คำสาบเงือก
ตอนที่ 8
"คนทรยศกับตุ๊กตาที่บุบสลาย"
ห้องนอนของบิดาเป็นห้องขนาดใหญ่ เตียงมโหฬารเสียจนเขาคิดว่าสามารถนอนได้ทั้งครอบครัว
ข้างเตียงมีชั้นเล็กๆซึ่งมีหนังสือวางไว้ไม่กี่เล่ม ผนังด้านหลังมีตู้เสื้อผ้าแบบสร้างติดผนัง
โต๊ะเครื่องแป้งของผู้หญิงตั้งไว้อีกมุมหนึ่งของห้อง ผนังด้านข้างอีกด้านก็มีรูปวาดของนายเอลตันกับนางเบลินดาขนาดใหญ่ติดอยู่
ชลทิศพยายามสำรวจทุกที่ที่เขาคิดว่าควรจะเป็นที่เก็บเซฟลับหรือว่ากำแพงลับ
ไม่รู้ว่าทำไมควรรวยถึงชอบเก็บอะไรให้ลึกลับหายากแบบนี้นะ เขาค้นแม้กระทั่งใต้เตียง
ใต้โคมไฟ หลังชั้นหนังสือแต่ก็ยังไม่พบอะไร
ชลทิศถอนหายใจก่อนจะนั่งลงบนเตียง นาฟเคยสอนเขาว่าอย่ากังวลรีบร้อน
คนบางคนยิ่งรีบร้อนยิ่งมองข้ามสิ่งดีที่เขาละเลยไป ให้ลองนั่งคิดแล้วปล่อยเวลาเข้ามาทำให้สมองปรอดโปร่ง
เขามองข้ามอะไรไปหรือเปล่านะ อะไรที่เขาไม่ได้เข้าไปแตะ ชลทิศสะบัดหน้าก่อนจะรู้ตัว
ใช่แล้ว!! รูปภาพ รูปภาพของคุณเบลินดา ภรรยาฝรั่งของบิดาเขา ใช่สิ
เขาไม่อยากแม้แต่จะมองคู่แข่งทางความรักของแม่ก็เลยไม่ได้สนใจผนังด้านนั้นเท่าไหร่
ชลทิศแทบจะกระโจนเข้าไปที่รูปภาพติดผนัง เขาพยายามที่จะยกมันออกแต่ไม่สำเร็จ
ในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นรางเล็กๆกลมกลืนไปกับลายวอลเปเปอร์ที่ผนัง
รูปภาพนี้ถูกติดแบบถาวรทำเป็นเหมือนประตูเลื่อนนั่นเอง เขาเลื่อนรูปภาพไปทางขวา
มันขยับไปได้อย่างง่ายดาย
ครืน..ครืน รูปภาพเลื่อนไปอีกด้านหนึ่งจนสุด ปรากฏให้เห็นร่องรอยอักขระที่ถูกซ่อนอยู่ด้านหลัง
ชลทิศมือเย็นด้วยความตื่นเต้น หัวใจเขาแทบจะกระดอนออกมาจากอก ในที่สุด!!
ชลทิศได้สังเกตสะกดประตูอย่างชัดเจน ตรงตามรูปถ่ายที่เขาเห็นทุกอย่าง
แต่คราวนี้ชลทิศได้สังเกตใกล้ๆ เขาถึงรู้ว่าลายอักษรที่สะกดประตูนั้นเขียนด้วยเลือด!!
