Miss independent
คำสาบเงือก

ตอนที่ 11

ความรักหรือความแค้น

เย็นนั้นชลทิศถูกบังคับพาตัวออกไปนอกห้อง ขณะเดินที่ระเบียงเขาก็สวนกับดีเร็ก พี่ชายของเขาเดินเซเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่มองหน้าเขา นี่ถ้าไม่มีคนคอยคุมเขาก็อยากจะจับตัวพี่ชายมาคุยกันให้รู้เรื่องจริงๆ
ภาพของดีเร็กยังติดอยู่ในใจ..เขาลบมันออกไม่ได้ ดีเร็กอ่อนแอกว่าเขา... ดีเร็กงดงามกว่าเขา...อย่างที่เฟอดินานบอก ผมสีทองของดีเร็กทิ้งตัวลงกลางหลังตัดกับเสื้อสีขาวที่สวม ชลทิศเหม่อมองเงาหลังของพี่ชายขณะที่เดิน นี่เขารู้สึกแบบไหนกับดีเร็กกันแน่ นั่นพี่ชายเขานะ!!
ชลทิศรู้สึกตัวอีกทีตอนถูกดันหลังเข้าไปในห้อง คนที่เดินนำทางหันหลังกลับ โต๊ะอาหารขนาดใหญ่พร้อมเก้าอี้สี่ตัว แต่ชุดช้อนส้อมจัดไว้ห้าชุด ตอนนี้ที่นั่งสองที่ถูกจับจองเรียบร้อยแล้ว เฟอดินานกับทิมอนนั่งอยู่อีกฝากหนึ่ง ส่วนดีเร็กกับเขาถูกจัดให้นั่งติดกันอีกด้านของโต๊ะ แต่หัวโต๊ะที่ยังว่างอยู่คือใครกันล่ะ มีอุปกรณ์ในการกินครบครัน แต่ไม่มีเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะ ชลทิศฮึดฮัด แต่ความหิวก็ทำให้เขาอ่อนลงไปได้มาก
เสียงกระดิ่งดังขึ้น ชลทิศหันหน้าไปมอง หมอซิซิเลียในชุดขาวเดินเข้ามาก่อนตามด้วยชายชราในรถเข็นแบบบังคับได้เองตามหลังเข้ามา เขาเคลื่อนเก้าอี้เข้าไปตรงหัวโต๊ะ เฟอดินานกับทิมอนลุกขึ้นยืนรอจนกระทั่งชายแก่คนนั้นจัดเก้าอี้นั่งเรียบร้อยจึงนั่งลง หมอซิซิเลียยืนอยู่ด้านหลัง เธอหันมาสบตาเขานิดหนึ่ง
ชายชราคนนั้นกวาดสายตาผ่านหน้าคนร่วมโต๊ะ ก่อนจะมาหยุดที่ชลทิศ ชลทิศขนลุกซู่ ชายแก่คนนี้อายุเท่าไหร่เขาเดาไม่ถูก ร่างทั้งร่างเหี่ยวย่น ผมสีเทาหรอมแหรมติดอยู่บนหนังหัว ผอมราวกับซากซพ ดูน่าเกลียดน่ากลัว แต่เสื้อผ้าชั้นดีที่แต่งอยู่ปกปิดความน่าเกลียดไปได้มาก
“เด็กนั่นนะรึ” เสียงชราภาพดังขึ้นพร้อมกับนิ้วที่ชี้มาที่หน้าเขา “ลูกชายนายเอลตันคนที่สอง..”
