Peebee
คู่รสตำรับรักภาค 2

ตอนที่ 4

ลูเซียนกลับไปสก็อตแลนด์พร้อมกับวิเวียนแฟนสาวแล้ว ส่วนเก่งกับพี่พงศ์ก็แทบไม่มีเวลามาหา ผมจึงมีเวลาว่างหลังเลิกเรียนพอสมควร
“เฮ้ บิลลี่...ชั้นจะชวนแกไปกินไก่ว่ะ” ทอมเพื่อนสนิทเอ่ยปากตะโกน ส่วนเพื่อนกลุ่มเที่ยวเดียวกันอีกสองคนเดินกรูกันเข้ามาหาบิลลี่ที่โต๊ะในห้องอาหารของมหาวิทยาลัย
“อะไรวะ..จู่ๆมาชวนไปกินไก่ พึ่งกินข้าวเสร็จเอง ประสาทรึเปล่า” ผมขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนตัวแสบที่ยืนยิ้มอยู่รอบๆ
“เฮ้ยยยย...แกไม่กินไม่เป็นไร ชั้นกินนี่หว่า จะชวนไปดูของดี” เจ้าทอมพูดน้ำเสียงมีเลศนัย
“ของดีอะไรฟะ..” ผมถามงงๆ หรือว่าเจอสาวอึ๋มทรงโตที่ไหน
“เฮ้ย เปล่าหรอกน่า..ไอ้ทอมมันจะชวนแกไปดูแพทริกน่ะ” เสียงแหลมสูงของเพื่อนอีกคนตะโกนบอกปนหัวเราะ
ผมอ้าปากรับรู้พยักหน้า ไอ้แพทริกมันน่าดูจนถึงขนาดต้องเรียกผมไปด้วยเลยหรือ
“แพทริกมันได้งานพิเศษอยู่ในร้าน KFC แน่ะ...รู้สึกว่าจะทำทุกอย่างเลย” ทอมกับผมมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาจนท้องคัดท้องแข็ง
แพทริกหรือที่พวกผมเรียกลับหลังว่า “เจ้ายักษ์ขี้ตื้อ” นั้น เปลี่ยนงานพิเศษเป็นว่าเล่น เพราะว่าเป็นคนซุ่มซ่ามและเงอะงะ เท่าที่ผมรู้จักกับมันมา มันเปลี่ยนงานมามากกว่าสิบครั้งแล้ว ยิ่งเปลี่ยนบ่อยช่วงที่มันถูกเก่งหักอก ได้ข่าวแว่วๆมาว่ามันไปทำจานที่ร้านอาหารเขาแตกเป็นร้อยใบ ตอนนี้ยังใช้เขาไม่หมดเลย
“ห้าปอนด์ว่ะ..ชั้นว่ามันอยู่ร้านนี้ได้ไม่เกินสองอาทิตย์” ทอมพูดยิ้มอ้าปากกว้าง
“เออ...ตกลง” บิลลี่พยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นเอาจานไปเก็บที่ชั้น



อีกไม่นานกลุ่มของผมสี่คนก็ไปยืนอยู่หน้าร้านไก่ทอดผู้พัน พวกผมห้าคนเดินไปหาที่นั่งที่โต๊ะก่อนจะเริ่มเดินไปสั่งอาหาร ผมยืนต่อหลังทอมอยู่ พยายามเขย่งมองอาหารชุดแนะนำเพราะว่าทอมนั้นอ้วนจนบังทัศนวิสัยของผมจนหมด ข้างฝ่ายทอมก็ไม่ยอมสั่งเสียทีเอาแต่ชะเง้อมองหลังเคาเตอร์เผื่อจะเจอเจ้าแพทริกที่บ่นถึงอยู่ ผมก็คิดอยู่ในใจว่าให้มันรีบๆสั่งซะเพราะว่าต่อให้เจอไอ้แพทริกก็ใช่ว่ามันจะลดราคาอาหารให้ได้สักหน่อย ขณะผมจะต่อว่ามันก็ได้ยินเสียงใสๆจากพนักงานหลังเครื่องเก็บเงินพูดขึ้นมา
“นี่คุณ...ตัดสินใจได้รึยัง คิวข้างหลังยาวนะ...ถ้ายังไงมายืนเลือกข้างๆก่อนแล้วกัน ผมจะได้ให้ลูกค้าที่ด้านหลังสั่งก่อน จะสั่งสักสิบชุดผมก็ไม่ว่า” เสียงนั้นพูดไม่ได้ด่าทอแต่ก็ตรงใจผมมากจนผมอดแอบขำนิดๆไม่ได้ ทอมหน้าแดงเดินหลีกให้ผมขึ้นหน้าไปสั่งอาหาร
“เอาเฟรนฟรายด์กับน้ำ......เอ่อ” ผมยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะเลือกดื่มอะไร จึงได้แต่ชะงักไป
“ว่าไงครับ น้ำอะไร..” เสียงใสๆ ถามอีกจนผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนถาม
ซวบ....เสียงอะไรสักอย่างเข้ามาปักกลางใจ.....ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ผิวสีแทนพร้อมกับผมสีน้ำตาลเข้ม....
