มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc

[ คัดลอก จากนิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 21 ฉบับที่ 7 กรกฎาคม 2540 ]

สารพันปัญหาเรื่องเท้า

พญ.วิญญารัตน์ ตันศิริ


ขึ้นชื่อว่า "เท้า" ใคร ๆ ก็รู้จักว่ามีหน้าที่สำหรับไว้ยืน เดิน วิ่ง หรือเตะ (ใครบางคน) เท้าของเรานี้ บางก็ให้ความสำคัญ แต่บางท่านก็ไม่ให้ความสำคัญ ไม่ได้รับเกียรติ เท่ากับใบหน้า ส่วนใหญ่มักจะขอให้มีใบหน้าสวย หรือหล่อสุดเท่ไว้ก่อนเป็นใช้ได้ ส่วนเท้าของฉันจะเป็นอย่างไรก็ช่างเถิดนะ ไม่ใส่ใจ ทำแบบนี้บ่อย ๆ ครั้งมากขึ้น เท้า 2 ข้างของเราเกิดพาลน้อยใจ พากันประท้วงเจ้าของขึ้นมาดื้อ ๆ เกิดผื่นแปลกประหลาด แทรกซึมขึ้นมาลุกลามใหญ่โต คันอีกต่างหาก แล้วฉันจะทำอย่างไรดีนะ

สารพันปัญหาเรื่องเท้า
เท้าของท่าน วันดีคืนดีอาจเกิดปัญหา หรือโรคภัยคุกคามได้หลายชนิด จะขอยกตัวอย่างพอเป็นสังเขป ดังนี้ คือ

  1. ฝ่าเท้าหนา, ส้นเท้าแตก
  2. ผื่นแพ้ชนิดตุ่มพองใส
  3. ผื่นแพ้ชนิดอย่างหนา
  4. เชื้อราที่เท้า
  5. เชื้อยีสต์ที่เท้า
  6. หูดที่เท้า
  7. ตาปลาที่เท้า
  8. โรคสะเก็ดเงินที่เท้า ฯลฯ

1. ฝ่าเท้าหนา, ส้นเท้าแตก
เชื่อว่าทุกท่านคงรู้จักกันดี บางท่านจะพยายามใช้แปรง หรือหินมาขัดถูออก ที่บริเวณ ส้นเท้าแตก ซึ่งการใช้หินขัดนี้จะยิ่งทำให้ส้นเท้าแตกมากขึ้น แนะนำให้คุณลองใส่ รองเท้าหุ้มส้น อย่าให้เท้าเปลือย และพยายามอย่าให้เท้าแช่น้ำนานมาก ควรใช้โลชั่นหมั่นทาบริเวณส้นเท้าที่แตก ทาบ่อย ๆ สารจำพวก (Urea) จะเป็นตัวอุ้มน้ำ เรียกความชุ่มชื้นกลับคืนมาให้กับผิวหนังที่แตกได้ดี

2. ผื่นแพ้ชนิดตุ่มพองใส (Dyshidrosis)
พบบ่อยมาก สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องอาการคันเท้า ลักษณะเป็น ตุ่มน้ำพองใส ฝังอยู่ในฝ่าเท้า ซอกนิ้วเท้า บางครั้งตุ่มใสแตกออกกลายเป็นสะเก็ดลอก จะมีอาการคันมาก ๆ ส่วนใหญ่เป็นที่เท้า ทั้ง 2 ข้างลุกลามได้ ถ้าเกามากเกิดมีแผลขึ้น อาจติดเชื้อแบคทีเรีย แทรกซ้อนได้ การทำงานหนัก ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ จะเป็นปัจจัยเสริม ทำให้ผื่นนี้ มีอาการมากขึ้นได้

3. ผื่นแพ้ชนิดอย่างหนา (Lichen simplex chronicus)
เป็นผื่นแพ้ที่มีลักษณะจำเพาะ คือ ผื่นจะเป็นปื้นหนามาก ๆ อย่างหนาตราช้าง อะไรทำนองนั้น เกิดจากการที่เการุนแรง เกามาก เกาบ่อย เกานาน ๆ (โธ่! จะไม่ให้เกาได้อย่างไร เพราะว่าผื่นแบบนี้นะ จะคันมากที่สุดเลยค่ะ) นอกจากผื่นจะหนามากแล้ว ยังมีขอบเขตชัดเจนมาก ตำแหน่งที่พบบ่อย คือ ที่บริเวณหลังเท้า (dorsum of foot) อาจจะพบข้างเดียว หรือ 2 ข้างก็ได้