เขาขนลุกซู่ ถึงสีจะเก่าและคล้ำไปตามกาลเวลาก็ตามแต่เป็นรอยเลือดแน่นอน
แถมมีรอยนิ้วมือเปื้อนเลือดติดอยู่เป็นหย่อมๆ คนเขียนสะกดนี้คงจะต้องทรมานก่อนเสียชีวิตแน่
เพราะตัวอักขระบางตัวโย้เย้ไม่เป็นระเบียบ
เขาเริ่มรู้สึกลังเลที่จะเปิดสะกด..ราวกับความกลัวอะไรบางอย่างเข้ามาครอบงำเขา
เสียงนาฬิกาเจ้าคุณปู่ด้านนอกห้องส่งเสียงตีบอกเวลาตีหนึ่งแล้ว ชลทิศถอนหายใจก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ
ตามวิธีการเปิดสะกดที่นาฟเคยสอน...แน่นอนสะกดนี้ไม่มีปัญหาต่อเขาหรอก
แต่ถ้าคนไม่รู้วิธีมาเปิดละก็จะถูกอำนาจอักขระผลักออกไป ไม่นานนักอักขระเหล่านั้นก็เรืองแสงก่อนที่จะเลือนหายไป
สะกดประตูแบบนี้เป็นสะกดที่เมื่อคลายแล้วจะสูญอำนาจ ผนังห้องตอนนี้กลายเป็นผนังเปล่าๆ
ชลทิศยื่นมือเข้าไปเคาะสำรวจก่อนจะสอดมือเข้าที่ช่องลับแล้วดึงออกมา
ผนังด้านนั้นเปิดออกคล้ายประตูเผยให้เห็นช่องลับขนาดสูงสองฟุตกว่าๆ
ชลทิศยื่นมือเข้าไปในความมืดนั้น..
กล่องรูปทรงยาวๆสลักกุญแจใบหนึ่งถูกเก็บไว้ด้านใน ไม่มีอย่างอื่น
ไม่มีเงินทอง ไม่มีเครื่องเพชร กล่องรูปทรงและแบบค่อนข้างเก่าน่าจะมีอายุหลายร้อยปี...หรือว่าเป็นของที่บรรพบุรุษต้นตระกูลเขาซ่อนเอาไว้
บรรพบุรุษเขาที่สจ๊วตเคยเล่าให้ฟังว่ารักกับเงือก
เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานของบิดา หยิบมีดตัดกระดาษและกรรไกรมาแงะกุญแจที่คล้องไว้
สมัยโบราณคงไม่มีตู้เซฟ ไม่เช่นนั้นชลทิศคงจะเปิดแบบนี้ไม่ได้หรอก
สมองของเขากำลังประมวลความคิดและสิ่งที่เขาเจออยู่ กล่องสลักกุญแจ
ห้องลับ สะกดประตูด้านนอก เมื่อเอาทุกอย่างมารวมๆกัน เขาก็พอจะเดาได้ว่า
คนที่ซ่อนของในกล่องนี้กับคนที่เขียนสะกดประตูด้านนอกต้องเป็นคนละคนกัน
คนเขียนสะกดคงจะใช้กำลังเฮือกสุดท้ายเขียนสะกดประตูเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เจ้าของกล่องใบนี้เข้าไปเอาของได้
และแน่นอนคนเขียนสะกดนั้นจะต้องเป็นเงือก เท่าที่เขาเคยฟังจากสจ๊วต
เขาเคยคิดว่าไปว่าเงือกสาวคนรักของบรรพบุรุษนั้นเป็นคนเห็นแก่ตัว
แค่ถูกคนรักทอดทิ้งกลับสาปพวกเขาถึงลูกหลาน...แต่นี่!! มันมีเบื้องหลังอะไรหรือเปล่า
แกร็ก...กุญแจถูกถอดออกมา ชลทิศเสียเวลาไปโขทีเดียว เขาอ้าปากค้างเมื่อเห็นของข้างใน...เศษกระดาษ...ไม่สิ
เศษหนังต่างหาก เพราะถ้าเป็นกระดาษมันคงเปื่อยยุ่ยไปหมดแล้ว มันถูกม้วนอยู่ภายในกล่อง
อะไรกันนี่ของแค่นี้เองหรือ
ชลทิศคลี่มันออกมาดูด้วยมืออันสั่นเทา ก่อนจะพบลวดลายที่ถูกเขียนไว้
แผนที่...แผนที่อะไรสักอย่าง....เขาจ้องดูอยู่ก็รู้สึกว่าเป็นแผนที่ของเกาะในทะเลแห่งหนึ่ง
แต่ด้านล่างของรูปวาดแผนที่นั้นมีอักษรเงือกเขียนอีกยืดยาวคล้ายสะกดอะไรอีกสักอย่างที่เขาไม่รู้ความหมาย
เขาไม่อยากจะเชื่อเลย....สิ่งที่ซ่อนอยู่จะเป็นเพียงแค่แผนที่ สิ่งที่ดูเหมือนจะมีคนแย่งกันหนักหนา
สิ่งที่เป็นต้นเหตุให้พ่อกับพี่น้องเขาหายตัวไป สิ่งที่ทำให้พ่อกับพี่สาวเขาเสียชีวิต....