“ครับท่านเวอร์นอน” ทิมอนตอบคำ
นายเวอร์นอนทำท่าไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาหันไปสั่งพ่อครัวที่ยืนมุมห้องให้เตรียมอาหารได้


อาหารมื้อนั้นเป็นอาหารที่ชลทิศคิดว่าประหลาดที่สุด ไม่มีเนื้อสัตว์!! มีแต่ผักกับถั่วเหลือง...เขากินด้วยสีหน้าประหลาด มองไปที่ผู้ร่วมโต๊ะก็เห็นกินเรื่อยๆ
“รู้ไหมอาหารพวกนี้มันมีประโยชน์ต่อสุขภาพ...ถั่วเหลืองนี่เป็นอาหารของพระเจ้าเชียวนะ” เสียงชราภาพพูดขึ้น ไม่ได้มองหน้าใครเป็นพิเศษ “ที่คนเอเชียอายุยืนก็เพาะถั่วเหลืองนี่แหละ..ลองดูคนญี่ปุ่นสิ กินอาหารดิบแต่กลับมีค่าเฉลี่ยของอายุยืนยาวที่สุดในโลก”
ไม่มีใครตอบ...แต่นี่เองคือเหตุผลที่อาหารมื้อนี้มีแต่ ถั่วเหลือง ถั่วเหลือง และถั่วเหลือง!!
หลังจากอาหารมื้อเมนคอร์สสิ้นสุดลงตามด้วยของหวาน นายเวอร์นอนยังไม่กินของหวาน เขาหันไปทางซิซิเลีย หล่อนเดินถือกล่องอุปกรณ์แพทย์เข้ามาก่อนจะทำการตรวจอะไรบางอย่างอยู่เกือบสิบนาที ก่อนจะพยักหน้า
“ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ความดันปกติคะ” เธอรายงานก่อนจะถอยไปยืนที่เดิม
“คนแก่ก็แบบนี้แหละ ต้องระวังทุกเรื่อง จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้..” เขาพูดปนหัวเราะก่อนจะตักของหวานกิน
“เธอคิดว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่” จู่ๆ นายเวอร์นอนก็หันไปที่ชลทิศ ร่างเล็กส่ายหัว
“นั่นสินะ...เด็กขนาดเธอมีใครคิดเรื่องตายกันบ้าง...” เสียงรำพึงผ่านริมฝีปากบาง ก่อนจะเขวี้ยงถ้วยขนมไปที่ผนัง
“แต่ชั้นคิด!! ชั้นไม่ชอบให้เวลาเสียเปล่าแบบนี้!!” เสียงชราภาพเหี้ยมขึ้น ความเครียดปกคลุมอยู่รอบห้อง
“เธอรู้ไหมว่าชั้นหมายถึงเรื่องอะไร” ตาสีเทาซีดจ้องไปที่ชลทิศ เขาตะลึง ถึงแม้จะแก่ แต่ชายชราตรงหน้ายังกอปรไปด้วยความรู้สึกน่าเกรงขาม เฉียบคมและน่ากลัว “ตอบสิ!!” เสียงตะคอกดังต่อมาเมื่อเขาอ้ำอึ้งไม่ได้ตอบคำ
“ถ้าคุณหมายถึงแผนที่ดินแดนสวรรค์อะไรนั่นละก็...ผมปฏิเสธ” ชลทิศพูดเสียงหนักแน่น หันไปสบตาจังๆ เขาได้ยินเสียงสูดหายใจลึก จากรอบข้าง เงียบกริบไม่มีใครส่งเสียง
“หึ..ฮ่า..ฮ่า...ฮ่า...”เสียงหัวเราะดังออกจากปากร่างชรา “ไม่มีใครกล้าต่อปากต่อคำกับชั้นมานานมากแล้วสิเนี่ย สนุกดีจริงๆ ” ร่างชราหันไปไอคอกแคก หมอสาวรีบวิ่งเข้ามาประคอง
“ถ้าชั้นยังหนุ่มเหมือนเฟอดินานก็คงจะสนุกที่จะได้ปราบพยศเธอหรอก แต่ชั้นมันแก่แล้ว...ชั้นไม่ชอบรอ..ถ้าเธอยิ่งปฏิเสธมากเข้าอาจจะทำให้คนรอบตัวเธออายุสั้นลงก็ได้นะ” พูดจบก็ส่งมือให้ซิซิเลีย เธอลูบหลังนายเวอร์นอนอยู่สักครู่
“ไปได้..ชั้นให้เวลาเธอคิดสองวัน!!”


