Peebee
คู่รสตำรับรักภาค 2

ตอนที่ 2

"อืม..." เสียงพึมพำจากร่างข้างๆที่นอนอยู่บนเตียงทำให้ผมรู้สึกตัว ผมยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาข้อมือที่ซึ่งตอนนี้มันบอกเวลาว่าหกโมงเช้าแล้ว ...แค่หกโมงเช้า....หา!!! หกโมงเช้า เฮ้ย...!!!
ผมรีบดันตัวลุกขึ้นมานั่ง ควานหาเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้เมื่อคืน มือของร่างที่นอนโอบผมอยู่ร่วงลงไปข้างเตียง เป็นเหตุให้ร่างนั้นงัวเงียขยี้ตาขึ้นมาถาม
"เป็นอะไรไปน่ะ บิลลี่...ยังเช้าตรู่อยู่เลยจะรีบไปไหนน่ะ"
"ขอตัวกลับบ้านก่อนนะ ฮอลลี่ วันนี้มีนัดน่ะ" ผมตอบโดยไม่ได้หันไปมองหน้าคู่นอน ขาพยายามแยงเข้ากางเกงยีนส์ตัวเก่ง..โอ้ย !! ทำไมยิ่งรีบมันยิ่งใส่ไม่เข้าฟะ ผมลุกขึ้นยืนเพื่อให้ใส่ได้สะดวกยิ่งขึ้น
'ตุ้บ' เสียงหมอนถูกขว้างมาใส่หลัง ผมพูดเคืองๆ
"ไม่เล่นน่า ฮอลลี่ ผมบอกแล้วว่ามีนัดต้องรีบกลับ" มือยังพยายามดึงกางเกงยีนส์ขึ้นมาอยู่..ในที่สุดก็สำเร็จ
'ตุ้บ' หมอนอีกใบถูกขว้างมาที่ผม แล้วก็ตามด้วยผ้าห่มหนักๆที่คนนอนพยายามเขวี้ยงมาใส่ แต่ด้วยความใหญ่และหนักทำให้มันหล่นไปกองที่พื้นแทน ผมหันไปมองร่างบนเตียงเคืองๆ เพื่อที่จะต่อว่า..แต่แล้วผมก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เมื่อพบว่าคู่นอนของผมไม่ใช่ฮอลลี่ แต่เป็นมาริลีนต่างหาก!!
"นี่นอนกับเขาไปทั่วใช่ไหมนายบิลลี่ อย่างน้อยก็ควรจะจำชื่อคู่นอนให้ได้สักหน่อยนะ" ร่างเปลือยบนเตียงมองผมด้วยสายตาเอาเรื่อง ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก ก่อนยิ้มแหะๆ
"ขอโทษจ้า...ผมมัวแต่รีบนะ...ขอตัวก่อนแล้วกันนะ" ผมเดินถอยหลังคว้าเสื้อที่อยู่กับพื้นขึ้นมา ไม่รอเสียเวลาใส่ หยิบข้าวของทั้งหมดของตัวเองแล้วรีบใส่ตีนผีโกยแนบออกจากห้องก่อนที่ข้าวของอื่นนอกจากหมอนจะถูกขว้างตามมาใส่หัวผม
ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งใส่เสื้อเชิ้ตพร้อมกับมุ่งไปที่ลิฟท์ ล้วงกุญแจรถออกมาเตรียมพร้อม เฮ้อ...ไม่น่าทักผิดเลย เสียเชิงยอดชายนายบิลลี่หมด ธรรมดาเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมหรอกนะครับ สาเหตุทั้งหมดต้องโทษเจ้าเพื่อนๆของผมที่ดันมีคู่กันไปหมดแล้ว..ทั้งเก่ง ทั้งลูเซียน ทำให้ผมเริ่มคิดที่จะมี 'ตัวจริง' กับเขาขึ้นมาบ้าง ช่วงนี้ก็เลยคบกับเขาไปทั่วทั้งผู้หญิงผู้ชาย...

อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์แรกของปีก็ว่าได้ที่ผมลงมารับประทานอาหารเช้าที่โต๊ะอาหาร...อดัมพ่อบ้านเก่าแก่ยืนยิ้มบริการอย่างดีใจ ที่จริงก็น่าจะดีใจหรอกนะครับเพราะว่านอกจากผมแล้วแกก็ไม่มีใครให้บริการอีก พ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยจะมาเสียเวลากับอาหารเช้าแบบอังกฤษเต็มที่แบบนี้ ส่วนใหญ่ก็แค่กาแฟแก้วนึงพร้อมกับไข่ลวก
"คุณหนูครับ รับไข่ดาวเพิ่มไหมครับ" แกหันมาถามเมื่อเห็นผมกินหมดแล้ว...
