คำสาบเงือก
ตอนที่ 9
ชายคนนั้นชื่อ "เฟอดินาน กิลกาเมซ"
ชลทิศมัวแต่ครุ่นคิดเสียจนไม่ทันได้มองดีเร็กซึ่งตอนนี้ทำหน้าราวกับสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง
ร่างบางกัดปากแน่น ตัวสั่น ชลทิศไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมาก่อน
เขาไม่ทราบว่าทั้งคู่คบกันถึงขั้นไหน..แค่เพียงสงสัยระแคะระคายอะไรเล็กน้อย
จนกระทั่งดีเร็กทรุดลงไปกับพื้นนั่นแหละเขาถึงตกใจจนตั้งตัวไม่ติด
ชลทิศตะโกนร้องให้คนช่วยเสียงดัง เขาพยายามเข้าไปพยุงดีเร็ก แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่แข็งแรงดี
เขาตระคองดีเร็กไว้ในอ้อมแขน ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที เสียงฝีเท้าหลายคู่ก็ตรงมาทางประตู
ชลทิศพยายามเพ่งสายตามองฝ่าความมืดไปที่แสงของประตูที่แง้มเปิดออกมา
"เปิดไฟหน่อยสิ" เสียงหญิงสาวคนหนึ่งสั่งขึ้น ไฟทั้งห้องสว่างขึ้นพริบตา
ห้องสีขาวขนาดเล็กที่ไร้การตกแต่งใดๆปรากฏขึ้นต่อหน้า
สาวชาวเอเชียคนหนึ่งใส่เสื้อกาวน์สีขาวยืนอยู่กลางห้องพร้อมกับชายอีกสองคนซึ่งถือกล่องอะไรบางอย่างไว้ในมือ
เธอเดินตรงรี่เข้ามาที่ดีเร็ก จับโน่นจับนี่แล้วก็ถอนหายใจโล่งอก
"พาดีเร็กไปที่เตียงทางโน้นสิ" เธอออกคำสั่งพร้อมกับให้ลูกน้องของเธออุ้มดีเร็กขึ้นมา
ชลทิศอ้าปากถาม
"ดีเร็กเป็นยังไงบ้าง"
"แค่ตกใจนิดหน่อยนะ เลยเป็นลม..แล้วอาการของเธอล่ะ ดีขึ้นไหม"
เธอเข้ามาจับแผลของชลทิศพร้อมกับเอามืออังหน้าผาก ชลทิศหันหน้าหนีด้วยความไม่ไว้ใจ
เธอยิ้มออกมานิดหนึ่ง ก่อนจะจับคางของชลทิศหันไปเผชิญหน้าอย่างแรง
ชลทิศอุทานออกมา
"แข็งแรงดีแล้วนี่...หึ..คุณเฟอดินานนี่ก็เข้าใจหาของเล่นนะ
เห็นไม่ค่อยจะมาที่นี่ตั้งนาน ที่แท้ก็ไปมีตุ๊กตาตัวใหม่นี่เอง"
เธอพูดสำเนียงดูถูก ชลทิศขืนหน้าหนี เขาปัดมือเธอออก
"ไม่เอาน่ะซิซิเลีย เลิกเล่นได้แล้ว คุณเฟอดินานสั่งว่ายังไง"
เสียงห้าวๆเสียงหนึ่งดังจากทางประตู
"ชั้นก็แค่เช็คสุขภาพตามปรกติ นายไม่ต้องมาจับผิดชั้นมากได้ไหม"
เธอหันไปเถียงก่อนจะยักไหล่
ชายหนุ่มคนที่เข้ามาทีหลังไม่ได้สนใจชลทิศ เขาหันไปสั่งลูกน้องอีกสองคนที่ตามมาด้วยให้เข็นเตียงของดีเร็กออกไปนอกห้อง