"นี่มันแผนที่อะไรกันนี่..." เขาพ่นลมบ่นพึมพำออกมา หรือว่าแผนที่เกาะมหาสมบัติอย่างในหนังจริงๆ
"นั่นเป็นแผนที่ของดินแดนสวรรค์ครับ"
เสียงที่จู่ๆดังขึ้นมาทำให้ชลทิศสะดุ้งสุดตัว เขาหันควับไปทางต้นเสียงทันที
ซ่อนของที่กำลังดูอยู่ทางด้านหลัง
ทนายทิมอน ทนายทิมอนยืนกอดอกอยู่ตรงนั้นด้วยรอยยิ้มที่เรียกได้ว่าเจ้าเล่ห์ที่สุด
มือซ้ายยกขึ้นดันแว่นซึ่งเป็นนิสัยประจำตัวซึ่งเขาชอบทำเสมอ
"นาย!! นายเข้ามาได้ยังไง แล้วนี่ตีสองแล้วนะ..." ชลทิศตะโกนอย่างตกใจ
"ผมก็เข้ามาทางประตูสิครับ" เขาพูดอย่างสบายอารมณ์ก่อนจะยื่นมือมาด้านหน้า
"ผมขอให้คุณหนูส่งแผนที่นั่นให้ผมด้วยได้ไหม"
"ไม่..!! นายรู้ได้ยังไงเรื่องแผนที่..ชั้นพึ่งจะ" ชลทิศเหงื่อซึมออกมาทางหน้าผากทั้งๆที่เป็นหน้าหนาว
ทนายทิมอนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเพดาน
"คงไม่มีใครบอกคุณหนูมั้งครับ...ว่าเกือบทุกห้องในคฤหาสน์หลังนี้ถูกติดกล้องวงจรปิดไว้หมด..ทุกอากัปกิริยาของคุณหนูอยู่ในสายตาผมทั้งนั้น"
ชลทิศขนลุก...แสดงว่าทุกครั้งที่เขาไปไหนมาไหนล้วนแล้วแต่อยู่ในสายตาของทิมอนตลอด!!
