มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



ความเข้าใจเกี่ยวกับออรัล เซ็กซ์

ประวิตร พิศาลบุตร


ตาราต่างประเทศ ระบุว่า oral sex เป็นเพศสัมพันธ์ท่ามาตรฐานท่าหนึ่ง และพบว่า ผู้ที่มีการศึกษาสูงเป็นกลุ่มที่นิยมเพศสัมพันธ์ท่านี้มาก ส่วนในประเทศไทย การมี oral sex ก็จัดเป็นเพศสัมพันธ์แบบหนึ่ง ที่พบได้บ่อยมากขึ้น แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ จึงควรมีความรู้ไว้ตอบคำถามและให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่ผู้ป่วย และประชาชนทั่วไป

แผลบๆ

ข้อควรทราบประการแรกคือ oral sex นี้ปลอดภัยหรือไม่

เมื่อกล่าวถึง oral sex ก็ต้องอธิบายว่ามีหลายรูปแบบ ถ้าผู้หญิงเป็นฝ่ายกระตุ้นอวัยวะเพศชายโดยการใช้ปากและลิ้น เรียกเป็นศัพท์แพทย์ว่า fellatio ศัพท์ชาวบ้าน (ฝรั่ง) เรียกว่า Blow job หากผู้ชายกระตุ้นอวัยวะเพศหญิงด้วยลิ้น ศัพท์แพทย์เรียกว่า cunnilingus หากคู่ร่วมเพศกระตุ้นรอบทวาร หนักของฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ด้วยการใช้ลิ้นเรียกว่า rimming

ทั่วไปแล้วถือว่า oral sex นั้นมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทางเพศสัมพันธ์ได้ แม้ว่าโอกาสติดเชื้อจะต่ำกว่าเพศสัมพันธ์แบบปกติ (penetrative sex)

โอกาสติดเชื้อจาก oral sex นั้น ส่วนหนึ่งขึ้นกับว่า เป็นผู้กระทำหรือถูกกระทำด้วย สำหรับผู้แสดง oral sex โดยเฉพาะเพศหญิงมีโอกาสติดเชื้อหนองใน (gonorrhea) ถ้าทำ oral sex ให้ผู้ชายที่เป็นโรคนี้
เพราะเชื้อหนองในอาศัยอยู่แถบรูเปิดท่อปัสสาวะ บางครั้งผู้ชายที่เป็นหนองในจะไม่ได้มีหนองสีขาวข้นไหล ให้เห็นอย่างชัดเจน จึงต้องระวังไว้เสมอ เพราะมีโอกาสติดเชื้อหนองในเข้าไปในช่องคอได้ นอกจากนั้นหากผู้ชายเป็นหูดหงอนไก่ ก็อาจถ่ายทอดโรคนี้มาได้ ก่อนมี oral sex จึงควรปลิ้นดูปลายอวัยวะเพศ, ตามรอบๆ ส่วนปลาย, ใต้หนังหุ้มปลายและแม้กระทั่งในรูเปิดท่อปัสสาวะว่ามีหูดหงอนไก่ ที่แลเห็นเป็นตุ่มแดงๆ คล้ายหงอนไก่หรือไม่ เพราะถ้าเป็นหูดหงอนไก่ แล้วทำ oral sex ให้ก็จะมีโอกาสเป็นหูดหงอนไก่ที่เพดานปาก

ต้องขอเพิ่มเติมว่า หลายคนอาจสับสนโรคหูดหงอนไก่กับตุ่มเล็กๆ รอบปลายอวัยวะเพศชายที่เรียกว่า pearly penile papules ซึ่งถ้าเป็นตุ่มชนิดหลังนี้ จัดว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เป็นโรคติดต่อ และพบในผู้ชายจำนวนมากด้วย

ในกรณีของฝ่ายชาย หากทำ oral sex ให้ฝ่ายหญิง แล้วฝ่ายหญิงเป็นหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศอยู่ ก็จะมีโอกาสติดหูดหงอนไก่ที่ริมฝีปากได้

การทำ oral sex จะติดโรคเอดส์หรือไม่ ?

ปัจจุบันเชื่อว่าติดต่อโรคเอดส์ได้ เพราะของเหลวของผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี ซึ่งรวมถึงน้ำเชื้อ และน้ำหล่อเลี้ยงช่องคลอดด้วย จะมีเชื้อไวรัสปะปนอยู่ ดังนั้น เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ปากของผู้กระทำได้ ถ้าผู้กระทำมีแผลในช่องปาก จึงอาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ พบว่าผู้หญิงที่เป็นฝ่ายทำ oral sex ให้ผู้ชาย น่าจะมีอันตรายต่อการติดเชื้อมากกว่าฝ่ายชายเป็นผู้กระทำ

ล่าสุดจากงานวิจัยในสหรัฐอเมริกา สำรวจกลุ่มชายรักร่วมเพศ และชายที่มีเพศสัมพันธ์ทั้งกับเพศเดียวกัน และต่างเพศจำนวน 102 คน ในซานฟรานซิสโกนี้ เพิ่งติดเชื้อไวรัสเอชไอวี พบว่าเกือบร้อยละ 8 น่าจะติดจากการมี oral sex เพราะเป็นพฤติกรรมเสี่ยง แต่เพียงอย่างเดียวของชายกลุ่มนี้

บางคนเชื่อว่า...
ถ้าผู้ชายหลั่งข้างนอกปาก อาจลดการติดเชื้อลงได้

ก็ไม่เป็นจริง เพราะเมื่อผู้ชายตื่นตัวแม้จะยังไม่หลั่ง ก็มีน้ำกามจำนวนเล็กน้อย ซึมออกมาที่ปลายอวัยวะ แม้ว่าโอกาสติดเชื้อเอดส์จากการมี oral sex จะต่ำ แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ร้อยละ 100 ว่าปลอดภัยแน่นอน

