Aya

รักนิดๆ สะกิดใจ (No reason)

รักนิด ๆ สะกิดใจ
(No reason)
By AYA

ชีวิตของผมไม่เคยมีคำว่าสำเร็จและสวยหรูเลยสักครั้ง ทุกครั้งผมจะคิดว่าตนเองกำลังเดินอยู่บนเส้นลวดที่พาดจากหุบเหวหนึ่งไปยังอีกหุบเหวหนึ่ง ไม่เคยเลยสักเวลาที่ผมจะได้สัมผัสกับทางเดินที่แท้จริง มันมีอยู่ด้วยหรือหนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ถ้าเมื่อใดที่ผมเพลี่ยงพล้ำตกลงไป คงไม่มีทางที่จะกลับขึ้นมาได้ดังเดิม ผมไม่เคยหันหลังไปมองทางเดิมที่ผมเดินจากมาไม่ว่ายังไงผมก็ยังคงยืนอยู่บนเส้นบาง ๆ เส้นนี้ ดังนั้นมันเป็นทางเดียวสำหรับผม ผมจำเป็นจะต้องตีกรอบให้กับตนเองเพื่อหนีจากสิ่งที่เรียกว่า ต้องห้าม.......


“โอ๊ย.....พอ.....ผมกลัวแล้วครับ........”เสียงที่ใสแจ๋วร้องออกมาอย่างทุกข์ระทม
ปึก....ปัก.....สวบ.....เหล่าฝูงนักเรียนท้ายแถวต่างรุมเด็กน้อยคนหนึ่งอย่างไม่หยุด
“ฮือ.... ๆ พอเถอะครับ.....”เสียงร้องขอความเมตตาจากเด็กที่อยู่กลางวง
“อะไร แค่นี้ก็ร้องไห้เป็นผู้ชายจริงเปล่าว่ะ”เด็กนักเรียนคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา
“นั่นสิ เฮ้ย ลองสำรวจดูเปล่า”เด็กชายอีกคนกล่าวแล้วจับเด็กน้อยที่อยู่ตรงกลางขึ้นมาพยายามจะถอดเสื้อผ้าออก
“ไม่นะ....ไม่”เด็กน้อยร้องตะโกนพลางดิ้นร่างกายของตนอย่างหนักหน่วงเพื่อหนีจากการรุกรามของเหล่านักเลงอันธพาล
“เป็นอะไร แค่นี้ทำหวง หรือว่ามันไม่มีว่ะ ไอ้นั้นนะ”แล้วเหล่าฝูงสัตว์ร้ายก็ต่างร้องคำรามออกมาด้วยเสียงที่น่าทุเรศ
เด็กน้อยที่ดิ้นหลุดออกมาจากมือของฝูงสวะเหล่านั้นก็จับเสื้อของตนเองไว้อย่างมั่น เสื้อผ้าที่โดนดึงจนขาดวิ่นก็เผยให้เห็นร่างกายที่ขาวนวลที่บัดนี้มีรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด เด็กน้อยที่ร้องจนตอนนี้ลำคอของเขาแทบจะแหบแห้งลงในบัดดล สายตาของเขาที่ก้มลงมองพื้นค่อย ๆ เงยหน้าเรียวรีเป็นรูปไข่ให้เหล่าฝูงเด็กเลวได้ยลโฉม ตาโตออกจะเป็นคนแขกแต่สีตาที่วาวแบบลูกกวาง คิ้วยาวดำสนิทที่วาดด้วยพู่กันจีนจากช่างผู้ชำนาญ แก้มที่แดงเหมือนลูกตำลึงสุก จมูกที่มีชั้นวางตะง่านตรงกลางของใบหน้า เรียวปากที่ทอดได้อย่างพอดิบพอดี ผิวขาวอย่างหินอ่อนชั้นดีที่ได้รับการเจิมและผ่านกระบวนการแปรรูปมามากมาย ด้วยร่างบาง ๆ เอวขอดเล็กที่รับกับก้มมน ๆ ช่างเรียกความหื่นกามของเหล่าเด็กหนุ่มที่เจริญมากกว่าอายุได้เป็นอย่างดี
เหล่าสรรรพสัตว์ต่างจ้องตะลึงกับความงามของธรรมชาติที่ได้บรรจงสร้างมา ไม่มีอีกแล้วในโลกนี้ คนทั้งหลายเหล่านี้กำลังถูกเย้ายวนด้วยร่างกายของเด็กหนุ่ม ถึงแม้เด็กน้อยผู้นี้จะไม่ได้ทำสีหน้าอย่างไรเลยก็ตามเพียงแค่ลดหน้าต่ำลงกับท่าเกาะกุมเสื้อที่ขาดบางส่วนก็เหมือนกับการเชื้อเชิญต้อนรับกับผู้ที่ต้องการความหรรษาได้อย่างสวยงาม ร่างกายของเหล่านั้นกำลังร้อนขึ้นจนบางคนแทบจะทะลุออกมาจากกางเกงบางคนซึมออกมาให้เห็นความวิตถารบางคนทนไม่ไว้ลงไปนอนกับพื้น เด็กหนุ่มยังคงอยู่ในท่านั้นเขาไม่รู้เลยว่าร่างกายร่างนี้ของเขาสามารถทำลายเส้นแดนของคำว่าเพศได้
ชายหนุ่มที่ตัวโตกว่าเพื่อนเดินเข้ามาใกล้เด็กหนุ่มที่นั่งนิ่งเป็นรูปปั้นหินอ่อน มือข้างขวาเอื้อมลงมาเพื่อสัมผัสผิวสีขาวเนียนละเอียด เด็กหนุ่มหน้าหวานปัดมือที่จะใกล้เข้ามาออก
“อย่าเล่นตัวให้มากน่า.....ทำตัวน่ารักเข้าไว้.....จะเอ็นดูอย่างดีเชียว”เด็กตัวโตเลียมือของตนที่ถูกเด็กน้อยปัดพลางเฉียบตาของตนมายังเหยื่อน้อย ๆ ที่สั่นริกระรี้
เด็กหนุ่มมองตอบด้วยตาสีวาวระยับ “อย่าเข้ามา.....” คิดหรือว่าคำพูดของเขาจะทำให้ไฟที่เผาหัวหน้าหนุ่มรูปร่างโตผู้นั้นได้ ยิ่งติดเพลิงแห่งความต้องการให้ลุกโชนยิ่งกว่าเดิม ชายหนุ่มไม่มีลังเลกระโจนเข้าหาเด็กหนุ่มทันทีไม่รอช้า เด็กน้อยที่ถูกกดลงแนบกับพื้น ดิ้นไปมาอย่างรุนแรง ถึงแม้เขาจะอ้อนแอ้นแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีแรงแต่แค่กำลังของเขาเท่ากับเด็กผู้หญิงเท่านั้นเอง “ไม่....ยะ....อย่า...”เด็กหนุ่มใช้มือของตนบ่ายหน้าที่เหม็นสาบของผู้ที่จู่โจมเข้ามาเพื่อไม่ให้สามารถสัมผัสส่วนไหนของร่างกายของเขาได้ มีหรือที่เขาจะต้านแรงที่บุกโหมได้
ปึง....หนุ่มร่างใหญ่ล้มลงทับร่างของเด็กน้อยทันที หนุ่มน้อยรีบถอยตัวก่อนที่จะถูกร่างเน่า ๆ นั้นทับที่ร่างกาย
“ใคร....”เสียงของร่างใหญ่หันไปมองผู้มาขัดจังหวะและทำให้เขาเสียภาพพจน์ต่อหน้าสาธารณชนอีก
“........”ผู้ที่ยื่นเท้าเข้ามาหาได้ตอบสิ่งใดกลับไม่ สายตากลับมองผ่านร่างยักษ์ไปที่ชายหนุ่มร่างเล็กที่อยู่ด้านหลัง