ชลทิศเดินถอยหลังไปที่โต๊ะทำงาน สายตาเขาเหลือบไปเห็นของสิ่งหนึ่งก่อนที่จะคว้าไว้โดยที่ไม่ให้ทิมอนเห็น
"เอาละครับ...ส่งมาให้ผมได้หรือยัง"
"ไม่" ชลทิศปฏิเสธพร้อมกับเดินช้าเป็นวงไปทางประตู ทนายทิมอนจ้องตอบเขาหมุนตัวตามไปด้วย
"ผมขอคุณหนูดีๆนะครับ อย่าให้ผมต้องใช้กำลัง" มืออีกข้างของทนายทิมอนยกขึ้นมาชลทิศถึงเห็นว่ามันเป็นปืนสั้น
"ถึงคุณหนูจะไปอยู่เกาะซะตั้งนาน แต่ยังไงก็คงจะรู้อานุภาพของอาวุธชิ้นนี้นะครับ
จะส่งมาให้ผมดีๆหรือเปล่า" ชายกลางคนพูดเสียงกร้าวเป็นการข่มขู่
"ไม่!!" ชลทิศชูมือขึ้นมา ทิมอนสะอึกนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่ามันเป็นไฟแช๊ค
"ถ้าคุณเข้ามาใกล้ผมเมื่อไหร่ผมเผามันแน่ ยิ่งแห้งๆแบบนี้ติดไฟดีนักแหละ"
ชลทิศพูดขู่ อย่างน้อยเขาก็มีข้อต่อรองจะสู้กับปืนก็แล้วกัน เขาจ่อเปลวไฟเข้าไปใกล้แผ่นหนังมากขึ้น
ปลายบางส่วนเริ่มติดไฟ ทนายทิมอนวิ่งพรวดเข้ามา ชลทิศได้โอกาสวิ่งลอดออกไปทางประตูอย่างรวดเร็ว
"ไอ้-่า" ทนายทิมอนสบถเสียงดังเมื่อเห็นร่างเล็กวิ่งออกไป
เขากวดออกไปติดๆ แต่ชลทิศวิ่งหลบหลีกตามทางเดินอย่างชำนาญ ปืนนัดหนึ่งเฉี่ยวศีรษะเขาไปไม่ถึงคืบ
ถูกแจกันดอกไม้แตกกระจาย เขาพยายามผลักของประดับชิ้นใหญ่ๆพวกถ้วยโถโบราณลงพื้นเพื่อให้ทิมอนวิ่งตามเขาช้าลง
เสียงปืนลั่นอีกสองนัด คราวนี้มันไม่ได้ผิดเป้าเสียทีเดียว มีนัดหนึ่งถูกที่ต้นแขนเขาอย่างจัง
แรงปะทะทำให้เขาเสียหลักไปพักหนึ่ง เลือดสดๆไหลทะลักออกมา ชลทิศพยายามข่มความเจ็บปวด
ก่อนจะวิ่งไปที่บันได เขาไถลตัวมาตามราวบันไดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งหลบไปที่ด้านหลัง
รอยเลือดหยดเป็นทาง ชลทิศใช้เวลาสักพักก่อนจะหาเศษผ้ารองแจกันมามัดแผลและหุ้มมันไว้ไม่ให้มีเลือดหยดออกมา
เขาหอบหายใจ ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆวิ่งอยู่ด้านนอก ชลทิศหลบวูบเข้าไปในซอก
เขาเห็นทนายทิมอนวิ่งวนอยู่ด้านล่างก่อนจะวิ่งเข้าไปที่อีกด้านหนึ่งของตึก
ชลทิศยังกำม้วนแผนที่ไว้แน่น เหงื่อออกจนโชกไปหมด
แอ๊ด...เสียงเปิดประตูออกมาจากห้องตรงข้าม ไม่ไกลจากที่เขาซ่อนตัวนัก
ชายแก่หลังงองุ้มโผล่หน้าออกมาดูด้วยความตกใจ
"กะ...เกิดอะไรขึ้นหรือครับ...คุณหนู...ผมได้ยินเสียง...."
เสียงพูดตะกุกตะกักดังขึ้น
ชลทิศหันซ้ายขวาสำรวจก่อนจะวิ่งไปที่ห้องของสจ๊วต ห้องของพ่อบ้านอยู่ชั้นล่างเพื่อความสะดวกในการรับใช้
เขารีบผลักประตูปิดอย่างรวดเร็วก่อนจะพิงหอบหายใจ ชายแก่ทำท่าตกใจ
"เลือด...เลือดครับคุณหนู....โจรปล้นหรือครับ"
"ทิมอน...ทิมอนนะสิ!! หมอนั่นทรยศ หมอนั่นอยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของพ่อด้วย!!"
