คู่รสตำรับรัก 2 ตอน รักไม่ใสของนายบิลลี่
ตอนที่ 1
หลังจากกลับจากไปเที่ยวเมืองไทยกลับมา...เจ้าซันนี่ก็มาขอร้องให้ผมเทรนมันให้ดูเป็นผู้ชายมากกว่านี้หน่อย
!!
"ซันนี่ ชั้นว่าแกเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วนี่นา ตัวเล็กๆน่ารักดีออก
ไม่เห็นต้องมาเทรนอะไรเลย...ขืนกล้ามขึ้นเป็นมัดๆสงสัยผู้ชายแถวนี้ร้องไห้กันเป็นแถบ"
"ใครมันจะร้องก็ให้มันร้องไปสิ...ไม่ได้ให้มันดูสักหน่อย..ชั้นไม่อยากให้ใครมาบอกว่าหน้าตาน่ารักเหมือนผู้หญิงอีกแล้ว..."
เก่งพูดอย่างโกรธๆ ผมก็พอเข้าใจ เก่งมันคงแค้นที่ผมบอกว่าหน้าตามันเหมือนเป็นฝ่ายรับ
ท่าทางมันอยากจะเป็นฝ่ายรุกมากกว่า...
"แกอยากรุกพี่พงศ์มากขนาดนั้นเลยหรือวะ....ไหนแกบอกว่ากับพี่พงศ์ยังไงก็ได้ไง"
ผมเลียบเคียงถาม เก่งมองผมค้อนๆ
"ถ้าพี่พงศ์จะรุกชั้นก็ยอม เพียงแต่ว่าชั้นอยากเป็นผู้ชายที่ดี...อยากปกป้องพี่พงศ์ได้ด้วยตัวเอง..."
เก่งพูดเบาๆ เท่านี้ผมถึงเข้าใจ จริงๆเก่งมันไม่ได้โกรธผมที่ว่ามัน
แต่จริงๆแล้วมันโกรธตัวเองที่มันปกป้องพี่พงศ์ไม่ได้...คงตั้งแต่ตอนที่ไปเที่ยวเกาะเสม็ดนั่นแหละครับ...ตอนพี่พงศ์จะถูกไอ้ฝรั่งเกย์นั่นข่มขืน
ผมเป็นคนเข้าไปช่วย...สงสัยเก่งมันคงจะเก็บไว้ในใจตลอด..
"เมื่อวานชั้นไปสมัครคอร์สศิลปะต่อสู้ป้องกันตัวมา บิลลี่"
เก่งพูดต่อ "ชั้นว่าจะไปสมัครสมาชิกฟิตเนสด้วย...แต่ว่า"
"แต่ว่าอะไรวะ..." ผมถามด้วยความอยากรู้ เก่งมันฮึดจริงๆ
ไม่เคยเห็นมันตั้งใจจริงอย่างนี้มาก่อน
"แต่ว่าตังค์หมดก่อนนะสิ...ตังค์ที่ทำงานพิเศษเอาไปซื้อของฝากจากเมืองไทยหมดแล้ว"
"ฮะ ฮะ.... ชั้นว่าดีแล้ว แกเอาเวลาไปอ่านหนังสือสอบดีกว่า
ปีหน้าต้องเข้ามหาลัยแล้วนะโว้ย สอบAเลเวลยากนะ...กว่าชั้นจะผ่านเกรดดีๆ
นรกชัดๆ" บิลลี่อายุมากกว่าเก่งสองปี จึงเข้ามหาลัยเรียบร้อยแล้ว
"เรื่องเรียนนะชั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้ว....ไม่ได้เรียนคาบเส้นเหมือนแกนี่หว่า...แค่จะบอกว่าอยากจะไปใช้สระว่ายน้ำบ้านแกหน่อย
พ่อแม่แกคงไม่ว่านะ...แถมบ้านแกมีอุปกรณ์ออกกำลังด้วยนี่" เก่งอ้อนบิลลี่
มองหน้าอย่างมีความหวัง
"ก็ได้ นายจะไปใช้สระว่ายน้ำที่บ้านก็ได้ ไม่ค่อยมีคนใช้อยู่แล้ว
อ้อ !! ส่วนเรื่องจะให้เทรนให้เป็นผู้ชายน่ะ...กฏข้อแรก...ผู้ชายนะเขาไม่ทำตาอ้อนกับผู้ชายแบบนั้นวะ
มันดูไม่เป็นแมนเลย.." แล้วบิลลี่ก็ถอนหายใจ
"ส่วนกฏข้อสอง ต้องเป็นคนใจแข็ง....ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสจับกดได้ให้จับกดเลยนะโว้ย..."
