คู่รสตำรับรักภาค 2
ตอนที่ 3
ห้องนอนของพงศ์เป็นห้องขนาดไม่ใหญ่ที่น้าจริยาดัดแปลงมาจากห้องใต้หลังคา
เพดานห้องจึงลาดเอียง เพียงแค่พงศ์ยืนเต็มที่ระยะห่างระหว่างศีรษะกับเพดานจะเหลือเพียงประมาณฟุตครึ่งเท่านั้น
บางครั้งเขาเองต้องก้มหลบไฟเพดานที่เป็นแบบโคมห้อยลงมา ห้องที่นี่ไม่ติดมุ้งลวดเพราะไม่มียุง
เพียงที่หน้าต่างจะมีผ้ามัสลินบางๆกั้นไว้ยามที่ปิดเปิด ภายในห้องติดวอลเปเปอร์สีฟ้า
พร้อมกับพื้นเป็นพรมสีครีมทั้งห้อง มีอุปกรณ์ครบครันทั้งตู้ โต๊ะ
ตั่ง เตียง น้าจริยาค่อนข้างจะมีรสนิยมการแต่งห้องดี...ห้องของพงศ์จึงดูน่าอยู่แม้จะเตี้ยและเล็ก
ธรรมดาห้องนี้เป็นห้องพักของเด็กนักเรียนที่มาเรียนภาษาซึ่งแม่ของเก่งติดต่อกับทางโรงเรียนไว้เป็นรายได้พิเศษ...ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กจากจีน
ใต้หวัน ญี่ปุ่น นานๆทีก็จะมีนักเรียนจากยุโรปมาบ้าง แต่พอพงศ์มาทั้งสองคนก็เลิกติดต่อรับเด็กมาอยู่ที่ห้อง
ยกห้องนั้นให้พงศ์แทน
ก๊อก ก๊อก...เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พงศ์เดินไปเปิดก็เห็นเก่งยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง...
"ทำอะไรอยู่หรือครับ...ผมเข้าไปนั่งคุยด้วยนะ" เก่งพูดพร้อมกับเดินเข้าไปนั่งที่เตียงสามฟุตครึ่ง
ทั้งๆที่เจ้าของห้องยังไม่ได้ตอบสักคำ
"พี่อ่านหนังสืออยู่น่ะ เมื่อกี้เพิ่งเขียนรายงานสามพันคำเสร็จไป
ลำบากเหมือนกัน" พงศ์ตอบพร้อมกับชี้ไปที่กองหนังสือบนโต๊ะที่เขายืมมาจากห้องสมุด
"เห็นแม่บอกเหมือนกันเมื่อกี้ เอ่อ..พี่พงศ์จะข้ามหาลัยด้านการตลาดใช่ไหมฮะ"
เก่งถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
"ก็ใช่นะสิ...ตอนนี้แค่สามพันคำยังจะไม่ไหวเลย ต่อไปถ้าเรียนจริงๆต้องเขียนส่งจบตั้งสามหมื่นคำจะตายไหมเนี่ย"
พงศ์พูดพร้อมกับถอนหายใจ
"ผมช่วยด้านเนื้อหาไม่ได้ แต่ช่วยเช็คด้านไวยกรณ์ได้นะครับ"
เก่งอาสา
"งั้นช่วยพี่ตรงนี้หน่อยสิ" พงศ์ยื่นรายงานที่เขียนเกือบเสร็จแล้วให้เก่ง
"พี่ไม่แน่ใจว่าเขียนแกรมม่าถูกหรือเปล่า..ตอนนี้แค่เรียนคอร์สภาษาอังกฤษ
เขายังไม่เน้นเนื้อหาอะไรมาก ให้เขียนเรื่องอะไรก็ได้แล้วก็ออกไปพรีเซนต์หน้าห้อง"
พงศ์อธิบายให้ฟัง เมื่อเห็นเก่งยื่นมือมารับไปอ่าน
"เป็นไงบ้างเก่ง" พงศ์อดปากถามออกมาไม่ได้...เขาเห็นเก่งอ่านจบตั้งนานแล้ว...แต่ไม่เห็นพูดอะไรสักคำ