ชลทิศมองตามก่อนจะตะโกน
"นายจะพาดีเร็กไปไหนนะ!!" เขาตกใจแถบจะถลันลงจากเตียง
แต่ก็ถูกหมอสาวยึดไว้ เธอหยิบเข็มฉีดยาอะไรบางอย่างเข้ามาฉีดใส่เขาอีก
"ก่อนที่จะห่วงคนอื่นน่ะ ห่วงตัวเองซะก่อนเถอะ" เสียงแว่วๆของหมอสาวที่ชื่อซิซิเลียลอดมาเข้าหู
คราวนี้ชลทิศลืมตาขึ้นมาในห้องผนังสีเทา ตรงผนังห้องมีไฟสีเรืองๆติดไว้สี่มุม
โซฟาตัวใหญ่วางไว้ชิดผนัง มีตู้เหล็กวางไว้มุมหนึ่งของห้อง ห้องนี้ขนาดไม่ใหญ่นัก
ไม่มีหน้าต่างสักบาน ชลทิศพยายามขยับตัว แต่แล้วเขาก็รู้สึกได้ว่าแขนขาถูกตรึงไว้กับสายโซ่บนผนัง
ส่วนขาถูกจับแยกออกจากกัน ชลทิศรีบก้มลงมองตัวเอง ความกลัวบางอย่างแล่นเข้ามาในใจ
เขาถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นว่าตัวเองยังแต่งตัวเรียบร้อย
ครืดๆ เสียงผนังด้านข้างเลื่อนเปิดออกมา ชลทิศรีบหันไปมอง ร่างสูงใหญ่ใส่แว่นคุ้นตาร่างหนึ่งเดินเข้ามา
ดวงตาของชลทิศแวววับด้วยความแค้น
"สวัสดียามบ่ายครับคุณหนู ในที่สุดก็ฟื้นสักที"
"แก..ไอ้คนทรยศ ไอ้เลว!" ชลทิศตะโกนพร้อมกับขยับตัวไปข้างหน้าอย่างสุดแรงจนโซ่เหล็กขยับส่งเสียงเคร้งคร้าง
"แหม เจอหน้ากันก็ทักทายอย่างสนิทสนมเลยนะครับ" ทนายทิมอนยิ้มมุมปาก
ก่อนจะพูดต่อ
"ผมไม่ได้อยากจะมาทะเลาะกับคุณ..แต่เราจะมาตกลงอะไรกันต่างหาก"
ชลทิศแค่นยิ้ม เขาพอจะเดาได้อยู่แล้วว่าทิมอนต้องการอะไรจากเขา แผนที่ที่ถูกแย่งกลับไปได้ถึงแม้เหลือบสายตาผ่านนิดเดียวเขาก็รู้แล้วว่าสิ่งที่เขียนอยู่บนนั้นเป็นภาษาเงือก
ในเมื่อเจ้าพวกนี้อ่านภาษาเงือกไม่ออก...แต่สิ่งที่พวกนี้มันตามหาอยู่คืออะไรกันล่ะ
"ชั้นไม่ได้อยากจะตกลงอะไรกับนาย ! พวกนายมันก็พวกสารเลว ฆ่าพ่อแม่พี่น้องของฉัน!
แกเอาดีเร็กไปซ่อนไว้ไหน" ชลทิศตะโกนก้อง เขาหอบหายใจด้วยความโกรธ
ทนายทิมอนยืนเฉยราวกับรูปปั้น
"คุณหนูไม่รู้ความจริงอะไรสักอย่าง ไม่แน่ว่าถ้าคุณหนูรู้เรื่องทั้งหมดคุณหนูอาจจะมาร่วมมือกับพวกเราก็ได้.."
ทนายทิมอนพูดต่อแต่ไม่ทันจบประโยคก็ถูกเสียงของชลทิศตะโกนดังกลบ
"ไม่มีวัน ไอ้คนสารเลวอย่างพวกแกน่ะ! !"