บิลลี่พูดปนหัวเราะ ก่อนโดนเก่งซัดดังปึ่กให้ที่แขน
ถ้าผมเป็นครูจริงผมก็น่าจะได้รางวัลครูดีเด่นระดับโลกไปแล้ว...เจ้าลูกศิษย์ของผมตอนนี้แทบจะไม่มีเค้าเดิมเหลือเลย...ทั้งๆที่คอร์สเทรนให้เป็นชาย(หรือเกย์ก็ไม่รู้)
สูตรของผมนั้นผมแอบแกล้งเขียนเวอร์เกินความจริงๆไปเกือบเท่าตัว อาทิเช่นให้วิ่งวันละสองกิโลผมก็บอกลูกศิษย์ว่าสี่หรือห้ากิโล...ดื่มนมวันละสองแก้ว
ก็กลายเป็นวันละลิตรครึ่ง...แต่ลูกศิษย์ผมก็น่าทึ่งจริงๆ ทำตามอย่างไม่มีบิดพริ้ว
แถมคอร์สศิลปะป้องกันตัวก็ยังไปเรียนทุกวันอีก..แรกๆผมชักจะสงสารมัน...แต่พอเห็นผลก็เลิกสงสาร
เพราะตอนนี้มันดูดีเสียยิ่งกว่าผมอีก ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกศิษย์ละก็
ขอบอกว่าตอนนี้มันสเปคผมเลยครับ...สติของผมถูกดึงกลับมาด้วยเสียงประกาศของสนามบิน
"เที่ยวบิน TG 919 ที่เดินทางจาก Bangkok ได้มาถึงสนามบิน Heathrow
เรียบร้อยแล้ว...."
"เร็วเข้าบิลลี่ ...อย่ายืนเหม่อสิ เดี๋ยวพี่พงศ์ออกมาไม่เจอใคร"
เจ้าลูกศิษย์ของผมพูดปาวๆ
"ทำไมจะไม่เจอล่ะ ไม่หายไปไหนหรอกน่า...นี่นายดันพาชั้นมาก่อนเวลาตั้งสองชั่วโมง..."
ผมบ่น ขับรถมาเองแท้ๆเจ้าซันนี่ก็กลัวว่ารถติดบ้างล่ะ กลัวอุบัติเหตุบ้างล่ะ
เร่งผมให้ขับรถออกจากบ้านตั้งแต่ไก่โห่
พูดถึงพี่พงศ์ผมเองก็อยากพบหน้าเหมือนกัน ไม่ได้เห็นมาตั้งครึ่งปี...ตอนเห็นที่สนามบินครั้งแรกผมก็ชอบแล้ว
ทั้งๆที่ผมยังไม่รู้เลยว่าเป็นพี่พงศ์ของเจ้าซันนี่มัน ผมชอบผู้ชายที่ดูเป็นผู้ชายครับ..แรกๆเจ้าซันนี่มันดูน่ารักน่าปกป้องแบบผู้หญิงไปหน่อยผมก็เลยไม่ค่อยได้สนใจ
แล้วผมก็ตากระจ่างวูบเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย...ร่างสูงโปร่งลากกระเป๋าใบโตเดินออกมาจากประตูทางออก
ไม่รู้ว่าไม่ได้พบกันนานหรือเปล่าผมรู้สึกว่าพี่พงศ์หล่อขึ้น...ใบหน้ารูปไข่แต่คิ้วเข้มผิวขาวนิดหน่อยแบบคนมีเชื้อจีนผสม
ขนตายาวล้อมกรอบดวงตาสีดำที่ดูสำรวม ผมซอยสั้น พี่พงศ์ยิ้มให้หลังจากสังเกตเห็นผม
ใจผมเต้นรัว...
"พี่พงงงงงศ์" เสียงเจ้าซันนี่ตะโกนขึ้นมาข้างหู ผมสังเกตเห็นพี่พงศ์ชะงักอ้าปากค้างนิดหนึ่งเมื่อเห็นเจ้าซันนี่...
