นพ.ปรารพ ประภายสาธก
วันนี้ คงจะแนะนำให้รู้จักกับเครื่องสำอางประเภทหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับความผิดปกติ ของสีผิวที่เรียกว่า Camouflage makeup หรือ "Corrective or Cover Cosmetics" กันนะครับ เพราะเครื่องสำอางประเภทนี้ ยังเป็นเครื่องสำอางที่ยังไม่แพร่หลาย ในเมืองไทย เท่าที่ควร แต่จะค่อนข้างมีประโยชน์สำหรับคนไข้หลายกลุ่มด้วยกัน และเป็นที่แพร่หลายในต่างประเทศ
Camouflage makeup คืออะไร
สำหรับ Camouflage makeup หรือ cosmetics ก็จัดเป็น highly opaque cosmetics ที่มีจุดประสงค์ สำหรับใช้ตบแต่งเพื่อปกปิดความผิดปกติของสีผิวต่าง ๆ เพื่อที่จะให้คนไข้ในกลุ่มดังกล่าว มีความมั่นใจ และมีความสุขในการดำเนินชีวิตมากขึ้น นะครับ
ข้อได้เปรียบของ Camouflage makeup ที่ต่างจากเครื่องสำอางทั่วไปที่ใช้ในการ ปกปิด เช่น Concealer หรือครีมรองพื้นทั่ว ๆ ไป ก็คือ Camouflage makeup จะติดทนกว่า มีสีให้เลือก มากกว่า และสามารถกันน้ำได้ ดังนั้นหลังจากการใช้ Camouflage makeup แล้ว คนไข้จึง สามารถจะไปทำกิจวัตรต่าง ๆ ได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือการออกกำลังกาย อย่างเช่น การว่ายน้ำ เพราะ Camouflage makeup นั้นสามารถกันน้ำได้ (waterproof) หลาย ๆ ท่านอาจจะสงสัย นะครับว่า ถ้าโดนน้ำแล้วไม่หลุด แล้วเวลาทำความสะอาดจะใช้อะไรล้าง โปรดติดตาม ในรายละเอียดต่อไปนะครับ
ยกตัวอย่างสำหรับ Camouflage makeup ที่มีอยู่ตอนนี้ เช่น "Dermablend" corrective cosmetics
ในปี 1983 Dr. Craig Roberts ซึ่งวเป็นแพทย์ผิวหนังชาวอเมริกา ได้พัฒนา Dermablend corrective cosmetics ขึ้นมาสำหรับคนไข้ Vitiligo (ด่างขาว) โดยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยอาศัยหลักของความปลอดภัยและผ่านขั้นตอนการทดสอบต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสม กับสภาพสีผิวต่าง ๆ กัน หลังจากนั้นผลิตภัณฑ์จึงได้เริ่มแพร่หลายและใช้กันกว้างขวาง มากยิ่งขึ้น โดยในระยะแรกนั้นก็เริ่มใช้ในการเสริมการรักษาคนไข้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับ ความผิดปกติของสีผิว (Pigmentary abnormality) รวมถึงใน Hollywood ซึ่งตอนแรก มีเฉพาะในกลุ่มดาราบางคน เช่น Michacl Jackson ซึ่ง Dr. steven A. victor ซึ่งเป็นแพทย์ผิวหนัง ประจำตัว Michacl Jackson ได้แนะนำให้ใช้เพื่อการปกปิด Vitiligo (ด่างขาว) ซึ่ง Michacl เป็นอยู่ จนถึงกับการพูดว่าเป็นเครื่องสำอางสำหรับ "The Michacl Jackson Disease" แต่ต่อมาก็เริ่มใช้กันแพร่หลายกันมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะใช้ในกลุ่มคนไข้ ที่มีความผิดปกติ ซึ่งต้องการความสวยงามในการ ตบแต่งใบหน้า เพราะ Dermablend สามารถจะแต่งได้อย่างสวยงามแนบเนียนกลมกลืน กับสีผิวและติดได้ทนและกันน้ำได้ หลังจากนั้นเป็นต้นมา Camouflage makeup ก็เริ่มรู้จักกันแพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระจายไปทั่วโลกซึ่งก็มีการใช้ทั้งใน วงการแพทย์สำหรับคนไข้ที่มีความผิดปกติของสีผิว เช่น Vitiligo (ด่างขาว) Melasma (ฝ้า) ปานแดง, ปานดำ, รอยดำจากสิว, เส้นเลือดขอด (เล็ก ๆ) ฯลฯ และยังนำมาใช้ในวงการเครื่องสำอางการตบแต่งที่ต้องการอาศัยความเรียบเนียน และติดทนรวมถึงกันน้ำได้ครับ
