Message in the bottle
ตอนที่ 5
ดักลาสอึ้งไปเหมือนกันหลังจากรู้อายุกาเร็ท ไม่คิดมาก่อนว่ากาเร็ทจะอายุมากขนาดนี้...ข้างฝ่ายกาเร็ทเขาเองก็คิดว่าถ้าดักลาสรู้อายุเขาเมื่อไหร่อาจจะเลิกมายุ่มย่ามกับเขาก็ได้
เขาก็พอดูออกหรอกว่าดักลาสชอบเขา ก็มองเขาด้วยแววตาแบบนั้น ตาไม่บอดก็คงรู้!!
เขาเองไม่ใช่ว่าไม่เคยมีใครมาจีบ แต่เขาไม่ค่อยได้สนใจ คบใครก็ไม่ยืด
เพราะมัวแต่เดินทางไปถ่ายรูปบ่อย เลยตัดปัญหาไม่มีมันซะเลย ก็เขายังไม่อยากเลิกอาชีพนี้นี่นา
กาเร็ทเตรียมอุปกรณ์มาพร้อมสำหรับวันนี้ เขาเตรียมเลนส์มาสามตัว
พร้อมกับฟิล์มอีกหลายกล่อง แต่นักท่องเที่ยวค่อนข้างมากทำให้เขาต้องเดินเลี่ยงไปทางอื่นเพื่อหามุมสวยๆ
โล่งๆ เขาไม่ได้แบกอุปกรณ์เองก็เลยได้ใจเป็นพิเศษ ปีนขึ้นไปดูมุมทางโน้นทางนี้ตลอด
ดักลาสได้แต่ร้องเตือนให้ระวัง แถมยังไม่ทันขาดคำ กาเร็ทเหยียบพลาดลื่นลงมาจริงๆ!!
ดักลาสตกใจวิ่งเข้าไปรับ
"โครม" ทั้งสองคนล้มไปกองกับพื้น ดักลาสกอดกาเร็ทแน่นราวกับกลัวว่าจะล้มลงไปอีก
กาเร็ทเริ่มคลายอาการตกใจ..
"อ๊ะ..ขอบใจ ปล่อยได้แล้ว.." กาเร็ทบอกดักลาสที่ตอนนี้เป็นหมอนรองเขาอยู่
ก่อนที่เขาจะอุทานอย่างตกใจ...
"ฮ้า...กล้องชั้น!!" เนื่องจากดักลาสสะพายกล้องติดตัวตลอด
เมื่อกี้ล้มลงไปของทุกอย่างก็เลยล้มลงไปด้วยกัน กาเร็ทรีบเปิดกระเป๋ากล้องดู
พอเห็นเลนส์ทุกตัวยังเป็นปกติ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"ดูท่าจะห่วงกล้องมากกว่าคนอีกนะครับ" ดักลาสพูดน้อยใจ
อุตส่าห์วิ่งเข้าไปรับทั้งที สละตัวเป็นหมอน แทนที่จะถามว่าเขาเจ็บรึเปล่า
ดันถามหากล้องก่อน
"แน่สิ กล้องเป็นชีวิตช่างภาพเลยนะ...อ๊ะ...นายเลือดไหลนี่!"
กาเร็ทพึ่งสังเกตเห็นช่วงขาของดักลาสครูดกับพื้นเป็นรอยถลอก เลือดไหลซิบๆ
"ช่างตัวผมมันเถอะครับ..แผลเล็กแผลน้อยไม่มีคนสนใจหรอก"
ดักลาสประชด กาเร็ทสำนึกผิดนิดๆ
"เฮ้อ...นายนี่ขี้ใจน้อยเหมือนเด็กเลยนะ...ชั้นขอโทษ ล้างแผลก่อนก็แล้วกัน"
กาเร็ทเอาขวดน้ำดื่มที่ติดตัวมาล้างแผลให้ดักลาส เสร็จแล้วก็ควานหาพลาสเตอร์ยาในเป้เล็กๆของตัวเองมาแปะแผลให้
"เอ้า เรียบร้อย เดินอีกสิบโลก็ยังไหวเนี่ย" กาเร็ทตีขาเขาเบาๆ
ยิ้มให้เขาก่อนจะแบ่งเอาอุปกรณ์ของตัวเองบางส่วนมาถือบ้าง ดักลาสได้แต่ทำหน้าเลี่ยนๆ
เขานี่นะขี้ใจน้อยเหมือนเด็ก คนที่ปีนดูโน่นดูนี่จนหล่นลงมาล่ะ ไม่เด็กกว่าหรือ
!!