เขาไม่ยอมให้ใครมากำหนดชีวิตเขาแน่ อย่างที่คนเขาพูดกัน ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น นายเวอร์นอน กิลกาเมซ ก็ดูเป็นผู้ชายที่ไม่แตกต่างไปจากเฟอดินานเลย
ชลทิศอยากกลับไป..กลับไปใช้ชีวิตที่อิสรเสรี ไม่ต้องมีกฎเกณฑ์ กลับไปหาทุกคน..เขาเห็นภาพนาฟ หัวหน้าเผ่า เลียม่าและคนอื่นๆ บนเกาะ น้ำตาเอ่อซึมขอบตา เฟอดินานมีแผนที่ แผนที่ที่จะพาเขากลับไปยังดินแดนแห่งนั้น แต่คนเลวพวกนั้นต้องการไปทำอะไรที่เกาะ เขาต้องการอะไร!! ภาพห้องสมบัติที่เต็มไปด้วยก้อนหินมีค่าผุดขึ้นมาในหัวเขา?
ประตูเลื่อนเปิดออก หมอซิซิเลียเดินเข้ามาคนเดียว เธอยิ้มให้ชลทิศ มองเขาด้วยสายตาแปลกๆ ยื่นมือส่งยามาให้
“จริงๆ คุณหมอไม่ต้องมาเองก็ได้...” เขาพูดลองเชิงหยิบยาแก้ปวดที่หล่อนส่งมา ดูท่าหมอซิซิเลียสนใจเขาไม่น้อย เขาเองก็อยากให้เป็นเช่นนั้นอยู่ เธอเองอยู่ในวัยเพียงสามสิบเศษเท่านั้น รูปร่างยังดีหน้าตาก็ยังเต่งตึง
“ทำไมล่ะ ไม่อยากคุยกับฉันหรือ” เธอถามเสียงปั้นปึ่งเล็กน้อย ชลทิศยิ้มให้
“ก็ผมกลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิด...” เขาทำท่ามองไปตามผนังห้อง ซิซิเลียค้อนควับ
“ดึกๆ อย่างนี้ไม่มีใครมองหรอกน่า แล้วยิ่งช่วงนี้ใกล้เวลาเปลี่ยนเวรอีก”
ตอนนี้ชลทิศพยักหน้ารับรู้ ผู้หญิงเข้ามาในห้องผู้ชายตอนดึกในยามที่ไม่มีคนมอง..มันจะมีเหตุผลอะไรอีกล่ะ เขาลุกขึ้นยืนชิดกับคุณหมอสาว
“อยากสิครับ..มีคุณหมอสวยๆ มาคุยด้วยทำไมไม่อยาก” ชลทิศกระซิบข้างหูเธอ ซิซิเลียทำท่าเอียงอาย เธอตีแขนชลทิศเบาๆ
“ต๊าย..เห็นดูท่าทางเรียบร้อย ไม่น่าเชื่อไวไฟเหมือนกันนะเรา”
เขาหัวเราะกับคำพูดเธอ ก่อนจะขโมยหอมแก้มเบาๆ แต่ซิซิเลียดันตัวเขาออกห่าง
“จริงๆ ชั้นแค่อยากจะมาเตือนอะไรเธอหน่อยแค่นั้น” เธอจ้องตาเขา ถอนหายใจ “คุณเวอร์นอนกำหนดเส้นตายให้เธอแล้ว..ท่านเป็นคนเฮี้ยบมากนะ อาจจะยิ่งกว่าเฟอดินานอีก มีทั้งเงิน ทั้งอิทธิพล เธออย่าขัดใจท่านเลย”
“ขอบคุณครับ” ชลทิศดึงตัวหมอสาวเข้ามากอด เธอสะดุ้งเบาๆ แต่ไม่ได้ผลักออก เขาดันเธอเดินถอยหลังไปชิดผนังก่อน กระซิบถาม
“ถ้าผมจะขอร้องให้คุณช่วยผม....พาผม...เอ่อ..กับดีเร็กหนีไปจะได้ไหม...”
