Miss independent
คำสาบเงือก

ตอนที่ 10

ความรักที่สับสน

ชลทิศรู้สึกกลัวมากขึ้นเมื่อมือของร่างตรงข้ามเริ่มสอดเข้าไปตรงระหว่างขาของเขา ร่างกายเริ่มสั่นสะท้านแบบห้ามไม่อยู่ เฟอดินานยิ้มเหยียดนิดหนึ่งเมื่อรู้สึกได้ถึงอารมณ์ตึงเครียดของร่างที่ถูกพันธนาการ
ในที่สุดสิ่งที่ชลทิศกลัวก็มาถึงเมื่อเขารู้สึกได้ถึงนิ้วมือใหญ่ที่เริ่มล่วงล้ำเข้ามาภายในร่างกายช้า ...ชลทิศหลับตาปี๋ราวกับจะตัดขาดจากโลกภายนอก ยกเว้นก็แต่เสียงหอบหายใจที่ไม่สามารถต่อต้านได้ แต่แล้วจู่ๆเฟอดินานก็ชะงักลง เขาหรี่ตามองชลทิศเล็กน้อยก่อนจะกระซิบลงข้างๆหูร่างเล็ก
“นายน่ะ เคยแล้วใช่ไหม...”
ชลทิศชะงักราวกับถูกน้ำเย็นราด..เขาลืมตาทันทีจ้องตอบราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ร่างใหญ่หรี่ตามองดูปฏิกิริยาก่อนจะชักมือออก
“ชั้นแค่ลองหยั่งเชิงเท่านั้นเอง แต่ท่าจะใช่..ไม่น่าเชื่อเลย...เด็กน้อยที่เหมือนไร้เดียงสาอย่างเธอกลับ...” เขาพูดเหมือนเสียดายอะไรบางอย่าง “ที่เกาะนั่น นอกจากจะสอนภาษาเงือกให้นายแล้ว ยังสอนเรื่องนี้ให้อีกหรือไง..” เสียงพูดเหยียดๆ ดังออกจากปากเรียวบาง ชลทิศอดรนทนไม่ได้ เขาเค้นเสียงลอดลูกกลมๆที่อุดปากไว้ออกมา
“อื๊อ....”
“อยากรู้จริงๆ ว่าผู้ชายที่โชคดีคนนั้นเป็นใคร..” เฟอดินานยังพูดต่อ...เขาเดินไปที่ตู้มุมห้องก่อนจะหยิบกระปุกอะไรเล็กๆ อย่างหนึ่ง ชลทิศมองตามด้วยแววตาที่ลุกเป็นไฟ
“จริงๆ ชั้นเองไม่ชอบที่จะซ้ำรอยผู้ชายของใครอยู่แล้ว ชั้นแค่อยากจะให้นายสนุกก่อนจะดูโชว์เท่านั้นเอง” เฟอดินานพูดราวกับสิ่งที่เขากำลังจะทำเป็นกิจกรรมพักผ่อนยามบ่ายเช่นนั้นแหละ ชลทิศจ้องสิ่งที่อยู่ในมือเฟอดินานอย่างสงสัย เขาแน่ใจว่ามันคงจะไม่ใช่ของดีแน่ๆ
แน่นอนตอนนี้ร่างกายของชลทิศแทบไม่มีอารมณ์อะไรหลงเหลือแล้วนอกจากความกลัว เขาไม่บริสุทธิ์จริงๆอย่างที่เฟอดินานว่า ถึงแม้ครั้งแรกที่มีสัมพันธ์ทางเพศของเขาจะเหมือนกับการข่มขืนก็ตาม..แต่เขาก็ไม่เคยคิดรังเกลียดนาฟขนาดนี้..หน้าของนาฟแล่นผ่านเข้ามาในความคิด สำหรับชายคนนี้..ชายที่เขาเกลียดตั้งแต่แรกพบ ชลทิศพยายามเบนตัวให้ติดกับผนังที่สุดเมื่อเห็นเฟอดินานเปิดกระปุกพร้อมกับใช้นิ้วป้ายลงไป
ความพยายามของชลทิศไร้ประโยชน์ ร่างเล็กรู้สึกถึงเนื้อครีมเย็นวาบที่ถูกทาเข้ามาในช่องทางของเขา แต่เฟอดินานไม่ได้ทำอะไรนาน..เขาชักนิ้วออกก่อนจะหมุนปิดกระปุกแล้วเดินไปเก็บเข้าที่เดิม ชลทิศมองตามอย่างสงสัย