ผัวะ! ! ฝ่ามือใหญ่ตบลงมาบนหน้าอย่างไม่ปราณีปราศรัย หน้าสวยสะบัดไปตามแรง
มุมปากเลือดไหลซิบๆออกมา ทนายทิมอนยืนหอบอยู่ด้านข้าง ดวงตาฉายแววอะไรบางอย่าง
"แกไม่รู้อะไร! พ่อแม่พี่น้องของแกต่างหากที่เป็นพวกสารเลว
ถ้าแกไม่มีเลือดของคุณนงนภัสครึ่งนึงล่ะก็ แกได้ตายด้วยมือชั้นไปหลายรอบแล้ว"
เสียงตะคอกด้วยความโกรธดังกรอกหู ชลทิศตกใจเมื่อได้ยินชื่อมารดาออกมาจากปากของทนายประจำตระกูล
"พอได้แล้ว ทิมอน ก่อนที่นายจะลงไม้ลงมือกับของๆชั้นจนเสียหายมากไปกว่านี้"
เสียงเฉยชาดังขึ้นมาขัดจังหวะ ทนายทิมอนหอบหายใจ ก่อนจะถอยกายออกไปอีกด้าน
ชลทิศพยายามหาที่มาของเสียง เสียงนั่นพูดราวกับว่าเห็นการกระทำทุกอย่างเขาพวกเขา
"ขอโทษครับ คุณเฟอดินาน" ทนายทิมอนพยายามระงับอารมณ์ก่อนตอบ
เขาหันหน้าไปทางผนังห้อง ชลทิศจึงรู้ได้ว่า อีกฝากหนึ่งของผนังนั้นอยู่ด้วยเฟอดินาน
กิลกาเมซ ชายที่เขาเพียงแค่เห็นรูปถ่าย..
จู่ๆ ผนังที่กั้นห้อง ฝากตรงข้ามก็เลื่อนลงช้าๆ
ทนายทิมอนยืนอยู่ชิดผนัง ชลทิศจ้องที่ผนังที่เลื่อนลงอย่างแน่วแน่
แต่แล้วเขาก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นว่าร่างที่อยู่ด้านตรงข้ามเป็นร่างที่คุ้นตา..
ทิมอนก้มหัวทำความเคารพ
"สจ๊วต..!" ชลทิศพูดเสียงแหบ อย่างคาดไม่ถึง ถึงแม้เขาจะรู้แล้วว่าสจ๊วตที่เห็นนี่เป็นตัวปลอม
แต่ว่า...นี่มัน!
ร่างชายแก่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามลุกขึ้นยืนเต็มที่ ตอนนี้ร่างที่เห็นแทบไม่มีเค้าของความชราเหลืออยู่เลย
ชายตรงหน้าที่เห็นมีความสูงกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร รูปกายกำยำ
ชลทิศเองเห็นแต่สจ๊วตทำตัวห่อๆตลอดเวลาจึงไม่เคยใส่ใจรูปร่างของพ่อบ้านตัวเอง
เขาเคยคิดแต่ว่าคนฝรั่งก็ตัวใหญ่แบบนี้ทั้งนั้น ร่างนั้นยิ้มบางๆ
"ชั้นให้แกมาตกลงกับคุณหนู ไม่ได้ใช้ให้มาลงไม้ลงมือสักหน่อยใช่ไหม"
เสียงพูดเรียบๆ แต่ฟังแล้วเย็นเสียดกระดูก ทนายทิมอนรีบก้มหัวลง
ถึงแม้จะเป็นเสียงคุ้นหู แต่ตอนนี้ไม่มีการดัดให้แหบหรือว่าให้ทุ้มลง
ทำให้ชลทิศรู้สึกแปลกๆ เสียงที่ได้ยินทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ฟังดูเฉยชาไร้น้ำใจ สัญชาตญาณทำให้เขาขนลุกซู่
หมัดลุ่นๆสวนเข้าไปที่ใบหน้าของทนายทิมอนอย่างจังจนร่างใหญ่ล้มกระเด็นไปอีกทาง