ทั้งสองต่างจ้องมองสายตาเหมือนคนที่กำลังค้นหากันมานาน เด็กน้อยรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งมาหลบที่หลังของชายหนุ่มผู้มาเยือน ผิวขาว ๆ ที่ส่องกระทบกับแสงของความหลอกลวงยิ่งขับผิวให้ขาวนวลอย่างไม่น่าเชื่อนี้ถ้าไปอยู่ในแสงของธรรมชาติมันจะดูงามสักเพียงใด
“เฮ้ย.....แกเป็นใคร”ลูกพี่ลุกขึ้นมายืนโดยเหล่าบรรดาลูกน้องช่วยกันยกขึ้นมา
ชายหนุ่มไม่ตอบไม่กล่าวยังคงนิ่งอยู่
“เป็นใบ้หรือหูหนวกหรอไง”ลูกพี่ยังคงแหกปากต่อไปเหล่าบรรดาลูกน้องก็ต่างหัวเราะเยาะ ชายหนุ่มมีหรือที่จะใจเย็นแต่ก็ต้องสงบใจเข้าไว้
เด็กน้อยมองตาของผู้มาช่วย ชายหนุ่มถอดเสื้อนอกคลุมร่างกายของเด็กรูปงามคนนี้
“ไม่เป็นไรนะ”
“ครับ”เสียงกังวานตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มหวาน ๆ
แล้วทั้งสองก็หันหลังเดินไปด้วยกัน
ลูกพี่รู้สึกเสียหน้าอย่างแรงที่เจ้าเวรนั่นไม่หันมาทักทายแม้แต่คำเดียว แถมยังไม่เห็นหนุ่มเจ้าของชายาไฟนรกคนนี้ มันต้องมี.....กันหน่อยแล้ว
“ไอ้เวร....”ลูกพี่กล่าว ชายหนุ่มหันไปมองอย่างไม่สบอารมณ์ ลูกพี่กวักมือเรียกเฉกเช่นกับเรียกสุนัขก็ไม่ปาน
เด็กหนุ่มเกาะแขนเสื้อของชายที่เข้ามาช่วยมองดูสีหน้าของเขาอย่างไม่วางตา ไฟแห่งความโกรธที่อยู่ในดวงตาทำให้เด็กหนุ่มปล่อยมือออก ชายหนุ่มหันมามองหน้า เด็กหนุ่มยิ้มให้ก่อนที่จะก้มหัวแล้วเดินจากไปพร้อมกับคำว่า “ขอบคุณครับ” เอาล่ะเมื่อคนที่เขาไม่อยากให้เห็นที่สุดไม่อยู่ คราวนี้จะได้ลงมือได้อย่างถนัดสักที ชายหนุ่มหักข้อมือเสียงดังกรอกแกรกกรอกแกรก เรียกความโหดร้ายได้อย่างดี อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้สะบักมือของตนไปมาแล้วตั้งมือขึ้นแบบการ์ดของนักมวย ชายหนุ่มไม่ยอมแพ้กำมือสองข้างขึ้นหายใจเข้าออกตามจังหวะก่อนที่จะวางลงข้างลำตัว นักสู้ทั้งสองต่างมองหน้าเหมือนลองเชิงก่อน จังหวะที่ใบไม้ปลิวลงมาถึงพื้นทั้งสองก็เข้าประจำกัน........ “ย้ากส์.....” “อ๊าค.....” การตัดสินที่ไม่มีใครรู้ว่าแพ้หรือชนะ มีเพียงนักสู้เท่านั้นที่สามารถบอกได้ การต่อสู้ที่ผู้มีจิตใจที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่ตอบได้
“อย่า...มาให้เห็นหน้าอีก” คำกล่าวที่ซ่อนความเป็นผู้นำเอาไว้ก่อนที่จะสะบัดหน้าเดินจากไปปล่อยให้ผู้แพ้นอนสลบเหมือดอยู่
ชายหนุ่มรูปร่างสูงเดินจากร่างของลูกพี่ที่ตอนนี้นอนชมเพดานอย่างสงบ ยกแขนขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่หน้าพาก ‘อะ....เจ้าหนูนั้น’สายตามองมาที่เด็กหนุ่มร่างบางที่ยืนแอบอยู่ที่เสาใกล้ ๆ เด็กหนุ่มร่างอรชรเดินออกมาจากที่หลบด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจไม่ต้องหรอกถึงเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงส่งก็ย่อมโดนกลิ่มหอมของดอกไม้ยั่วเย้าได้เป็นธรรมดา
“ขอบคุณมากครับ”เด็กหนุ่มที่ตอนนี้สวมแว่นวงกลมใหญ่ปิดบังใบหน้าของตนเองไว้ เป็นเด็กที่แปลกจริง ๆคิดหรอว่าไอ้กลม ๆ สองวงนั้นมันจะช่วยได้หรอ เฮ่อ....คิดอะไรแพลง ๆ
ชายหนุ่มร่างสูงกว่าส่ายหน้า ‘ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ลำบากเลย แค่ยืนเกะกะทางเดินของฉันเท่านั้นเอง’ เด็กหนุ่มร่างบางก็ยิ้มตอบอย่างแก้มปริ “ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก็บอกมาได้นะครับ” มารยาทดีสักอีกสงสัยพ่อแม่คงจะเลี้ยงมาอย่างดีสินะเนี่ย
“ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรหรอครับ....”เด็กน้อยทอดสายตามองตรงมายังชายหนุ่มร่างสูงถึงเขาจะเพิ่งเป็นเด็กมัธยมต้นแต่ไอ้ส่วนสูงที่เกินความเป็นเด็กเนี่ยทำให้หลายคนคลั่งไคลอย่างมากแน่ล่ะหุ่นน้อง ๆ pup แถมพ่อแม่รวยจึงเป็นอะไรที่ต้องมีคนมาหลงใหลอยู่แล้วแม้แต่น้องคนนี้ก็ตามเถอะ
“วาตะ ธรรม์กร นักเรียนม.3ห้องA แล้วน้องล่ะ”ถามแค่นี้ทำไมเจ้าเด็กหนุ่มมันถึงต้องหัวเราะออกมาด้วยล่ะเนี่ย หรือว่าเราทำผิดหลักการจีบคนแฮะ
เด็กหนุ่มเงยหน้าสวย ๆ ขึ้นมา “ขอโทษครับ ผมอายุเม่ากับคุณนั้นแหละครับ นที วัตนขจร ยินดีที่ได้รู้จักครับอยู่ ม.3ห้องC ครับ อย่างไรผมก็ต้องขอบคุณมากนะครับ”เด็กหนุ่มร่างงามก้มหัวอีกครั้งก่อนที่จะเดินหันหลังกลับไป
“เฮ้....น้ำ....”เสียงเด็กนักเรียนชายอีกคนเรียกก่อนที่จะวิ่งเข้ามาโอบคอของน้ำ ที่ทำให้เด็กหนุ่มนามว่าวาตะต้องมองด้วยความเคียดแค้น ‘แกเป็นใครบังอาจมาแย่งคนที่ฉันหมายตาอยู่ แต่ก็ดีเจ้าเด็กหน้าตาดีนั้นชื่อน้ำงั้นหรอเพราะดีนี่น่า’