ซิซิเลียสั่นหัว “ชั้นช่วยเธอมากไปกว่านี้ไม่ได้หรอก...ตึกนี้ทั้งตึกตั้งอยู่บนหน้าผาติดทะเล มีทางออกทางเดียว แล้วประตูใหญ่ก็มีคนเฝ้า 24 ชั่วโมงอีก” เธอพูดตะกุกตะกักเมื่อสัมผัสลมหายใจอุ่นข้างแก้มอีกครั้ง
“แค่นั้นก็พอแล้วละครับ” เขาพูดก่อนจะยกมือปิดปากเธอไว้อย่างรวดเร็ว เธอเบิ่งตาอย่างตกใจ ชลทิศต่อยท้องเธอย่างแรงจนหมอสาวทรุดลงซบไหล่
เขาพยายามดันหมอซิซิเลียให้มาอยู่ในด้านที่กล้องมองไม่เห็น ถึงยังไงก็ไว้ใจไม่ได้อยู่ดี ชลทิศหอบหายใจ...ตอนแรกเขาไม่ได้คิดจะทำร้ายเธอแบบนี้ เธอหวังดีมาเตือนเขา แต่เพราะคำเตือนของเธอนั่นแหละสะกิดให้เขานึกถึงอิสรภาพ เขาสังเกตเธอ รูปร่างเธอก็ไล่เลี่ยกับเขา ผมยาวสีดำเหมือนกัน ดูเผินๆ ก็คล้ายกันพอสมควร
เขาขอโทษเธอในใจก่อนจะสับเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวของเขากับหล่อน โค้ทแขนยาวสีขาวคลุมตัวมีป้ายชื่อห้อยติดอยู่ เสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในกับกระโปรง....กระโปรง!! (-_-”) ชลทิศพ่นลมออกจมูก เอาเถอะ ถ้าเขาหนีรอดจะให้แต่งยังไงก็ยอม
หลังเปลี่ยนชุดเสร็จ เขาอุ้มหมอซิซิเลียในชุดคนป่วยสีขาวไปที่เตียง พยายามก้มหน้าให้มากที่สุด เขาจับเธอนอนคว่ำ มัดมือมัดเท้าและหาเศษผ้ามาอุดปากเธอไว้ ก่อนจะคลุมผ้าห่ม จัดการเรียบร้อยแบบนี้เขาคงมีเวลาถึงเช้ากว่าพวกนั้นจะรู้ตัวว่าเขาไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแน่นอน
ชลทิศในชุดหมอซิซิเลียเดินไปที่ประตูห้อง เขาเอาบัตรประจำตัวเธอเสียบไปที่ช่อง ผ่านไปสักพักประตูก็เปิดออก เขาก้าวยาวๆ ออกไปด้านนอก เงียบกริบ ไม่มีคน ไม่มียาม เขาเดินออกไปตามทางเดินที่ทอดยาว ตอนนี้เป้าหมายของเขาคือห้องของดีเร็ก เขาจะต้องพาดีเร็กหนีออกไปด้วยให้ได้

ยังดีที่เขาจำทางที่หมอซิซิเลียพาเขาเดินไปที่ห้องพี่ชายได้ ชลทิศพยายามสำรวจเส้นทางพร้อมกับมองผ่านกระจก เขาเห็นประกายน้ำทะเลสะท้อนแสงดาวระยิบระยับ ความมืดภายนอกทำให้ชลทิศไม่สามารถสำรวจอะไรได้มาก เขาตัดสินใจไปที่ห้องดีเร็กก่อน
ด้วยบัตรของซิซิเลียทำให้ชลทิศเข้าห้องไปได้โดยง่าย ดีเร็กนอนอยู่บนเตียง เขายังไม่หลับเพราะหันกลับมาทันทีที่ได้ยินเสียงประตูเปิด
“หมอซิ...” เขาพูดเมื่อเห็นชุดที่ชลทิศสวม แต่พอมองไปที่หน้า ดีเร็กกลับหน้าซีดเผือด “คุณนง!!”
