Peebee

Message in the bottle

ตอนที่ 6

แม่ของมิเกลผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออกเรียบร้อยแล้วแต่ยังต้องนอนโรงพยาบาลอีกประมาณสี่ห้าวันเพื่อรอดูอาการข้างเคียงและป้องกันโรคแทรกซ้อน ดักลาสบอกให้เลือกห้องเดี่ยวให้แม่ของมิเกลรักษาตัวเพื่อจะได้สะดวกเวลาไปเยี่ยมหรือว่าอยากจะมีใครไปค้าง
ข้างฝ่ายพอลกับแจ๊กกี้จะต้องกลับก่อนเพราะต้องส่งต้นฉบับให้ทันเวลา...ทุกคนจึงไปส่งที่สนามบิน และรอรับทีมช่างภาพที่ถูกส่งมาตามคำสั่งของดักลาสในวันเดียวกันอีกด้วย
"คุณกาเร็ทครับ...ผมต้องกลับจริงๆแล้วนะครับ...ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พบคุณกาเร็ทอีกหรือเปล่า" พอลโอดครวญ ทำสีหน้าราวกับว่าจะต้องจากคนรักยังงั้นแหละ กาเร็ทยิ้มตอบ
"แหม...ถ้าคิดถึงขนาดนั้นละก็ ไว้ผมไปนิวยอร์คเมื่อไหร่จะหาโอกาสไปเยี่ยมนะครับ"
"จริงนะครับ...คุณกาเร็ทสัญญาแล้วนะครับ..."
กาเร็ทพยักหน้าตอบ ขำกับอาการเหมือนเด็กของพอลเหมือนกัน ทั้งที่พอลจริงๆก็อายุพอๆกับดักลาส
"พอได้แล้วพอล...ไม่ต้องร่ำลามาก เดี๋ยวเมียแกที่บ้านจะเข้าใจผิด" ดักลาสพูดเสียงขุ่น พอลยิ้มแหะๆ


ทีมช่างภาพที่ส่งมาเป็นทีมที่ดักลาสค่อนข้างพอใจทีเดียว..โดยเฉพาะช่างภาพที่เป็นเมนหลักของกลุ่ม เป็นคนที่ทำงานกับบริษัทมากว่าสิบปีแล้ว
"คุณกาเร็ทครับนี่เดวิด เป็นช่างภาพนิตยสารแฟชั่น ส่วนที่เหลือนั่นก็ช่างแต่งหน้า ช่างทำผมแล้วก็ คนเลือกเสื้อผ้าแล้วก็ทีมงานจัดฉาก" ดักลาสชี้อธิบายให้กาเร็ทรู้จัก..กาเร็ทพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้เพื่อแสดงความเป็นมิตร
"แล้วนี่ก็คุณกาเร็ท ไวท์เป็นช่างภาพเหมือนกัน คิดว่าเดวิดคงจะเคยได้ยินชื่อบ้างนะครับ" ดักลาสเอ่ยปาก เดวิทพยักหน้ารับว่ารู้จักกาเร็ท แต่ไม่ได้ตื่นเต้นแบบพอล เพราะว่าเดวิทอายุค่อนข้างมากแล้ว ถือตัวว่ามีประสบการณ์มากกว่า
"แล้วไหนนายแบบที่บอสจะให้ถ่ายละค๊าาาา..." เสียงแหลมของช่างแต่งหน้าประจำกลุ่มพูดแทรกขึ้นมา ถึงแม้ว่าตัวจะเป็นชายแต่ถวายใจเป็นหญิงเต็มร้อยแน่นอนแล้ว
"ใจร้อนจริงๆนะ แดนนี่..." ดักลาสหัวเราะพร้อมกับหันไปมองมิเกลที่ตอนนี้ไปยืนแอบอยู่หลังกาเร็ท "นั่นไง หลบอยู่หลังกาเร็ทนั่นแหละ"
"อุ๊ยต้ายตาย หน้าตาน่ารักน่าชังจังนะคะ...แล้วอีกคนอยู่ไหนเอ่ย.."
"อีกคนก็คุณกาเร็ทนั่นแหละ" ดักลาสบอก คราวนี้เดวิดถึงกับยักคิ้วแสดงออกทางสีหน้าว่าประหลาดใจ
"ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าคุณกาเร็ทรับงานถ่ายแบบ..." เดวิทเอ่ยปาก
"นายแบบกิตติมศักดิ์นะ.. จริงๆตอนแรกจะถ่ายมิเกลคนเดียว แต่เห็นว่ามันไม่คุ้มเลยขอร้องให้คุณกาเร็ทมาช่วยถ่ายชุดผู้ใหญ่ด้วย" ดักลาสอธิบายให้ฟัง