“น้ำ หายไปตั้งนาน เพื่อน ๆ เขาเป็นห่วงนะ”เจ้าเพื่อนก็ยังคงกอดคอไม่ยอมห่าง
“ขอโทษนะ แล้วเรียกมีอะไรหรอ”น้ำหันหน้ามาถาม
“ก็เรื่องเรียนต่อไง เลือกได้ยังว่าจะต่อหรือไปสอบที่อื่นดู”
น้ำนิ่งไปสักพักเขาคิดถึงคำพูดของมารดาของตนที่มาคุยกับเขาเมื่อคืน
“น้ำ.....”แม่ของเขาไม่เคยที่จะคุยกับเขาเลยสักครั้ง เพราะยุ่งอยู่กับการดูแลร้าน
“ครับแม่”น้ำเดินเขาไปหาแม่ที่เคาท์เตอร์
“ตัดสินใจได้ยังน้ำ”แม่กล่าวขณะจุดบุหรี่
“ยังครับ”น้ำก้มหน้าลง
แม่จ้องมองมาที่ลูกน้อยของเธอที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ตุบ....แม่ของน้ำวางมือลงบนศีรษะลูกแล้วขยี้ผม “คิดให้ดีนะเจ้าตัวยุ่ง แม่อยากให้ลูกได้ทำในสิ่งที่ลูกต้องการและแทนในส่วนของแม่ที่ไม่ได้ทำลงไปด้วย” น้ำเงยหน้าขึ้นมามองมารดาบังเกิดเกล้าของตน นับวันแม่ของเขาก็ยิ่งมีอายุถ้าเขาไม่เรียนให้ดีเพื่อเอาทุนการศึกษาหรือเรียนในโรงเรียนมีชื่อให้แม่ของเขาได้ชื่นชม แม้เขาจะเห็นว่าการเรียนพิเศษเป็นเรื่องนอกกายแต่การแข่งขันเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้คิดไว้ก่อน น้ำไม่อยากรบกวนแม่ของตนไปมากกว่านี้ เงินแต่ละบาทที่แม่ของเขาหามาได้จากแรงกายและแรงใจมันมีค่าสำหรับเขามาก เรื่องเรียนพิศงพิเศษเป็นเรื่องไกลตัวของเขาไปเสียแล้ว
“ครับ ผมจะเข้าเรียนที่มัธยมแห่งนั้นครับแม่......”น้ำกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง แม่ของน้ำมองลูกชายของตนด้วยความชื่นชม แม่ของเขาไม่เคยที่จะผลักดันให้ลูกเขาทำเรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรงแต่น้ำก็ยังคงที่จะทำด้วยตัวเองเท่าที่เขาจะทำได้ แม่ของน้ำขยี้ผมลูกก่อนที่จะจูบลงบนกระหม่อนให้กับลูกชาย “พยายามเข้านะ แม่อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก” คำกล่าวสั้น ๆ ที่ทำให้น้ำมีกำลังใจมากกว่าเดิม “ครับ”เมื่อเขาสัญญากับแม่ของเขาแล้วเขาก็ย่อมต้องทำให้สำเร็จให้ได้
“ว่าไงน้ำ”เสียงของเพื่อนที่ส่งไปถึงความนึกคอดของน้ำเพื่อกระตุ้นให้น้ำรู้สึกตัว
“อ....คิดว่าจะลองดู”น้ำกล่าวก่อนที่จะแย้มริมฝีปากยิ้มออกมา
“งั้น ฉันก็เอามั้ง”เพื่อนของน้ำกำหมัดอย่างแน่นด้วยไฟแห่งความมุ่งมั่น


