทำงาน (แข็งตัว) ในเมื่อระบบนี้อาศัยแรงกระตุ้นจากจิตใจและสมองต้องสั่งการ การที่สังคมสร้างแรงบีบคั้น ให้ชายหญิงต้องประสบความสำเร็จทางเพศสัมพันธ์นี้เอง ที่ทำให้ความล้มเหลวทางเพศเกิดขึ้นได้ง่าย เนื่องจากลำพังแค่กลัวล้มเหลวก็เป็นสาเหตุเพียงพอที่ทำให้ล้มเหลวเอาจริง ๆ แล้ว
ยกตัวอย่างเช่น คำพูดเชิงดูหมิ่นเหยียดหยามจากฝ่ายหญิงที่ต่อว่าผู้ชายซึ่ง ๆหน้าเวลาเขาให้ ความสุขเธอไม่ได้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นนำไปสู่การเสื่อมสมรรถภาพจริง ๆ ในเวลาต่อมา ผู้ชายบางคนสูญเสียความมั่นใจในตนเอง เนื่องจากสาเหตุจากที่ทำงาน หรือการทะเลาะเบาะแว้งกับภริยา แล้วความรู้สึกสั่งสมจนทำให้สมรรถภาพทางเพศเสียไป
สาเหตุทางกายอื่น ๆ ก็มีอาทิเช่น
คนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน ไข้หวัดอาจนำไปสู่ การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ ทั้งชั่วคราวและถาวร ตามแต่พยาธิสภาพของโรค
- เคล็ดลับสำคัญคือ ทำอย่างไรให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวในยามที่ต้องการ และนี่เองจึงนำไปสู่วิธีบำบัดสารพัด ทั้งที่ถูกต้องตามหลักการแพทย์และที่ทำเพื่อหลอกลวงไปวัน ๆ
การศึกษาที่สหรัฐอเมริกาพบว่า ผู้ชายอเมริกันอายุ 40 ปีขึ้นไป จะประสบปัญหาการไม่แข็งตัว ของอวัยวะเพศ ไม่มากก็น้อยถึง 40% ส่วนในผู้ชายไทยก็มีผู้ศึกษาไว้ว่าคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป มีอัตราการไม่แข็งตัวของอวัยวะเพศสูงถึง 50% จึงเห็นได้ว่า นี่เป็นปัญหาสำคัญในชีวิต ของผู้ชายวัยกลางคน ซึ่งนำไปสู่การแสวงหาวิธีการต่าง ๆ ที่จะเรียกความเป็นชายกลับคืนมา
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏข่าวสำคัญในวารสารแพทย์นิวอิงแลนด์ (1998:388:1397-1404 และ 1458-1459) ที่พบว่า ยาเม็ดซิลเดนาฟิล (SILDENAFIL) ช่วยบำบัดการไม่แข็งตัว ของวัยวะเพศชาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หมอเออร์วิน โกลสตีน แห่งศูนย์แพทย์มหาวิทยาลัยบอสตัน เป็นแกนนำในการชักชวนนักวิจัย จากศูนย์แพทย์หลายแห่งให้ร่วมงานวิจัยยาขนานนี้ โดยในระยะแรก พวกเขาได้ผู้ชาย 532 คนมาทดลองใช้ยาซิลเดนาฟิลขนาด 25, 50 และ 100 มิลลิกรัม เป็นเวลา 24 สัปดาห์ โดยกลุ่มหนึ่งจะได้รับยา ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งได้ยาหลอก (PLACEBO) และในระยะที่สอง ให้ผู้ชาย 225 คน รับประทานยาต่อไปอีก 32 สัปดาห์ โดยทุกรายได้รับประทานยาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนกำหนดการมีกิจกรรมทางเพศ โดยมีเงื่อนไขไม่ให้เกินวันละครั้ง