ชลทิศอึ้งไปนิดหนึ่ง ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้เงียบเสียง ก่อนจะเรียกชื่อพี่ชาย ดีเร็กหายตกใจแต่กลับทำเสียงเครียด
“นายมาที่นี่ได้ยังไง...แล้วคุณหมอล่ะ” เขาเดินเข้าหาชลทิศที่ยืนใกล้ประตู
“คุณหมอนอนอยู่บนเตียงผมแทนน่ะ...ผมมาช่วยพี่นะ เราหนีไปด้วยกันเถอะ” ชลทิศเข้าไปจับมือพี่ชาย แต่ดีเร็กกลับสะบัดมือออก
“หนะ..หนี...เราจะหนีไปได้ยังไง” ดีเร็กพูดเสียงสั่น ชลทิศถอนหายใจ
“ที่ไหนมีทางเข้าก็ต้องมีทางออก ผมคิดว่าที่นี่คงไม่ใช่เขาวงกตอะไร ผมมั่นใจว่าผมเอาตัวรอดได้” ชลทิศพูดอย่างเชื่อมั่น เรื่องการใช้ชีวิตกับธรรมชาตินั้นเขาเข้าใจมากกว่าใคร และที่นี่ยังติดทะเลอีกด้วย รับรองไม่มีอด
“นายหนีไปคนเดียวดีกว่า” ดีเร็กพูดช้าๆ “ถ้านายมั่นใจว่าเอาตัวรอดได้ ชั้นไม่อยากเป็นตัวถ่วง” ร่างบางผมทองจ้องตอบน้องชาย
“หนีเราก็ต้องหนีไปด้วยกัน!! เราเป็นพี่น้องกันจะให้ผมทิ้งพี่เหรอ” ชลทิศพูดเสียงเครียด เขาพยายามจะดึงตัวพี่ชายอีก แต่คราวนี้ดีเร็กสะบัดตัวหนี น้ำตาปริ่มเต็มสองตา
“นายรู้จักชั้นแค่ไหน!! นายเคยอยู่กับชั้นหรือเปล่า ทำไมนายถึงยังจะให้ชั้นไปกับนายอีกเล่า..” ดีเร็กพูดเสียงแหบแห้ง ชลทิศรู้สึกราวกับถูกเข็มทิ่มแทง ทำไมดีเร็กพูดกับเขาแบบนี้ หรือว่าดีเร็กไม่เคยคิดว่าเขาเป็นน้องชายเลยสักนิด
“ชะ...ชั้นไม่คู่ควรกับการเป็นพี่ชายของนายหรอก...ชั้นไม่สมควรได้ความรักความเป็นห่วงจากนาย...ถ้านายเอาตัวรอดได้ นายหนีไปคนเดียวเถอะ” ดีเร็กพูดต่อ
“พี่หลงรักไอ้หมอนั่นใช่ไหมล่ะ..ไอ้ฆาตกรที่ฆ่าพ่อและพี่สาวเรา!! พี่ไม่อยากไปจากมัน” ชลทิศพูดสวนกลับ ดีเร็กถึงกลับสะอึก เขายกมือขึ้นตบหน้าน้องชาย ชลทิศไม่ยอมแพ้ เขาจับไหล่ดีเร็กเขย่า “พี่รักมัน พี่รักไอ้เฟอดินาน กิลกาเมซนั่น!!” ร่างบางสั่นตามแรงยกมือขึ้นปัดป้อง
ชลทิศมองร่างบางที่แทบจะหักคามือ ทำไม! ทำไมพี่ชายเขาไม่ยอมไปกับเขา พี่ชายผู้งดงามกลับหลงรักไอ้อสูรร้ายนั่น ชลทิศก้มลงไปจูบปากสีกลีบกุหลาบตรงหน้า ร่างบางตกตะลึงสักครู่ก่อนจะยิ่งดิ้น แต่ชลทิศไม่ยอมปล่อย
“ผมรักพี่....” เสียงพูดสั่นๆ ดังมาจากปากชลทิศ เขาไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน เขารู้สึกว่าดีเร็กสวยกว่าใคร ดีเร็กน่าปกป้องน่าทะนุถนอมกว่าใคร
ร่างบางที่ดิ้นถึงกับชะงักไปชั่วครู่ มองหน้าชลทิศอย่างตกตะลึง จนกระทั่งเสียงผู้ชายเสียงหนึ่งดังขึ้นมาทางด้านหลัง
“ผมกำลังสงสัยอยู่เชียว ทำไมวันนี้คุณหมอถึงชอบเข้าห้องหนุ่มๆ นัก” น้ำเสียงยั่วเย้าถามทีเล่นทีจริง
