รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์
ภายหลังที่องค์กรอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา ( Food and Drug Administration) อนุมัติให้
ใช้สูตรยา Viagra ของบริษัท Pfizer ในปลายเดือนมีนาคม 2541 อย่างมีเงื่อนไข
ยา Viagra สร้าง ปรากฎการณ์ใหม่ใน อุตสาหกรรมยาด้วยการขายชนิดเทน้ำเทท่าในทันทีที่
ออกสู่ตลาด ในสหรัฐอเมริกา ยาชนิดนี้ขายในราคา เม็ดละ 8-12 ดอลลาร์เพียงชั่วเวลา
สองสัปดาห์แรกที่วางตลาด มีรายงานว่า แพทย์ได้สั่งให้คนไข้ใช้ยานี้ถึง 36,809 ราย
( Time, May 11,1998 )
Viagra เป็นยาที่ช่วยกระตุ้นให้อวัยวะเพศชายแข็งตัว ทั้งนี้ด้วยการทำให้เส้นเลือดบริเวณ
องคชาติขยายตัว บรรดาชายที่มีปัญหา "ล้มมิรู้โด่" จึงพากันร่ำหา Viagra หลายคนสุขสดชื่น
หลังจากที่ได้ใช้ยานี้ บางคน ประสบอาการ"ปิติสังวาส" ( orgasm )
หลังจากที่มิได้พานพบ มาหลายปี แต่บางคนผิดหวังที่ยังต้องเผชิญ อาการ"ล้มมิรู้โด่" ต่อไปอีก บางคนตายซบอกสตรีที่เสพสังวาส สำนักข่าวระหว่างประเทศรายงานว่า
มีคน ตายจากการบริโภค Viagra แล้ว16 คน (มติชนฉบับวันที่ 11 มิถุนายน 2541)
บางคนเป็นเพราะป่วยเป็นโรค หัวใจอยู่ก่อนแล้ว บางคนรับประทาน Viagra ร่วมกับยาชนิดอื่น โดยที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า Viagra เป็นต้นเหตุพื้นฐานของ
มรณกรรมในกรณีเหล่านี้
Pfizer ผู้ผลิต Viagra อ้างผลการทดลองภายในบริษัทว่า ยานี้ใช้ได้ผล 60-80 %
ซึ่งต้องฟังหูไว้หู เพราะเป็น ธรรมชาติของบริษัทผู้ผลิตที่มักจะอ้างอิงอัตราสัมฤทธิ
ผลของยาสูงกว่าความเป็นจริง นอกจากนี้ Viagra ยังก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
อาทิเช่นอาการปวดศีรษะ อันเกิดจากการเสพยา ปริมาณมากเกินไป อาการตาพร่ามัว
และเห็นภาพมีสีฟ้ามาปะปน อาการช็อคหรือเป็นลม เนื่องจากความดันโลหิตลดลง
อย่างฮวบฮาบ อาการ "ล้มมิรู้โด่" เนื่องจากองคชาติแข็งตัวยาวนานถึง 4 ชั่วโมง
หรือมากกว่านั้น บางครั้งอาการ "ล้มมิรู้โด่" เป็นอาการเบื้องต้นของโรคหัวใจ
การร่วมเพศ ภายหลังการบริโภค Viagra อาจเป็นเหตุให้หัวใจวายได้
อาการ "ล้มมิรู้โด่" นั้นเกิดแก่ชายทุกชาติทุกศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายวัย
กลางคน และชายสูงอายุ ตลาดของยา Viagra จึงกว้างใหญ่ไพศาลยิ่ง ในสหรัฐอเมริกา
ประชากรชาย ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปมีจำนวน 79 ล้านคน แต่ Pfizer มิได้หวังเพียงตลาด
อเมริกาเท่านั้น หากยังหวังที่จะให้ Viagra ทะลุทะลวง ทุกภาคส่วน ของโลกอีกด้วย
ทั้งนี้ Pfizer คาดว่า Viagra จะมียอดขายสูงถึง 2,000 ล้านเหรียญอเมริกันในปี 2543
ผลิตภัณฑ์ยาดังเช่น Viagra กำลังก้าวล่วงเข้าสู่วิถีการดำรงชีวิตของมนุษย์ อาการ