“กะ...กาแฟ” ผมตอบอย่างลืมตัว
“ครับกาแฟนะครับ...สามปอนด์เจ็ดสิบห้าครับ”
ผมยื่นมือส่งเงินให้อย่างไม่รู้ตัว หลังจากนั้นก็ยกถาดกลับมาที่โต๊ะ
“อ้าว...ทำไมแกสั่งกาแฟว่ะบิลลี่ ไหนบอกว่าดื่มแต่ช่วงเช้าไง” ปีเตอร์กับแซมที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะทักขึ้น
“เอ่อ...ไม่รู้เหมือนกันว่ะ”
ผมตอบแบบไม่ได้ใส่ใจ หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ ตายังจ้องไปยังเด็กหนุ่มหลังเคาเตอร์คนนั้น เห็นเจ้าทอมจ่ายเงินเสร็จและเดินถือถาดใส่แฮมเบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่กลับมา
“น่ารักชิบ...นี่ถ้าไม่น่ารัก พูดแบบนั้นได้เป็นเรื่องแน่” ทอมเอ่ยปากออกมาซึ่งผมเองก็คิดแบบเดียวกัน เจ้าเพื่อนอีกสองคนจึงชะโงกมองตามไปบ้าง เด็กหนุ่มหลังเคาเตอร์คนนั้นน่าตาน่ารักจริงๆ ผมสั้นสีน้ำตาล ตากลมโตสีน้ำตาล แถมผิวยังสีแทนอีก...กลิ่นหอมของกาแฟโชยเข้ามาแตะจมูกจนผมอดไม่ได้ที่ต้องดื่มเข้าไปอีกใหญ่...ให้ความรู้สึกน่าลิ้มลอง...เหมือนกาแฟชั้นดี
“คอฟฟี่!!” เสียงเจ้าเพื่อนสามตัวที่เหลือพูดปนหัวเราะ ผมหันกลับไปมอง
ธรรมดาเวลาพวกผมมาร้านอาหารฟาสฟูตแบบนี้จะส่งเสียงค่อนข้างดังตลอด..ก็แหมกลุ่มเด็กผู้ชายทั้งนั้นนี่ครับ...
