พญ.เยาวเรศ นาคแจ้ง
คนที่แพ้ยุง คือ คนที่เมื่อถูกยุงกัดแล้ว จะมีตุ่มแดงและคันอยู่นานกว่าคนทั่วไป ซ้ำร้ายเมื่อตุ่มที่ถูกยุงกัดหาย ก็จะทิ้งร่องรอยสีดำเป็นจุด ๆ ไว้บนขาและแขนทำให้เป็นคนขาลาย
นอกจากผลทางผิวหนังจะเกิดขึ้นกับคนที่แพ้ยุงแล้ว ยุงยังก่ออันตรายอีกมากมายกับทุกคนที่ถูกกัด เพราะยุงเป็นพาหะนำโรคอีกหลายอย่าง เช่น ไข้เลือดออก ไข้สมองอักเสบ มาลาเรีย โดย 2 โรคแรกมักเกิดในเด็กเล็ก ส่วนมาลาเรียเกิดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ปัจจุบันระบาดหนักตามชายแดน
การป้องกันยุงกัด จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนที่ต้องอยู่ในที่โล่งแจ้ง นักเรียนที่เดินทางเข้าค่ายต่างจังหวัด งานเลี้ยงยามค่ำคืนกลางสนาม ยากันยุงชนิดทา มีมากมายในท้องตลาด ราคาต่าง ๆ กัน จะมีหลายรูปแบบ ทั้งชนิดแป้งผง น้ำใส ครีม สเปรย์ ผสมกับยากันแดด ผสมน้ำยารีดเสื้อผ้า แต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติในการป้องกันแมลงแตกต่างกัน โดยขึ้นกับ สภาพแวดล้อม บุคคล ชนิดของยุงและยังมีฤทธิ์ป้องกันแมลงอื่น ๆ ได้อีกด้วย
ยาทากันยุงที่ดีควรมีคุณสมบัติ ดังนี้ |
---|
|
การใช้ยาทากันยุงที่ปลอดภัย ควรยึดหลักต่อไปนี้ ี้ |
---|
|
เมื่อทราบข้อควรระวังแล้ว ควรอ่านส่วนประกอบของสารเคมีที่เป็นตัวยาสำคัญในการป้องกันยุงด้วย ซึ่งมีหลายชนิด ได้แก่
1. น้ำมันตะไคร้หอม (Oil of Citronella) เป็นน้ำขาวใส ทาง่าย ฤทธิ์กันยุงอยู่ได้ 4-6 ชั่วโมง มีจำหน่ายทั่วไป ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม ใช้ง่าย ราคาพอประมาณ ผลเสียไม่ใคร่มี
2. Deet หรือ toluamide เป็นยาทากันยุงที่ได้ผลดีค่อนข้างจะ มากที่สุดกว่าชนิดอื่น ๆ เริ่มใช้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม ผลิตขึ้นเพราะ พวกทหารอังกฤษ-อเมริกัน ไม่สามารถทนยุงกัดได้ และนิยมใช้มาจนถึงปัจจุบัน นอกจากกันยุงได้แล้ว ยังป้องกันแมลงอื่น ๆ อีก เช่น ริ้น เห็บ และแมลงรบกวนอื่น ๆ ด้วย
สารนี้ไม่ทำลายเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็น คอทตอน ไหม ไนลอน ผ้าใย แต่จะละลายพลาสติก และไวนิลได้ จึงควรระวังอย่าให้สัมผัสกับขอบแว่นตา เบาะรถยนต์ ที่ประกอบด้วยไวนิล
เมื่อป้องกันแมลงยุงได้ดี ย่อมมีผลข้างเคียงมาก คือ อาจทำให้เกิดผื่นคันภายหลังจากทา ยากันยุงชนิดนี้ อาจมีผลต่อระบบประสาท และระบบหัวใจ หลอดเลือด โดยเฉพาะเด็กเล็ก จะเกิดอาการดังกล่าว ได้มากกว่าผู้ใหญ่ เคยมีรายงานว่า ยาทากันยุง ชนิดนี้ทำให้เกิดอาการ ชักกระตุกในเด็กชายบางคน เพียง 8-24 ชั่วโมง ภายหลังทายากันยุงชนิดนี้ จึงควรใช้เฉพาะตรงที่ต้องการกันยุง อย่าทาซ้ำที่เดิม และอย่าทาพร่ำเพรื่อ ถ้าต้องการ ป้องกันยุงเพียง 2-3 ชั่วโมง ควรทาผลิตภัณฑ์ที่มี Deet ประมาณ 10-30% เท่านั้น แต่ถ้าเข้าค่าย หมายความว่าอยู่ทั้งคืน ควรทาขนาด 40-50% โดย กะว่าประมาณ 2-4 ช้อนโต๊ะ ที่แขน ขา และที่ใบหน้าในผู้ใหญ่
3. Dimethyl phthalatc ที่มีจำหน่ายในเมืองไทย จะมีตัวยา 24% มีทั้งชนิดน้ำ และผง ใช้ได้ผลดี ไม่เคยมีรายงานของการแพ้โดยมีอาการผื่นคันภายหลังทายานี้ ควรใช้ประมาณ 8 มิลลิกรัมต่อผิว 1 ตารางนิ้ว และทาตามที่เขียนไว้ในวิธีใช้ข้างซอง
นอกจาก 3 ชนิดที่กล่าวมาแล้วยังมียาทากันยุงอื่น ๆ อีก เช่นที่ ผสม Indalon, Rutger 612, Permethrin แต่ไม่ใคร่นิยมใช้มากนัก
ที่น่าแปลกคือ ยุง จะชอบกัดคนบางคนเท่านั้น โดยขึ้นกับความชื้น ความอบอุ่นของผิวพรรณ ของแต่ละคน กลิ่นตัว ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในสิ่งแวดล้อมนั้น นอกจากนี้ระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายของแต่ละคน ยังมีผลในการทำให้ ยุงชอบบินตอมและกัด ที่เห็นแน่ชัดคือ ยุงชอบกัดผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะหญิงมีเอสโตรเจน ดังนั้นผู้ถูกยุงกัดหรือแมลงกัด เวลามาพบแพทย์ จึงพบว่ามีคนไข้หญิงมากกว่าคนไข้ชาย
พญ.เยาวเรศ นาคแจ้ง
main |