"ไม่ต้องแล้ว...อิ่มแล้ว จะขุนผมหรือไงกันเนี่ย...แล้วนี่มามองผมยังกะของแปลก" ผมทักเมื่อมองไปรอบตัว นอกจากอดัมแล้วก็ยังมีพนักงานทำความสะอาดอีกสองคนยืนยิ้มอยู่
"แหม..ก็วันนี้เป็นครั้งแรกในรอบหกเดือนที่คุณบิลลี่ตื่นมารับอาหารเช้านะครับ ทุกคนก็เลยดีใจเป็นพิเศษ" พนักงานรับใช้ชายคนหนึ่งพูดแซวขึ้นมา นี่ถ้าเกิดผมนั่งอยู่กับพ่อกับแม่ก็คงไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้หรอกครับ แต่บังเอิญผมไม่ถือ และก็ชอบพูดเล่นกับคนใช้ในบ้านอยู่แล้ว ทุกคนก็สนิทสนมกับผมดี
"ไม่ใช่ พูดผิดพูดใหม่ได้นะ...ต้องบอกว่ากลับมาท่านอาหารเช้าที่บ้านมากกว่า" ลูเซียนพูดก่อนยกกาแฟขึ้นดื่ม
ที่จริงก็คือผมขับรถกลับมาถึงบ้านตอนเจ็ดโมงครึ่ง เปลี่ยนชุดอาบน้ำแล้วก็ลงมารับอาหารเช้าตอนแปดโมงกว่า
"อ้าว...ก็ใครละชวนผมไปเล่นเรือใบวันนี้น่ะ ไม่งั้นผมก็คงไม่ต้องรีบร้อนกลับบ้าน นอนบนเตียงนุ่มๆในอ้อมกอดสาวๆสบายกว่ากันแยะเลย" ผมพูดงอนๆ จริงๆอยากจะบอกว่าไม่งั้นคงไม่ถูกสาวเฉดหัวออกมาจากห้องนอนแบบนี้หรอก
"มารยาทเจ้าบ้านที่ดี อย่างน้อยมีแขกมาเยี่ยมก็ควรจะอยู่ต้อนรับหน่อยจริงไหม" ลูเซียนเอ่ยปากขึ้นมาพร้อมกับหันไปมองอดัมเหมือนหาพวก อดัมพยักหน้าเห็นด้วย
"เจ้าบ้านนะมันพ่อกับแม่ผม..แล้วอยู่ๆคุณก็มาไม่ได้บอกกล่าวกันสักหน่อย" ผมหันไปยกแก้วให้อดัมเอากาแฟมาเติม
"เอาน่า...เจ้าบ้านตัวจริงๆไม่อยู่ ก็ว่าที่เจ้าบ้านนั่นแหละ....แถมเพื่อนมาเยี่ยมยังมาบ่นอีก"
"เอาน่า...ขี้เกียจพูดแล้ว...เอ้อ...อย่าลืมเอากุญแจอู่เก็บเรือให้ผมด้วยนะ..." ผมตัดบท ก่อนหันไปบอกอดัม
"ผมเตรียมไว้ให้คุณหนูเรียบร้อยแล้วครับ..." อดัมล้วงพวงกุญแจพวงใหญ่ออกมาจากระเป๋า หยิบกุญแจสีเงินดอกหนึ่งออกมาให้บิลลี่
"ว้าว...ขอบใจนะ..แล้วเดี๋ยวตอนเย็นจะซื้อของมาฝาก" ผมไม่วายพูดเล่นกับอดัม "แล้วอีกอย่างเลิกเรียกผมว่าคุณหนูสักทีเหอะ...ฟังแล้วขนลุกไงก็ไม่รู้ เรียกบิลลี่เฉยๆก็ได้ พนักงานคนอื่นก็เรียกผมว่าบิลลี่กันทั้งนั้น"
"ครับ คุณหนู" อดัมรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามแบบฉบับพ่อบ้านในหนังเดี๊ยะ...ก่อนจะเข้ามาเก็บจานที่พวกผมสองคนทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากสาวๆที่ทำความสะอาดอยู่