มาถึงตอนนี้คงต้องมาทำความเข้าใจซ้ำกันอีกครั้งหนึ่งนะครับว่า ไม่ใช่เป็นเครื่องสำอาง สำหรับการรักษา (Therapeutic) แต่สามารถใช้เสริมเข้าไปในการรักษาคนไข้ได้ ยกตัวอย่างเช่น ในคนไข้ Melasma (ฝ้า) สำหรับตัว Melasma เราก็คงจะรักษา ในขั้นตอน หรือขบวนการต่าง ๆ ไปตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Bleaching agents (ยารักษาฝ้า) ครีมกันแดดหรือ การทำ Peeling (ลอกผิว) แต่สำหรับ Camouflage makeup นั้นก็สามารถใช้กับคนไข้ได้ ในรายที่อยากให้ ใบหน้าตัวเอง แลดูเรียบเนียน และมองไม่เห็นฝ้า เน้นนะครับว่าสำหรับการรักษา ก็เป็นไปตามปกติ ไม่ได้หยุดการรักษา หรือตัวอย่างในคนไข้ Vitiligo ก็รักษากันไปตามปกติ แต่ก็สามารถใช้ เพื่อเป็นการปกปิด เพื่อทำให้คนไข้เกิดความมั่นใจในตัวเอง และมีความสวยงาม มากขึ้น นอกจากนั้นแล้วโดยเฉพาะสำหรับคนไข้ผู้หญิงซึ่งหลังจากตบแต่งด้วย Camouflage makeup แล้ว ก็ยังสามารถใช้ Color Cosmetic Makeup แล้ว ก็ยังสามารถจะใช้ Color Cosmetic Makeup ต่าง ๆ ได้ตามปกติด้วย
จะเลือกใช้ และใช้ Dermablend Camouflage makeup อย่างไร?
สำหรับ Camouflage makeup ที่ซึ่ง Dermablend นั้นจะแยกกลุ่มที่จะเลือกใช้เป็น 2 กลุ่มคือ
เทคนิคในการเลือกสี |
|
สำหรับเทคนิคการแต่งด้วย Dermablend คือ |
|
หลังจากแต่งแล้วเราจะสังเกตว่าบริเวณที่แต่งอาจจะดูขาวเล็กน้อย เหมือนกับทาแป้งฝุ่น แต่พอคนไข้เริ่มมี activity เริ่มมีเหงื่อ แป้ง Sitting powder ส่วนที่เกิน (หลังจากการปัดออก) ก็จะเริ่มหลุดไป คนไข้ก็จะกลับมามีสีตามที่เราแต่งเอาไว้ไม่เหลือคราบขาว ๆ อีก
นอกจากนั้นสำหรับในคนไข้ผู้ชาย หากต้องการแต่งปิดเฉพาะจุดบกพร่องเฉย ๆ ก็ย่อมทำได้แต่จุดที่สำคัญคือ จะต้องเลือกสีให้กลมกลืนกับสีผิวปกติมากที่สุด
เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับการแต่ง Camouflage makeup ปกปิดบริเวณ lesion ที่มีสีเข้มมากกว่าสีผิวปกติ เช่น Solar lentigine (กระแดด), Melasma (ฝ้า), Postinflammatory hyperpigmentation (รอยดำตามหลังการอักเสบ) คือ ควรจะใช้ Cover cream สีที่อ่อนกว่าสีผิว ทาลงไปบริเวณ lesion เสียก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยทาสี ที่เป็นสีเกี่ยวกับสีผิวทับอีกครั้งหนึ่ง
เอาล่ะครับ มาถึงตอนนี้หลายท่านคงพอจะเข้าหรือรู้เกี่ยวกับ Camouflage makeup หรือ Corrective หรือ Cover Cosmetics กันมากขึ้นแล้วนะครับ
ทิ้งท้ายไว้นะครับสำหรับ Camouflage makeup นั้นเราควรจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็น waterproof (กันน้ำได้) smudge-resistant (ไม่เป็นคราบด่าง), highly opaque, long-lasting (ติดทนนาน) nongreasy (ไม่มัน) fragrance-free (ไม่มีน้ำหอม) และที่สำคัญคือ ผ่านการทดสอบแล้ว จากแพทย์ผิวหนังว่าไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ และไม่ก่อให้เกิดสิวนะครับ
นพ.ปรารพ ประภายสาธก
main |