รอยแหวนปรากฏเป็นรอยที่ใบหน้าพร้อมกับรอยเลือด
"ขอโทษครับ..คุณเฟอดินาน ผมแค่ระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้"
ร่างใหญ่รีบลุกขึ้นมา เก็บแว่นก่อนจะยืนขึ้นเช็ดมุมปาก
"เฟอดินาน กิลกาเมซ" ชลทิศพูดเบาๆ แต่สายตาไม่ได้ละไปจากหน้าคนตรงข้าม
ร่างที่ถูกเรียกชื่อหันมามอง
"จริงๆ คงจะไม่ต้องแนะนำตัวแล้วล่ะมั้ง ในเมื่อพวกเรารู้จักกันมากว่าสามเดือน"
"แก.. !" ชลทิศพูดเสียงรอดไรฟัน สัญชาติญาณรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับงูพิษ
ร่างตรงข้ามเขายกมือขึ้นลูบใบหน้า ราวกับแปลงร่าง แผ่นหนังบางๆแผ่นหนึ่งลุดลอกออกมา
วิกผมสีดอกเลาก็เลื่อนหลุดเป็นลำดับที่สอง ก่อนจะจับกรามตัวเองดึงสิ่งที่อยู่ในปากออกมาอีก
ชลทิศตาค้างกับสิ่งที่เห็น แน่นอน ชายตรงหน้าเขาตอนนี้ไม่เหลือเค้าความแก่อยู่เลย
ผมสีน้ำตาลทองเหมือนในภาพถ่ายที่ติดในห้องบิดาที่เขาเคยเห็น แต่ถูกรวบไว้ด้านหลัง
โครงหน้าสี่เหลี่ยม คิ้วเรียว ดวงตายาวรีสองชั้น ตาสีดำที่ดูลึกลับ
แน่นอน เฟอดินาน กิลกาเมซ เป็นผู้ชายแบบที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันจริงๆ
ไม่ว่าทั้งจะด้านความหล่อและความร่ำรวย เพียงแต่ว่าชลทิศรู้สึกได้แต่ความเย็นชาที่แผ่ออกมากดดันเขา...
"ชั้นจะให้นายพาชั้นไปที่เกาะแห่งสวรรค์.." เสียงเยือกเย็นพูดตรงจุดประสงค์ทันที
สายตาสองคู่มองประสานกัน
"ไม่" ชลทิศพูดคำเดิม สายตาไม่ได้ละไปจากหน้าตรงข้าม ร่างนั้นยิ้มบางๆที่มุมปาก
"ท่าทางจะดื้อด้านน่าดูนะเนี่ย...ท้าทายดีชั้นชอบ" เฟอดินานเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของชลทิศ
ก่อนจะถามอีกครั้ง "ชั้นถามนายอีกครั้ง นายจะพาชั้นไปเกาะแห่งสวรรค์หรือไม่"
"ไม่ !" ชลทิศยืนยันคำเดิม เขาคาดว่าอาจจะมีการลงไม้ลงมืออะไรตามมาอีก
แต่เขาก็คาดผิดเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ
"ฮ่าๆๆ พวกนายทั้งตระกูลนี่หัวแข็งเหมือนกันหมด แต่ก็ดีชั้นจะได้มีอะไรเล่นอีกหน่อย"
แต่แทนที่บรรยากาศจะผ่อนคลาย ชลทิศกลับรู้สึกถึงความตึงเครียดมากขึ้น
แววตาของร่างตรงข้างยังเย็นชาราวกับน้ำเข็ง ผิดกับปากที่ส่งเสียงหัวเราะออกมา
"นายนี่หน้าตาคล้ายดีเร็กนะ ราวกับด้านตรงข้ามกัน...นายดูเข้มแข็งแต่ดีเร็กอ่อนแอ..ผมสีทองกับผมสีดำ..."
