มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/

แพทย์เตือนเด็กเป็น'หวัด'ไม่ควรใช้ยา

กรุงเทพธุรกิจฉบับ วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ.2541


แพทย์เตือนพ่อแม่ ให้ใส่ใจเด็กในช่วงอากาศเปลี่ยน แนะไม่ควรกินยา หรือใช้ยาปฏิชีวนะ ยาระงับการไอ เพราะจะทำให้เด็กแพ้ยา และเป็นอันตรายได้ ชี้กว่าร้อยละ 90 อาการหวัด จะหายได้เอง

พ.ญ.ประมวญ สุนากร อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลเด็ก กล่าวว่า โรคหวัดเป็นโรคที่ หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ มักจะเป็นหวัดปีละ 3-6 ครั้ง หรือบางคนเกือบทุกเดือน เพราะเชื้อหวัดมีหลายชนิด และติดต่อง่าย

"การป้องกันไม่ให้เด็กเป็นหวัดเลยในช่วงนี้ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ควรจะป้องกัน ให้เป็นน้อยลง โดยหลีกเลี่ยงหรือไม่ให้เด็กสัมผัสกับผู้ที่เป็นหวัด" พ.ญ.ประมวลกล่าว และว่า สาเหตุของโรคหวัด เกิดจากเชื้อไวรัสหลายชนิด ไม่มียาใดฆ่าเชื้อหวัดได้ การใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น ยาแก้อักเสบ ยาฆ่าเชื้อ ยาต้านจุลชีพ อาจเกิดการแพ้ และยังไม่ทำให้หวัดหายเร็ว นอกจากนี้ ยังอาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้

พ.ญ.ประมวล กล่าวอีกว่า การรักษามากกว่าร้อยละ 90 ของเด็กที่เป็นโรคหวัด จะหายได้เอง โดยไม่ต้องกินยา และไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ เพียงแค่ดื่มน้ำมากๆ กินอาหารตามปกติ คอยดูแลอาการแทรกซ้อน โดยเฉพาะการดูแลเรื่องการหายใจ ถ้าเป็นหวัดแต่หายใจเร็วกว่าปกติ มีอาการหอบ หายใจต้องออกแรงมาก และหายใจมีเสียงดังผิดปกติ ซึ่งควรจะไปปรึกษาแพทย์ เพราะอาการหายใจผิดปกตินี้ไม่ใช่โรคหวัดธรรมดา อาจจะเป็นโรคปอดบวมนอกจากนี้ หากเด็กมีไข้สูงเกิน 3 วัน อาการจะต้องดีขึ้น แต่ถ้าอาการมากขึ้น เช่น ไข้ยังสูงขึ้น ไอรุนแรง ปวดหู เจ็บคอ รวมกับอาการซึม ไม่กินนม ไม่กินน้ำ หรืออาเจียนมาก ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นโรคอื่นๆ เช่น โรคไข้เลือดออก โรคไข้ออกผื่นได้

พ.ญ.ประมวล กล่าวอีกว่า การใช้ยาสำหรับไข้หวัดนั้น ควรใช้ยาบรรเทาอาการที่น่ารำคาญ เท่านั้น แต่ถ้าตัวร้อนมาก เช่น วัดไข้เกิน 39 องศาเซลเซียส อาจให้กินยาลดไข้ เป็นครั้งคราว ได้ทุก 4-6 ชั่วโมง แต่ไม่ควรให้กินยาติดต่อกันหลายวัน เพราะอาจเกิดพิษได้ ยาลดไข้นี้ ควรใช้เพียง 1-2 วันแรกเท่านั้น ทั้งนี้ หากน้ำมูกไหล คัดจมูก จะเป็นมากใน 2-3 วันแรก บางรายอาจมีน้ำมูกไหล ร่วมกับอาการไอ ต่อไปอีก 1-2 อาทิตย์ ซึ่งการปฏิบัตินั้นควรเช็ด หรือดูดออกเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะเวลาก่อนอาหาร เพราะเด็กจะไม่ยอมกินอาหาร นอกจากนี้ ถ้าคัดจมูกมาก หรือมีน้ำมูกแห้งกรัง ให้หยอดน้ำเกลือข้างละ 1-2 หยด เป็นครั้งคราว

พ.ญ.ประมวญ กล่าวอีกว่า อาการไอเป็นปฏิกิริยาที่ร่างกายขับเอาเสมหะออก ไม่ควรใช้ ยาระงับไอ ควรให้กินน้ำบ่อยๆ น้ำอุ่นยิ่งดี การกินน้ำมากๆ จะช่วยให้เสมหะเหลว และไอออกง่ายขึ้น เป็นวิธีที่ปลอดภัย และได้ผลดีที่สุด ในรายที่ไอมาก อาจให้กินน้ำผึ้งผสมมะนาว แทนยา รสเปรี้ยวจากมะนาวจะทำให้น้ำลายมาก เสมหะใสออกง่ายขึ้น

[ BACK TO คำเตือน] [ BACK TO เรื่องยา]  [ BACK TO เรื่องเด็ก]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600
1