"อะไรเป็นไงเหรอครับ ผมสบายดี" เก่งตอบไปคนละเรื่องเหมือนยั่วพงศ์
พงศ์พูดแบบอดไม่ได้
"เก่ง..อย่ามาล้อพี่เล่นเลยน่า...พี่ถามว่ารายงานพี่นะเป็นยังไง"
"ผิดเพียบเลยครับ...ประโยคบางประโยคยืดเยื้อเกินไป..สงสัยพี่คงอยากให้ครบสามพันคำเร็วๆเลยใช้แต่คำซ้ำๆ
บางประโยคสะกดคำผิด" เก่งพูดตรงๆ พร้อมกับส่งรายงานคืนให้
"แค่เนี้ยะ..." พงศ์พูดงงๆ เมื่อไม่เห็นเก่งพูดอะไรต่อ
"ก็แค่นี้แหละครับ...มีอะไรเหรอครับ"
"อ้าว บอกว่าผิดเพียบ ตรงไหนที่ผิดบ้างละ อธิบายให้พี่ฟังหน่อยจะได้แก้ถูก
ไม่ใช่บอกว่าผิดๆ แต่ไม่ได้บอกว่าแก้ตรงไหน"
"ก็ผมบอกแต่ว่าจะช่วยเช็คให้ ไม่ได้บอกว่าจะช่วยแก้ให้นี่ครับ"
เก่งพูดลอยหน้าลอยตา...พงศ์ถึงกับอึ้งไป...อะไรกันเนี่ย..มาเสนอตัวช่วยแต่แล้วก็ช่วยแค่บอกให้เขาอยากรู้..แต่ไม่ได้บอกต่อให้หมด...วิธีการสอนของฝรั่งมันเป็นแบบนี้เหรอ
"ไม่เอาน่าเก่ง...ช่วยพี่หน่อยเถอะ...พี่เขียนจนปวดหัวไปหมดแล้ว"
พงศ์พูดเสียงอ่อน ง้อเด็กหน่อยก็ได้ แต่พอพงศ์สบตาเก่งที่กำลังยิ้มแบบมีเลศนัยทำให้เขารู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล
"ช่วยก็ได้ครับ..แต่พี่พงศ์ต้องให้ผมจูบก่อน" เก่งบอกจุดประสงค์ของรอยยิ้มออกไป
พงศ์ชะงักไปครู่หนึ่ง เขากะอยู่แล้วหลังจากเห็นรอยยิ้มของเก่ง...
"อะไรกันเก่ง...ช่วยคนหวังผลเหรอ" พงศ์ส่งเสียงประท้วง
"ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ...ไม่ใช่ครั้งแรกที่จูบกันสักหน่อย
ไม่สึกหรอหรอกครับ" เก่งบอกเสียงเนือยๆ พงศ์เองก็รู้ว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจูบกับเก่ง...ครั้งสุดท้ายเขากับเก่งเกือบจะมีอะไรกันด้วยซ้ำไป...แต่ว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้มันก็เกือบเจ็ดเดือนเข้าไปแล้ว...ไม่ใช่เมื่อวานซืนสักหน่อย
"พี่คร้าบ...ถ้าพี่ไม่รีบตัดสินใจผมจะกลับไปนอนแล้วนะครับ....ปล่อยรายงานพี่ผิดๆไปงั้นแหละ..."
เก่งทำท่าจะลุกเดินออกไป แต่หย่อนระเบิดไว้ด้วย พงศ์รีบฉุดมือเก่งไว้
"อย่าเพิ่งสิ....เอ่อ...ไม่มีอย่างอื่นแทนเหรอ...ที่แบบไม่ใช่เก่งจูบพี่นะ"
พงศ์ต่อรองอีก เก่งส่ายหัวถอนหายใจ
"โอเคครับ...ผมมีข้อเสนออื่นอีก...ผมไม่จูบพี่ก็ได้ แต่ให้พี่จูบผมแทน"
พูดจบเก่งก็หลับตาลงพร้อมกับก้มหน้าลงมานิดหนึ่ง..