ผ่านไปเกือบสิบนาที เฟอดินานหันไปมองที่เตียงที่ดีเร็กนอนอยู่ ร่างเล็กบนเตียงไม่ได้เคลื่อนไหว สังเกตได้แต่เพียงหัวไหล่ที่หอบขึ้นลงตามลมหายใจเท่านั้น
ชลทิศเองก็เริ่มที่จะรู้สึกแปลกๆ เนื้อครีมเย็นๆซึมซาบเร็ว จากเย็นเริ่มเปลี่ยนเป็นร้อนวูบวาบแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาแสดงอาการกระตุกเพียงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของชายที่ยืนอยู่ตรงข้ามไปได้ เฟอดินานยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ได้เวลาที่จะเริ่มโชว์แล้วละสิ”


เฟอดินานเดินกลับไปที่เตียง ทิ้งชลทิศให้ยืนอยู่แบบนั้น ชลทิศเองพยายามจะไม่ขยับตัวเพื่อลดทอนอารมณ์ตัวเองลงไป...ตอนนี้เขาเริ่มชาหนึบๆที่ช่องทาง...ยาที่เฟอดินานเอามาทาเขาเป็นยาอะไรกันแน่!!
“อ๊า....อาาา...”เสียงครางกระเส่าดังมาจากร่างบนเตียง เมื่อเฟอดินานยื่นมือเข้าไปลูบคลำ ชลทิศเองรู้สึกราวกับไฟฟ้าแล่นผ่าน เสียงครางของดีเร็กกระตุ้นเร้าปฏิกิริยาของร่างกายเขาอย่างไม่น่าเชื่อ ร่างกายที่ร้อนรุ่มยิ่งเหมือนถูกไฟสุมเข้าไปอีก..เหงื่อไหลหยดลงไปที่พื้น เขาพยายามหลับตาไม่มองสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“นายหันมาดูนี่สิ ชั้นบอกแล้วว่าดีเร็กนะสวยกว่าใคร” เสียงพูดเรียบๆดังขึ้นมากระทบโสตประสาท “ผิวเนื้อเป็นสีชมพูตัดกับผมสีทองเป็นประกาย....” ไม่ได้พูดเปล่า มือของเฟอดินานเลื่อนลงไปสำรวจสิ่งที่เขาเอ่ยถึงทุกอย่าง
ดีเร็กตอนนี้ไม่ได้ต่อต้านเลย ร่างกายเขาบิดเร่าไปตามอารมณ์ที่พลุ่งขึ้นมายามที่เฟอดินานลากมือผ่าน เสียงครางดังขึ้นแบบไม่กลัวใครได้ยิน ชลทิศอดไม่ได้ที่จะมองพี่ชายด้วยความเป็นห่วง ภาพของดีเร็กที่เขาเห็นทำให้เขาแทบช็อก....
ดีเร็กตอนนี้ซบอยู่กับอ้อมอกของเฟอดินาน ดวงตาเหมือนไม่มีสติสัมปชัญญะชันยะแต่เยิ้มไปด้วยอารมณ์...ปากของเฟอดินานอยู่แถวๆซอกคอ ส่วนมือก็ลูบคลำร่างเล็กไปทั่ว มือของดีเร็กโอบอยู่รอบแผ่นหลังร่างใหญ่ เฟอดินานเหลือบตาขึ้นมองมาทางชลทิศก่อนจะจับคางของดีเร็กให้ขึ้นมารับจูบร้อนแรงของเขา ร่างเล็กโอบตอบอย่างไม่รู้สึกตัว พร้อมกับบดเบียดตัวเองเข้าไปแนบชิดร่างใหญ่แทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน
ชลทิศมองตาค้าง ไอ้เลวชาตินั่นใช้ยากับพี่ชายเขา..แถมยังใช้ยากับเขาอีก...ยานั่นทำให้พี่ชายเขากลายเป็นเหมือนคนไร้ยางอาย..ส่วนตัวเขาเองระรอกอารมณ์ก็กระแทกเข้ามาไม่หยุด เพียงแต่ชลทิศไม่สามารถระบายออกได้นั่นเอง...