เฟอดินานยื่นมือไปจับผมสีน้ำตาลเข้มของชลทิศ ร่างเล็กสะบัดหัวหนี
ร่างตรงข้ามหยุดสักพักก่อนจะหันหน้าไปหาชายที่ยืนเงียบตรงมุมห้อง
"ถอดเสื้อผ้ามันออก" ร่างนั้นสั่งก่อนจะเดินหันกลับไปที่ห้องอีกฝาก
ดวงตาของชลทิศเป็นประกายด้วยความกลัวเมื่อทิมอนก้าวเข้ามา
เขารู้สึกเหมือนเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และผลสุดท้ายทำให้ร่างกายเขาแทบแหลกสลาย
"ไม่นะ. ! ! !ไม่" ชลทิศตะโกนสุดเสียงด้วยความกลัวอะไรบางอย่าง
แววตาสับสน ทนายทิมอนหยุดลังเลก่อนจะหันไปมองเจ้านาย
"ชั้นสั่งยังไงก็อย่างนั้น หาวิธีทำให้หยุดปากเองก็แล้วกัน
แต่อย่าให้เจ็บมากล่ะ" เฟอดินานพูดเสียงเย็นชา ก่อนจะนั่งลงหยิบน้ำขึ้นมาจิบราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
เสียงของชลทิศเหือดหายไปเมื่อมือแข็งแกร่งข้างหนึ่งเข้ามาบีบคอ เขาได้แต่เค้นเสียงลอดออกมาได้เพียงเล็กน้อย
มือที่ถูกพันธนาการดึงโซ่จนตึง มือผู้รุกรานอีกข้างก็ฉีกกระชากเสื้อเขาลงมาอย่างแรงจนหลุดติดมือ
ชลทิศเกร็งตัวแน่น
ทนายทิมอนเริ่มเลื่อนมือทั้งสองลงมาที่กางเกงของร่างเล็ก ชลทิศร้องห้ามอีกครั้งจนถูกต่อยที่ท้องน้อยอย่างแรงหลายที
เขาหอบหายใจ จุกเสียดจนไม่มีแรงเหลือปล่อยให้ทนายทิมอนถอดกางเกงเขาลงช้าๆ
จนมากองที่ข้อเท้า ขาของร่างเล็กถูกยึดติดไว้กับผนังจึงไม่สามารถดึงออกมาได้
มีดพับบางๆเล่มหนึ่งถูกดึงออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะตัดผ้าเนื้อหนาขาดออกจากกัน
เนื้อเหล็กเย็นๆสัมผัสกับผิวเปลือยก่อนจะสอดเข้าไปตัดปราการชิ้นเล็กสุดท้ายที่ปิดบัง
ส่วนสำคัญออกปรากฏสู่สายตา
เมื่อจัดการตามคำสั่งเรียบร้อยแล้วทิมอนก็เก็บเศษผ้าที่พื้นไปกองรวมกันที่มุมห้องก่อนจะเดินไปยืนติดผนัง
หน้าตาเขาเรียบเฉยราวกับไม่มีความรู้สึกอะไร
ในที่สุดชลทิศก็หอบหายใจหันไปมองร่างตรงข้าม เฟอดินานไม่ได้ขยับตัวลุกออกจากที่
สายตาของเขามองสำรวจเหยื่อที่จับมาได้ทุกซอกทุกมุม รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นที่มุมปาก
"นายมีร่างกายที่สวยงามนะ..ถึงแม้จะมีรอยแผลเป็นมากไปหน่อยก็เถอะ"