“อะไรว่ะคอฟฟี่” ผมถามด้วยความสงสัย
“ชื่อน้องคนนั้นไง...แกว่าไม่เหมือนเหรอว่า สีน้ำตาลไปหมด เหมือนกาแฟใส่ครีมเลย...พึ่งตั้งให้เมื่อกี้เองนะโว้ย หรือจะเอาช็อกโกแลตดี” แซมพูดขึ้น หมอนี่เป็นคนขี้เล่นอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มันใจตรงกับผมไม่น้อย
“เฮ้ย..สงสัยครั้งนี้พวกเราจะชวดว่ะ ท่าทางเสี่ยบิลลี่จะจองก่อนใคร มิน่าถึงสั่งกาแฟ” ปีเตอร์พูดเสียงดังจนคนโต๊ะใกล้ๆ หันมามอง แถมมันไม่พูดเปล่าดันเอามือที่หนักราวกับอวัยวะเบื้องต่ำตีเข้าที่หลัง ผมตกใจเลยเผลอปล่อยแก้วกาแฟหลุดมือหกเลอะโต๊ะไปหมด
ทุกคนรีบลุกขึ้นยืนตามสัญชาตญาณ.. ก่อนจะหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับกาแฟ แต่ทิชชู่ชิ้นกระจิ๋วหลิวแทบไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเช็ดเอง” เสียงพนักงานของร้านพูดขึ้นแบบเซ็งๆ
ด้วยเสียงที่คุ้นเคยพวกเราหันไปมอง
“แพท!!” “ไอ้แพท” “แพทริก!” พวกเราหันไปเรียกเจ้าของเสียงร่างใหญ่ที่ถือไม้ถูพื้นอยู่ด้านหลัง ส่วนอีกมือถือป้ายสีแดงที่มีคำว่า ‘ระวังพื้นลื่น’ อยู่
แพทริกสวมชุดพนักงานลายทาง บนหัวมีหมวกปีกกว้างสวมอยู่ พร้อมกับผ้ากันเปื้อนสีขาวที่มีตราร้านปักตรงมุม ดูแล้วเป็นการเป็นงานไม่น้อย มันวางป้ายลงที่พื้นข้างๆก่อนจะเอาไม้ถูพื้นเช็ดกาแฟออกจนสะอาด ระหว่างเช็ดมันก็บ่นพึมพำ
“พวกแกอีกแล้ว...นี่มาหาเรื่องชั้นหรือไงว่ะ...”
“เฮ้ย..เปล่า..กูแค่มาเยี่ยมเยียนเอ็ง นี่มาอุดหนุนต่างหาก เป็นไงบ้างวะ เย็นนี้ไปเที่ยวกันรึเปล่า” เจ้าทอมชวนคุย
แพทริกถอนหายใจ
“ก็เรื่อยๆ ทำงานโครตเหนื่อย..นี่ก็ทำทุกอย่างตั้งแค่ล้างเครื่อง ล้างกระทะ..ถูพื้น โอ้ยสารพัด” แพทริกบ่นกระปอดกระแปด “ไว้เดี๋ยวอีกสิบห้านาทีชั้นจะทำงานกะนี้เสร็จแล้ว พวกแกรอก่อนสิ จะได้มาคุย”
พวกผมตกปากรับคำกับแพทริก นั่งคุยกันต่อ...แต่สายตาผมก็อดจะแอบไปมองน้อง ‘คอฟฟี่’ คนนั้นไม่ได้สักที
ผ่านไปไม่นานเจ้ายักษ์จอมตื้อหรือแพทริกก็เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะผม ตอนนี้มันถอดชุดพนักงานออกเรียบร้อยแล้ว
“เอ้าว่ามาสิ...เย็นนี้พวกแกจะไปเที่ยวไหนกันล่ะว่ะ” มันถาม
“เฮ้ย...ก็ที่เดิมแหละแหม..ไม่ไปไหนไกลหรอกน่า” ปีเตอร์ตอบพร้อมยิ้ม
“นี่ ไอ้แพท..” เสียงเจ้าทอมเรียก
“น้องคนที่เคาเตอร์นั่นชื่ออะไรว่ะ” มันพยักเพยิดไปทางด้านหน้าร้าน ผมเองก็รีบแคะหูรอฟัง
“คนไหนว่ะ มีตั้งสามสี่คน” แพทริกถามงงๆ