ร่างสองร่างที่กอดกันอยู่สะดุ้งเฮือก ชลทิศตัวแข็ง เขาจำเสียงนี้ได้ ทนายทิมอน!! เขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับทนายประจำตระกูล ดันร่างดีเร็กไปข้างหลัง
ทิมอนชะงักไปชั่วครู่ หน้าเปลี่ยนสีไปนิดหนึ่งเมื่อชลทิศในชุดกระโปรง ก่อนจะปรับตัวให้เป็นปกติ เขากระแอมสองสามที
“สมกับเป็นแม่ลูกกัน คุณหนูแต่งตัวแบบนี้ดูคล้ายคุณแม่มาก” เขาจ้องชลทิศ แต่ชลทิศรู้สึกเหมือนกับว่าถูกมองผ่านไปต่างหาก
ท่าทางทิมอนจะมาคนเดียว ยังมีใครอื่นอีกหรือเปล่าที่รู้ว่าเขาหลบหนี ถ้าเขาทำร้ายทิมอนหรือจับทิมอนเป็นตัวประกันพาเขาหนีล่ะ จะสำเร็จหรือเปล่า
ปืนกระบอกสีดำมะเมื่อมถูกชี้มาตรงหน้าขณะที่ชลทิศกำลังคิด
“คุณหนูคงไม่ต้องคิดมากอะไรมั้งครับกลับไปห้องดีกว่า นี่ถ้าเกิดคุณเวอร์นอนหรือคุณเฟอดินานรู้เข้าละก็ คุณหนูอันตรายกว่าที่คิดแน่” เสียงพูดเหมือนจะเตือน “ยังดีที่เป็นผม ไม่ใช่คนอื่น”
“นายต่างกับคนอื่นๆ ตรงไหน ทั้งๆ ที่นายเป็นญาติคนหนึ่งของชั้น เป็นทั้งทนายประจำตระกูล แต่นายกลับทรยศครอบครัวไปอยู่กับพวกนี้!!”
“คงต่างกันตรงจุดประสงค์ล่ะมั้งครับ..” ทนายทิมอนพูดเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปสบตาดีเร็กที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างหลัง
“ที่ผมทรยศครอบครัวก็เพราะคุณเอลตันทรยศผมก่อน...เรื่องนี้คุณดีเร็กคงทราบอยู่แล้ว”
ดีเร็กกัดปากตัวเอง ตัวสั่น..ทนายทิมอนเลื่อนสายตาไปที่ชลทิศ
“ทำไม...พวกนายมีเรื่องอะไรกันอีกล่ะ” ชลทิศขมวดคิ้ว เอามือกุมขมับ
“ผมฆ่านายเอลตันก็เพื่อแก้แค้นให้กับผู้หญิงที่ผมรัก..” ทนายทิมอนพูดเสียงเบา “ตั้งแต่เธอตายไปผมก็สัญญากับตัวเองว่า ผมจะฆ่าคนที่มีส่วนทำให้เธอต้องตายอย่างน่าสงสาร” ทนายวัยกลางคนก้มศีรษะลงนิดหนึ่ง ก็จะมองชลทิศอย่างเลื่อนลอย
“ผมพาคุณหนูหนีไปก็ได้...หนีไปจากที่นี่ ไปที่ที่พวกกิลกาเมซจะตามไม่เจอ” เขาหยุดพูดนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดสิ่งที่ทำให้ชลทิศตัวเย็นเฉียบ “แต่คุณหนูต้องฆ่าคุณดีเร็กเสีย...!!”
“จะบ้าหรือไง!! นายมันโรคจิตแล้ว นายเกลียดคุณพ่อเพราะว่าคุณพ่อฆ่าคนรักของนาย ชั้นเองก็เป็นคนตระกูลซิลเวอร์สโตนเหมือนกันนายก็ต้องแค้นชั้นด้วยสิ”
“ผมไม่ฆ่าคุณหนูหรอก อย่างน้อยคุณหนูก็มีเลือดของเธอคนนั้นครึ่งหนึ่ง” ทนายทิมอนพูดเสียงเรียบ แต่ชลทิศรู้สึกเลือดในกายแข็งไปชั่วครู่
‘แม่’ ผู้หญิงที่ทนายทิมอนหลงรักคือแม่ของเขา...