"เฮ้ย...เก่งเหรอ" พงศ์อุทานเมื่อเห็นคนอ่อนกว่า เมื่อสักครู่เขาเห็นแต่บิลลี่...มองผ่านเก่งไปเพราะไม่คิดว่าเป็นเก่ง
ตอนนี้เก่งสูงเท่าบิลลี่แล้ว ร่างสูงใหญ่ขึ้นมาก ดูท่าจะสูงกว่าเขาแล้วด้วย
ใบหน้ายังคล้ายๆเดิมแต่ความรู้สึกต่างไป ดูเป็นแมนมากขึ้น ช่วงแขนหรือช่วงตัวก็หนาขึ้น
ดูมีกล้ามเนื้อ...ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองแค่ครึ่งปีเปลี่ยนได้ขนาดนี้
"ครับพี่พงศ์ ผมคิดถึงพี่พงศ์มากเลยยย" เก่งกระโดดเข้ามากอด
ก่อนจะวิ่งเข้าไปลากกระเป๋าของพงศ์ให้
"คุณพงศ์ค้าบ...พ้มก็คิดถึงคุณพงศ์ค้าบ" ภาษาไทยเพี้ยนๆของผมตะโกนไปบ้าง
ไม่พูดเปล่า ผมหอมแก้มพี่พงศ์ซะสองทีซ้ายขวา..ไม่สนสายตาเคียดแค้นของเจ้าลูกศิษย์เลย
ไหนๆคนนี้ผมอกหักชัวร์อยู่แล้ว..แค่นี้จะมาหวงอะไร
"พี่ก็คิดถึงทุกคนแหละ...ทั้งบิลลี่ทั้งเก่ง" พี่พงศ์ยกมือลูบแก้มตัวเองแบบไม่ชิน
"อ้าว...มีเพื่อนมารับแล้วเหรอหนู" เสียงผู้หญิงคนหนึ่งถามมาจากด้านหลัง
"ครับ...คงต้องแยกตรงนี้เลย โชคดีนะครับป้า" พงศ์หันไปตอบหญิงวัยกลางคนด้านหลังก่อนโบกมือให้
"ใครนะพี่.."เสียงเก่งถาม
"ป้าพร...รู้จักกันบนเครื่องบินน่ะ...ป้าเค้ามาทำงานที่นี่เป็นแม่ครัวด้วย...เลยคุยกันถูกคอ"
พี่พงศ์บอก
"ครับ.ครับ...กลับกันเถอะครับ..ผมเบื่อแล้ว...มาที่นี่ตั้งแต่บ่าย...เจ้าซันนี่ลากกระเป๋าพี่เค้าไปขึ้นรถด้วย"
ผมเอามือปิดปากหาว....
ตกเย็นคืนนั้นขณะที่ผมกำลังนั่งดื่มเบียร์กับเพื่อนอยู่ ก็ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นมากลางบาร์
ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งเดินแหวกฝูงชนเข้ามาหา
"เฮ้ย...ไอ้บ้าบิลลี่ แกเอาซันนี่คนเดิมของชั้นไปไว้ไหนว่ะ"
เสียงตะโกนถามดังขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เพื่อนผมหลายคนหันไปมอง
"มันก็คนเดิมแหละโว้ย แพท..." ผมบอกหน่ายๆ แพทริกตามตื้อเก่งมานาน
แล้วก็เป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้พวกผมไปเที่ยวเมืองไทยด้วย
"ม่ายใช่....เปลี่ยนไปตั้งแยะ ซันนี่คนเดิมที่น่ารักมันหายไปแล้วนี่หว่า"
นี่แหละครับชายคนแรกที่ร้องไห้กับการเปลี่ยนไปของเก่ง... "ซันนี่มันแฟนนายไม่ใช่เรอะ..."
คราวนี้ผมสำลักเบียร์ที่ดื่มอยู่ พ่นออกมาเต็มโต๊ะ
"ไอ้บ้า...ใครบอกแกวะ ว่ามันเป็นแฟนชั้น!!" น้ำหูน้ำตาเริ่มไหลเพราะความแสบ
"ไม่มีใครบอกโว้ย ก็คราวที่แล้วพวกแกไปฮันนีมูนกันที่เมืองไทยไม่ใช่หรือไง.."
แพทริกบอกโมโห
"กูไปเที่ยวเฉยๆ ไอ้บ้าแพท....เก่งมันไม่ได้เป็นแฟนกูสักหน่อย"
ก่อนจะพึมพำออกมาต่อ "ตัวจริงของเก่งเค้ามาแล้ววะ" คราวนี้แพทริกหูพึ่ง
"ใครว่ะ ตัวจริงของเก่ง" มันทำหน้างงๆ
"พี่ชายข้างบ้านมัน เก่งมันแอบชอบอยู่" ผมตอบตามตรง แพทริกนี่นอกจากเรื่องชอบตื้อและพูดมากแล้ว
นิสัยอื่นๆ ก็ไม่มีปัญหาเท่าไหร่...หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้..
แพทริกเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะถาม "หรือว่าที่เก่งเปลี่ยนไปก็เพราะไอ้หมอนั่น..."
ผมพยักหน้ารับไม่ได้พูดอะไรต่อ
"ทำไมไม่ให้พี่พงศ์นอนห้องเดียวกับผม" เสียงเก่งพูดเคืองๆ
"เตียงก็มีตั้งสองเตียง"
"ก็พงศ์เขามาเรียนปริญญาโท แม่ว่าน่าจะต้องการความเป็นส่วนตัว
ส่วนลูกเองก็ต้องสอบ อยู่คนละห้องดีแล้ว ห้องว่างก็มี" แม่กับพ่อให้เหตุผล
"ขอบคุณครับคุณน้า" พงศ์ยกมือไหว้ภรรยาของลุงชัยชนะ เขาเองก็ชินกับการอยู่ห้องเดี่ยวเหมือนกัน
"เอ..แล้วนี่พงศ์ต้องไปเรียนภาษาก่อนใช่ไหม" ลุงชัยชนะถาม
"ก็คงสามเดือนมั้งครับ...คะแนนภาษาอังกฤษของผมมันคาบเส้นมหาลัยพอดี
เห็นบอกว่าเป็นคอร์สภาษาอังกฤษของมหาลัยโดยตรง เตรียมเพื่อเรียนโดยเฉพาะ
สอนเขียนรายงาน สอนพรีเซนต์อะไรทำนองเนี้ยะแหละครับ" พงศ์อธิบายข้อมูลคร่าวๆ
ที่ได้รับมาให้ลุงชัยไป
"อือ..ก็ดีนะ จะได้คุ้นเคยก่อน ถ้ามีปัญหาอะไรเรื่องภาษาก็ถามลุงหรือว่าเจ้าเก่งมันก็ได้...เก่งมันเรียนดี"
ลุงชัยบอก
"ครับ ขอบคุณครับ งั้นผมขอตัวเข้าไปจัดของก่อนนะครับ"
"จ้ะ ตามสบายเลยจ๊ะ อาหารเย็นเสร็จเมื่อไหร่น้าจะขึ้นไปเรียกนะพงศ์"
ผมยิ้มกับการต้อนรับที่อบอุ่นของทั้งสองคน..
วันต่อมาผมกับเก่งก็พาพี่พงศ์ไปเที่ยวชมเมืองพร้อมกับแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ
ให้รู้จัก อ้อลืมบอกไป เมืองที่ผมอยู่นี่เรียกว่า Brighton นะครับ..
หรือทั่วๆไป เค้าจะเรียกว่า London by the sea เพราะว่าเจริญเหมือนกับลอนดอนแล้วก็อยู่ติดทะเล
แต่สถานที่ท่องเที่ยวก็มีไม่ค่อยแยะหรอกครับ ที่สำคัญๆก็มี Royal
pavilion พระราชวังของคิงจอร์จที่สี่ ภายนอกเหมือนกับสถาปัตยกรรมอินเดีย
แต่ภายในนี่สิครับ...ไม่อยากจะบอก ตกแต่งสไตล์จีน..มีทั้งมังกรทั้งตัวอะไรแปลกๆเต็มไปหมด..แถมตามประวัติศาสตร์เขาบอกว่าคนตกแต่งข้างในไม่เคยไปเมืองจีนด้วย
จินตนาการล้วนๆ ถ้าคนจีนมาดูก็เรียกว่าหัวเราะกับความพิลึกพิลั่น
ดีตรงที่ว่าทุกอย่างอลังการไปหมด อีกที่หนึ่งที่น่าเที่ยวก็ Brighton
pier ครับ เป็นท่าเรือเก่าซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้ใช้เป็นท่าเรือแล้ว
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า ตรงสุดท่าเป็นสวนสนุก ส่วนตรงกลางๆก็เป็นเครื่องเล่นแล้วก็ตู้สล็อตแมชชีน..
ที่สำคัญที่สุด...ที่นี่เป็นเมืองหลวงเกย์ของอังกฤษ (ใครไม่รู้ก็รู้ซะ)...ประชากรกว่าครึ่งของที่นี่เป็นเกย์ครับ...ซึ่งก็รวมพวกเลสเบี้ยนด้วย
ทุกปีจะมีเกย์พาเรท..ซึ่งบางทีผมเองก็แอบๆไปเดินกับเขาบ้าง...