“ไอ้...ไอ้บ้าเอ๊ย!! คนหน้าตาไม่ดีกูจะถามถึงทำไม..น้องคนที่น่าตาดีที่สุดสิฟะ คนนั้นไง...” มันหันหน้าไปทางเคาเตอร์ของน้องคอฟฟี่ที่ตั้งกันไว้
“อ๋อ....แมทธิว” แพทริกพูดขึ้นเมื่อหันไปมองทางเดียวกับเพื่อน เด็กหนุ่มคนนั้นยกมือขึ้นแสดงการทักทายให้ แพทริกโบกมือกลับ
“โห รูปก็งามนามก็เพราะ” เจ้าแซมพูด “น่าตาน่ารักพอๆกับไอ้ซันนี่เลย”
“เฮ้ย...นั่นน่ะนะน่ารักพอๆกับซันนี่...ซันนี่ของชั้นน่ารักกว่าเป็นสิบเป็นร้อยเท่าเลย” แพทริกรีบพูดสวนทันที
“อ้าว ไหนแกว่าซันนี่ของแกตอนนี้ไม่เหมือนซันนี่ที่น่ารักของแกสมัยก่อนแล้วนี่หว่า” ผมถามย้อน แน่นอนถ้าดูรูปเทียบดูก็จะเห็นความแตกต่างชัดเจน
“ถึงตอนนี้น้องซันนี่จะเล่นกล้าม เล่นกีฬา แต่ก็ยังน่ารักที่สุดของชั้นอยู่ดีโว้ย สักวันชั้นจะต้องเอาซันนี่มาเป็นแฟนให้ได้” แพทริกยังยืนยันหัวชนฝา ผมกับเพื่อนๆแอบหลบมามองหน้ากันเบ้ปาก สมแล้วที่ได้ฉายา เจ้ายักษ์จอมตื้อ นี่ถ้าผมเป็นเก่งคงจะย้ายบ้านหนีแน่ๆ
“เออ...ช่างมันเถอะ แต่เย็นนี้แกชวนน้องแมทธิวเขาไปด้วยสิว่ะ...กูอยากรู้จัก” แซมพูดขึ้น “แกสนิทกันหรือเปล่า”
“ก็ไม่สนิทหรอก มันมาเข้าทำงานที่นี่หลังชั้นนะ..แต่ทำไมมันดันได้ไปบริการหน้าเคาเตอร์ก็ไม่รู้” แพทริกบ่นพึมพำอีก พวกผมอยากจะบอกมันจริงๆ ก็คงเป็นเพราะหน้านั่นแหละ หรือไม่หุ่นแกมันก็เหมาะกับงานกรรมกรแบบนี้ดีแล้ว
“เด็กนั่นเป็นแมกซิโก เห็นว่ามาเรียนภาษาที่โรงเรียนสอนภาษาในเมือง นี่มาทำงานพิเศษเก็บตังค์ไปไว้เที่ยวมั้ง” แพทริกอธิบายให้พวกเราฟัง
“นั่นแหละ...พวกชั้นมอบหมายแกนะเว้ย ชวนน้องแมทธิวไปคืนนี้เลยนะโว้ย คืนนี้ที่ร้านฟรีบัท”
พวกผมก้มลงไปสุมหัวซุบซิบกันบนโต๊ะ ก่อนเจ้าแพทริกจะต้องพยักหน้ารับปากอย่างเสียไม่ได้


จากที่ร้านเดิม เพลงเดิมๆ เพื่อนกลุ่มเดิม แต่ทำไมคืนนี้ผมกลับตื่นเต้นหันซ้ายหันขวาตลอด...ขอให้ไอ้เจ้าแพทริกมันพาตัวน้อง ‘แมทธิว’ มาให้ได้ทีเถอะ
“แก..ไอ้บิลลี่ ตื่นเต้นยังกะคนมีรักครั้งแรกเลยนะเฟ้ย แล้วน้องฮอลลี่ มาริรีน ไดอาน่า จอห์นนี่ สก็อต ฯลฯ ของเอ็งไปไหนหมดแล้วฟะ” ปีเตอร์ตะโกนแข่งกับเสียงเพลงของนักร้องประจำผับ เสียงเพลงดังลั่นซะจนคุยอะไรกันไม่ได้ยิน กลิ่นบุหรี่ฟุ้งกระจาย “แกก็รู้นี่หว่า สาวๆพวกนั้นก็แค่เพื่อนเที่ยว...ชอบใจก็ไป หยุดก็เลิก แต่คนนี้น่าสนจริงๆ นะโว้ย” ผมตะโกนตอบ แน่นอนผมยอมรับว่าเป็นไบฯ คบได้ทั้งหญิงและชาย แต่กฎของผมคือรุกอย่างเดียวไม่รับ ถึงแม้สเป็กชายของผมจะเป็นพวกหล่อล่ำกล้ามใหญ่ก็เถอะ...