หลังจากกาเร็ทถ่ายรูปอะไรเรียบร้อยเป็นที่พอใจแล้ว ทั้งสองคนก็กลับไปที่นัดหมายกับคนอื่น
แต่คราวนี้ทั้งแจ๊กกี้ทั้งพอลมองทั้งสองคนราวกับตัวประหลาด ส่วนมิเกลผู้ไม่รู้เรื่องอะไรก็วิ่งเข้าไปคุยกับกาเร็ทเหมือนเดิม
"คุณกาเร็ทคะ คุณกาเร็ทรักษาผิวพรรณยังไงเนี่ย เนี้ยนเนียน...หน้าดูอ่อนกว่าวัยมากเลย"
แจ๊กกี้ถามปัญหาที่ค้างคาใจของเธอออกมา ตอนขานั่งเรือกลับ...ก็จริงไหมล่ะ
กาเร็ทอายุอ่อนกว่าเธอไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมเธอถึงดูเหมือนเป็นแม่กาเร็ทได้เลย...
"เอ..ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ปล่อยมันไปเรื่อย" กาเร็ทยิ้มๆ
"ไม่จริ้ง ไม่จริงค่ะ คุณกาเร็ทต้องอำอะไรไว้แน่ๆเลย...อาทิเช่นกินอะไรหรือว่าใช้ครีมล้างหน้าอะไร...บอกแจ๊กกี้เถอะคะ
แจ๊กกี้จะได้ทำให้หน้าตึงได้บ้าง" แจ๊กกี้ยังไม่ละความพยายามซักต่อ
กาเร็ทนั่งนึกสักพัก
"อาจจะเป็นเพราะอาหารด้วยมั้งครับ...ผมเป็นมังสวิรัตินะ แล้วก็คงเพราะเดินทางไปที่อากาศดีบ่อยๆ
ไม่ค่อยได้ผจญกับเมืองเท่าไหร่"
"ฮ้า...เป็นมังสวิรัติเหรอคะ...ชั้นทนไม่ได้แน่..." แจ๊กกี้โอดครวญ
พอลก็พูดแทรกเข้ามาตามนิสัย
"ใช่สิคร้าบ เจ๊นะชอบกินสเต็ก แถมแบบเลือดโชกๆด้วยนะ...กินทีเลือดกบปากเลย"
พอลแซวแจ๊กกี้
"เดี๋ยวแกได้เลือดกบปากแน่เจ้าพอล ขืนแกพูดมากแบบนี้"
แจ๊กกี้หันไปตวาด ทุกคนหัวเราะขำขึ้นพร้อมกัน
ดักลาสพามิเกลไปส่งที่บ้านก่อนหลังจากทานข้าวเย็นกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เมื่อไปถึงบ้าน มิเกลก็วิ่งเข้าไปเรียกแม่
"แม่ครับ...ไปหาหมอมาเป็นยังไงบ้าง" มิเกลพยายามมองหามารดา
แต่ในบ้านเงียบเชียบไร้เสียงตอบ...มิเกลตะโกนเรียกอีกรอบ
"เออ..มิเกล ชั้นได้ยินแล้ว แม่แกไม่อยู่หรอก" เสียงพ่อของมิเกลตะโกนออกมาจากห้องน้ำ
ดักลาสกับทุกคนเดินเข้าไปในบ้านด้วย
ผ่านไปสักพักพ่อของมิเกลเดินออกมาหน้าตากังวล
"หมอบอกให้นอนโรงพยาบาลตรวจร่างกายให้ละเอียดหน่อย....เขาสงสัยว่าแม่แกจะเป็นโรคร้าย"
พ่อบอก มิเกลหน้าซีด
"แม่ไม่ได้เป็นแค่หวัดเรื้อรังเหรอฮะ โรคร้ายอะไรอีก"...เขาถามเสียงสั่น