พี่พงศ์ดูก็ตื่นเต้นกับสถานที่ท่องเที่ยวที่พวกผมพาไปเที่ยวดี...แต่ที่ชอบที่สุดเห็นจะเป็นตลาดกับซุปเปอร์มาเก็ตเพราะเห็นถามโน่นถามนี่ตลอด
เพราะผักผลไม้ของที่นี่ค่อนข้างแตกต่างจากที่เมืองไทย
"ข้าวของที่นี่แพงจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย มะเขือเปาะสี่ลูกเจ็ดสิบบาท"
พงศ์อุทานด้วยความตกใจเมื่อไปเดินร้านขายของไทย
"ก็ราคานี้แหละครับ เพราะต้องส่งจากเมืองไทย แพงค่าขนส่ง"
เก่งบอก
"เดี๋ยวคืนนี้ไปดื่มกันที่บาร์ต่อไหมเก่ง" ผมเอ่ยปากถาม
ซึ่งธรรมดาเก่งมันมักจะตอบรับแต่คราวนี้กลับหันไปถามพี่พงศ์ก่อน
"ไปไหมครับพี่ หรือว่าพี่จะกลับบ้าน"
"ไปก็ดีนะ...อากาศหนาวๆดื่มสักหน่อยก็ท่าจะดี" พงศ์เห็นชอบด้วย
"ไปผับใหม่ๆนะบิลลี่..ผับที่ไปบ่อยๆไม่อยากไป" เก่งบอกผม
ซึ่งจริงๆก็พอเดาได้หรอกว่าเก่งมันคงไม่อยากไปเจอหน้าคู่กรณีเก่าของมัน...
"เออ ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ชั้นแค่ไม่อยากกลับบ้านแต่หัวค่ำ
เดี๋ยวพวกคนใช้จะตกใจเปล่าๆ" ผมพูดติดตลก..
ผมโยนเสื้อเชิ้ตไปพาดเก้าอี้ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดห้าฟุตครึ่ง
วันนี้ผมดื่มเบียร์ไปหลายแก้ว..แถมต่อด้วยวิสกี้ พอมาถึงบ้านต้องให้คนใช้หามขึ้นมาที่ห้องนอน
บ้านผมใหญ่ยังกะคฤหาสน์ก็จริงแต่ก็เงียบเหงา พ่อกับแม่วันๆเอาแต่ไปดูงานต่างประเทศ
ประชุม ทำโน่นทำนี่ตลอด..บ้านผมทำธุรกิจเครื่องดื่มบำรุงกำลังและอาหารแช่แข็ง
มีร้านสาขาไปทั่วประเทศ แถมยังมีโรงงานผลิตเครื่องดื่มอยู่ต่างประเทศอีกหลายสาขา..อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ทำให้พ่อกับแม่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้านสักเท่าไหร่...อย่างที่เก่งมันชอบประชดผมว่าผมมันพวกต้องการความรัก
วันต่อมาผมตื่นเสียสายพวกคนใช้ก็ไม่ได้เข้ามาเรียกเพราะเห็นว่าเป็นวันอาทิตย์..ผมลงมาจากห้องด้วยกางเกงขาสั้นตัวเดียวคาบขนมปังปิ้งไว้ที่ปากก่อนที่จะเดินไปริมสระน้ำ...