“เออ..แกมันเสี่ยนี่หว่า มีตังค์พาสาวเที่ยวได้ ...” แต่ก่อนที่ปีเตอร์จะเอาแต่พร่ำรำพันถึงความโชคร้ายในชีวิตมัน ผมก็เหลือไปเห็นเป้าหมาย
โอ้วว...ไม่น่าเชื่อ สายตามองหนุ่มของผมไม่เคยพลาดจริงๆ ตอนอยู่หลังเคาเตอร์เห็นแต่ครึ่งบน แต่ตอนนี้เห็นทั้งตัว สุดยอดจริงๆ ถึงหน้าตาจะค่อนทางน่ารักไปนิด แต่หุ่นก็ไม่ได้อรชรอ้อนแอ้น มีกล้ามเนื้อแถมช่วงขาตึงแน่นนั่นอีก...ผมสูดลมหายใจก่อนจะหยุดจินตนาการอันบรรเจิดของผมเสียก่อน
เสื้อลำลองยี่ห้อหรู...กางเกงยีนส์เอวต่ำยิ่งทำให้เป็นเป้าสายตาของคนอื่น บวกเข้ากับสีผิวสีเข้มนั่นอีก ทุกอย่างที่รวมอยู่บนตัวแมทธิวทำให้เขายิ่งดูเซ็กซี่สุดๆ เพื่อนๆ ผมทั้งสาวๆหนุ่มๆอีกหลายคนมองตามจนเหลียวหลัง แต่คงมีอยู่คนเดียวที่ไม่รู้สึกอะไร
“เฮ้ย....มาเร็วกันจริงนะโว้ย นี่เพื่อนที่ทำงาน แมทธิวไง พวกแกอยากรู้จักไม่ใช่เหรอ” คนที่เฉยชาที่สุดตะโกนเรียกพวกผมที่มองตะลึงอยู่
“นี่เพื่อนพี่ บิลลี่ ทอม ปีเตอร์ แซม แล้วนี่แมทธิว เอ้า รู้จักกันซะ” แพทริกแนะนำด้วยความเร็วปานจรวด มันหันซ้ายหันขวามองไปทางด้านหลังผม แน่นอนคนที่มันอยากพบใจจะขาดไม่ได้มาด้วยอยู่แล้ว ผมแอบสะใจอยู่ลึกๆ
ขณะที่ผมจะแนะนำตัวกับเป้าหมาย ไอ้เจ้าแพทริกก็จับผมลากเดินไปอีกมุมหนึ่งของห้อง ผมได้แต่ยืนอึ้งถูกลากไป

“บิลลี่ ซันนี่ไม่มาด้วยเหรอ”
คำถามแบบเดียวกันที่ผมได้ยินทุกครั้งที่พบหน้ามันที่ผับ...พูดถึงแพทริกตอนนี้ผมเองก็สนิทกับมันไปแล้ว..ช่วงเกือบเดือนที่เก่งห่างผมไป ก็ได้ไอ้เจ้าแพทริกที่แหละที่เอาแต่ถามๆๆๆๆถึง
“เออ ไม่มา” ผมตอบแบบเซ็งๆ ทั้งๆที่ใจจริงอยากจะกระโดดกัดหูมันจะแย่ ดึงกูออกมาทำไมว่ะ ผมจะเดินกลับไป มันก็ดันเสือกดึงมือไว้อีก
“เมื่อวันก่อนชั้นเห็นซันนี่ที่เชอร์ชิลสแควด้วย....” แพทริกพูดถึงย่านศูนย์การค้าชื่อดังของเมือง “ไปเดินเที่ยวกับใครก็ไม่รู้...ผู้ชาย”
ผมถอนหายใจ...