“นายน่าจะขอบใจฉันนะ ที่ทำให้นายรู้สึกไปกับโชว์ของฉันด้วย...” เฟอดินานพูดยิ้มๆเมื่อเขารู้สึกได้ถึงความทรมานของชลทิศ
“อ๊า...าาาาาา........” เสียงครางดังขึ้นกว่าเดิม เมื่อเฟอดินานใช้ปากเข้าไปหยอกเย้ากับตุ่มเล็กๆที่หน้าอกของดีเร็ก...ก่อนจะไล่ลิ้นไปที่สะดือและ.....ชลทิศรีบหลับตาลงเมื่อเห็นสิ่งที่เฟอดินานกำลังจะกระทำ...
“ร้องขอชั้นสิ ดีเร็ก....” เสียงหอบกระเส่าของร่างใหญ่พูดขึ้น... “บอกสิอยากให้ชั้นทำอะไร” ชลทิศได้ยินคำพูดตอบโต้ของทั้งสองคน...เฟอดินานคงเดาได้ว่าเขาอาจจะไม่ยอมมองจึงพยายามทำให้ดีเร็กส่งเสียงดังมากขึ้น
เสียงครางของพี่ชายกระตุ้นอารมณ์เขาได้มาก..
“ช่วยชั้น....fuck me!!” เสียงของดีเร็กดังขึ้นมา ชลทิศเงยหน้าขึ้น น้ำตาไหลเป็นทาง...แน่นอนเขารู้ว่าเฟอดินานกำลังทำอะไรกับพี่ชายเขาอยู่ ถึงแม้จะหลับตาแต่เขาก็ได้ยินเสียงหอบกระเส่าและเสียงเคลื่อนไหวร่างกายบนเตียงเป็นระยะๆ...เขาเองก็ทรมานกับร่างกายที่ถูกกระตุ้นและไม่ได้รับการปลดปล่อย...ก่อนที่เขาจะหมดสติไป ชลทิศได้ยินพี่ชายร้องครางเสียงดังขึ้นมาก่อนที่เสียงทุกอย่างจะกลืนกับความมืด


ชลทิศรู้สึกตัวขึ้นอีกทีก็พบว่าเขากลับมาอยู่ห้องเล็กๆ สีขาวที่เดิมบนเรือ เขาปวดหัวแทบจะระเบิด ขณะจะลุกขึ้นนั่งก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินย่ำอย่างหนักหลายคู่เข้ามาในห้อง เขาได้ยินเสียงตะโกนอย่างไม่พอใจ
“คุณเฟอดินาน ชั้นเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือว่าเลิกใช้ยากระตุ้นพวกนั้น! แล้วยิ่งใช้เกินกำหนดอีก ต่อให้ชั้นเป็นหมอเทวดาก็รักษาไม่ได้หรอกนะ ร่างกายของทั้งสองคนก็อ่อนแออยู่แล้ว” เสียงหมอซิซิเลียดังขึ้นมา “แล้วนี่พอมีปัญหาทีไรก็ต้องเอามาให้ชั้นรักษาทุกที!!”
หมอซิซิเลียเดินเข้ามาใกล้ที่เตียง ชลทิศแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกตัวอยู่ เธอยกมือขึ้นอังหน้าผาก ถอนหายใจ
“ยังดีที่ไข้ลดแล้ว..เด็กคนนี้บาดเจ็บอยู่แล้วด้วยคุณไม่น่าใช้ยากับเขา”
“เธอเป็นหมอก็รักษาไป..ไม่ต้องมายุ่งได้ไหม” เสียงเฟอดินานดังอย่างรำคาญ
“ใช่สิ ชั้นเป็นหมอ แต่ชั้นเป็นหมอประจำครอบครัวคุณนะ ไม่ใช่ว่าชั้นต้องมารับรักษาทุกคนที่คุณไปทำร้ายมา!! อย่ามาเพิ่มงานให้ฉันได้ไหม ไม่งั้นชั้นจะบอกคุณเวอร์นอน” หมอสาวย้อนจนเฟอดินานอึ้ง..ถอนหายใจ ถึงตอนนี้ชลทิศได้ยินชื่อแปลกหูขึ้นมา...เวอร์นอน..ดูท่าชายที่ชื่อเวอร์นอนจะมีอำนาจมากกว่าเฟอดินาน กิลกาเมซนะ หรือว่าเป็นหัวหน้าตระกูล อาจจะเป็นพ่อของเฟอดินานก็ได้...