"หวัดนะเป็นอยู่ แต่ไอ้ที่ปวดท้องบ่อยๆนี่ต่างหากล่ะที่หมอบอกน่าเป็นห่วง...หมอเขาสงสัยว่าแม่แกจะเป็นมะเร็งน่ะ
แต่เขาขอตรวจเช็คให้แน่ใจก่อน ถ้ายังไงจะผ่าตัดชั้นก็ต้องเป็นคนเซ็นอนุญาตอยู่ดี"
พ่อถอนหายใจ พวกดักลาสได้ยินก็อึ้งไปเหมือนกัน
มะเร็งโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนมานักต่อนัก...เงินที่มิเกลได้มาหมื่นเหรียญอาจจะหมดไปกับค่ารักษาแม่ไม่เหลือใช้เผื่ออนาคตเลยก็ได้
..ดักลาสถอนหายใจ ถึงตอนนี้มิเกลร้องไห้ออกมา กาเร็ทเข้าไปกอดไว้
น้ำตาซึมเหมือนกัน...
"ไม่เอาน่า มิเกล...ไม่ใช่ว่าคนเป็นมะเร็งต้องตายทุกคนนี่..ญาติพี่เป็นผ่าตัดฉีดยาฉายแสง...ยังหายได้เลย
นี่ก็ตั้งหลายปีแล้ว แข็งแรงยังกับอะไร" กาเร็ทพูด
"แต่ยังเป็นแค่สมมุติฐานไม่ใช่หรือ หมอยังไม่ระบุนี่...ยังไงพรุ่งนี้ไปโรงพยาบาลกันหมดเลยดีไหม
ไปฟังผลด้วย..." ดักลาสให้กำลังใจหนุ่มน้อย...
ผลสรุปเป็นอย่างที่หมอคาดไว้...แม่ของมิเกลเป็นมะเร็งลำไส้...แต่ยังแค่ระยะแรกเริ่ม
มะเร็งยังไม่ลุกลามไปที่ส่วนอื่น หมอบอกว่าผ่าให้ตัดเอาส่วนนั้นออก
หลังจากนั้นค่อยมาฉีดยาเดือนละครั้ง ซึ่งอาจจะต้องเสียเวลานอนที่โรงพยายาลหนึ่งถึงสองคืนทุกครั้ง
ให้มาเช็คร่างกายตามกำหนด ตรวจเลือด เพื่อดูว่ามะเร็งไม่ได้กลับมาอีก
ถ้าภายในสามสี่ปีผ่านไปไม่มีปัญหาอะไรก็หมดห่วง
"ยิ่งผ่าตัดเร็วยิ่งดีนะครับ จะได้ไม่ลุกลาม ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ
ผมรักษาหายมาเป็นร้อยคนแล้ว" หมอบอกพ่อของมิเกล พร้อมยื่นเอกสารให้เซ็น
"เอ่อ..ค่ารักษานี่ประมาณเท่าไหร่เหรอครับ" พ่อของมิเกลถามเสียงเบา
คุณหมอได้ประมาณค่ารักษายื่นให้ดู พ่อของมิเกลลมแทบจับ แค่ค่าผ่าตัดก็ปาเข้าไปเกือบทั้งหมดของเงินที่มิเกลได้แล้ว...ยังไม่นับรวมค่าเดินทางที่ต้องเดินทางมาตรวจเลือดฉีดยาหลังจากผ่าตัดทุกเดือนอีก
ค่าห้องอีกต่างหาก....กาเร็ทเองก็พอเดาได้จากสีหน้าของพ่อมิเกลว่าเงินนั้นต้องเป็นจำนวนมหาศาลมากแน่ๆ
"ผมพอช่วยได้นะครับ...อาจจะไม่มากแต่ผมก็พอมีเงินเก็บบ้าง ที่เหลือคงจะต้องขอยืมเพื่อนบ้าน"
กาเร็ทเสนอตัวเข้าช่วย จริงๆเงินนั่นเป็นเงินเก็บของเขาที่กะว่าจะมาซื้อบ้านที่อโซเรสนี่..
"ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินหรอกกครับ เก็บกับผมก็แล้วกัน ผมออกค่ารักษาให้"
ดักลาสตัดสินใจพูดแทรกออกมา มิเกลมองด้วยความตกใจ
"คุณดักลาส!! เงินไม่ใช่น้อยนะครับ...ผมเองก็มีเงินที่คุณให้อยู่แล้ว
ไม่ต้องออกให้ผมมากกว่านี้ก็ได้ครับ" มิเกลรู้สึกว่ามันมากเกินไป
"เงินนั่นชั้นว่าเธอเก็บไว้สำหรับอนาคตเธอดีกว่า..ชั้นบอกว่าจะออกให้ก็ออกให้น่า.."
ดักลาสยืนยันคำเดิม
"ฮือ...ฮือ...ผมไม่รู้จะตอบแทนคุณดักลาสยังไง ถ้าไงจะให้ผมรับใช้อะไรก็ได้..."
มิเกลร้องไห้ด้วยความตื้นตัน
"ทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ...." ดักลาสทวนคำ มองสำรวจมิเกลตั้งแต่หัวจรดเท้า
ทำหน้ายิ้มๆ กาเร็ทมองด้วยสายตาระแวง...เดินก้าวเข้ามาบัง ไอ้หมอนี่มันเป็นเกย์นี่นา
มิเกลยิ่งน่ารักอยู่...ถึงจะดูท่าว่าชอบเขาก็เถอะ แต่โคแก่ไว้ใจไม่ได้อยู่ดี
ดักลาสสบตาเขายิ้มๆ
"มิเกล...ชั้นขอคุยกับเธอสองต่อสองหน่อยก็แล้วกัน..."
ดักลาสดึงมิเกลไปกระซิบกระซาบสองคนอยู่ไกลๆ ทุกคนก็มองด้วยความอยากรู้
มิเกลผงกหัวตลอดเวลา หลังจากนั้นก็หันเดินกลับมาด้วยสีหน้าเศร้าๆ
กาเร็ทเดินเข้าไปถาม
"เป็นอะไรมิเกล อย่าบอกนะว่าไอ้บ้านั่นมันให้เธอ...เอ่อ..มีอะไรกับมันนะ.."
กาเร็ทพูดเสียงกระซิบ ไม่อยากให้พ่อของมิเกลได้ยิน มิเกลมองกาเร็ทด้วยสายตางงๆ
"อะไรฮะ หมายถึงอะไรเหรอ ผมจะไปมีอะไรกับคุณดักลาสได้ไง คุณดักลาสบอกว่าให้ผมทำงานแลกกับเงินที่เขาจะให้แล้วกัน
มันก็ไม่ยากเท่าไหร่ แต่ว่า...ผมทำคนเดียวไม่ได้..." มิเกลพูดเสียงเศร้า
ตาแดงๆ กาเร็ทได้แต่เศร้าไปด้วย...แน่นอนเขารักมิเกลเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
จริงๆมิเกลก็อายุพอเป็นลูกของเขาได้สบาย
"งานอะไรล่ะมิเกล ถ้าพี่ช่วยได้พี่จะช่วย" กาเร็ทออกปากออกมา
พอมิเกลได้ยินก็ยิ้มแฉ่ง น้ำตาที่ปริ่มๆหายไปไหนก็ไม่รู้ เขาหันไปหาดักลาส
"คุณดักลาสฮะ พี่กาเร็ทตกลงจะช่วยแล้วฮะ...." กาเร็ทงง
เขามองดักลาสกดปุ่มโทรศัพท์ไปที่ไหนไม่รู้