“ถ้าจะพูดกันตามตรงแล้วละก็ คุณดีเร็กคือตัวต้นเหตุทั้งหมด...คุณดีเร็กคือคนที่คุณควรจะแค้นที่สุดต่างหาก ฆ่าเขาซะแก้แค้นให้กับแม่ของคุณสิ!!” นายทิมอนพูดเสียงกร้าว
ชลทิศสั่นหัวอย่างแรง เขาไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้พูดเรื่องอะไร พ่อกับแม่เขารักกันจึงคลอดเขาออกมาไม่ใช่หรือ..ถึงแม้ว่าพ่อจะมีภรรยาอยู่แล้ว เขาหันไปหาดีเร็ก พี่ชายเขาน้ำตานองหน้า ไม่ยอมพูดอะไร ชลทิศจับไหล่บางก่อนจะถาม
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่..อธิบายให้ผมฟังทีสิพี่”
ดีเร็กสูดลมหายใจก่อนจะพูดเสียงสั่น “ชั้นไม่มีค่าควรให้นายรักหรอก...”
ไม่มีคำพูดต่อออกมาจากปากเรียวบาง ไม่มีคำพูดปฏิเสธ...
“ถ้าคุณดีเร็กไม่พูดผมก็จะพูดเอง...” ทนายทิมอนเหม่อเหมือนจะรำลึกความหลัง
“คุณน่าจะรู้จักแม่ของคุณ...เธอเป็นผู้หญิงสวย ฉลาด ร่าเริงแจ่มใส มีผมสีดำเหมือนกับท้องฟ้ายามราตรี...เธอเป็นนักเรียนที่รับทำงานพิเศษเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ผมรู้จักกับเธอที่บ้านคุณเอลตัน เธอเข้ามาดูแลคุณหนูดีน่าและดีเร็ก..” ทนายทิมอนยิ้มนิดหนึ่ง แววตาอ่อนโยนลงเมื่อพูดถึงหญิงคนรัก ชลทิศเองก็ฟังอย่างเลื่อนลอย ทนายทิมอนเล่าถึงแม่ของเขาในช่วงที่เขาไม่เคยรู้จัก “ผมสนิทกับเธอมาก ผมหลงรักในตัวเธอถึงแม้ว่าเราจะต่างเชื้อชาติกัน ผมเคยบอกกับคุณเอลตันว่าถ้าผมเรียนจบมหาลัยเมื่อไหร่ผมจะขอเธอแต่งงาน ในตอนแรกเขาก็ซักถามผมเกี่ยวกับเธอ ด้วยความซื่อผมก็เล่าทุกอย่างออกไป..” ทนายทิมอนกำมือแน่นเมื่อเล่าถึงตรงนี้
“แต่เมื่อผมเรียนจบกลับมาขอเธอแต่งงาน...เธอกลับปฏิเสธผม..เธอบอกผมว่า เธอท้อง!!และก็คิดกับผมแค่เพื่อนเท่านั้น ในตอนนั้นผมอึ้งไปทันที โลกเหมือนจะถล่มลงตรงหน้า แต่ในที่สุดผมก็สืบทราบจนได้ว่าพ่อของเด็กในท้องคือใคร...”
ชลทิศไม่กล้าพูดออกมา แน่นอนพ่อของเด็กในท้องก็ต้องเป็นนายเอลตัน บิดาของเขา และเด็กคนนั้นก็ต้องเป็นเขา
“ผมขอบอกไว้เลย...คุณเอลตันไม่เคยรักแม่คุณ ที่ผมเคยนับถือเขาก็เพราะว่าเขาเป็นคนรักเดียวใจเดียว ผู้หญิงที่เขารักมีคนเดียวก็คือคุณเบลินดาภรรยาของเขาเท่านั้น!!”