“ไอ้เวรนั้นมันทำฉันเสียหน้า หนอย......”ผู้แพ้รู้สึกตัวก็เริ่มพาลทันที ลูกน้องต่างช่วยกันประคบน้ำแข็งและทายาบนบาดแผลของลูกพี่
“ใจเย็น ๆ สิครับ....เจ้านั้นมันเจ้าวินเด็กห้อง Aเรียนเก่งพ่อรวยรูปหล่อแถมยังมีหญิงสาวมานอนแทบเท้ารอให้รับประทานถึงที่เลยนะครับ แบบนี้ยังไงลูกพี่ก็แพ้มันทุกประตู......”ยังไม่ทันจะพูดจบเจ้าตัวดีปากเสียก็ถูกหัวหน้าลงโทษ
“เจ็บนะครับ”
“ก็ให้เจ็บเพื่อให้จำ”
“แล้วเด็กคนนั้นว่าไงครับ นั่นแบบที่หัวหน้าชอบเลยไม่ใช่หรอ ใครจะไปรู้ว่าไอ้เชยเวลาถอดแว่นแล้วมันจะหน้าตาดี”
“เขาเรียกว่าเงาะซ่อนรูป” ลูกพี่เงียบไปสักพักก่อนที่จะทุบมือของตนเหมือนคิดอะไรออกสักอย่าง ลูกน้องทุกคนมองมาที่ลูกพี่เป็นสายตาเดียวกัน
“คิดอะไรดี ๆ ออกแล้ว”สีหน้าและสายตาแห่งความกลโกงได้เผยโฉมออกมาแล้ว

“รักเข้าแล้ว....คงไม่แคล้ว....ศรแห่งใจปักแรกเจอ....ใจก็เฟ้อ...ถึงแต่เธอ ตกหลุมรักเธอ......”ทุกคนในห้องมองมาเป็นสายตาเดียวใครจะเชื่อว่าเจ้าชายแห่งสายลมผู้นี้จะอัมเพลงรักดังทั่วห้องได้ ขึ้นชื่อว่าไม่มีคำว่าแน่นอน จริงจัง คนเดียว แต่บัดนี้กลับ.....กลับร้องเพลงรักได้อย่างหน้าตาเฉย อย่างนี้มันต้องมีอะไรแน่ ๆ ผู้คาบข่าวประจำห้อง นักสัมภาษณ์ส่วนตัวของเจ้าชายวิหค วาตะผู้นี้
“เฮ้....วิน นายเป็นอะไรไปว่ะ”เพื่อนตัวแสบแห่งวงการหนังสือพิมพ์เข้ามาหยอดคำถาม
วาตะที่ร้องเพลงอย่างร่าเริงกลับหุบหน้าลงทันที เงยหน้าหาเจ้าของเสียงผู้มากวนอารมณ์ คนที่เข้ามาถามเซไปก้าวหนึ่งเมื่อเห็นแววตาของเพื่อนรักที่ปล่อยแรงอาฆาตออกมา
“มะ....ไม่ตั้งใจ....” หนีดีกว่าอยู่ไปอาจมีฆาตกรรม เพื่อนจอมแซ่รีบหมุน90 องศาเดินหนีทันที แต่ไม่ทันความเร็วของวินที่เอามือล็อคคอของเพื่อนไว้อย่างรวดเร็ว
“อย่าคิดแม้แต่จะหนี......”เสียงเย็นยะเยือกที่ข้างหูก็ทำเอาเพื่อนรักจอมยุ่งแทบจะยืนไม่อยู่ ‘ช่วยลูกช้างด้วย’