"ล้มมิรู้โด่"สร้างปัญหา ชีวิตทางเพศแก่ครอบครัว จำนวนมาก หากพิจารณาในด้านดี
Viagra จะช่วยให้ชีวิตสมรสของครอบครัว จำนวนไม่น้อยสู่สภาพปกติ ในอีกด้านหนึ่ง
ผู้ชายที่มีอัตรา เกี่ยวกับความเป็นชาย อาจยึดถือ Viagra เป็น "พลังปรมาณู" ที่อุ้มชู "เจ้าโลก"ของตน ให้ผงาด เหนือสตรีทั้งปวง ชายในกลุ่มนี้ อาจไม่ต้องการการปลุกเร้า อารมณ์
ทางเพศจากหญิง ด้วยความเชื่อมั่นในพลังของ Viagra ปิติสังวาสมิใช่อารมณ์ที่ยากแก่การ
แสวงหา อีกต่อไปสำหรับชายที่มีโลกทรรศน์และชีวทรรศน์เช่นนี้ Viagra อาจไม่ก่อผลดีแก่ชีวิตครอบครัว
ชายจำนวนมาก ไม่จำกัดสัญชาติ เชื้อชาติ และศาสนา ถือว่าการแข็งตัวขององคชาติเป็นสัญญะแห่ง ความเป็นชาย ด้วยเหตุดังนี้ เมื่อเกิดอาการ "ล้มมิรู้โด่"จึงมีผลต่อชีวิต จิตใจ
และการดำรงชีวิตเนื่องเพราะ "สัญญะแห่งความเป็นชาย" หมดสิ้นไปนั่นเอง Viagra
มีบทบาทในการเสริมสร้าง "สัญญะแห่งความเป็น ชาย" ด้วยเหตุนี้ Viagraจึงก้าวล่วง
เข้าสู่วิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์และมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่าง บุคคลในครอบครัว
และระหว่างมนุษย์ในสังคมในแง่นี้ Viagraมิได้ทีฐานะเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม
เท่านั้นหากยังมีฐานะเป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมอีกด้วย
ในช่วงสองทศวรรษเศษที่ผ่ามานี้ อุตสาหกรรมเภสัชกรรม เปลี่ยนโฉมไปเป็นอันมาก แต่เดิม
บริษัทยา มุ่งคิดค้นและผลิตยาที่ใช้รักษาอาการเจ็บได้ป่วยต่างๆเป็นสำคัญ ในปัจจุบัน
บริษัทยาผันทรัพยากร สัดส่วน สำคัญ ในการพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมที่ใช้
เสริมสร้างศักยภาพ และบุคลิกลักษณะบางด้าน ของมนุษย์ ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมประเภทนี้
เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า Life Style Drugs อันมิใช่ "ยาเพื่อรักษาชีวิต" หากแต่เป็น
"ยาเพื่อการดำรงวิถีชีวิต"
ตัวอย่างของ Life Style Drugs ได้แก่ยาลดความอ้วน ยาแก้ปัญหาความจำเสื่อม ยาแก้ปัญหา หวาดระแวง ยาแก้ปัญหาภาวะกดดันทางจิต ยารักษาโรคผมร่วง ยาปลูกผม ยาลบรอยย่นบนใบหน้า ฮอร์โมนเพื่อการเติบโต ยาเสริมความเต่งตึงของผิวหนัง ฯลฯ
แต่การขีดเส้นแบ่งระหว่าง "ยาเพื่อรักษาชีวิต" กับ "ยาเพื่อการดำรงวิถีชีวิต" มิใช่เรื่องง่าย คนบางคน อาจ ถือว่า ความอ้วน เป็น "โรค" ซึ่งมีอันตรายต่อชีวิต ยาลดความอ้วนน่าจะนับเนื่อง
ในจำพวก "ยาเพื่อรักษา ชีวิต" มากกว่า "ยาเพื่อการดำรงวิถีชีวิต" ข้อถกเถียงในประเด็นนี้ในท้ายที่สุดแล้ว ก็ต้องตกลงกันให้ได้ เสียก่อนว่า สภาวะอันเป็นปกติวิสัย ( normality )นั้น เป็นฉันใด
เหตุใดบริษัทยาจึงแข่งขันกันผลิต Life Style Drugs ?