ชลทิศพูดไม่ออกกับเรื่องที่ได้ยิน เขาไม่เชื่อ..เขาไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่เชื่อผู้ชายคนนี้หรอก!!
“คุณหนูคงรู้เรื่องคำสาปเงือก...” เหมือนทนายทิมอนจะเปลี่ยนเรื่องกระทันหัน “คุณหนูก็มีปานรูปร่างแปลกๆนั่นที่แขนใช่ไหมล่ะ”
ชลทิศยกมือขึ้นจับต้นแขนตามสัญชาตญาณ ใช่สิ คำสาปเงือกที่ทั้งเขาและดีเร็กต่างก็มี
“ไอ้เรื่องคำสาปงี่เง่าอะไรนี่ผมก็ไม่รู้หรอก...ผมรู้แต่ว่าตระกูลซิลเวอร์สโตนนั้นถูกคำสาป ลูกชายแต่ละรุ่นที่มีปานนั่นจะต้องเสียชีวิตในทะเลก่อนอายุสิบห้า ไม่เช่นนั้นละก็ตระกูลจะล่มสลาย”
“คุณน่ะเกิดมาเพื่อที่จะตายแทนดีเร็กเท่านั้น!! คุณเอลตันมีสัมพันธ์กับแม่ของคุณก็เพราะว่าเขาต้องการเด็ก เด็กที่เป็นใครก็ได้ที่จะมาตายแทนลูกชายของเขา!! ที่เขาพยายามจะถามผมเกี่ยวกับตัวเธอก็เพราะว่าจะได้รู้ว่าครอบครัวเธอเป็นยังไง เขาคิดอยู่แล้วว่าแค่หญิงไทย คนต่างชาติ แถมฐานะปานกลาง อาจจะยอมยกลูกให้เขาง่ายๆ แต่แล้วเขาก็คาดผิด”
ชลทิศรู้สึกเหมือนโลกแตกลงตรงหน้า
“แม่ของแกน่ะมันโง่...!!” ทนายทิมอนพูดใส่อารมณ์เข้าไป เขาไม่ได้เรียกชลทิศว่าคุณหนูอีก “หลงรักมันจนหัวปักหัวปำ..ยอมเลิกเรียนกลับเมืองไทยไปคลอดลูก ทั้งโดนดูถูกเหยียดหยาม โดนครอบครัวทอดทิ้ง แล้วที่เธอไม่ยอมยกลูกให้นายเอลตันก็เพราะหวังว่าสักวันเขาจะกลับไปหา” เสียงหัวเราะราวกับคนไร้สติดังออกมา
“ส่วนผมก็กลายเป็นที่ปรึกษาความรักแทน...วันๆได้แต่ฟังเธอพร่ำบ่น...ทั้งๆที่ไม่ว่าผมจะทำดียังไงเธอก็ไม่แม้แต่จะเหลียวมามอง”
“ผมยังจำได้ถึงวันที่เธอน้ำตานองหน้าวิ่งเข้ามาบอกว่าลูกเธอตกทะเล..เธอร่ำไห้จนหัวใจผมแทบจะแตกไปด้วย ....สิบกว่าปีที่ผ่านมาเธอเลี้ยงลูกคนเดียว ผมส่งเงินของนายเอลตันเข้าบัญชีให้เธอทุกเดือน แต่จริงๆเธอจะรู้หรือเปล่าว่าเงินนั่นเป็นเงินที่เขาจ่ายเพื่อซื้อชีวิตลูกของเธอต่างหาก!!”
“พอ!! พอสักที!! ผมไม่อยากฟังแล้ว!!” ชลทิศตะโกนก้อง ความจริงที่เขารู้มากขึ้นทำให้เขายิ่งไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้ ครอบครัว พ่อแม่ ทุกอย่างแหลกไม่มีชิ้นดี
ทุกสิ่งทุกอย่างคำนวณมาหมดแล้ว วันที่เขาได้พบหน้าพ่อเป็นครั้งแรก วันที่ได้ล่องเรือสำราญเป็นครั้งแรก...คือวันที่เขาต้องตายในทะเล!!

 

แนะนำติชมได้ที่บอร์ดนิยายนะคะ...................
www.clik.to/miracle
1