พงศ์ตะลึงไปเหมือนกัน...สรุปก็คือจูบใช่ไหมเนี่ย...ผลออกมามันไม่เห็นต่างกันเลย
เอาก็เอา...จูบก็จูบ..พงศ์ละล้าละลังอยู่นาน เขายกมือขึ้นจับไหล่ของเก่งก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปใกล้
ตอนนี้พงศ์รู้สึกถึงความแตกต่าง ครั้งนี้เขาต้องเป็นฝ่ายเงยหน้าขึ้นไปจูบเก่งแทน
รูปหน้าเก่งยังเหมือนเดิม แก้มใส ขนตายาวเป็นแพ ผิวขาวอมชมพู เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ
เก่งยังไม่ขยับไปไหน พงศ์ใช้ความรวดเร็วจรดปากตัวเองกับปากนุ่มตรงข้าม
ก่อนรีบถอนตัวออกมา
เก่งลืมตามองคนตรงข้ามขำๆ ตอนนี้พี่พงศ์หน้าแดงไปจนถึงหู
"พี่พงศ์ครับ..." เก่งเรียกเสียงเบา พงศ์หันหน้าไปมอง
"พี่พงศ์เคยถูกผู้หญิงสลัดรักหรือเปล่า" เก่งถามโพล่งๆขึ้นมา
พงศ์มองงงๆ
"ไม่เคย ถามทำไม"
"ก็พี่พงศ์จูบไม่ได้เรื่องเลยนะครับ...ถ้าพี่พงศ์จูบผู้หญิงแบบนี้จริงๆผมว่าพี่พงศ์แห้วแหงๆ
แบบว่าหล่อแต่ไม่มีน้ำยาน่ะ หรือว่าจริงๆยังไม่เคยมีแฟนเลย"
เก่งพูดเหมือนดูถูกจนพงศ์รู้สึกฉุน
"ใครว่าพี่ไม่เคยมีแฟน กับผู้หญิงพี่จูบแบบนี้ที่ไหนล่ะ"
พงศ์เถียงด้วยความโมโห ให้เด็กมาดูถูกได้ยังไง
"อ้าว...งั้นจูบแบบไหนละครับ ผมไม่อยากจะเชื่อ" เก่งพูดพร้อมกับยักคิ้วยั่ว...ก็พอรู้หรอกว่าเก่งแกล้งยั่วเขา..แต่ยั่วเรื่องความสามารถเรื่องผู้หญิงนี่มันยอมกันไม่ได้!!
พงศ์เดินเข้าไปหาเก่งใหม่ คราวนี้ไม่มีรีรอเหมือนครั้งแรก เขาประกบปากจูบกับเก่งเนิ่นนานกว่าเดิม
เมื่อถอนปากออกมาก็สบตาคนตรงข้ามอย่างจะบอกว่าจูบแบบนี้แหละ ร่างสูงกว่ายังส่ายหัวถอนหายใจ
พงศ์โมโหลองอีกครั้งแต่เก่งก็ยังส่ายหัวเหมือนเดิม
"ดีพ สิครับ ดีพ" ในที่สุดเก่งก็เอ่ยปากออกมา พงศ์ทำท่างงๆในตอนแรก
แต่เมื่อเห็นเก่งแลบลิ้นออกมาโชว์ทำท่าสอนเขาก็เข้าใจความหาย ขณะที่ชะงักไปเหมือนจะถอนตัว
เก่งกลับไม่ยอมล็อกเขาไว้แน่นในวงแขน ก้มหน้าลงมาจูบเขาแทน...แหม..คอร์สนี้เรียนครึ่งๆกลางๆได้ยังไงละครับ...เก่งยอมได้ที่ไหน...