ชลทิศกัดริมฝีปาก เขาไม่กล้าตะโกนดังมากเพราะกลัวทิมอนจะตามมาถูก
ร่างเล็กดันพ่อบ้านให้หลบไปทางตู้เสื้อผ้า
"หมอนั่นมีปืนด้วย สจ๊วตซ่อนตัวในตู้เสื้อผ้าไว้นะ.."
เขาพยายามจะดันพ่อบ้านชราเข้าไปในตู้เพื่อความปลอดภัยพลางหันไปมองที่ประตูเป็นระยะ
ขณะที่เขาจะหันกลับมานั้นก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นที่ซอกคอ ชลทิศหันกลับไปมองด้วยความตกใจ
เขาเซถอยหลังไป ดวงตาเบิกโพลง
ในมือของสจ๊วตถือเข็มฉีดยาอยู่ ตรงปลายของมันยังมีของเหลวบางอย่างหยดออกมาเล็กน้อย
ชลทิศกดที่ซอกคอของตัวเอง เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น สมองเขาหมุนติ้ว
ความมืดเป็นริ้วๆแล่นเข้ามา เขาพยายามที่จะถ่างตาตัวเองออก แต่ร่างกายก็ดูเหมือนจะไม่เป็นใจ
ความมืดเข้ามาครอบคลุม เขาทรุดตัวลงมือข้างที่กำแผนที่เริ่มจะไม่มีแรง
เสียงก็แทบจะไม่ลอดออกจากลำคอ เขาจ้องไปทางสจ๊วต นิ้วเขาคลายออกช้าๆก่อนจะทรุดตัวลงไปกับพื้น
ในความพร่ามัวเขาเหมือนจะเห็นพ่อบ้านยืนยืดตัวตรงขึ้นมา....
ไม่นะ...ทำไม...ชีวิตเขาเมื่อไหร่จะพบความสุข ใบหน้าของบิดาผุดขึ้นมาท่ามกลางความมืด
มือยื่นมาทางเขาเหมือนต้องการที่จะผลักเขาลงทะเลอีกครั้ง เขาร้องเต็มเสียงก่อนที่หน้าบิดาจะเลือนไปแล้วซ้อนด้วยดวงตาสีเลือดที่จ้องเขม็งมาที่เขา
ความเจ็บปวดรวดร้าวทั่วเรือนกาย ใบหน้าของนาฟที่เขาไม่รู้จัก นาฟที่กำลังข่มขืนเขา...!!
ชลทิศส่ายหัวไปมากับความฝันที่เหมือนเป็นจิตใต้สำนึก...ผ้าเย็นถูกวางไว้บนหน้าผาก
พร้อมกับมือนิ่มๆมือหนึ่งกำลังเช็ดตัวเขาด้วยผ้าขนหนู ร่างนั้นกระซิบข้างหูเขาเบาๆ
"นายปลอดภัยแล้ว...ใจเย็นๆ นั่นมันแค่ฝันนะ ไม่ต้องกลัว"
เสียงแผ่วเบาอ่อนโยนทำให้ชลทิศรู้สึกตัว เขาพยายามลืมตาฝืนความเจ็บ
ที่นี่ที่ไหน เขาจำได้ว่าเขาถูกสจ๊วตฉีดยาอะไรบางอย่างเข้าไป แล้วเขาก็หมดสติ
ในมือของเขาตอนนี้ว่างเปล่า ไม่อยากจะเชื่อว่าสจ๊วตกับทิมอนจะเป็นพวกเดียวกัน
ทำไมเขาไม่เฉลียวใจก่อนนะ...