“แล้วดีเร็กเป็นไง” เฟอดินานระงับอารมณ์ลงก่อนจะถามเสียงปรกติ
“เฮ้อ...ปกติก็ทำเค้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมครั้งนี้จู่ๆใช้ยาเล่า..เป็นห่วงเขาก็เลิกใช้ยาได้แล้ว” ซิซิเลียพูดประชดขึ้นมาอีก แต่คราวนี้เฟอดินานตะคอกตอบ
“เธอไม่ต้องมายุ่ง!! ใครเป็นห่วงมันกันเล่า” เขากระแทกส้นเท้าเดินออกไปนอกห้อง ปิดประตูดังปึง หมอสาวซิซิเลียถอนหายใจ
“ชั้นไม่เข้าใจพวกคนมีเงินพวกนี้จริงๆ” เธอพึมพำออกมาเบาๆ ถึงตอนนี้เองชลทิศลืมตาขึ้นมา เสียงเปลี่ยนลมหายใจทำให้หมอสาวหันมามองคนป่วยบนเตียง ตาสองคู่สบประสานกัน
จากคำพูดที่ซิซิเลียทะเลาะกับเฟอดินานเมื่อสักครู่ทำให้ชลทิศไม่คิดเป็นศัตรูกับเธอเท่ากับครั้งแรกที่พบหน้า ซิซิเลียเป็นผู้หญิงน่าจะมีความอ่อนโยนของเพศแม่....และอีกอย่างเธอเป็นคนเอเชียเหมือนกับเขา..
“ฟื้นแล้วหรือ” หมอสาวพูดเสียงห้วน แต่ก็ไม่ได้มีน้ำเสียงดูถูกหรือเกลียดชังอะไร “เป็นไงบ้าง”
“ปวดหัวนิดหน่อยครับ” ชลทิศตอบ จริงๆ เขาปวดหัวราวกับใครเอาค้อนปอนด์มาทุบ...ปวดราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ผลข้างเคียงของยาน่ะ แล้วยิ่งเธอไม่ได้ระบายออกอีก..เอ่อ...ผลมันก็เลยเป็นแบบนี้แหละ ฟื้นแล้วก็ดีจะได้กินยาได้ ไม่ต้องฉีดให้” เธอหยิบยาที่อยู่ตรงชั้นเตี้ยข้างเตียงส่งให้เขาพร้อมกับน้ำดื่ม
ชลทิศพยายามลุกขึ้นนั่งเพื่อให้สะดวกในการกินยา หลังจากเสร็จเรียบร้อย เขาจึงสำรวจร่างกายตัวเอง ตอนนี้เขาสวมชุดคล้ายๆชุดคนป่วยตามโรงพยาบาล เสื้อเป็นแบบผูกไม่มีกระดุม ด้วยสัญชาติญาณเขาลูบไปตามร่างกายตัวเองเพื่อสำรวจความเรียบร้อย แต่แล้วเขาก็สะดุดกึกเมื่อรู้สึกถึงสิ่งที่หายไป...ชลทิศกางเสื้อออกดูเพื่อตรวจทานอีกครั้ง เขาแทบจะหมุนดูรอบเตียง ไม่มี!! หายไปแล้ว!! หมอซิซิเลียมองอย่างสงสัยเช่นเดียวกัน
“สร้อยคอของผม!!” ชลทิศร้องอย่างตกใจ สร้อยคอเขี้ยวฉลามของเขาหายไป..สร้อยคอที่เลียม่าให้เขามาตอนอยู่ที่เกาะ สร้อยคอที่เลียม่าบอกว่าเป็นของขวัญจากนาฟ..เขาใส่สร้อยเส้นนี้ติดตัวตลอด...