จูบครั้งที่สี่ต่างจากสามครั้งแรก...ครั้งนี้เก่งเป็นคนเริ่ม เขาไล้ลิ้นไปตามเรียวปากช้าๆก่อนที่แทรกเข้าไปในปากฝ่ายตรงข้าม
พงศ์ขนลุกซู่ ความรู้สึกบางอย่างแล่นขึ้นจากท้องน้อย..ขาเริ่มสั่นจนต้องโอบรอบคอคนตรงข้าม
เก่งโน้มตัวลงมาอีกราวกับจะกดลึกเข้าไป พงศ์แอ่นตัวไปด้านหลังมือของเก่งโอบรอบเอวเขาไว้
พงศ์เริ่มที่จะตอบสนองเก่ง เขาใช้ลิ้นตัวเองฝ่าเข้าไปในปากฝ่ายตรงข้ามบ้างจนเก่งเริ่มครางในคอ..เก่งไม่รอช้า
เขาโรมเร้าพัวพันมากเข้าไปอีก จนพงศ์เริ่มที่จะหายใจไม่ทัน จากประสบการณ์เก่งค่อนข้างแน่ใจว่าพี่พงศ์ไม่เคยจูบแบบนี้กับใครที่ไหนแน่...ตาเขาเป็นประกายยินดี
จูบนั้นดำเนินต่อไปเกือบสิบนาที...มือของเก่งตอนนี้เลื่อนลงไปอยู่ที่บั้นท้ายแน่น
เขาบีบเบาๆ แต่เหมือนพี่พงศ์ไม่รู้ตัว..เขารู้สึกได้ว่าพี่พงศ์เริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว
ด้วยความสูงที่ต่างกันไม่มาก...ความตุงที่เป้ากางเกงทำให้เขารู้...ส่วนตัวเขาเองก็เริ่มบังคับอารมณ์ไว้ไม่ได้เหมือนกัน...พี่พงศ์พี่จะทำผมแทบคลั่งแล้วนะ!
ข้างฝ่ายพงศ์เขาเองก็เคลิ้มไปกับจูบของเก่ง...ตอนแรกๆก็แค่อยากจะลบคำสบประมาท
แต่ที่ไหนได้กลับถูกเด็กคุมซะอยู่หมัด เขาเริ่มรู้สึกตัวเมื่อมือของเก่งเลื่อนมาที่เป้ากางเกงด้านหน้า
มือนั้นเริ่มปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของเขาแถมทำท่าจะรูดซิบลงมาซะอีก
พงศ์สะดุ้งรีบผละออกจากอ้อมแขนเก่ง เขารีบจับกางเกงให้เข้าที่อย่างรีบร้อน
เก่งได้แต่ถอนหายใจ ยิ้มมุมปากเล็กๆ อย่างน้อยเจ็ดเดือนก็ไม่ได้ทำให้พี่พงศ์ห่างจากเขาไปเท่าไหร่
อย่างน้อยตอนที่เขาบอกให้จูบพี่พงศ์ก็ไม่ได้ทำท่ารังเกียจอะไร เรียกว่าก้าวหน้าไปขั้นหนึ่งแล้วนะเนี่ย
"เป็นไงครับพี่ ผู้หญิงเขาอาจจะชอบเทคนิกมากกว่าหุ่นก็ได้นะครับ
ถ้าได้ลองแบบนี้ แต่แหม..ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ผอมเป็นไม้เสียบผีแล้ว.."
พงศ์ได้แต่หน้าแดงพูดไม่ออก...เก่งหยิบรายงานที่พงศ์เขียนขึ้นมา
หันมายักคิ้วให้
"ตามสัญญาครับ ไว้เดี๋ยวจะเชคไวยกรณ์ให้..แต่ขอเชคที่ห้องตัวเองกว่า
อยู่ที่ห้องพี่เดี๋ยวไม่มีอันได้เชค...หรือพี่จะไปตรวจแกรมม่ากันที่ห้องผมก็ได้นะครับ
ผมอ้าแขนรับเสมอ" เก่งพูดจบก็หัวเราะเดินออกจากห้องไป
ช่วงที่ลูเซียนมาอยู่ที่บ้านผมทำให้ผมสนุกได้ทุกวันจนแทบจะไม่ได้ออกไปไหนตอนกลางคืนเลยเพราะว่าพอกลับมาก็เหนื่อยจนลุกไม่ไหวแล้ว
"ลูเซียนจะมาพักที่บ้านผมกี่วันเนี่ย" ผมถามอย่างอยากรู้
เพราะตอนนี้ลูเซียนก็มาได้เกือบสิบวันแล้ว
"วันพุธหน้าวิเวียนเขากลับมาจากเดินแบบแล้วน่ะ ก็คิดว่าจะไปรับเขาที่สนามบินแล้วก็จะกลับบ้านที่กลาสโกวสักสองอาทิตย์
แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ช่วงวันเกิดนายชั้นจะลงมาเยี่ยม เอาของขวัญวันเกิดมาฝาก"
ผมซึมไปพักหนึ่งเหมือนกันเมื่อรู้ว่าลูเซียนจะกลับแล้ว ผมก็ต้องอยู่บ้านคนเดียวอีกแล้วสิ..