ซ่า...เสียงน้ำกระเซ็นเรียกความสนใจของผม ใครจะมาเล่นน้ำในวันอาทิตย์แบบนี้..หรือว่าเก่ง...แต่ส่วนใหญ่เก่งมาทีไรก็จะเข้ามาพบผมก่อนทุกทีนี่นา
ผมขมวดคิ้ว
"ตื่นสายเชียวนะ พ่อคุณ.." เสียงแซวดังขึ้นมาจากสระ ผมหันไปมองทางต้นเสียงก็พบร่างสูงร่างหนึ่งอยู่ในน้ำ
เอาแขนพาดกับขอบสระ สวมหมวกพร้อมกับแว่นตาว่ายน้ำสีเข้ม
"อ้าว นึกว่าใคร คุณลูเซียนนี่เอง หวัดดีครับ" ผมทัก ร่างในสระเลื่อนแว่นตาว่ายน้ำขึ้น
ดวงตาสีเขียวใสมองยิ้มๆ
"จำได้ด้วยเหรอ..นึกว่าจะลืมแล้วนะเนี่ย" ร่างนั้นดันตัวขึ้นมาจากสระ
ก่อนที่จะลงนั่งที่ม้ายาว หยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่ขึ้นมาซับหยดน้ำ
"ไม่ลืมหรอกครับ..เพื่อนเก่านี่นา" ผมพูดหัวเราะ ดีใจเหมือนกันที่จู่ๆได้เจอคนที่คาดไม่ถึง
ลูเซียน แมกคลาวด์ เป็นหุ้นส่วนธุรกิจของพ่อผม และก็เป็นเพื่อนเก่าของผมด้วย...ฟังดูแปลกๆใช่ไหมครับไหงหุ้นส่วนธุรกิจของพ่อกลายมาเป็นเพื่อนผม...จริงๆก็คือครอบครัวของลูเซียนทำกิจการซุปเปอร์มาเก็ตมีสาขาไปทั่ว
แถมเปิดภัตตาคารอีกต่างหาก..ในเมื่อบ้านผมทำกิจการอาหารแช่แข็งก็เลยได้อาศัยพึ่งพากัน
ผมรู้จักลูเซียนครั้งแรกตอนอายุหกขวบตอนนั้นลูเซียนอายุสิบหก พ่อของเขามาติดต่อธุรกิจกับพ่อผม..ลูกชายสองคนก็เลยต้องออกมาวิ่งเล่นข้างนอก
ผมก็เลยได้เพื่อนใหม่แก่กว่าตั้งสิบปี หลังจากนั้นทุกปีพ่อของลูเซียนก็จะมาเยี่ยมเยียนพ่อผมปีละสามสี่ครั้งได้
ทุกครั้งก็จะมาพักที่ห้องรับรองของบ้าน แต่หลังจากที่พ่อของลูเซียนเสียชีวิตลง
ผมก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้าเขาเท่าไหร่...ได้ข่าวเขาต้องดูแลกิจการของที่บ้านไม่ค่อยมีเวลาไปไหนมาไหน
"ไม่ได้มาซะหลายปีเหมือนกัน...เป็นไงบ้างละเรา" ลูเซียนถามผม
"ก็เรื่อยๆ ครับ" ผมยิ้มเจื่อนๆ
"แล้วแฟนเราล่ะเป็นไง"
"เอ่อ...คนที่เคยเล่าให้ฟังครั้งสุดท้ายใช่ไหม...เปลี่ยนตั้งนานแล้ว
ตอนนี้ยังว่างอยู่" ผมตอบตามตรง ที่จริงผมเปลี่ยนแฟนปีละสองคนได้...
"นายนี่น้า...น่าจะหาใครจริงจังๆได้แล้ว เอาแต่ลอยไปลอยมา คบเขาไปทั่วทั้งหญิงทั้งชาย"
ลูเซียนบ่น เขาเป็นคนผู้ใหญ่คนเดียวที่รู้ว่าผมเป็นเกย์
"ผมนะพึ่งยี่สิบ...โน่น...คุณต่างหาก สามสิบแล้วยังหาแฟนไม่ได้นี่สิน่าเป็นห่วงกว่า"
ผมย้อนไปบ้าง
"โน..โน...ตอนนี้ไม่ต้องเป็นห่วงชั้นแล้ว..ชั้นเองก็มีแฟนของชั้นเหมือนกัน"
ลูเซียนตอบยิ้มๆ
"หา...ใครนะ..จับหนุ่มเนื้อหอมประจำเมืองได้" ผมถามด้วยความอยากรู้จริงๆ
"เป็นนางแบบน่ะ ชื่อวิเวียน..สเตลล่า คบกันมาสี่เดือนแล้ว ช่วงนี้เธอไปเดินแฟชั่นโชว์ที่ต่างประเทศ..ชั้นก็เลยถือโอกาสมาพักผ่อนพร้อมกับมาหาพ่อเธอด้วย"
ลูเซียนบอก เขาสนิทกับทุกคนในบ้านของบิลลี่..เรียกได้ว่าอยากจะมาเมื่อไหร่ก็มา
คนใช้ก็จำหน้าเขาได้เกือบทุกคน
"ไว้ถ้าชั้นมีข่าวดีเมื่อไหร่จะบอกนายเป็นคนแรก..."
ผมพยักหน้าเนือยๆ ทำไมคนรอบข้างผมช่วงนี้ดูมีความสุขกันไปหมดเลยนะ...ทิ้งผมหงอยเหงาอยู่คนเดียว...ผมเองก็คงต้องเริ่มหาตัวจริงแบบที่ลูเซียนบอกซะแล้วละมั้ง