“สร้อยอะไร...ชั้นไม่เคยเห็นนะ ตอนเขาส่งเธอมาให้ชั้นก็แทบจะไม่มีอะไรติดตัวอยู่แล้วนอกจากเศษเสื้อผ้า...

ชลทิศพูดอะไรไม่ออก เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ใจเขาคิดเสมอว่าเกลียดนาฟที่ทำอย่างนั้นกับเขา แต่สร้อยเส้นนี้เขากลับห้อยติดตัวไว้ตลอด และยิ่งพอมันหายไปแบบนี้ สายใยบางๆ ระหว่างเขากับนาฟก็ดูเหมือนจะขาดสะบั้นกัน เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนออกไป แต่หมอซิซิเลียที่ข้างเตียงยกมือขึ้นตบบ่าเขาเบาๆ แบบปลอบ
“ถ้าเป็นของสำคัญล่ะก็ เดี๋ยวชั้นช่วยบอกคนอื่นให้ช่วยหาด้วยแล้วกัน”
“มันเป็นแค่สร้อยเขี้ยวฉลามเก่าๆ นะครับ” ชลทิศพูดเสียเบา มันไม่ได้มีค่าถึงขนาดที่จะมีคนมาจ้องขโมย แต่มันมีค่าในจิตใจเขาต่างหาก
“เอาล่ะ..เธอนอนพักต่อก็แล้วกัน เดี๋ยวชั้นจะไปห้องข้างๆ ดูดีเร็กหน่อย”
พอได้ยินชื่อดีเร็ก ชลทิศก็หันควับไปดึงแขนคุณหมอ
“พี่ชายผมเป็นยังไงบ้าง!! ผมอยากเจอเขา” ชลทิศพูดน้ำเสียงเป็นห่วง
“ก็ไม่เป็นอะไรมากหรอก ชั้นให้เขาพักผ่อนอยู่น่ะ แต่ถ้าเธออยากพบเขาคงจะไม่มีปัญหาอะไรมั้ง” หมอซิซิเลียพูดพลางครุ่นคิด

ในที่สุดชลทิศก็ตามหมอซิซิเลียออกไปที่ห้องพี่ชาย ชายร่างใหญ่สองคนที่เฝ้าหน้าห้องเขาเดินขนาบข้างตามออกไปด้วยราวกับนักโทษ
“เป็นยังไงบ้างดีเร็ก” เสียงใสๆ ของหมอสาวทำให้ร่างบางที่นอนบนเตียงหันหน้าไปดู แต่พอเห็นชลทิศที่เดินตามอยู่ด้านหลัง ดีเร็กกลับซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม พร้อมกับตะโกนเสียงดัง
“ผะ..ผมยังปวดหัวอยู่..ผมขอพักผ่อนครับ ไม่อยากพบหน้าใคร”
“แต่ผม..!!”
ชลทิศพยายามจะเข้าไปหาดีเร็ก แต่หมอซิซิเลียกันเขาไว้พร้อมส่ายหัว เธอลากเขากลับไปห้องตัวเอง ชลทิศพยายามดิ้น แต่แรงเขายังไม่ฟื้นคืน หมอซิซิเลียจึงจับเขาอย่างไม่ยากเย็นนัก เธอถอนหายใจ
“ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาคุณเฟอดินานทำอะไรพวกเธอบ้าง แต่ชั้นคิดว่าดีเร็กคงไม่กล้าสู้หน้าเธอ ให้เวลาเขาสักพักดีกว่า”
ชลทิศหยุดดิ้นลง แน่นอน..ถ้าเขาเป็นดีเร็กเขาก็คงไม่กล้าสู้หน้าน้องชายตัวเองแน่...เขาสงบลงเดินไปที่เตียงโดยดี แต่ก่อนที่จะล้มลงไปนอน ชลทิศจับมือหมอซิซิเลียขึ้นมากุม
“คุณหมอครับ..คุณหมอบอกผมทีได้ไหม ว่าที่นี่มันที่ไหน” เขามองซิซิเลียด้วยสายตาอ้อนวอน คุณหมอสาวหัวใจเต้นรัวเป็นกลอง ถึงเธอจะอายุมากกว่าชลทิศ แต่ก็ยังอยู่ในวัยที่ยังมีความรักได้ เธอหน้าแดงขึ้นนิดหน่อยก่อนจะหันซ้ายหันขวามองไปตามมุมเพดาน ชลทิศรู้ได้ทันทีว่าห้องนี้ต้องมีกล้องทีวีวงจรปิดติดไว้แน่ เหมือนที่บ้านของเขา...