"อ๊ะ..คุณหนูครับ ผมลืมบอกอะไรคุณหนูไปอย่าง" อดัมเรียกผมก่อนที่ผมจะลุกจากโต๊ะ
"คุณท่านบอกว่าวันเกิดคุณหนูปีนี้อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า...เพราะจะฉลองที่คุณหนูอายุครบยี่สิบ"
"โห...มันอีกตั้งเดือนกว่ากว่าจะถึงวันเกิดผม...ยังไม่ต้องเร่งร้อนอะไรมั้ง" ผมพูดเฉยๆ ไม่ค่อยได้ใส่ใจอะไรนัก ก็แค่อายุเพิ่มขึ้นมาอีกปีหนึ่งเท่านั้นเอง แถมเลยวัยทีนเอจแล้วด้วยไม่เห็นน่าดีใจเท่าไหร่เลย
ผมหยิบอาดีแดสคู่โปรดขึ้นมาสวม...สะพายเป้ใบเก่งก่อนที่จะวิ่งไปที่รถคันงามของลูเซียนที่สตาร์ทรออยู่....อะ..อะ...ใครจะคิดว่าผมเล่นกีฬาลูกคนรวยแบบนี้บ่อยๆก็ผิดแล้วนะครับ..จริงๆ เรือที่อยู่ในอู่ที่เช่าไว้นั้นมันคงอยากจะร้องไห้...เพราะแทบจะไม่มีใครใช้เลย...เสียเงินค่าเช่าที่เก็บเล่นๆไปงั้นเอง..ก็มีแต่ลูเซียนนี่แหละที่เวลามาที่บ้านทีไรชอบชวนไปเล่นเรือบ้าง ขี่ม้าบ้าง ยิงปืนบ้าง...ผมเลยได้โอกาสแงะเอาความรู้ที่เกือบจะขึ้นสนิมของผมขึ้นมาขัดถูเสียหน่อย ก็ดีเหมือนกันที่มีคนชวนไปไหนช่วงนี้ เพราะว่าตอนนี้เก่งเองก็ไม่ค่อยจะมีเวลาไปไหนมาไหนกับผมเท่าไหร่...


"พงศ์จ๊ะ...ถ้าจะทำห่อหมกทะเลนี่มันมีเคล็ดลับอะไรดีๆบ้างหรือเปล่าจ๊ะ" เสียงน้าจริยาแม่ของเก่งถามขึ้น วันนี้พงศ์ไม่มีเรียนตอนบ่าย เขาจึงนั่งอ่านหนังสือเตรียมที่จะทำรายงานอยู่ในห้องรับแขก
"คุณน้าจะทำวันนี้เหรอฮะ...เครื่องแกงนี่จะตำเองหรือว่าซื้อสำเร็จมาใช้ละครับ...ถ้าตำเองก็จะดีกว่า.." พงศ์อธิบายคร่าวๆ ก่อนจะเดินออกไปที่ห้องครัวด้านหลังบ้าน ธรรมดาคุณน้าไม่ค่อยจะทำอาหารไทยบ่อยนัก เพราะข้าวของเครื่องปรุงที่นี่แพงกว่าเมืองไทยหลายเท่า "แล้วพวกเครื่องเทศที่ร้านไทยผมไปดูมาแล้วมันก็มีไม่แยะด้วยครับ ไม่กี่อย่างเอง"
"ไม่ต้องเป็นห่วงจ้าพงศ์...ร้านไทยไม่มีแต่ร้านแขกมันมีนี่จ๊ะ...น้าอยู่นี่มานานรู้แหล่งดี" น้าจริยาบอกผมอารมณ์ดี "พงศ์เขียนชื่อพวกเครื่องปรุงมาให้น้าก็ได้ เดี๋ยวน้าจะออกไปซื้อเอง" น้าจริยายื่นดินสอกับกระดาษมาให้ผม
"น้าไม่ได้จะทำวันนี้หรอกนะ อาทิตย์หน้าน้าจะมีปาร์ตี้คนไทยที่บ้านเพื่อนน้านะ...เพื่อนคนนี้แกแต่งงานกับฝรั่งเมื่อสี่ปีที่แล้ว สามีแกค่อนข้างมีฐานะ นานๆทีก็มีเลี้ยงสังสรรค์กันที"