"ทำซึมอะไรไป..นายก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนนายตอนเย็นๆสิ...คู่หูนายไง
ไปไหนแล้วล่ะไม่เห็นเลย เห็นว่าเคยควงกันไปเที่ยวเมืองไทยด้วยไม่ใช่เหรอ"
"ก็ซันนี่ช่วงนี้มันต้องเตรียมตัวสอบเอเลเวล แล้วพี่พงศ์ก็มาอยู่ที่บ้านมันอีก.."
ผมพูดพร้อมกับถอนหายใจ
"พงศ์..." ลูเซียนทวนชื่อที่แปลกหูขึ้นมาอีกครั้ง
"อ๋อ ผมไม่เคยบอกลูเซียนนี่ พี่พงศ์เป็นเพื่อนบ้านเจ้าซันนี่มันตอนเด็กๆ
ตอนนี้เขามาเรียนต่อโทที่นี่ก็เลยไปพักอยู่บ้านมัน พี่พงศ์น่ะทำอาหารเก่งมากเลยนะครับ
แถมยังหน้าตาดีอีก" ผมอธิบายพูดไปยิ้มไปให้ลูเซียนฟัง
"สเปคบิลลี่ด้วยหรือเปล่า..." ลูเซียนพูดยั่ว บิลลี่หน้าเปลี่ยนสี
"เอ่อ ก็...จะว่าใช่ก็ใช่" ผมตอบอ้อมแอ้ม จริงๆ ผมเองก็ชอบพี่พงศ์มาก
เพียงแต่ว่าก็เห็นเก่งมันเป็นเพื่อนเลยไม่กล้าจะเข้าไปจีบเต็มตัว..
"บิลลี่ก็ชวนซันนี่กับพงศ์มาที่บ้านบ้างสิ พี่เองก็อยากรู้จัก..ไว้อย่างงี้ดีไหม
วันพุธพี่จะพาวิเวียนมาที่นี่ก่อนกลับบ้าน บิลลี่ลองชวนพงศ์มาทำกับข้าวที่บ้านให้พี่กับวิเวียนชิมหน่อย
อยากรู้จริงๆว่าสมราคาคุยหรือเปล่า..พี่กับวิเวียนก็ชอบอาหารไทยนะ
หวังว่าเขาคงจะไม่ว่าอะไร" ลูเซียนบอกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"ก็ต้องขึ้นกับว่าพี่พงศ์ว่างหรือเปล่านะครับ" บิลลี่ยักไหล่..
"ได้สิบิลลี่ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว วันพุธพี่มีเรียนครึ่งวัน
ไว้ยังไงช่วงบ่ายๆจะไปบ้านบิลลี่ก็แล้วกันนะ" เสียงพี่พงศ์ตอบตกลงมาตามสาย
ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"จริงนะครับพี่...ผมดีใจจัง ไว้ผมจะรอนะคร้าบบบ...