"ดะ..เดี๋ยวๆๆ มิเกลงานอะไรล่ะ...มิเกลยังไม่บอกพี่เลยนะ ทำไมรู้สึกไม่ไว้ใจหว่า....มิเกลทำหน้าน่ารักก่อนจะบอกกาเร็ทว่า
"ก็ไม่ใช่งานยากอะไรฮะ...แค่งานถ่ายแบบ...พี่กาเร็ทตกลงจะช่วยแล้วนะฮะ
ห้ามกลับคำด้วย"
กาเร็ทอ้าปากค้าง งานถ่ายแบบ!! จะปฏิเสธก็ไม่ทันการ สงสัยสองคนนี้จะเตี้ยมกันมาก่อนแน่
หลงกลมิเกลเสียแล้ว...สั่งสอนเด็กดีนักนะ กาเร็ทหันไปมองตัวการด้วยสายตาโกรธๆ
"โอ๊ย จะมากไปแล้วนะพี่!! จะเอาโน่นเอานี่ให้ได้ในสองวัน เป็นไปได้ไง
ผมไม่ใช่พระเจ้านะจะได้ทำได้" อาชเลย์โวยวายเมื่อได้ยินคำสั่งของพี่ชาย
"จะมากอะไรวะ ไอ้อาชเลย์...ช่างกล้องช่างแต่งหน้าเราก็มีตั้งหลายทีม
ทีมไหนว่างอยู่ก็แค่ส่งมาที่นี่แค่นั้นแหละ ชั้นให้เวลาแกแค่ถึงวันจันทร์นะโว้ย...
ถ้าแกยิ่งช้าชั้นก็ยังไม่กลับ ทิ้งงานไว้ให้แกทำนั่นแหละ" ดักลาสพูดขู่
"เอ่อ ... ก็ได้พี่ เดี๋ยวผมจะถามเลขาหน้าห้องพี่ให้...แล้วพี่นึกยังไงถึงคิดจะถ่ายแบบหน้าร้อนที่นั่นล่ะ"
อาชเลย์ถามเสียงอ่อยๆ เขาเบื่องานนั่งโต๊ะเต็มทีแล้ว...
"ก็พบนายแบบหน้าตาดีสองคน..แล้ววิวที่นี่สวยมาก ...แกเลือกชุดคอลเลคชั่นหน้าร้อนมาเลยนะ
เลือกให้ดีๆนะโว้ย สำหรับเด็กประมาณสิบห้าแต่ตัวเล็กนิดนึงแล้วก็ผู้ใหญ่"
ดักลาสสั่งน้องชายอีกรอบ
"นายแบบหน้าใหม่เหรอพี่ แล้วมีนางแบบบ้างปะ เอาแบบหุ่นสะบึมๆ
ใส่ชุดว่ายน้ำแล้ว ซู๊ดดดด นะพี่"
"นั่นไว้รอปีหน้าแล้วกันนะแก..." ดักลาสตอบยิ้มๆ
"โอเค พี่...ไว้ยังไงผมจะรีบหาทีมให้พี่ก็แล้วกัน วันจันทร์ใช่ไหม
อีกแค่สามวันเองนี่" อาชเลย์ยังบ่นมาตามสายอีกยืดยาว แต่ดักลาสตัดสายซะ...แล้วหันไปมองนายแบบหน้าเด็กของเขา...ก็พบว่ากาเร็ทก็กำลังมองเขาอยู่
แต่ตาแทบลุกเป็นไฟ พอเห็นเขาหมดธุระ กาเร็ทก็ลากเขาออกไปข้างนอกโรงพยาบาลก่อนจะพูดกับเขา
"คุณ!! คุณบอกมิเกลให้มาขอร้องผมใช่ไหม...ลูกเล่นนักนะ...แค่ถ่ายแบบมิเกลคนเดียวก็พอแล้วนี่นา
เอาผมไปเกี่ยวด้วยทำไม" กาเร็ทพูดโมโหๆ
"ก็แหม....ผมเห็นว่าถ่ายแต่ชุดเด็กอย่างเดียวมันไม่ค่อยดึงดูดเท่าไหร่
ถ้ามีผู้ใหญ่มาด้วยก็น่าจะดีกว่า..."