“ขอโทษนะ ชั้นบอกอะไรเธอมากกว่านี้ไม่ได้หรอก...” เธออ้ำอึ้งก่อนจะดึงมือหลุดออกจากการเกาะกุมแล้วเดินหนีออกจากห้องไป ชลทิศได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถ้าไม่มีกล้องบางทีเธออาจจะบอกเขาก็ได้...

เสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์ที่ร่อนลงมาบนลานจอดของดาดฟ้าอย่างกระทันหันทำให้ยามรักษาการณ์วิ่งวุ่นกันไปทั่ว ก่อนที่คนขับจะดับเครื่องและร่างที่อยู่ข้างในถูกประคับประคองออกมา ลมทะเลพัดแรงจนต้องตะโกนสั่งความกัน
ตราประจำตระกูลทำให้ทุกคนรู้ว่าผู้ที่อยู่ข้างในเป็นใคร ทุกคนรีบกุลีกุจอเข้าไปต้อนรับ
ภายในห้องปิดกระจกทึบ กลิ่นไอทะเลไม่สามารถลอดผ่านมาได้ แม้แต่แสงแดดก็ถูกม่านหนาหนักปิดบังไว้บางส่วน ไฟในห้องสว่างจ้าเสียงเครื่องปรับอากาศทำงานเบาๆ เฟอดินานนั่งดูเอกสารอยู่ที่โต๊ะก่อนจะถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตู
“ขอโทษครับ คุณเฟอดินาน” ทิมอนเดินเข้ามา
ตาเรียวช้อนขึ้นมองแบบไม่สบอารมณ์
“ชั้นบอกแล้วไง ว่าตอนที่ชั้นอยู่ในห้องทำงานไม่ชอบให้ใครรบกวน”
“ผมก็ไม่ได้อยากรบกวนครับ แต่คุณเวอร์นอนเพิ่งจะเดินทางมาถึง..ท่านเรียกหาคุณครับ”
เฟอดินานตบโต๊ะดังปึง มือกำเอกสารจนยู่ลงไป สายตากร้าวขึ้นทันที
“เดี๋ยวชั้นตามออกไป”


เสียงเดินลงส้นเท้าอย่างแรงพรวดพราดเข้าไปในห้องรับแขกหรูหรา ไม่มีใครกล้าสบตาเจ้านายที่หน้าตาไร้อารมณ์ บรรยากาศอึดอัดขึ้นทันที ร่างสูงใหญ่ไม่ได้ตะโกนหรือพูดอะไร
“มาแล้วรึ ไอ้หลานทรยศ” เสียงชราภาพพูดขึ้น บอดี้การ์ดร่างใหญ่หลายคนยืนล้อมรอบอยู่
“ผมทรยศตรงไหน” เสียงเย็นเยียบพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“แกอยากจะปล่อยให้ชั้นตายเรอะ!!!” ที่เขี่ยบุหรี่คริสตัลอย่างดีถูกขว้างออกไป เฟอดินานหันหลบได้ทัน เสียงแตกดังเพล้งเมื่อมันไปกระทบกับผนังห้อง
“ชั้นรู้นะว่าแกได้แผนที่นั่นมาแล้ว...ทำไมแกไม่แจ้งชั้น แกก็รู้ว่าชั้นรอมานานขนาดไหน..” ร่างตรงข้ามพูดขึ้นปนอาการหอบ ก่อนจะทรุดนั่งลงไปที่เดิม ยกมือกดหน้าอก
“เดี๋ยวผมเรียกซิซิเลียให้” เฟอดินานไม่ตอบคำถามแต่หันเปลี่ยนหัวเรื่องแทน
“แกตอบชั้นมาก่อนสิ!!!” นายเวอร์นอนยังไม่ยอมความ