พัฒนาการทางเศรษฐกิจมีส่วนเกื้อกูล ให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ สังคมมนุษย์จำนวนมากได้พัฒนา
จนมีความมั่งคั่งในระดับที่พ้นไปจากระดับพอประทังชีวิตแม้มนุษย์โลกจะยังมีปัญหาความยากจนอยู่ก็ตาม
แต่ในสังคมที่ค่อนข้างมั่งคั่ง มนุษย์เริ่มต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิตด้วยเหตุดังนี้จึงเกิดความต้องการ ฐานะทางเศรษฐกิจเกื้อกูลต่อการก่อเกิดความต้องการดังกล่าวนี้
มองจากแง่มุมของบริษัทยา ตลาดของ "ยาเพื่อรักษาชีวิต" เริ่มมีขีดจำกัด เนื่องเพราะการแข่งขันที่รุนแรง ระหว่างบริษัทยาด้วยกันเอง บริษัทยาส่วนใหญ่หันไปพัฒนาและคิดค้น Life Style Drugs เพราะตระหนักถึง ความต้องการของตลาด หากสามารถพัฒนาและคิดค้นได้ก่อน ย่อมสามารถยึดครองตลาดได้ก่อน ในขณะที่ ช่องทางในการพัฒนา "ยาเพื่อรักษาชีวิต" เริ่มตีบตัน เพราะมีการผลิตยาที่ใช้รักษาโรคภัย ไข้เจ็บที่สำคัญๆ เกือบหมดแล้ว แต่ช่องทางในการพัฒนาและค้นคิด Life Style Drugs ยังมีอยู่อีกมาก ในประการสำคัญ Life Style Drugs เกี่ยวพันกับวิถีการดำเนินชีวิตด้วยเหตุดังนั้นจึงเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมการดำรงชีวิต หาก Life Style Drugs
สามารถเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการดำรงชีวิตได้ บริษัทผู้ผลิตย่อมมีรายได้และกำไรมหาศาล ยุทธศาสตร์ของบริษัทยาจึงอยู่ที่การพัฒนา และคิดค้นLife Style Drugs เพื่อเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม การดำรง ชีวิตของมนุษย์
เมื่อ Pfizer ค้นพบสูตรยากระตุ้นการแข็งตัวขององคชาติ มีการถกเถียงภายในองค์กรว่าจะตั้งชื่อยานี้ ว่าอย่างไร ในที่สุดก็เลือกชื่อ Viagra ซึ่งเป็นคำประสมระหว่าง Vigor + Niagara ไม่มีอรรถาธิบายเป็ทางการ ว่าเหตุใดบริษัทผู้ผลิตจึงเรียกชื่อนี้ นิตยสารบางฉบับรายงานข่าวชนิดให้เข้าใจเอาเองว่า อาการปิติสังวาส อันเกิดจากการใช้ยานี้ จะทำให้น้ำอสุจิหลั่งไหลประดุจหนึ่งอาการพวยพุ่งของน้ำตก ไนแอการา
ข้อที่ Pfizer กังวล ก็คือการใช้ยา Viagra ขัดต่อคำสอนทางศาสนาหรือไม่หาก Pfizer ต้องเผชิญกับการ ต่อต้าน จากฝ่ายศาสนจักร เส้นทางของViagra ต้องพานพบขวากหนามอย่างสำคัญ ด้วยเหตุดังนี้ Pfizer จึงส่งผู้แทน เข้าพบเจ้าหน้าที่สำนักวาติกัน อย่างน้อยเพื่อประเมินความเสี่ยงในการลงทุน เมื่อได้รับ ไฟเขียว จากสำนัก วาติกัน Pfizer ก็เริ่มทำการผลิต Viagraก่อนที่Food and Drug Administration ( FDA ) จะอนุมัติ สูตรยาเสียอีก เมื่อ FDA อนุมัติสูตรยาในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2541 Viagra ก็วางตลาดทั่วสหรัฐอเมริกา เกือบโดยทันที
ในขณะที่สำนักวาติกันเปิดไฟเขียว แต่การผลิตและการบริโภคยากระตุ้นการแข็งตัวขององคชาติ กลับต่อต้าน การคุมกำเนิดอันเป็นเหตุให้บริษัทยาไม่กล้าลงทุนผลิตยาคุมกำเนิด ที่รู้จักกันในชื่อ Emergency Contraception ซึ่งเป็นยาป้องกันการตั้งครรภ์ หากรับประทานยานี้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังการร่วมเพศ ทีทรรศน์ของสำนัก วาติกันดังกล่าวนี้ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า แสดงถึงอคติที่มีต่อสตรี ( Gender Bias )
โลกกำลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างไปในทางที่ทุนวัฒนธรรมมีความสำคัญมากขึ้นณ บัดนี้ ทุนวัฒธรรม ได้คืบคลานเข้าสู่อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมแล้วดังที่นิตยสาร Business Week ( May 11,1998 ) กล่าวว่า ยุคสมัยเราเป็นThe New Era of Life Style Drugs
main |