การทดลองจะมีการเก็บข้อมูลจากแบบสอบถาม บันทึกที่ ผู้ชายที่ร่วมโครงการเก็บรักษาไว้ที่บ้าน ตลอดจนคำถามที่เกี่ยวกับประสิทธิผลของยา โดยคณะผู้วิจัยพยายามให้ทุกอย่าง เป็นไปตามธรรมชาติที่สุด
ผลปรากฏว่าใน 4 สัปดาห์สุดท้ายของการทดลอง ร้อยละ 69 ของผู้ได้รับยาประสบความสำเร็จ อย่างดงาม ในการมีเพศสัมพันธ์ในขณะที่ผู้ที่ได้รับยาหลอกประสบความสำเร็จเพียง 22% และ โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ที่ได้ยาซิลเดนาฟิล ประสบความสำเร็จในการมีเพศสัมพันธ์เดือนละ 5.9 ครั้ง ในขณะที่ผู้ได้ยาหลอกสำเร็จเพียง 1.5 ครั้ง
ยาขนานนี้มีฤทธิ์ข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์คือ ปวดศีรษะ, ใบหน้าร้อนผ่าวและท้องอืด ท้องเฟ้อ แต่โดยภาพรวมแล้วผู้ชายที่ร่วมการทดลองสามารถทนต่อยาได้ดี
กุญแจสำคัญของการใช้ยาขนานนี้ให้ประสบความสำเร็จคือ จะต้องมีการกระตุ้นทางเพศร่วมด้วย ไม่ใช่กินยาแล้วหวังให้ยาทำงานทุกอย่างได้ ส่วนที่ว่า ยาจะช่วยผู้ชายที่นกเขาไม่ขันทั่วโลก ได้มากน้อยแค่ไหน คงต้องเฝ้าดูต่อไป
เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2541 องค์กรอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FAD) อนุมัติให้บริษัทผู้ผลิต ยาเม็ดยาซิลเดนาฟิล คือ บริษัทไฟเซอร์จัดจำหน่ายยาได้ โดยต้องมีใบสั่งจากแพทย์ โดยมีชื่อทางการค้าว่า "ไวอากรา" (VIAGRA)
กลไกการออกฤทธิ์ของยาไวอากรา
ขอให้ท่านผู้อ่านย้อนกลับไปดูสรีรวิทยาของเพศสัมพันธ์ที่กล่าวไว้ตอนต้นอีกครั้งว่า อวัยวะเพศชายแข็งตัวได้อย่างไร แล้วมาพิจารณาผู้ชายที่มีปัญหานกเขาไม่ขัน ซึ่งจะเห็นว่ากล้ามเนื้อคล้ายฟองน้ำที่ว่าเวลามีสัญญาณกระตุ้นทางเพศส่งมาจากสมองแล้ว มันขยายตัวไม่มากพอที่จะอุดเส้นเลือดดำไม่ได้ปล่อยเลือดออก สืบเนื่องจากการมีสารเคมี ไซคลิกจีเอ็มพีน้อยไป ทำให้เลือดที่ไหลเข้ามาในลำอวัยวะเพศไหลกลับออกไปเร็วพอ ๆ กับไหลเข้า นกเขาก็เลยเหี่ยว
ไวอากราจะเข้ามามีบทบาท ช่วยทำให้สารเคมีไซคลิกจีเอ็มพีที่ว่ามีเหลืออยู่น้อยนั้นได้ส่งผลนาน ๆ โดยสกัดกั้นเอนไซม์ที่จะทำลายไซคลิกจีเอ็มพีนั่นแหละ ดังนั้นแม้มีน้อยก็เหมือนมีมาก ลำอวัยวะเพศก็เลยยอมแข็งตัวจนเจ้าตัวเสร็จกิจได้ในที่สุด