เฟอดินานถอนหายใจ เขาไม่เคยรายงานให้นายเวอร์นอนรู้เรื่องที่เขาได้แผนที่มาแล้วเพราะตัดรำคาญ แต่เขาลืมไปว่าปู่เขาเองก็มีอิทธิพลล้นเหลือ คนที่นี่ก็คงจะเป็นคนรายงานนั่นแหละ เขากวาดสายตาผ่านไปทางทิมอนแวบหนึ่ง
“ผมได้แผนที่มาแล้วก็จริง แต่มันเป็นเหมือนสลักสองชั้น...นอกจากอักขระที่ประตูแล้ว มันยังเขียนอักขระแปลกๆ ไว้ที่แผนที่อีกด้วย ผมเคยให้นักบินบินตรวจสอบพื้นที่บนแผนที่แล้ว พบแต่น้ำทะเล ไม่มีแม้แต่เกาะหรือก้อนหินอะไรทั้งนั้น ผมจึงไม่แน่ใจว่าจะรายงานปู่ดีหรือเปล่า” เฟอดินานยังตอบเสียงเรียบเฉย
นายเวอร์นอนสงบใจลงกว่าเดิม กระแอมไอไม่กี่ทีก่อนจะโบกมือให้บอดี้การ์ดถอยหลังออกไป
“แล้วแกไขปริศนาอักษรเงือกอันแรกนั่นได้ยังไง”
“ลูกชายนายเอลตันเป็นคนแก้” เฟอดินานบอกตามตรง
“งั้นแกก็ให้มันไขปริศนาบนแผนที่อีกสิ” นายเวอร์นอนพูดเหมือนเป็นเรื่องง่าย
“ผมก็ทำอยู่”
เพี้ยะ!!! ..เฟอดินานหน้าหันไปตามเสียง รอยแดงปรากฏขึ้นเป็นเส้นบนใบหน้า ในมือของนายเวอร์นอนมีอุปกรณ์บางอย่าง บางคล้ายไม้บรรทัด แต่สามารถยืดหดและเก็บใส่ตลับเล็กๆได้ ซึ่งเขาใช้มันคล้ายอาวุธ
“อย่ามาตอบแบบนั้นนะ แกก็รู้ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ของแกที่ใช้จ่ายอยู่มันเป็นของชั้น กว่าชั้นจะสืบทราบว่าของนั่นอยู่กับตระกูลซิลเวอร์สโตนก็นานนับสิบปี แล้วที่ชั้นส่งแกไปตีสนิทกับครอบครัวมันอีก!!!”
นายเวอร์นอนหยุดหอบหายใจ เฟอดินานยกมือลูบรอยที่ใบหน้า
“กว่าชั้นจะได้แผนที่นี่มาแกน่าจะรู้นะว่าชั้นเสียเงินไปเท่าไหร่แล้ว!!! ชั้นรู้นะว่าแกไม่ได้ฆ่าลูกชายคนโตของนายเอลตัน ชั้นไม่ว่าหรอกถ้าแกจะเก็บมันไว้ แต่อย่ามาทำให้งานล่าช้า เวลาน่ะไม่คอยใครนะ”
เฟอดินานได้แต่รับคำ เขาไม่ได้พูดอะไรมาก นายเวอร์นอนยกมือขึ้นโบกไล่ให้เขาออกไป ขณะที่เฟอดินานเปิดประตูห้อง เสียงชราภาพก็ดังขึ้นมา
“เย็นนี้ชั้นขอเชิญพวกคุณหนูๆ สองคนนั่นมาทานมื้อเย็นด้วยกันหน่อย”
เฟอดินานหยุดกึก ก่อนจะปิดประตูลง เขาเดินกระแทกส้นเท้าอย่างแรงกลับไปที่ห้อง ก่อนจะพึมพำเบา
“ปู่น่ะไม่เคยรักใครนอกจากตัวเองหรอก”

แนะนำติชมได้ที่บอร์ดนิยายนะคะ...................
www.clik.to/miracle
1