พงศ์จดชื่อเครื่องเทศที่ต้องใช้ในเศษกระดาษ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เขานั่งอ่านหนังสือมานานจนเมื่อยไปหมด อยากจะออกไปเดินผ่อนคลายบ้าง
"คุณน้าครับ..ผมไปด้วยได้ไหมครับ..อยากรู้เหมือนกันว่าร้านแขกมันอยู่ตรงไหน ไว้วันหลังจะได้ไปซื้อของมาทำกินบ้าง"
"แหม ถ้าพงศ์ไปด้วยก็ดีสิ ตอนแรกน้าเกรงใจกลัวว่าพงศ์เรียนหนัก ไม่กล้ารบกวนนะ"
"ก็เรียนหนักแหละครับ นี่วันจันทร์หน้าก็ต้องส่งรายงาน แต่อ่านมากไปก็ไม่ไหว...เดี๋ยวสมองล้าหมด" พงศ์พูดยิ้มๆ
ร้านแขกที่น้าจริยาพูดถึงอยู่ในซอยเล็กๆ แยกมาจากถนนใหญ่อีกที ร้านมีชื่อว่า 'ทัช มาฮาล' เป็นร้านที่กินเนื้อที่สองห้องเล็ก ภายในบรรยากาศสลัวๆ กลิ่นเครื่องเทศหลายอย่างโชยมาแตะจมูก ตอนเดินเข้าไปทีแรกผมตะลึงกับความแน่นขนัดของชั้นวางของ..สมกับที่อังกฤษเป็นเมืองของแพงค่าใช้จ่ายสูงจริงๆ เจ้าของร้านเลยพยายามที่จะใช้ทุกตารางนิ้วในร้านให้เป็นประโยชน์ ทางเดินระหว่างชั้นแคบเสียจนถ้าคนตัวใหญ่ๆยืนเลือกของอยู่คนอื่นก็เดินเข้าไปไม่ได้ แถมของแต่ละอย่างก็วางอัดกันจนแน่น...ทั้งของไทยของจีนของญี่ปุ่น ผมยืนเลือกของตรงมุมเครื่องเทศ ซึ่งแต่ละอย่างจะแพคใส่ถุงพลาสติกเรียบร้อย มีราคาติดด้านหน้า
"พงศ์อยากได้อะไรก็ซื้อไปเลยนะจ๊ะ...เผื่อทำอาหารเย็นวันนี้ด้วยก็ได้ นานๆทีน้าถึงจะทำอาหารไทย เจ้าเก่งมันชอบกินอาหารฝรั่งมากกว่า" คุณน้าพูดแบบงอนๆ ผมแอบอมยิ้ม..
"เอ...คุณน้าอยากกินอะไรบ้างละครับ..ผมจะได้ทำถูก"
"อืม...แหมน้าอยากกินอะไรเผ็ดๆ แซ่บๆ นะ พวกส้มตำ ลาบ น้ำตกอะไรทำนองเนี้ย ไม่ได้กินมานาน"
"ได้ครับ...ยินดีรับใช้เลยครับผม"

มื้อเย็นวันนี้เป็นมือเย็นที่ทุกคนกินอาหารไทยกันเต็มที่...พงศ์ทำกับข้าวสี่อย่าง ส่วนน้าจริยาก็มาเป็นลูกมือพร้อมกับหุงข้าวสวยร้อนๆเตรียมไว้ น้าจริยากับลุงชัยชนะชวนคุยโน่นคุยนี่ตลอดระหว่างมื้อเย็นทำให้พงศ์ไม่รู้สึกเบื่อ และได้รู้เรื่องอะไรใหม่ที่นี่อีกด้วย ที่สำคัญพงศ์รู้สึกเหมือนว่าได้กินข้าวพร้อมกันพ่อแม่ลูกเป็นครั้งแรก แม่ของพงศ์เสียตั้งแต่เขายังเด็ก ทำให้ยายต้องเอาเขาไปเลี้ยงเนื่องจากพ่อมัวแต่ยุ่งอยู่กับการทำงาน ส่วนมากเขาก็นั่งกินข้าวกับคุณยายแค่สองคน บางครั้งก็มีบรรดาเพื่อนๆ คุณยายมาร่วมรับประทานกันด้วย..ซึ่งเพื่อนคุณยายแต่ละคนก็รุ่นแรกแย้ม(ฝาโลง) กันทั้งนั้น คุยกันแต่เรื่องเข้าวัดเข้าวาแล้วก็ละครภาคดึก..