"เล่นใช้ความโชคร้ายของแม่มิเกลมาหาประโยชน์ใส่ตัวนี่นา"
กาเร็ทพูดใส่หน้า ดักลาสชะงักกึก พูดเสียงเครียด
"รู้สึกว่าคุณไวท์จะมองอะไรในแง่ร้ายหมดเลยนะครับ" เขาสบตากาเร็ทด้วยสายตาเย็นชา
กาเร็ทชักรู้ตัวว่าดักลาสโกรธจริงๆ เท่าที่รู้จักกันเขาเคยเห็นแต่ดักลาสทำตัวตามสบายตลอด
แต่คราวนี้เรียกนามสกุลเขาแทนที่จะเรียกชื่อแบบเดิม กาเร็ทจึงอึ้งไปบ้าง
"ผมเป็นนักธุรกิจนะครับ ไม่ใช่กองทุนประชาสงเคราะห์จะได้แจกเงินให้ใครฟรีๆ
แล้วที่ผมเสนอไปนี่ก็ไม่มีใครเสียหาย..ได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย แค่นี้ยังไม่พออีกหรือครับ
คุณจะมองในแง่ร้ายไปถึงไหนอีก" ดักลาสได้ทีพูดระบายออกไปเป็นชุดบ้าง
กาเร็ทเงียบกริบพูดอะไรไม่ออก...ที่ดักลาสพูดมามันก็ถูก เพียงแต่เขาไม่ชอบถูกมัดมือชกแบบนี้
ดักลาสเห็นกาเร็ทไม่ตอบอะไร เขาจึงถอนหายใจเดินเข้าไปในโรงพยาบาลคนเดียว
ขากลับทุกคนพอสังเกตได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดบนเรือระหว่างคนสองคน...
คืนนั้นกาเร็ทนอนไม่หลับ เขาได้แต่พลิกตัวไปมาบนเตียง หรือว่าเขาพูดแรงไปจริงๆ
"โธ่เว้ย" กาเร็ทตะโกนออกมา...
กลิ่นกาแฟต้มหอมๆ กับกลิ่นขนมปังปิ้งโชยออกมาจากห้องอาหาร บริกรเดินเสริฟกาแฟและเก็บถ้วยชามที่ใช้แล้วตามโต๊ะ
ดักลาสหลบไปนั่งดื่มกาแฟคนเดียวที่มุมห้อง พอลกับแจ๊กกี้ก็เหมือนจะรู้ตัวไม่กล้าเข้าไปขอร่วมโต๊ะด้วย
หลบไปนั่งกินอาหารเช้ากันสองคน ดักลาสเองก็นั่งไปถอนหายใจไปพลาง..จริงๆเมื่อวานเขาเองไม่ได้อยากจะให้มิเกลทำงานแลกกับเงินหรอก
เขาจะออกค่ารักษาให้ฟรีด้วยซ้ำเพราะเอ็นดูเจ้าหนู แต่พอมิเกลบอกกับเขาว่าจะยอมทำทุกอย่างเท่านั้นแหละ
ความคิดที่ว่าอยากจะเห็นกาเร็ทถ่ายแบบก็แวบเข้ามาในหัว เขาเลยให้มิเกลชวนกาเร็ทด้วยวิธีนั้น
แต่พอกาเร็ทพูดต่อว่าเขาออกมา เขารู้สึกว่ากาเร็ทดูถูกเขาเลยพูดสวนกลับไป
เขาจะเข้าหน้ากาเร็ทได้ยังไงละเนี่ย ดักลาสถอนหายใจอีกรอบก่อนจะตัดสินใจวางถ้วยกาแฟเปล่าแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องอาหาร
ระหว่างที่เขาเดินผ่านล็อบบี้ด้านหน้าของโรงแรม สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างบางที่นั่งอยู่
"คุณกาเร็ท" เขาเอ่ยปากทักด้วยความแปลกใจก่อนจะเดินเข้าไปหา...