เสียงลอดริมฝีปากบางออกมา
ชลทิศกัดปากตัวเอง เขาไม่ยอมตอบคำ แน่นอนร่างกายที่สำบุกสำบันอยู่ในเกาะหลายปีคงจะสวยงามเหมือนคนที่ถูกทะนุถนอมไม่ได้แน่
เขามีกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบที่ผู้ชายทุกคนมี แต่ไม่ได้มากมายราวกับพวกนักกล้าม
ผิวสีแทนแบบเหลืองทอง ผิดแต่ว่าเขาไม่สูงใหญ่เหมือนพวกฝรั่งเท่านั้นเอง
ชลทิศสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบห้าซึ่งนับว่าสูงกว่ามารตราฐานชายไทยเล็กน้อย
เฟอดินานโยนสิ่งของบางอย่างมาตกที่ตรงหน้าของชลทิศ ชลทิศเห็นว่าเป็นแหวนทองเหลืองค่อนข้างใหญ่อันหนึ่ง
ทนายทิมอนเดินเข้ามาหยิบราวกับรู้อยู่แล้ว เขาเดินเข้ามาชิดชลทิศ
ก่อนจะเคลื่อนไหวมือ
"ไม่น่ะ..นายจะทำอะไร ! !" ชลทิศตะโกนอย่างตกใจ เมื่อมือของทนายทิมอนเข้ามาจับส่วนที่อ่อนไหวบอบบางที่สุดของเขา
เขาสูดหายใจลึกเมื่อรู้สึกถึงห่วงทองเหลืองที่เข้ามาสวมรอบ
"ชั้นไม่ทำอะไรนายหรอกน่า...เพียงแต่จะให้นายดูโชว์อะไรบางอย่าง
ถ้านายออกมาก่อนก็หมดสนุกน่ะสิ" เฟอดินานพูดยิ้มๆก่อนจะพยักเพยิดให้ทิมอนหยิบอะไรบางอย่างในตู้ออกมา
"ไอ้..." เสียงของชลทิศถูกปิดด้วยลูกกลมๆ ที่ยัดเข้ามาไว้ในปาก
ก่อนที่สายหนังจะถูกรัดให้แน่นไว้ที่ใต้ท้ายทอย ชลทิศได้แต่ส่งเสียงอึกอักอยู่ในลำคอ
ทนายทิมอนเดินออกจากห้องไปราวกับรู้หน้าที่ เสียงประตูเลื่อนเข้ามาปิดดังคลิ๊ก
ความเงียบเข้ามาครอบงำได้ยินแต่เสียงหอบหายใจ
"งั้นนี่ก็ได้เวลาที่โชว์จะเริ่มแล้วสินะ" เฟอดินานลุกขึ้นจากเก้าอี้
ร่างสูงเดินลึกเข้าไปในห้อง แน่นอนชลทิศไม่เคยสังเกตรายละเอียดมาก่อน
ห้องอีกฟากหนึ่งมีเตียงตัวใหญ่ตั้งอยู่ ผ้าคลุมเตียงถูกเลิกขึ้นช้าๆ
ร่างขาวโพลนร่างหนึ่งถูกมัดนอนคู้อยู่บนเตียง ผมสีทองกระจายอยู่เต็มหมอน
"อื้อ.. !" ชลทิศตะโกนอยู่ในคออย่างตกใจ แน่นอนร่างที่เขาเห็นนั้นคือดีเร็ก
พี่ชายคนเดียวของเขา เขาพยายามสะบัดมือไปมา ข้อมือของดีเร็กถูกมัดไว้ด้วยเชือกเส้นใหญ่
ปากก็ถูกเศษผ้ามัดไว้ด้านหลังไม่ให้มีเสียงลอดออกมา มิน่าเขาจึงไม่ได้ยินเสียงอะไร