"อุ๊ย...น้าพึ่งสังเกต เจ้าเก่งสูงกว่าพงศ์นิดนึงแล้วนะเนี่ย โตวันโตคืนเลย ทั้งๆที่น้าว่าพงศ์เองก็สูงเหมือนกัน" น้าจริยายกมือวัดระดับความสูงของเก่งกับพงศ์ที่นั่งด้านตรงข้าม
"ผมสูงร้อยแปดสิบครับ" พงศ์บอก ตอนที่เจอเก่งทีแรก เก่งสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบเจ็ดได้...ซึ่งก็ค่อนข้างสูงสำหรับชายไทย แต่เก่งค่อนข้างผอมเลยทำให้พงศ์กับบิลลี่ดูตัวใหญ่กว่ามากเมื่อเดินด้วยกัน
"อ้าว..ผมยังเด็กวัยกำลังโตนี่..ไม่เหมือนอีกคนหยุดโตแล้ว" เก่งไม่ได้พูดอะไรมาก หันไปมองพงศ์ยิ้มๆ ส่วนมือก็โซ้ยข้าวต่อ
"ไม่ต้องมาปิดน่า...เจ้าบิลลี่บอกพ่อหมดแล้วว่าแกอยากโตทำไม" ลุงชัยชนะพูดพร้อมยกช้อนชี้ไปที่ลูกชาย พงศ์กับเก่งแทบจะสำลักข้าวออกมาพร้อมกัน
"เจ้าบิลลี่มันบอกอะไรพ่ออีกล่ะ!!" เก่งถามเสียงดัง ตาเหลือก...ส่วนพงศ์นั่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก บิลลี่นี่แจมไปทั่วจริงๆ
"ทำไมต้องทำท่าตกใจแบบนั้น...ไม่ต้องอายหรอกน่า ลูกผู้ชายทั้งที ถูกผู้หญิงหักอกคนสองคนไม่ตายหรอก ถือเป็นประสบการณ์ชีวิต" พ่อพูดขำๆ ตอนนี้เก่งชักงงๆ ไอ้เจ้าบิลลี่มันบอกอะไรพ่อเขาไปกันนะ..
"บิลลี่มันบอกว่าตอนที่ไปเที่ยวระยอง แกแอบไปติดใจผู้หญิงแถวนั้นเข้า แต่ผู้หญิงเขาไม่สนแกบอกว่าแกตัวผอมเหมือนไม้เสียบผี ให้กลับไปขุนที่บ้านก่อน" ลุงชัยชนะพูดกลั้วหัวเราะ เก่งนั่งอ้าปากค้าง ไอ้เจ้าบิลลี่!!! เหลือบไปมองคนข้างๆ ก็ได้ยินเสียงกลั้นหัวเราะอยู่ในคอเหมือนกัน
"จริงครับ...ผู้หญิงเขาชอบหุ่นอย่างผมหรือแบบบิลลี่มากกว่า ถ้าไปด้วยกันนี่เก่งตกกระป๋องเลย" พงศ์พูดแบบติดตลก แถมพ่อของเก่งก็หัวเราะรับไปกันด้วย
เข้าขากันได้ดีจริงๆเลยนะ!!
"ใช่แล้วเก่ง เมื่อวานซืนอาจารย์วูที่สอนศิลปะป้องกันตัวเขาโทรมาหาแม่น่ะ..ถามว่าเก่งจะไปสอบเลื่อนขั้นเมื่อไหร่" น้าจริยาถามต่อ ตอนนี้เก่งเรียนศิลปะป้องกันตัวจนเกือบจะได้สายดำแล้ว
"คงจะอาทิตย์หน้าละมั้งครับ แต่ว่าถ้าสอบคราวนี้ผ่านก็ว่าจะพักไว้ก่อน เตรียมตัวเรื่องเรียนก่อนดีกว่า" เก่งตอบ พยายามพูดเรื่องอื่นแทน ขณะที่หูก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากผู้ชายสองคนข้างๆ
พี่พงศ์นะพี่พงศ์ ได้ทีหัวเราะกันใหญ่ ลืมไปแล้วมั้งว่าตอนนี้เขาตัวสูงใหญ่กว่าแล้ว...เดี๋ยวเถอะ...ได้เห็นฤทธิ์คนตัวสูงกว่าหน่อย


แนะนำติชมได้ที่บอร์ดนิยายนะคะ...................
1