บรรยากาศภายในห้องมืดสลัว เขาหันไปมองเจ้าของเสียงอ่อนโยนนั้น แต่เห็นเป็นเพียงเงาตะคุ่มๆ
ชลทิศพยายามจะเพ่งสายตามอง
"นายบาดเจ็บน่ะ..แถมยังจับไข้ตั้งหลายวัน" ร่างนั้นบอกชลทิศ
เขาเว้นระยะไปสักพักก่อนจะพูดต่อ "ผู้ชายคนนั้นสั่งหมอมาดูอาการของนาย
ท่าทางเขาจะห่วงนายมากเลยนะ....นายเป็นคนรักของเขางั้นหรือ....."
ชลทิศแทบไม่ได้ฟังร่างตรงข้ามเขาพูดเลย เมื่อสายตาเขาปรับเข้ากับความมืด
เขาอุทานด้วยความตกใจ
"ดีเร็ก!!" ชายตรงหน้าคือพี่ชายต่างแม่ของเขา ดีเร็ก ซิลเวอร์สโตน
ที่หายตัวไปพร้อมกับบิดาและพี่สาว ร่างเล็กมีรูปร่างบอบบางเหมือนที่เห็นในรูปถ่ายจริงๆ
ผมสีทองละเอียดพร้อมกับผิวสีงาช้างเปล่งประกายในความมืด ชลทิศเหม่อมองอยู่สักพัก
ร่างตรงข้ามที่ผอมอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งดูซูบกว่าเดิม แถมประกายตาก็ดูไม่สดใส
"พี่ชาย" ชลทิศเรียกดีเร็ก ร่างนั้นสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะจ้องตอบด้วยสายตาประหลาด
"..นะ....นายคือลูกของคุณนงนภัส..." เสียงพูดตะกุกตะกัก
ชลทิศยิ้มทั้งน้ำตา...ใช่แล้ว ตรงหน้าเขาคือสายเลือดสนิทเพียงคนเดียวของเขาที่ยังอยู่
ชลทิศโผเข้าไปกอดดีเร็ก แต่ดีเร็กขืนตัวไว้ ชลทิศหน้าเสีย หรือว่าดีเร็กไม่ยอมรับเขาเป็นน้อง
"ขอ...ขอโทษนะ" เสียงขอโทษแผ่วเบาดังมาจากปากพี่ชาย
"นายเรียกชั้นว่าดีเร็กดีกว่า เหมือนที่ดีน่าเรียก"
ชลทิศกับดีเร็กคุยกันได้สักพัก ดีเร็กไม่ทราบมาก่อนว่าบิดาและดีน่าเสียชีวิตแล้ว
เขาแทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินข่าวนั้น เขาคร่ำครวญแต่คำว่าไม่เชื่อ..ไม่เชื่อ..
"ไหน...ไหนผู้ชายคนนั้นบอกว่าจะไว้ชีวิตพ่อและดีน่า....ไอ้หมอนั่นมันเป็นคนหลอกลวง...หลอกแค่ชั้นยังไม่พอ..เพราะชั้นแท้ๆ
ทำให้พ่อกับดีน่าต้องตาย" ร่างบางสั่นไหวราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
ชลทิศเข้าไปโอบ คราวนี้ดีเร็กไม่ได้แข็งขืน เขารู้สึกอยากจะปกป้องคนๆนี้..พี่ชายผู้อ่อนแอของเขา
ดีเร็กกอดตอบชลทิศแน่นจนแผลที่ถูกยิงเลือดซึมออกมา แต่ชลทิศเหมือนไม่รู้สึกตัว
ชลทิศสงสัยกับคำพูดของดีเร็กมาก พี่ชายเขาพูดเหมือนจะรู้จักคุ้นเคยกับคนที่จับตัวมาก่อนหน้าอย่างนั้นแหละ
"เอ่อ...ดี.ดีเร็ก..ใครคือผู้ชายคนนั้นงั้นรึ...ทนายทิมอนหรือเปล่า"
ชลทิศถามหยั่งเชิง เพราะเขาเองก็ถูกทิมอนไล่ยิง แถมทิมอนเองยังเป็นญาติห่างๆของบิดาเขาอีก
ดีเร็กก้มหัวลงนิดหนึ่งพร้อมกับถอนหายใจ เขาเริ่มควบคุมตัวเองได้แล้ว
"ทิมอนหรือ...ทนายทิมอนน่ะไว้ใจไม่ได้มาแต่แรกแล้ว...ชายคนนั้นแอบโกงเงินของบริษัทเล็กๆน้อยๆอยู่เสมอ...ใครมีเงินทิมอนก็ทำงานให้ทั้งนั้นแหละ...แต่ไอ้หมอนั่นนะสิ!!