ดีเร็กหลับตาแน่น หอบหายใจราวกับไม่สามารถบังคับตัวเองได้ เฟอดินานเดินเข้าไปดึงเศษผ้าที่มัดอยู่ที่ต้นคอของร่างบางออก
ถึงแม้จะเป็นอิสระแต่ชลทิศก็ไม่ได้ยินเสียงของพี่ชายลอดออกมาจากลำคอ
ดีเร็กกัดปากตัวเองแน่นราวกับไม่ต้องการให้เสียงออกมา
"ชั้นรอตั้งนานกว่าที่โชว์นี้จะเริ่ม พวกนายสองคนหมดสติไปนานพอดู"
เฟอดินานพูดเบาๆ เขายกมือลูบต้นขาร่างบางบนเตียง ดีเร็กสะดุ้ง พยายามบิดตัวออกห่าง
ผิวเนื้อเริ่มเป็นสีชมพู
"พวกนายสองคนต่างกันจริงๆ ดีเร็กนะมีผิวราบลื่นสวยงามราวกับผ้ากำมะหยี่
ไม่เชื่อนายลองดูสิ" ไม่พูดเปล่า เฟอดินานจ้องมาที่ชลทิศแบบท้าทาย
ส่วนมือก็ลูบอยู่ที่ร่างเล็ก ชลทิศพยายามดึงตัวออกสุดแรง แต่ก็ไม่เป็นผล
เขาได้แต่ปล่อยให้ชายคนนั้นลูบไล้เรือนร่างบอบบางของพี่ชายอย่างลามปาม
ร่างของดีเร็กแทบจะถูกโลมไล้ไปทั่ว ร่างเล็กบิดตัวเร่าราวกับจะบังคับต่อต้านอะไรบางอย่าง
ผมสีทองเคลื่อนไหวราวกับเต้นระบำอยู่บนเตียง เฟอดินานเริ่มใช้ปากโลมเล้าไปพร้อมๆกัน
ชลทิศเห็นร่างใหญ่จับตัวพี่ชายเขาแอ่นขึ้น ปากไล้เลียไปที่ติ่งเนื้อสีชมพูที่ชูชันขึ้นมา
ชลทิศรู้ดีว่าอารมณ์แบบนี้เป็นยังไง เขารู้ว่าดีเร็กเกิดอารมณ์แต่ไม่มีเสียงออกมาจากร่างเล็ก
ผ่านไปสักครู่เฟอดินานเงยหน้าขึ้นมา
"สงสัยยาคงจะอ่อนไปนิด" เขาพึมพำเบาๆก่อนจะ ลุกเดินไปที่ตู้
เฟอดินานหยิบอุปกรณ์อะไรออกมาอีกเยอะแยะ ถึงแม้ชลทิศจะไม่รู้จัก
แต่รูปร่างแบบนั้นมันคงเป็นของดีไปไม่ได้แน่
เฟอดินานหยิบขวดน้ำขึ้นกรอกเข้าปากก่อนจะหยิบยาเม็ดอะไรบางอย่างออกจากกระปุก
เขาเดินกลับเข้าไปหาดีเร็กซึ่งนอนหอบอยู่บนเตียง มือแกร่งจับคางร่างเล็กให้เชิดขึ้นก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากตัวเองลงไป
ดีเร็กได้แต่ยอมรับโดยดุษฎี เขาไม่สามารถจะหันหน้าหนีไปไหนได้ เสียงลอดจากลำคอเล็กน้อย
หยาดน้ำไหลออกจากริมฝีปากที่ถูกบดเบียดอยู่เป็นทาง ร่างสูงใหญ่ยกมือลูบคอร่างเล็ก
รอจนกระทั่งยาไหลลงคอไปแน่นอนแล้วจึงค่อยถอนริมฝีปากออก ดีเร็กทรุดลงไปกับเตียง
เฟอดินานมองอยู่สักครู่ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง
"....." เสียงดังออกมาจากลำคอชลทิศ เขาทั้งดิ้นทั้งดึงจนเลือดซึมออกมาตามข้อมือ