“หา.....”เสียงร้องอุทานดังลั่นของเพื่อนรักของวิน
“แหกปากหาพระแสง หา...ไอ้ บุญ”วินว่าเพื่อนกลับตอนนี้ทั้งสองเดินหลบคนมาอยู่ที่ตึกหลังโรงเรียน
“ขอโทษ....ขอโทษ.....”บุญเพื่อนปากมากกล่าวขอโทษก่อนทีเพื่อนรักจะส่งบาทูกามาให้ลิ้มลอง
“จะช่วยไหม”วินหลบหน้ากล่าวเสียงอ่อย
บุญนักเรียนจอมซ่า ที่วินเท่านั้นสยบอยู่เป็นเพื่อนกันมา3ปีเล่นหัวเล่นหลังกันมาตลอด มีหรือจะปฏิเสธที่เพื่อนขอร้องได้
“แน่นอน....แต่ เลี้ยงข้าวตอบแทนด้วยนะโว้ย”บุญตอบอย่างยียวนก่อนที่วินจะเข้าไปรัดคอเพื่อนตัวแสบ ใครจะไปรู้ล่ะว่าเพื่อนรักคนนี้รู้สึกอย่างไร เพราะคำว่าเพื่อนมันค้ำคออยู่



“น้ำ.....มีคนมาหา”เสียงเรียกของเพื่อนคนหนึ่งเรียกเด็กสุดเชยประจำโรงเรียน เป็นที่สร้างความแตกตื่นได้อย่างมาก น้ำมองไปที่หน้าประตูเพื่อดูบุคคลที่ต้องการมาพบ น้ำเดินไปที่ประตูก่อนที่จะมีเสียงเสียดสีนินทาอยู่เบื้องหลัง
“ไม่น่าเชื่อเลย ไอ้เชยมันจะมีคนมาหา”
“ใช่....สงสัยเชยพอ ๆ กัน”
“นั่นสิ”แล้วก็หัวเราะ คนที่มาหามองด้วยสายตาที่ดูหมิ่นกับบุคคลที่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยี่ยงนั้น
“สวัสดีครับ”น้ำกล่าวทักทายด้วยเสียงเรียบ
บุคคลที่มาเยี่ยมมองจ้องน้ำด้วยสายตาพิจารณา ‘ตรงไหนเนี่ยที่ทำให้เพื่อนรักของเขา มาขอร้อง’
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”เด็กน้อยร่างเล็กถามด้วยแววตาสงสัยกับการจ้องของคนมอง
“เอ่อ.....”บุญหลุดจากความคิดแล้วกล่าวต่อว่า “วันเสาร์นี้เป็นวันเกิดของวาตะ เขาเลยอยากชวนนายไปด้วย”
ผู้ฟังมองด้วยสีหน้างง ก่อนที่จะยิ้มออกมา “ขอบคุณครับที่มาบอกแต่ผมไปไม่ได้หรอกครับ.....ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะครับ”น้ำกล่าวแล้วยิ้มออกมาอีกครั้ง
“เออ....ไม่ว่างหรอ”ไอ้เพื่อนเวรมันดันบอกให้คะยั้นคะยอให้น้ำไปให้ได้
น้ำมองสีหน้าและแววตาของผู้ที่มาเชื้อเชิญ “ต้องขอโทษจริงๆ ครับ ผมไปไม่ได้หรอกครับ ขอบคุณมากนะครับ ขอตัวล่ะครับ”น้ำกล่าวปฏิเสธอย่างชัดเจนและขอตัวทันทีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมาอ้อนวอนต่อได้
น้ำเดินหันหลังกลับเข้าห้องไป
“น้ำไม่ไปหรอก”เสียงที่ดังมาจากด้านหลัง บุญหันไปมอง เด็กหนุ่มร่างสูงประมาณวินได้แต่ถ้าจะคมเข้มรับกับผิวที่ไร้การโปร่งใส
“น้ำเขาไม่มีทางไปหรอก”เด็กหนุ่มย้ำอีกครั้ง บุญมองจ้องหน้าของร่างสูงด้วยสีหน้าที่ปนความสงสัย
ร่างสูงมองตอบกลับ หน้าหวาน ๆ ที่ซ่อนไว้หลังความห้าวแบบชายทั่วไปแต่แววตาที่แสดงความจริงใจ น่าสนุกดีนะเนี่ย “น้ำเขาไม่มีเวลา”ตอบสั้นที่ยังไงอีกฝ่ายก็ยังคงเต็มไปด้วยความพิศวงงงง่วน ร่างสูงเกาหัวแล้วมองสีหน้าที่บัดนี้เริ่มอยากรู้เข้าไปยิ่งขึ้น
“นายอยากรู้ล่ะสิ”ร่างสูงมองด้วยหางตา
หนอย...... “ใช่นะสิ บอกมา”