เข้ามาหลอกชั้น..ทำให้ชั้นไว้ใจ เสร็จแล้วก็ทรยศ...ทำกับฉันเหมือนของเล่น"
ดีเร็กพูดเสียงสั่นขึ้นเรื่อยๆ คำสุดท้ายเขากลืนก้อนสะอื้นลงคอไป
ชลทิศได้ฟังก็ยังเดาอะไรไม่ถูกอยู่ดี แต่เขาไม่อยากถามซ้ำเพราะดูท่าทางดีเร็กคงจะเล่าไม่ออก
เขาจึงพยายามเปลี่ยนหัวเรื่อง
"แต่ที่ผมไม่อยากเชื่อก็คือสจ๊วต....ทำไมพ่อบ้านสจ๊วตถึงทรยศผมได้.."
ชลทิศพูดเหม่อ ยกมือข้างที่ไม่เจ็บลูบคอเบาๆ
"สจ๊วต.." ดีเร็กหยุดสะอื้น หันมาฟังเขาอย่างสนใจ
"ตอนที่ผมกำลังหนีทิมอนอยู่ สจ๊วตนี่แหละที่เอายาอะไรไม่รู้มาฉีดใส่ผม
พอรู้สึกตัวอีกทีก็มาโผล่ที่นี่แล้ว" ชลทิศอธิบายอย่างย่อให้พี่ชายฟัง
"ไม่จริง!! สจ๊วตน่ะเป็นพ่อบ้านที่ทำงานกับเรามาหลายสิบปี ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ของผม
สจ๊วตนะไม่มีวันทรยศพวกเราหรอก..เขาเลี้ยงพ่อผมมากับมือด้วยซ้ำ พวกเราเป็นเหมือนครอบครัว"
ดีเร็กพูดเถียง
"ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าชายแก่หลังค่อมคนนั้นจะทรยศผม..
พวกเขาอุตส่าห์เดินทางไปรับผมถึงเมืองไทยแท้ๆ" ชลทิศถอนหายใจนึกภาพเมื่อตอนที่พบกันครั้งแรก
สจ๊วตเข้ามากอดเขา...คุยเรื่องราวต่างๆให้เขาฟัง
ดีเร็กหรี่ตามองอย่างครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยปากขอให้ชลทิศเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง
"นายถูกหลอกแล้วล่ะ.." ดีเร็กถอนหายใจ
เขายกมือปาดหัวตา "ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่สจ๊วต"
ชลทิศอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อถือ...ดีเร็กไม่ได้เห็นสักหน่อยทำไมถึงกล้าพูดจริงจังแบบนี้
"ทำไม!...!?"
"นายบอกว่าสจ๊วตหลังค่อมใช่ไหม..." ดีเร็กถามช้าๆ ชลทิศหยักหน้ายืนยัน
"งั้นชั้นบอกไว้เลยตรงนี้ซะเลย...สจ๊วตหลังไม่ค่อม และอีกอย่างสจ๊วตสูงไม่เกินร้อยหกสิบเซนต์"
ดีเร็กพูดช้าๆชัดๆ จ้องตาชลทิศ คราวนี้เป็นฝ่ายที่ชลทิศต้องตกใจบ้าง
เพราะสจ๊วตที่เขารู้จักนั้นถึงจะแก่หลังค่อมแต่ตัวสูงใหญ่เขากะความสูงไม่ถูกเพราะว่าแกค้อมตัวลงตลอดเวลา
แต่ถึงขนาดค่อมแล้วแกก็ยังสูงกว่าชลทิศ
ชลทิศเห็นประกายน้ำตาจากดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของดีเร็ก....ปากร่างบางสั่นเล็กน้อย
"สจ๊วตเองคงจะมีชะตาชีวิตไม่ต่างจากพ่อและดีน่า.." เขาพูดเสียงพร่า
"นะ...นายหมายความว่า...ตาย!" ชลทิศอ้าปากค้างแบบไม่เชื่อถือ...