4. เชื้อราที่เท้า (Tinea pedis)
ส่วนใหญ่ใครก็ตาม ถ้ามีผื่นคันที่เท้า ร้อยทั้งร้อยจะพากันคิดสรุป คำตอบว่า เป็นเชื้อราที่เท้ากันแทบทั้งสิ้น ผื่นเชื้อรานี้ จะมีลักษณะเป็นผื่นแดง สะเก็ดลอก บางครั้งมีขอบเขตชัดเจน บางชนิดผื่นจะหนาตัวเพิ่มขึ้น บางชนิดจะเป็นตุ่มใส แตกออกก็มี มีอาการคัน หรือไม่คันก็ได้ อาจเป็นที่เท้าข้างเดียวได้ บางท่านมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย ส่วนใหญ่เกิดจากความอับชื้น หรือการลุยน้ำท่วม เป็นต้น ถ้าไม่ได้รักษาจะลามมากขึ้นได้

5. เชื้อยีสต์ที่เท้า (Candida intertrigo toe-web)
พบได้บ่อยพอสมควร ที่บริเวณซอกนิ้วเท้า ที่อับชื้น ซอกนิ้วเท้าที่ อยู่ติดชิดกันมาก ลักษณะผื่นเป็นปื้น สีขาวแฉะ ๆ (macerated) มีขอบสีแดง บางครั้งเป็นมาก ทำให้ผิวหนังฉีกเป็นแผลร่องลึกได้ มักจะมีอาการคันและเจ็บร่วมด้วย เพราะผิวหนังปริแยก เปื่อยยุ่ย จึงทำให้เจ็บแสบร่วมด้วย ส่วนใหญ่เกิดจากความอับชื้น การลุยน้ำท่วม เช่นกัน มักจะเป็นที่เท้าข้างใดข้างหนึ่ง

6. หูดที่เท้า (Verruca vulgaris)
เกิดจากเชื้อไวรัส ลักษณะเป็นตุ่มนูน เม็ดนูน แข็งหนา ฝังอยู่ที่ฝ่าเท้า นิ้วเท้ามีราก เวลาฝานเนื้อหูดดู จะเห็นจุดเลือดออกเล็ก ๆ แทรกอยู่ หูดนี้จะลามขยายโตขึ้นได้ หรือกระจายออกไปที่ส่วนต่าง ๆ ของเท้าได้ เช่น ตอนแรกมีหูด 1 เม็ด ถ้าลุกลามออกมาอาจกระจายกลายเป็นหูด 10-20 เม็ด ในเท้าข้างเดียวกันได้ อาการคือ เจ็บเวลาไปกดโดนเนื้อหูด

7. ตาปลาที่เท้า (Callus)
เคยมีคำกล่าวไว้ว่า "ห้ามดูถูก อย่าเหยียบตาปลากัน" ตาปลานี่ ตัวเองเหยียบเอง ก็เจ็บพอสมควรอยู่แล้ว ถ้าคนอื่นมาช่วยเหยียบ ก็น่าจะเจ็บมากยิ่งขึ้นนะคะ ลักษณะเป็นแผ่นหนา ๆ อยู่ใต้ฝ่าเท้าบริเวณที่เราลงน้ำหนัก บริเวณที่รับน้ำหนัก ไม่ใช่เชื้อไวรัส จะไม่มีรากเหมือนหูด ไม่ลุกลามแพร่พันธุ์เหมือนกับหูด เพียงแต่ถ้าเป็นตาปลามากขึ้น คือปื้นแผ่นนี้จะหนาหลายชั้นมากขึ้น จะยิ่งเจ็บมากเวลายืนหรือเดิน ควรเลือกสวมใส่รองเท้าที่ดีพอ ไม่คับมากเกินไป จะช่วยป้องกันการเกิดตาปลาได้บ้าง

8. โรคสะเก็ดเงินที่เท้า (Psoriasis)
เคยกล่าวถึงโรคสะเก็ดเงิน ไว้แล้วในใกล้หมอหลายฉบับ สะเก็ดเงินนี้ สามารถเกิดขึ้นที่ฝ่าเท้าได้เช่นกัน ลักษณะเป็นผื่นแดงและมีสะเก็ดหนามาก มีขอบเขตชัดเจนมาก มักเป็นที่เท้าทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน มีอาการคันและเจ็บตึงร่วมด้วย นอกจากนี้ยังเป็นที่เล็บเท้า ทำให้เล็บกร่อนเสียรูปร่างได้ ฯลฯ


จะเห็นได้ "เท้า" ของท่านนี้ช่างน่าทะนุถนอมเพียงใด จะได้ไม่เกิดโรคภัย หรือปัญหาต่าง ๆ สารพัด ถ้ามีผื่นหรือความผิดปกติใด ๆ เกี่ยวกับเท้าของท่านก็ ควรที่จะรีบมาพบแพทย์ เพื่อขอคำปรึกษาแนะนำ หรือรีบรักษาเสียแต่เนิ่น ๆ จะเป็นการดีกว่านะคะ

พญ.วิญญารัตน์ ตันศิริ


ขอบคุณนิตยสารใกล้หมอ ที่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600
1