“งั้น ขอหวาน ๆ หน่อยสิ”ร่างสูงยิ้มอย่างที่บุญรู้สึกอยากต่อยสักครั้ง
“ไม่มีหรอก ผมไม่ได้พบลูกอมมายังไงจะเอามาให้แน่นอน”บุญตอบอย่างเสียไม่ได้แค่ถามทำไมมันต้องให้ของด้วยเนี่ย ไอ้คนเห็นแก่ของ
“ว้า.....”หนุ่มร่างสูงทำท่าเสียดาย แล้วเดินหันหลังไป บุญที่พยายามอดทนมาตลอดก็เดินไปฉุดเสื้อของร่างสูงก่อนจะต่อว่าออกไป
“หยุดเดี๋ยวนี้....แล้วบอกสาเหตุมา”
เด็กหนุ่มหันหลังมามองก่อนที่กล่าวว่า “ไปหาที่อื่นคุย”แล้วก็ลากบุญไปด้วยทันที “เฮ้ย....” เอาเถอะ ไอ้เพื่อนตัวดีมันขอร้องมา ก็ต้องยอม ๆ หน่อยก็แล้วกัน

หลังตึกเรียนที่สาม สนามหญ้าสีเขียวขจี กับ สายลมที่พัดมาเบา ๆ ช่วยให้เหล่าต้นหญ้าร้องรำทำเพลงอย่างร่าเริง บุญ หนุ่มร่างสูงผิวคล้ำ ๆ กับผมสีดำสนิท นัยน์ตาสีดำที่ขับให้ความงามในตัวเปล่งออกมา ยิ่งตัดกับทุ่งหญ้าที่สีสดจริง ๆ บุญค่อย ๆ ยกมือของตนขึ้นเสยผมที่ปลิวลงมาปิดที่ใบหน้า สายตาของชายหนุ่มอีกคนจับจ้องมายังหนุ่มร่างสวยคนนั้นอย่างไม่วางตา
“จ้องอะไร”บุญหยี่ตาถามชายอีกคน
“อะ....เปล่า....”ชายหนุ่มปฏิเสธแล้วหันหน้าไปอีกข้างหนึ่ง
“นี่....บอกมาเร็ว ๆ”บุญขยับเท้าเก้าลงมา
ชายหนุ่มก็เขยิบตัวหนีเล็กน้อย จะไม่ให้หนีได้อย่างไรก็เล่นโถมกายเข้ามายืนประชันหน้ากันเลย แต่ก็น่ารักดีแหะ
บุญยังคงประสานตากับชายหนุ่มอีกผู้อยู่
“นี่ นายจะบอกหรือไม่บอก”บุญเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับอาการของผู้ที่สามารถไขความข้องใจได้
“ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”ชายหนุ่มหรี่สายตายียวนกวนประสาท
หนอย...... “อะไรล่ะ รีบ ๆ หน่อย ไอ้เพื่อนผม มันใจร้อน”บุญยืนกอดอก
ชายหนุ่มกวักมือเรียก บุญเดินเข้าไปใกล้ ๆ และเป็นจังหวะเดียวกันที่ชายหนุ่มก้มสัมผัสที่ริมฝีปากสีส้ม ๆ บุญที่ถูกขโมยครั้งแรกไปกลับยืนอึ้ง ชายหนุ่มเห็นปฏิกิริยาที่ไร้การโต้ตอบก็เริ่มรุกเข้าสำรวจ ค้นหาความหวาน ความอบอุ่น ทั้งสองต่างแลกกันนานจน บุญกระทุงเข่าที่ท้องของชายหนุ่ม
“แก.....”บุญถูริมฝีปากของตนกับหลังมือ สีหน้าที่ปวดร้าว ครั้งแรกที่คาดหวังจะให้กับคนที่ตนรัก.....อ้กนไร(กรุณาผวนกลับด้วยค่ะ)
“ได้ของแลกเปลี่ยนแล้ว ผมปรีชา คุณชื่ออะไรล่ะ”ชายหนุ่มหว่านสายตาโปรยเสน่ห์ให้กับหนุ่มรูปงาม
“ไม่ต้องลีลา รีบ ๆ บอกมาได้แล้ว”บุญยกกำปั้นขึ้นมาเตรียมที่จะปล่อยอาวุธตลอดเวลา
“เออ....”สายหนุ่มเกาศีรษะ อย่างไม่ได้ดั่งใจนัก “นที เขาอาศัยอยู่กับแม่สองคน เวลาทั้งหมดของเขานอกจากอ่านหนังสือแล้วก็ต้องช่วยแม่ทำงาน ไม่มีเวลาไปงานหรือเที่ยวที่ไหนหรอก นทีเขาลำบากมาตั้งแต่พ่อของเขาจากไปกับภรรยาคนใหม่โดยทิ้งแม่และตัวเขาที่ยังเด็กเอาไว้ นทีมีเพื่อนเยอะแต่เป็นพวกซ่อนตัว แบบให้ความช่วยเหลือลับ ๆ นทีชอบเก็บตัวไม่ยุ่งกับใครเพราะเขาไม่ต้องการให้ใครมาลำบาก เขาคิดว่าทุกอย่างเขาสามารถทำเองได้ นี่แหละคือเหตุผล”
บุญยืนนึกกับสิ่งที่ปรีชาหรืออ้กนไรกล่าว “มีประโยชน์เหมือนกันนี่น่า....แต่ผมจะไม่กล่าวขอบคุณหรอกนะ” บุญหันหลังกลับทันที ปรีชาคว้าจับข้อมือของบุญแล้วดึงกลับมาขออีกครั้งก่อนนะจ้ะ.....สัมผัสที่ดุดันและนิ่มนวล รู้สึกดีเหมือนกันนะ แต่....เปรี้ยง หมัดทลายภูพา..... นายปรีชาลงไปนอนเล่นที่พื้นหญ้าทันที
“อย่า....คิดว่าจะมีครั้งต่อไป”แล้วบุญก็เดินจากไปปล่อยให้นายปรีชาลุกขึ้นมาลูบแก้มแดง ๆ ของตน
“แล้ว ก็อย่าคิดว่าจะหนีได้”ปรีชายกสมุดเล่มเล็ก ๆ ขึ้นมา ที่เขียนหน้าปกว่า สมุดประจำตัวนักเรียน ก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมา


“หนอย......อยากฆ่าคน”บุญบ่นไปเดินไปอย่างที่เป็นใครก็ต้องหลบให้เป็นทาง รังสีความแค้นพวยพุ่งออกมายากที่ใครจะหยุดได้
“เฮ้......”เสียงสวรรค์ดังมา
บุญหันหลังขวับก่อนที่จะเข้าบีบคอเพื่อนรักเพื่อนแค้นนายลมหวน แหง่ก ๆ ๆ ๆ
“แค่ก.......”เมื่อสาแก่ใจบุญก็ปล่อย นายวินหรือวาตะหายใจแทบจะสูบลมเข้า “เป็นอะไรว่ะ ไอ้บุญ”
บุญส่ายหน้าก่อนที่จะทำตาขวางกับเพื่อนตาย......
“น่ากลัวง่ะ.....เป็นอะไรไป ใจเย็น ๆ”วินยกมือขึ้นมาห้ามเพื่อนที่ทำท่าจะมีต่อรอบสอง
ช่างเหอะ....บุญเดินต่อไป
“เดี๋ยวก่อน เรื่องที่ให้ช่วยล่ะ”วินวิ่งตามมา
ปิ๊ด....เส้นเลือดพุดขึ้นมากับมือที่กำหมัดเอาไว้ วินเคลื่อนตัวถอยหลังทันที
“ปึง.....”บุญต่อยเข้าที่กำแพงอย่างจัง สิ่งก่อสร้างที่มีโครงสร้างเป็นโลหะและการฉาบปูนอย่างมรกลับพังทลายลงอย่างง่ายดาย....
ค่อยยังชั่ว.....บุญเริ่มรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้ระบาย แล้วหันมากาเพื่อนรัก “ออ...เรื่องนั้น......”
วินหน้าซีดไปชั่วครู่ก่อนที่จะเริ่มได้สติเมื่อบุญจะเล่าเรื่องที่ตนต้องการให้ฟัง


“งั้นหรอ.....แต่ยังไงก็อยากชวนน้ำไปงานให้ได้ เดี๋ยวจะไปขอร้องด้วยตนเองดีกว่า”วินกล่าวออกมา สีหน้าและแววตาที่แฝงความเศร้าสร้อยเอาไว้
บุญเอามือแตะไหล่เพื่อนเพื่อปลอบแต่เขาอยากให้เพื่อนรักของคนผู้นี้รู้ถึงความนึกคิดของเขาจริง ๆ ว่าเขาก็ทุกข์เหมือนกัน
“ขอบใจนะ”วินหันมาขอบคุณเพื่อน
“ไม่เป็นไร”บุญยิ้มอย่างฝืน ๆ
สายตาที่สามที่เพ่งเล็งมาเห็นเข้า.......จ้องมองการกระทำของทั้งสองอย่างไม่วางตา มืออีกข้างที่กำแน่นทุบลงเสาสีขาวสะอาด ฟันที่กัดเพื่อระบายความอิจฉาออกมา ก่อนที่จะเดินออกมาหา
“เป็นอะไรไป ปรี”เสียงเล็ก ๆ ใส ๆ ถามเมื่อเพื่อนของตนมีท่าทีเปลี่ยนไป
ร่างสูงหันมามอง “เจอเพื่อนเลยจะไปทักทาย”ก่อนที่ร่างสูงจะยิ้มออกมาเมื่อเขาคิดอะไร ๆ ได้ “ไปด้วยกันไหม”

