คณะแพทย์ ดร.สมชาย
เรียน คณะแพทย์ที่นับถือ
เมื่อปีกลายผมเป็นโรคงูสวัดทางลำตัวด้านขวา ผมรักษาด้วยสมุนไพรแผลก็หายดี แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีอาการเจ็บอยู่บ่อย ๆ รักษามาหลายครั้งก็ยังไม่ยอมหายเสียที
ด้วยความนับถือ |
ตอบ คุณแก้ว
"งูสวัด" เป็นโรคผิวหนังอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งยังมีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยพากันเข้าใจผิดคิดว่า โรคนี้จะเกิดแต่เฉพาะกับคนที่เคราะห์ห้ามยามซวย ผู้ป่วยบางรายหนักเข้าไปอีกถึงกับคิดว่า เป็นเพราะกุศลกรรมติดตามมาสำแดงผล
เป็นความจริงตามความเชื่อถือดังกล่าวนี้หรือ ?
โรคผิวหนังที่เรียกว่า "งูสวัด" นี้แรกเริ่มเราจะมองเห็นผื่นแดง ๆ เกิดขึ้น ถัดจากนั้นอีกประมาณ 3-4 วัน ผื่นแดง ๆ เหล่านี้ก็จะมีเม็ดน้ำใส ๆ พุพองเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ แล้วในที่สุดก็จะแตกกลายเป็นแผล
โอ๊ย ปวดแสบปวดร้อนสิ้นดี
สาเหตุที่มาของโรคผิวหนัง "งูสวัด" นี้เกิดจากการไปติดเอาเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้จะมีล่องลอยอยู่ในอากาศ ภูมิต้านทานทางผิวหนังของคนเราลดลงเมื่อใด โอกาสที่จะได้รับเชื้อก็มีมากขึ้น
อาการจะแสดงออกได้ทุกแห่งนับตั้งแต่ใบหน้า, ลำคอ, แขน, ลำตัว, ขา แต่ที่พบว่าเป็นมากที่สุดก็ตามลำตัว
เป็นความเชื่ออีกเช่นกันที่ว่าหาก "งูสวัด" มันลุกลามรัดรอบตัวเมื่อไร ก็ให้ผู้ป่วยเตรียมนึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วเอาไว้ อยากกินอะไรก็รีบ ๆ ซื้อกินเสียว่างั้น
พิจารณาตามลักษณะของโรคแล้ว ความร้ายแรงไม่สามารถทำให้ผู้ป่วยถึงกับเสียชีวิตได้ แต่ผู้ป่วยที่มีอาการมาก ๆ จะปวดแสบปวดร้อนสะบัดร้อนสะบัดไข้ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ จะหลับจะนอนแต่ละครั้งถึงกับต้องไปหาเอาใบตองมารองนอน เพราะเชื่อว่าจะช่วยบรรเทา อาการเจ็บปวดได้
กินไม่ได้นอนไม่ได้นี่แหละครับ คือ สาเหตุแห่งความตาย โดยเฉพาะคนไข้ที่อายุมาก ๆ
ศัตรูตัวสำคัญอีกตัวของ "งูสวัด" ตามสถิติพบว่า มีผู้ป่วยไม่น้อยที่รักษาตนเองโดยไม่ยอมไปพบแพทย์ ด้วยการใช้ยาสมุนไพรมารักษา ยาพวกสมุนไพรที่ใช้นั่นแหละ บางครั้งก็มักไม่สะอาดพอ จนทำให้เกิดเป็นบาดทะยักขึ้นมาถึงกับตายเหมือนกัน
อันตรายจริง ๆ ของโรค "งูสวัด" นี้ไม่ได้อยู่ที่เชื้อของมันเอง แต่เกิดจากโรคแทรกซ้อน และโรคแทรกซ้อนที่พบมากที่สุดคือ พวกเชื้อ "แบคทีเรีย"
"แบคทีเรีย" เจ้าตัวนี้เข้าไปแทรกซ้อนในแผลเมื่อไหร่ก็จะทำให้แผลนั้นอักเสบ ถ้าเชื้อเข้าไปถึงปลายประสาทก็จะทำให้เกิดอาการปวดตามมา เพราะประสาทจะถูกทำลายไป
เชื้อไวรัสที่มาของ "งูสวัด" นี้ยังไม่มียาชนิดใดสามารถฆ่ามันได้ ทีนี้ก็มากล่าวถึงวิธีการรักษาล่ะครับ ผู้ป่วยที่ไม่มีโรคแทรกซ้อนเมื่อหนองแตกแล้วกว่าแผลจะหายเราจะใช้เวลารักษาประมาณ 2-4 อาทิตย์
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดเป็นโรคแทรกซ้อน แพทย์จะแก้อาการปวดครั้งแรก โดยการให้กินยาแก้ปวด และเมื่อยังปวดอยู่อีกก็จะฉีดยาเข้าไปที่ตัวปลายประสาท ตรงที่มาของอาการปวด ถ้ายังปวดอีกอาจถึงขั้นต้องฉีดแอลกอฮอล์เข้าไปทำลายปลายประสาท หรืออาศัยการผ่าตัด
คณะแพทย์ ดร.สมชาย
main |