กาเร็ทหันหน้าตามเสียงเรียก...ดักลาสเดินไปนั่งลงตรงโซฟาด้านตรงข้าม...จ้องหน้ากันสักพัก
ทั้งสองคนอึกอักแบบพูดอะไรไม่ออก
"เอ่อ.." เสียงเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ดักลาสผายมือให้กาเร็ทพูดก่อน
"ผะ..ผมขอโทษที่เมื่อวานผมพูดแรงไป..." กาเร็ทเอ่ยเสียงเบา..ดักลาสยิ้มนิดๆ
หัวใจพองโตขึ้นมา ดีใจที่กาเร็ทมาหาเขาก่อน..ความหนักใจเมื่อเช้ามลายหายไปสิ้น
"ผมก็ต้องขอโทษคุณกาเร็ทด้วย...ที่ผมไม่ได้ขอร้องกาเร็ทตรงๆ..แต่ให้มิเกลไปขอร้องแทนแบบนั้น..."
ดักลาสบอก สบตาร่างตรงข้าม ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลก็ดูมีสเน่ห์ไปอีกแบบ...นี่เขาตกหลุมรักแบบหลุมลึกซะด้วยนะนี่...
"กาแฟไหมครับ" ดักลาสเอ่ยปากถาม
"ไม่แล้วครับ...ผมดื่มไปหลายแก้วแล้ว"
"ฮ้า นี่มันยังเช้าอยู่เลยนะครับ...คุณกาเร็ทมานั่งตรงนี้ตั้งแต่กี่โมงเนี่ย"
ดักลาสยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
"ผมมัวแต่กังวลจนนอนไม่กลับ...ในที่สุดก็ตัดสินใจเปลี่ยนชุดเดินจากบ้านมาที่โรงแรมนี่แหละครับ
แต่พอมาถึงรู้สึกว่าจะเช้าไปหน่อยไม่กล้าเรียกคุณดักลาส ก็เลยมานั่งรอที่ล็อบบี้นี่แหละครับ"
กาเร็ทสารภาพ เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมถึงกังวลขนาดนั้น
"ผมเองก็กังวลจนกินอะไรไม่ลงเหมือนกัน..." ดักลาสพูดยิ้มๆ
เขาสบายใจเต็มที่แล้ว ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ
"เมื่อกี้เป็นครั้งแรกนะครับ..." ดักลาสพูดโพล่งขึ้นมา
"ครั้งแรกอะไรเหรอครับ.." กาเร็ทถามงงๆ
"ก็ครั้งแรกที่กาเร็ทเรียกชื่อผม...ธรรมดาเรียกแต่คุณ หรือไม่ก็นาย
ไม่เคยตามด้วยชื่อผมเลยสักครั้ง...ถ้าจะให้ดีกว่านี้เรียกดักลาสเฉยๆดีกว่านะครับ"
ดักลาสยิ้มให้สายตาพราวเหมือนเดิม กาเร็ทหน้าแดงขึ้นมา ก่อนจะลุกพรวดขึ้น
"งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ..ขอตัวไปนอนก่อน รู้สึกง่วงแล้ว"
กาเร็ทบอกตามตรง
"อ้าว งั้นวันนี้ก็ไม่ได้คุณกาเร็ทนำเที่ยวสิครับนี่..แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ..นอนให้สบายนะครับ
เดี๋ยวนายแบบของผมขอบตาช้ำขึ้นมาจะไม่สวย" ดักลาสยังไม่วายพูดกวนๆ
กาเร็ทหันมาชูมะแหงกให้เขาก่อนจะเดินออกจากโรงแรมไปยิ้มๆ