แต่อย่าลืมว่า ในการทดลองนั้นมีผู้ชายเพียง 60-70% ที่นกเขาไม่ขันได้หลังจากที่หยุดขันไปนาน แสดงว่าจะมีคนราว 30-40% ที่อาจเสียเงินฟรีเพราะกินยาแล้วนกเขายังเหี่ยวอยู่ดี
ก่อนหน้าไวอากรานั้น มีบริษัทยาหลายบริษัทต่างวิจัยและพัฒนายาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศด้วย ผลสำเร็จต่าง ๆ กันไป เช่นหลักการใช้ปั๊มสุญญากาศ, การฉีดยาเข้าไปตรงฐานลำอวัยวะเพศชาย, การสอดใส่ยาเข้าไปในรูท่อปัสสาวะ เพื่อให้ยาออกฤทธิ์กระตุ้นให้แข็งตัว ซึ่งจะเห็นว่า ความสะดวกในการใช้ยังไม่ดีมาก ไวอากราจึงเป็นยาขนานแรกที่ใช้รับประทานเพื่อวัตถุประสงค์นี้
ความรู้ที่ว่ามียาเม็ดรับประทานง่าย ๆ แล้ว อีก 20-40 นาทีต่อมานกเขาจะเริ่มขัน หลังการกระตุ้น ทางเพศอีกเล็กน้อย ทำให้ผู้ชายอเมริกันประมาณ 18 ล้านคน ที่นกเขาไม่ค่อยยอมขัน เกิดความตื่นเต้นดีใจสุดขีด รวมทั้งผู้ชายที่เป็นปกติดีอยู่ แต่อยากรู้อยากเห็นอยากลองดูว่า ยานี้จะทำให้เขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นอีกหรือไม่ และเชื่อว่าคงมีอีกหลายล้านคนที่ยอมควักกระเป๋า 8-12 เหรียญสหรัฐ เพื่อซื้อยามาลองดูสัก 1 เม็ด เพราะได้ข่าวว่าเป็นยาที่ปลอดภัยพอควร
หมออเมริกันบางคนหารายได้พิเศษ จากกระแสการคลั่งยาไวอากรา สืบเนื่องจากการที่ อย.สหรัฐ กำหนดว่าจะจ่ายยานี้ได้ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ หมอเดวิด ไมเคิล โทมาส ที่เมืองมิลวอคกี้ รัฐวิสคอนซิน ก็เลยโฆษณาตัวเองผ่านอินเตอร์เนท โดยมีการซักประวัติตรวจร่างกาย ทางอินเตอร์เนทพร้อมเก็บเงิน 50 เหรียญในการตรวจและสั่งยาไวอากราให้ เพียงไม่กี่วันแกก็ได้เงินไปมาก เพราะมีลูกค้าติดต่อแก ผ่านอินเตอร์เนทถึง 700 ราย ร้อนถึงแพทยสมาคมของรัฐวิสคอนซินต้องเอาเรื่อง และขู่ว่า จะพักใช้ใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หมอโทมาสถึงได้รับยอมตกลงว่าจะหยุดการกระทำนั้น
เป็นเรื่องฟังดูแปลกแต่ก็เป็นจริง ที่คนเราเจ็บป่วยด้วยโรคที่น่าเป็นห่วงกว่า เช่น กำลังปัสสาวะเป็นเลือด แต่พอไปถึงคุณหมอกลับชวนคุยชวนถามเรื่องนกเขาไม่ขัน จะขอไวอากรากับเขาบ้าง นับว่าเป็นกระแสที่มาแรงจนห้ามไม่อยู่ ผมจึงรู้สึกเห็นใจบริษัทไฟเซอร์ (ประเทศไทย) ที่กำลังถูก คณะกรรมการอาหารและยา, กระทรวงสาธารณสุข เพ่งเล็งอย่างหนักในข้อหาว่า ไปให้ข่าวแก่สื่อมวลชน "ใกล้หมอ" จึงขอเรียนว่า ในยุคทางด่วนข้อมูลข่าวสารนี้ เราไม่ต้องพึ่งไฟเซอร์เลย ลองกดเข้าไป ในอินเตอร์เนทซิครับ มีข่าวคราวเยอะแยะไปหมด
นพ.ชุมศักดิ์ พฤกษาพงษ์
main |