ลูเซียนมองชายหนุ่มที่กำลังบรรจงตกแต่งอาหารอยู่โดยมีอีกสองชายเข้าช่วย
รูปร่างหน้าตาแบบนี้เองที่บิลลี่แอบชอบ ผิวเนียนละเอียดแบบคนเอเชียแต่คล้ำเล็กน้อยตามเชื้อชาติ
หน้ายาวรูปไข่คิ้วค่อนข้างเข้ม ผมตัดสั้นระต้นคอ ริมฝีปากเล่า..อืม..ปากสวย
ดูเชิดนิดๆ สีอมชมพูเล็กน้อย รูปร่างค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับซันนี่และบิลลี่ที่ยืนขนาบข้างอยู่ก็ดูเตี้ยกว่าเล็กน้อย
มีกล้ามเนื้อพอสมควรไม่ใช่ร่างบอบบางแบบปลิวลม หน้าตาจะไปทางเข้มแบบผู้ชายไม่ใช่สวยหวาน
ซันนี่เสียอีกยังจะดูหน้าสวยออกไปทางผู้หญิงหน่อย มิน่าถึงถูกสเปคเจ้าน้องชายต่างสายเลือดของเขา
ลูเซียนสังเกตเจ้าคู่หูบิลลี่ที่คบกันมานานก็ท่าจะหวงพี่ชายคนนี้เอาการอยู่
มิน่าละเจ้าบิลลี่มันถึงยังลังเล แอบรักเขาข้างเดียวเปลี่ยวหัวใจนี่เอง
เขาแอบหัวเราะเบาๆ
"หัวเราอะไรคนเดียวคะ ลูเซียน" สาวที่นั่งข้างๆเขาอดถามไม่ได้
"เปล่า...แค่คิดอะไรเพลินๆนะ.." เขาตอบหันไปมองแฟนสาวที่เพิ่งไปรับกลับมาจากสนามบิน
ตอนแรกที่เก่งเห็นวิเวียนนั้นเขาถึงอุทานออกมาเลยทีเดียว
"ฮ้า..คุณวิเวียน...นางแบบที่โฆษณาน้ำหอมนี่!!" เก่งคุ้นหน้าวิวียนมาก..เพราะเห็นจากในนิตยสารหลายเล่ม
พงศ์ยังมองงงๆ เขาไม่ค่อยรู้จักนางแบบต่างประเทศนัก แต่ความสวยของวิเวียนก็เล่นเอาตาพร่าเหมือนกัน
ส่วนบิลลี่เขารู้มาจากลูเซียนก่อนแล้วจึงไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรนัก
"มาแล้วคร้าบ...สตาร์ทเตอร์สุดหรู...." บิลลี่เดินถือถาดขนมปังหน้าหมู
กับกุ้งชุบแป้งทอดเข้ามา จานใหญ่พอสมควร
"อุ้ย น่ากินจังนะจ๊ะ...ถึงตอนนี้ชั้นต้องระวังรักษาน้ำหนัก
แต่วันนี้ขอยกเว้นสักวัน" วิเวียนพูดพร้อมกับยิ้มให้บิลลี่
"เมนคอร์สยังน่ากินกว่านี้อีกนะครับ อย่าเพิ่งอิ่มซะก่อนล่ะ"
บิลลี่พูดแซว ลูเซียนเองก็หันมายกนิ้วโป้งให้
เมื่อทุกคนนั่งโต๊ะพร้อมก็เริ่มรับประทานอาหาร..ทุกคนชมพงศ์เป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยมาก
"อร่อยก็อร่อยนะคะ แต่วิเวียนทานมากไม่ไหวนะคะ เผ็ดเหลือเกิน..ร้านอาหารไทยร้านอื่นที่วิเวียนกินมันไม่เห็นเผ็ดอย่างนี้"
วิเวียนเป็นคนแรกที่อุทธรณ์ออกมา...ขนาดพงศ์ลดปริมาณพริกที่ใส่น้อยกว่าทุกครั้งแล้ว
เขาหน้าเสียเล็กน้อย แต่อีกสามหนุ่มกลับกินกันหน้าตาเฉย
"แต่ผมชอบรสเผ็ดแบบนี้นะครับ...เครื่องเทศแรงดี แบบนี้น่ะอาหารไทยแท้ๆ