“หวัดดี บุญ”เสียงห้าว ๆ ร้องทัก
ประสาทหูชนิดพิเศษรับรู้แล้วว่าผู้ใดเรียกตน อ้กนไร........ บุญหันไปมองด้วยสายตาที่นักฆ่ามองเหยื่อ
“หน้าตาน่ากลัวก็ดูดีนะ”ปรีชากระซิบที่ข้างหูของบุญที่ตอนนี้นายกลายเป็นสีแดงไปแล้ว
“สวัสดีครับ.....”น้ำเสียงของอีกคนที่ตามหลังมาช่างไพเราะหูจริง ๆ
และแน่นอนไม่ใช่ใครนอกจาก นทีหรือน้ำหนุ่มน้อยหน้าสวยคนนี้
“น้ำ....”วินรีบถีบตัวมาหาน้ำทันทีที่ได้ยินเสียง
“ขอโทษนะครับที่ไปงานของคุณไม่ได้”น้ำกล่าวอย่างสุภาพ
“เออ....เรียกว่าวินก็ได้ เราเป็นเพื่อนกันนี่น่า”วินกล่าวออกมาเรื่องไรจะให้คนรักเรียกซะห่างเหิน
บุญที่มองภาพของทั้งสองก็หลบหน้าลง ช่างเป็นตัวเกะกะซะจริงเรา ชายที่มองการกะทำของบุญมาตลอดก็โอบไหล่ของบุญเอาไว้ เจ้าตัวหันไปมองหน้าที่ด้านของผู้กระทำ
“ยังไม่พอใช่ไหม”บุญยกหมัดขึ้นเตรียมปล่อยอย่างเต็มที่
เจ้าคนไร้ยางอายไม่ตอบอะไรกลับชี้ไปที่ระเบียงทางเดิน เป็นที่เข้าใจว่าปล่อยให้สองคนนี้อยู่ตามลำพังจะดีกว่า
บุญผงกศีรษะแล้วเดินไปกลับปรีชาโดยที่ไม่ให้สองคนนั้นรู้ตัว ทั้งคู่ปลีกตัวไปด้วยกัน


“จะเป็นไงบ้างเนี่ย”บุญกล่าวออกมาอย่างลอย ๆ
ปรีชามองหน้ามน ๆ ของบุญ “อย่าคิดมากนัก เดี๋ยวหน้าสวย ๆ จะหม่นเอานะ” แถมท้ายด้วยรอยยิ้มกวน ๆ อีกครั้ง
นาย..... บุญเริ่มเปลี่ยนสีหน้า จากผิวสีน้ำตาลแดงเริ่มขับเป็นสีแงจาง ๆ ที่แก้มทั้งสองข้าง ก่อนที่จะสะบัดหน้าหนี
“น่ารักจริง ๆ นะนาย”ปรีชากล่าวก่อนที่จะหันไปมองที่ขวามือของตน มองไปยังท้องฟ้าที่กว้างใหญ่
บุญหันมามองการกระทำของปรีชา ตรงไหน หา....ที่น่ารัก
ปรีชาหันกลับมาแลกสายตากับบุญ “ก็ตรงที่ ช่วยเพื่อนรักเกินไปไง”ปรีชาเน้นคำว่ารักออกอย่างเต็มเสียง
อีกฝ่ายที่ได้ยินถึงกับหน้าซีด ไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้ใดสังเกตเห็นสิ่งนี้แม้แต่เพื่อนสนิทของเขายังไม่เคยเลยที่จะส่ายสายตามอง “นายรู้....ได้...ไง”
ปรีชายิ้มแก้มปริก่อนที่จะหันไปด้านหน้า “ก็มองดูนายมาตลอด” แล้วเดินนำหน้าไป
ร่างบางที่ได้ยินคำพูด ก็แทบจะไม่มีแรง ยืนพิงกับพนังด้านข้าง บัดนี้หน้าสีแดงเข้มได้ปรากฏที่ใบหน้านวล ๆ ของบุญหนุ่มร่างสูงคนนี้แล้ว “ไม่อยากจะเชื่อเลย” บุญหันหน้าไปมองหนุ่มก่ำย่ำ ปรีชาที่เดินเลยจากเขาไป บุญหลับตายิ้ม ไม่แน่ นายอาจจะดีกว่า เจ้าลมใจโลเลก็ได้......


“น้ำทำไมไม่ไป ผมอยากให้คุณไปนะครับ”วินชักแม่น้ำทั้งสิบสายเป็นเวลากว่าสิบห้านามีเพื่อเรียกร้องให้เด็กหนุ่มหน้าสวยผู้นี้ตกลงใจ
นทีหนุ่มผู้สุภาพส่ายศีรษะก่อนที่จะสบตากับวิน ชายหนุ่มที่เสน่ห์แรงเป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งโรงเรียน
“ขอโทษจริง ๆ ครับ”แล้วน้ำก็เดินจากไปอย่างไม่มีเยื่อใย แม้การกระทำของเขาจะรุนแรงแต่เขาไม่ต้องการความเห็นใจจากใครทั้งนั้น เขามีแขนเท่ากันขาสองข้างเขาต้องทำได้อย่างที่คนอื่นทำได้ นี่แหละเขา น้ำ ใช่เขาเดินมาบนเส้นด้ายเป็นเวลากว่า ห้า ปี ตอนนี้เขาก็ยังคงเดินอยู่ ถ้าไม่มีสติตกลงไปเขาไม่มีทางกลับขึ้นมาได้อีกแน่นอน
วินมองเด็กน้อยที่แววตามุ่งมั่นแต่บรรยากาศรอบ ๆ ตัวที่คลุกคลุ้งไปด้วยความเศร้าสร้อย กับกลิ่นอายของความเจ็บปวด น้ำ.....ฉันอยากช่วยเธอ ไม่ใช่เพราะสงสารแต่เพราะเป็นเธอต่างหาก.....


โปรดติดตามตอนต่อไป



แนะนำติชมได้ที่บอร์ดนิยายนะคะ...................
1