“คนเอเชีย..ผมดำ หน้าตาดี....ดูอายุมากกว่าเก่ง...” ผมถามย้อนแพทริกก็พยักหน้าว่าใช่
“พี่พงศ์...แฟนไอ้ซันนี่มันไง...” ผมตอบแบบเหมาเอาเองทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเก่งจีบติดหรือยัง ต้องขอบคุณชั้นนะโว้ย...ไอ้เก่ง ถ้าให้ไอ้หมอนี่ตามติดแบบนี้รับรองชีวิตคู่ไม่เป็นสุขแน่
แพทริกหน้าหงอยไปทันตาก่อนจะพยักหน้า ในที่สุดมันก็ยอมปล่อยผมกลับไปที่โต๊ะสักที


การเรียนของพงศ์ก้าวหน้าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าจะอยู่ในบ้านที่เป็นคนไทยทั้งหมด แต่พงศ์ก็พยายามดูทีวีและถามปัญหาที่ไม่เข้าใจกับทุกคนในบ้าน และยิ่งได้เก่งช่วยติวช่วยแก้งานเขียนให้อีก
พงศ์พยายามช่วยน้าจริยาทำงานบ้าน ตอนนี้เขากลายเป็นทั้งครูและทั้งผู้ช่วย น้าจริยาเรียนก็รู้สูตรเด็ดทำกับข้าวไทยๆจากพงศ์ได้หลายอย่าง
ส่วนเก่งก็ยังเกาะติดเขาแจราวกับหมีโคอาล่า...นี่เห็นเขาเป็นต้นยูคาลิปตัสหรือเปล่าเนี่ย...จะว่าเขาไม่ชอบก็ไม่ใช่ แต่พงศ์กลัวว่าน้าจริยากับลุงชัยจะสังเกตเห็นถึงความผิดปรกตินี้เพราะอยู่บ้านเดียวกันด้วย
พงศ์นั่งตัดกระดาษสีปะโน่นแปะนี่อยู่ในห้องตัวเอง เขายกขึ้นหยิบมองซ้ายขวา ก่อนจะทากาวกากเพชรลงไป
“จะเขียนอะไรดีนะ..” เขาทำท่าครุ่นคิด
“ก็เขียนว่า สุขสันต์วันเกิด...แก่ขึ้นอีกปีขอให้มีแฟนสักทีนะโว้ย หรือว่า แก่ขึ้นอีกปีแต่ระดับสมองแกยังเหมือนเดิมเลยนะอะไรทำนองเนี้ยะ” เสียงหัวเราะดังขึ้นมาด้านหลัง
“เขียนแบบนี้จริงเรอะ...เอาดีๆไม่ดีกว่าเหรอ” พงศ์ท้วงคำอวยพรที่เก่งพูดขึ้น
“นี่แหละครับ...บิลลี่มันไม่ว่าอะไรหรอก ชอบซะด้วยซ้ำไป” เก่งไม่รอให้พงศ์ถามซ้ำ หยิบการ์ดใบนั้นขึ้นไปเขียนด้านในซะเอง
ที่ทั้งสองคนมานั่งทำการ์ดวันเกิดแบบนี้ก็ด้วยเพราะงบที่มีจำกัด อาทิตย์หน้าวันศุกร์เป็นวันเกิดของยอดชายนายบิลลี่ ซึ่งไม่รู้ว่าเจ้าของวันเกิดจะจำได้หรือเปล่าเพราะมักจะบ่นเสมอว่า ไม่เห็นต่างจากวันอื่น..พ่อแม่ก็ไม่อยู่บ้านเหมือนเดิม...แต่ปีนี้บิลลี่อายุยี่สิบปีพอดี ทุกคนในครอบครัวน่าจะอยู่อวยพรกัน อดัมพ่อบ้านของบิลลี่ถึงขนาดแจกบัตรเชิญให้กับเพื่อนๆของบิลลี่ทุกคน ท่าทางจะงานยักษ์ พงศ์กับเก่งจึงปรึกษากันว่าจะหุ้นกันซื้อของขวัญเพราะอย่างน้อยก็คงจะได้ของดีขึ้นมาหน่อย แล้วน้าจริยายังเสนอให้พงศ์ทำขนมเค้กให้บิลลี่อีกก้อนโดยจะออกค่าเครื่องปรุงให้
“เก่งคิดว่าบิลลี่น่าจะชอบเสื้อที่ซื้อนะ” พงศ์ถามขึ้นมา
“ชอบสิครับ..ผมเห็นมันมองมาตั้งหลายครั้งแล้ว มันชอบเสื้อยี่ห้อนี้ครับ...” เก่งยิ้มอย่างมั่นใจ เมื่อสองวันที่แล้วเขากับพี่พงศ์ไปเดินเลือกซื้อของขวัญให้กับบิลลี่ที่เชอร์ชิลสแคว แต่พอนึกถึงเก่งก็คิ้วขมวด ถ้าวันนั้นไม่ได้เจอแพทริกก็คงดี.....น่าเบื่อที่สุด

แนะนำติชมได้ที่บอร์ดนิยายนะคะ...................
1