แผลเก่าที่ถูกพันผ้าไว้ก็เริ่มมีเลือดซึมออกมาอีก เฟอดินานยิ้มบางๆ
ก่อนจะหันมาทางชลทิศ ร่างใหญ่เริ่มถอดเสื้อตัวเองออกช้าๆ อีกไม่นานร่างตรงข้ามก็เปลือยเปล่า
เฟอดินานยังหน้าตาเรียบเฉยเหมือนปกติ แต่แววตาของเขามีแววสนุกสนาน
เขาเดินเข้ามาหาชลทิศ
"เราน่าจะมาฆ่าเวลาอะไรกันสักอย่างระหว่างที่รอยาออกฤทธิ์นะ"
เขาพูดเสียงเบา แต่ชลทิศฟังแล้วขนลุก
"นายเองก็เป็นเด็กไม่ดี เห็นพี่ชายตัวเองแล้วเกิดอารมณ์ได้"
เขาพูดขึ้นเสียงสูงนิดๆ ชลทิศหน้าแดงวูบ เขาแทบไม่ได้สังเกตตัวเองมาก่อน
ใช่สิเขามองดีเร็กกับเฟอดินานเมื่อสักครู่แล้วเกิดอารมณ์ ส่วนนั้นของเขาชูสู้สายตาอยู่
เขาอยากจะกัดลิ้นตายนัก..ไม่อยากจะเชื่อ ชลทิศหลับตาลงพยายามไม่ฟังไม่มองสิ่งที่จะเกิดขึ้น
"นายยังบริสุทธิ์หรือเปล่า" เสียงห้าวถามก่อนที่ลมหายใจอุ่นจะเลื่อนไปตามลำตัวแต่ไม่ได้สัมผัสถูก
ชลทิศสะดุ้งวูบแต่เขาไม่ยอมลืมตาและไม่ตอบโต้
"ชั้นน่ะเป็นคนแรกของดีเร็ก...พวกนายพี่น้องนี่ต่างกันจริงๆ
ดีเร็กให้ความรู้สึกเหมือนเครื่องแก้วชั้นดี บอบบางน่าทำลาย.."
ชลทิศสัมผัสได้ถึงมือที่เริ่มลูบไล้ร่างกายของเขา ริมฝีปากร้อนๆที่เข้ามานาบตามลำตัว
เขาพยายามถอยตัวไปข้างหลังจนเบียดกับผนังเมื่อรู้สึกถึงมือร่างใหญ่เข้ามากอบกุมสิ่งที่ตื่นตัวของเขา
แน่นอนเขารู้ว่าเฟอดินานจะทำอะไร ห่วงเหล็กที่เข้ามาได้อย่างไม่ลำบากในทีแรกตอนนี้คับแน่นอยู่
เขาตื่นตัวอยู่แล้วและยิ่งเฟอดินานมาทำให้มันตื่นตัวยิ่งขึ้นไปอีก..เสียงบดริมฝีปากกับลูกกลมๆในปากดังขึ้นมา
เลือดซึมออกตามมุมปาก
"...ส่วนนาย..เข้มแข็งและดูปราดเปรียวราวกับเสือดำหนุ่มในป่าลึก
นายดูลึกลับ น่าค้นหา น่าไล่ล่า...." ร่างสูงใหญ่บดเบียดตัวเองเข้ามา
ชลทิศรู้สึกได้ถึงสิ่งที่กระทบหน้าท้องเขาอยู่ เฟอดินานกำลังมีอารมณ์
ชลทิศรู้สึกขยะแขยงกับสัมผัสที่มาถูกตัวเขา นาฟก็เคยทำเช่นนี้กับเขา
นาฟข่มขืนเขา แต่ตอนนั้นเขารู้ว่านาฟกำลังโกรธและเศร้า แต่ชายคนนี้ไม่ใช่
! ชายคนนี้เป็นโรคจิตชัดๆ เขากำลังสนุกสนานกับการทรมานแบบนี้ต่างหาก
แววตาของชายคนนี้บ่งบอกดี