"แต่สจ๊วตตัวปลอมที่ผมรู้จักนั้นรู้เรื่องราวพวกคุณเป็นอย่างดี...แถมเขายังรู้จักผม
รู้จักแม่ผม...เล่าเรื่องราวของพวกคุณให้ฟังเป็นวันๆ...ผมไม่อยากจะเชื่อ!"
ชลทิศพูดเสียงดังแบบไม่รู้ตัว
"แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าเรื่องพวกนั้นมันจริง" ดีเร็กพูดเสียงเครียด
ก่อนจะถอนหายใจ "พวกนั้นเข้าใกล้นายก็เพื่อให้นายตายใจเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับนายให้ฟังต่างหาก"
ชลทิศหน้าเสีย...ใช่สิ เขาไว้ใจสจ๊วตมาก เล่าเรื่องส่วนตัวเขาให้ฟังแทบทุกเรื่อง
ทั้งเรื่องที่เกาะ...อักขระโบราณ แม้กระทั่งนาฟ...แต่เขาไม่ได้เล่าทุกอย่างให้สจ๊วตฟังหรอก
เมื่อยามที่กล่าวถึงนาฟเขาจะพยายามข้ามมันเสีย
หรือว่านี่เองคือเหตุผลที่ทิมอนเปลี่ยนคนใช้ใหม่หมด...ไม่ใช่เพราะว่าต้องการจะประหยัดหรือว่าปล่อยความลับรั่วไหลอะไรหรอก
แต่เป็นการปกปิดตัวตนที่แท้จริงของพ่อบ้านตัวปลอมต่างหาก!!
"ถ้ามีเงินซะอย่างนายจะตามสืบเรื่องของใครก็ได้ ชายคนนั้นถนัดอยู่แล้วในเรื่องปลอมตัวพร้อมกับหลอกให้คนอื่นไว้ใจ..."
ดีเร็กพูดเสียงเบา ชลทิศสะดุ้งจากภวังค์
"นายรู้จักงั้นรึ!"
"ทั้งพ่อชั้นทั้งดีน่า...ต่างก็เชื่อถือเขา..." ร่างเล็กพูดต่อราวกับลืมตัว
"ใคร!!" ชลทิศลืมความเจ็บของแขนตัวเองจับไหล่ดีเร็กไว้แน่น
ดีเร็กกัดปากตัวเองจนห้อเลือด น้ำตาหยดตามร่องแก้ม
"บอกผมสิ ดีเร็ก...ใคร!" เขาเริ่มเขย่ามือ ผมสีทองปลิวไปตามแรง
"เฟอดินาน กิลกาเมซ" ชื่อนั้นเล็ดลอดออกจากปากสีชมพูห้อเลือด
ชลทิศทวนชื่อที่ได้ยินมาซ้ำ ใช่ว่าเขาไม่รู้จัก...ชายหนุ่มที่มาเทคโอเวอร์บริษัทของบิดาเขา
ชายหนุ่มซึ่งตระกูลร่ำรวยติดอันดับโลก "เฟอดินาน กิลกาเมซ"
เพียงแต่เขาไม่เคยพบตัวจริงของหนุ่มคนนั้นมาก่อน...เห็นแต่รูปถ่าย
แต่เขาไม่อยากจะเชื่อจริงๆ