ส่วนตามพวกภัตตาคารแถวนี้รสชาติเขาปรับให้ถูกลิ้นพวกเราไปหมดแล้ว"
ลูเซียนหันมายิ้มให้พงศ์เป็นกำลังใจ
"นั่นสิครับ ของพี่พงศ์นะรสดั้งเดิม อร่อยที่สุดแล้ว"
เก่งพูดสนับสนุน
หลังจากนั้นไม่นาน ลูเซียนกับวิเวียนก็ขอตัวเดินทางกลับ ผมรับอาสาจะขับรถไปส่งให้ที่สถานีรถไฟ
แต่วิเวียนกลับพูดสวนขึ้นมา
"กลับรถไฟทำไมล่ะคะ วิเวียนว่ากลับเครื่องบินน่าจะดีกว่า สะดวกด้วยเร็วด้วย
ถ้านั่งชั้นหนึ่งก็ไม่มีปัญหาเรื่องที่นั่งอยู่แล้ว" เธอหันไปมองลูเซียน
"อืม...แต่รถไฟที่ผมจองนี่ก็ชั้นหนึ่งนะ..โบกี้ส่วนตัวด้วย
ผมคิดว่าพวกเราจะได้นั่งจิบไวน์ดูวิวข้างทางไป" ลูเซียนหันไปมองเธอ
"แต่รถไฟมันช้านี่คะ...กว่าจะถึงกลาสโกวก็ตั้งหลายชั่วโมง...เครื่องบินดีกว่าชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว
เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันนานๆ ที่บ้านคุณไงคะ คิดถึงคุณจะแย่ เดี๋ยวเดือนหน้าวิเวียนก็ต้องไปถ่ายแบบที่อื่นอีก"
ไม่พูดเปล่าเธอหันไปจูบลูเซียนต่อหน้าสามหนุ่มเฉย ผมได้แต่เสไปมองทางอื่น
ตอนนี้ก็อยู่ด้วยกันแล้วไงแม่เจ้าประคุณ สวยก็จริงแต่ท่าทางเอาแต่ใจไม่น้อยแฮะ...ที่จริงลูเซียนมาปรึกษาผมเรื่องจองตั๋วรถไฟหรือว่าเครื่องบินดีเมื่อวานซืน...ผมเป็นคนเสนอเรื่องรถไฟเพราะเห็นว่าลูเซียนเป็นคนชอบธรรมชาติและเป็นคนโรแมนติก
เขาเองก็ชอบกับความคิดผมและคิดว่าวิเวียนก็น่าจะชอบ
"ก็ได้ครับ...กลับเครื่องบินก็ได้ ผมโทรไปจองตั๋วก่อนนะ..."
ลูเซียนยักไหล่เล็กน้อยหันมายิ้มให้ผม
"ไว้เดี๋ยวบิลลี่ค่อยไปส่งพี่ที่สนามบินนะครับ...พี่โทรจองตั๋วก่อน
เลือกสนามบินใกล้ๆนี่แหละ" วิเวียนยิ้มร่าอย่างดีใจ...
"อ้าว แล้วที่จองรถไฟไปแล้วละครับ ถ้าแคนเซิลคงได้เงินคืนไม่เต็มแน่
เพราะว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงรถจะออกแล้ว" บิลลี่ถาม
"ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เงินแค่นั้น..หรือบิลลี่จะนั่งไปกลาสโกวกับเพื่อนก็ได้นะ..ถึงแล้วไปค้างบ้านพี่ก็ได้"
ลูเซียนเสนออย่างใจดี ผมมองไปทางเก่งเห็นส่ายหัว ถึงจะอยากไปก็เถอะแต่ว่าช่วงนี้วุ่นเรื่องสอบคงจะไม่มีเวลาไป
พี่พงศ์ก็พึ่งมาจะให้โดดเรียนไปเที่ยวก็น่าเกลียด ผมก็เลยต้องปฏิเสธไป
สบตาวิเวียนก็เห็นเธอทำท่าเหมือนดีใจที่ผมปฏิเสธ คงไม่อยากให้ผมไปเป็นก้างล่ะมั้ง...เฮ้อ