ดังนั้นการมี oral sex กับผู้ที่เราไม่แน่ใจว่าจะมีเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือไม่ จึงไม่ควรกระทำ ผู้เชี่ยวชาญบางท่านแนะนำว่า ควรหลีกเลี่ยง oral sex นอกจากจะมั่นใจได้ว่า คู่ร่วมเพศปราศจากไวรัสเอชไอวี นอกจากนั้น ยังแนะนำว่าไม่ควรแปรงฟันก่อนมี oral sex ทั้งนี้ เพราะการแปรงฟันจะทำให้เกิดบาดแผลถลอกเล็กๆ น้อยๆ ที่ตามเหงือก ซึ่งช่วยให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น

สำหรับเรื่องการติดเชื้อซิฟิลิสนั้น นับเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง เพราะแผลซิฟิลิส ระยะแรก อาจหายไปเองได้ และเข้าสู่ซิฟิลิสระยะที่ 2 และระยะสุดท้าย ซึ่งลุกลามถึงหัวใจและสมอง เนื่องจากปัจจุบัน oral sex เป็นที่นิยมมากขึ้น ทำให้การติดเชื้อซิฟิลิสนอกเหนือจากบริเวณอวัยวะเพศสูงขึ้นด้วย แผลซิฟิลิสที่นอกเหนือจากบริเวณอวัยวะเพศแล้วนั้น 2 ใน 3 จะพบเหนือลำคอขึ้นมา โดยครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้พบที่ริมฝีปาก และในช่องปาก แผลซิฟิลิสที่ริมปาก ในผู้ชายส่วนใหญ่จะเป็นที่ริมฝีปากบน ในหญิงมักเป็นที่ริมฝีปากล่าง ถ้าเป็นแผลซิฟิลิสในลำคอ มักเป็นที่ต่อมทอนซิล โดยเฉพาะข้างซ้าย ส่วนที่เหลือพบที่นิ้วมือเต้านม ลำตัว ท้อง และแขนขา ตลอดจนถึงทวารหนัก

ส่วนการกลืนน้ำอสุจินั้น ไม่เป็นอันตราย เพราะกระเพาะอาหารมีกรดที่ฆ่าเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ ดังนั้นอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี จึงเท่ากับที่มี oral sex แล้วคายทิ้ง (แต่ยังไม่จัดเป็น safe sex)

สำหรับ rimming นั้นไม่แนะนำ ทั้งนี้ เพราะลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย มีเชื้อแบคทีเรียและไวรัสมากมาย ซึ่งเชื้อนี้อาจแพร่เข้าในช่องปากได้ แม้จะทำความสะอาดมาก่อนแล้ว เชื่อว่ามะเร็งผิวหนังที่ชื่อ Kaposi's sarcoma ที่เห็นเป็นตุ่มสีม่วง อาจจะมาจากการติดเชื้อจากลำไส้

มี oral sex แบบใดจึงจะปลอดภัย ?

มีข้อแนะนำว่า ถ้าผู้ชายสวมถุงยางอนามัย ฝ่ายหญิงไม่น่าจะติดเชื้ออะไร จึงเรียกว่าน่าจะปลอดภัยได้ ถ้าไม่ชอบรสชาติของถุงยางทั่วไป ก็แนะนำให้ใช้ถุงยางที่มีกลิ่นรสดู เช่น รสสตอเบอรี ส่วนถุงยางประเภทมีปุ่มปม เป็นหนามนั้นไม่แนะนำ เพราะทำให้ปากเป็นแผล

ที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องความเสี่ยงของผู้ที่เป็นฝ่าย oral sex ให้คนอื่น แต่สำหรับผู้ที่ถูกทำ oral sex จะมีโอกาสเสี่ยงหรือไม่? พบว่าความเสี่ยงของผู้ถูกทำที่พบบ่อยที่สุดคือ เป็นแผลเพราะถูกกัด (being bitten) รองลงมาก็คือ ติดโรคเริม ถ้าผู้ที่ทำ oral sex ให้ เป็นเริมที่ริมฝีปาก

ที่น่าสนใจก็คือ โรคเริมนี้อาจติดต่อ ได้ตั้งแต่ก่อนระยะที่เป็นตุ่มน้ำใสขึ้นมาให้เห็น คือก่อนมีตุ่มน้ำใส บางคนจะเจ็บๆ คันๆ ที่ริมฝีปากมาก่อน ระยะนี้เชื้อไวรัสเริ่มติดต่อได้ ดังนั้นจึงเป็นอันตรายสำหรับฝ่ายผู้ถูกทำ เพราะไม่มีโอกาสทราบได้ว่าริมฝีปากนั้น มีเชื้อเริมแอบแฝงอยู่หรือไม่

ส่วนในกรณีของการติดเชื้อเอชไอวีของฝ่ายถูกทำ ก็เช่นเดียวกับฝ่ายผู้ทำ คือมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เพราะเชื้อนี้อยู่ในน้ำลายแม้โอกาสเสี่ยงจะต่ำ แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยร้อยละ 100 จึงต้องแนะนำให้ระวังไว้ก่อน เพราะโรคนี้เป็นแล้ว มีโอกาสเสียชีวิตสู และก่อนมีเพศสัมพันธ์ ถ้าฝ่ายผู้ทำแปรงฟันมาก่อน ผู้ถูกกระทำก็มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีสูงขึ้น เพราะเกิดแผลในปากทำให้เชื้อออกมาอยู่ในน้ำลายมากขึ้น


[ที่มา..หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600
1