ระหว่างที่ดักลาสคุยกับเดวิทอยู่นั้นกาเร็ทขอตัวออกไปซื้อกาแฟมาดื่ม เขาเองค่อนข้างติดกาแฟ วันหนึ่งดื่มสามถึงสี่แก้ว ขณะที่เขาซื้อกาแฟอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกด้านหลังแต่เขาไม่ได้ใส่ใจ เขารับเงินทอนพร้อมกับหันหลังกลับ
'โครม!' ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามาชน น้ำร้อนๆหกราดทั้งเขาและชายคนนั้น เสียงร้องอุทานดังขึ้นมา
"โอ๊ย อะไรกันนี่คุณ เห็นไหมมันหนีไปแล้ว!!!" เสียงต่อว่ากาเร็ทดังขึ้นมา กาเร็ทงง อะไรกันนี่มันความผิดเขาซะที่ไหนล่ะ
"อะไรกันคุณ เดินมาชนผมแท้ๆ ยังมาว่าผมอีก" กาเร็ทเถียง แต่ชายคนนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจ ผลักกาเร็ทไปอีกทางพร้อมกับออกวิ่งไปที่ประตูทางออก กาเร็ทส่งเสียงไล่หลัง
"โอ๊ย..นี่จะวิ่งไปตามใครที่ไหน ขอโทษสักคำไม่เป็นหรือไง" เขามองตามหลังชายหนุ่มคนนั้นเคืองๆ นี่มันอะไรกันกาแฟก็ไม่ได้ดื่ม แถมเสื้อตัวเก่งเปื้อนแบบนี้จะซักออกหรือเปล่านี่ กาเร็ทถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำ เมื่อกลับออกมาก็เห็นชายหนุ่มคนนั้นนั่งกุมขมับอยู่ที่เก้าอี้ ที่แน่ใจว่าคนเดียวกันก็เพราะเสื้อโปโลสีขาวของเขาเปื้อนคราบกาแฟเป็นดวงๆ อยู่
"นี่นาย.." กาเร็ทเดินเข้าไปทัก กะจะต่อว่าสักหน่อย..
"นายนี่เอง...ไอ้คนซุ่มซ่าม" หนุ่มคนนั้นเงยหน้ามองเขา เมื่อจำได้ก็ตะโกนออกมา
"นายวิ่งมาชนชั้นแท้ๆ..ไม่ขอโทษยังจะมาว่าชั้นอีกเรอะ" กาเร็ทเริ่มขึ้นเสียงบ้าง...ชายคนนั้นรู้ตัว เขาถอนหายใจ
"ขอโทษ...ชั้นคงชนนายจริงๆ...ชั้นถูกล้วงกระเป๋า กำลังวิ่งไล่ตามไอ้นักล้วงอยู่" เขาเล่าให้กาเร็ทฟัง กาเร็ทชักเริ่มเห็นใจ
"แล้วจับได้รึเปล่า..." เขาถามเสียงเบา แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ ถ้าจับได้หมอนี่คงไม่มานั่งหมดอาลัยตายอยากแบบนี้หรอก..
"นายไปแจ้งตำรวจสิ..." เขาแนะนำทางออกที่ดีที่สุดให้ ซึ่งจริงๆแล้วโอกาสที่จะได้คืนแทบไม่มีเลย นักท่องเที่ยวแยะขโมยก็เยอะตามไปด้วย แล้วอีกอย่างเจ้าหนุ่มคนนี้ก็ท่าทางยังเด็กอยู่ไม่น่าเกินยี่สิบห้า...
"มีอะไรในกระเป๋าบ้างละ ถ้ามีพวกบัตรเครดิตอะไรก็โทรไปอายัตซะด้วยนะ" ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้ารับคำ ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมากดสั่งความตามที่กาเร็ทแนะนำ
"แล้วนี่ผมจะทำไงดีละเนี่ย.....เงินก็ไม่มี" เขาพึมพำ
"นายไม่มีคนรู้จักที่นี่เหรอ"
"ไม่มี...เคยแต่ได้ยินว่าที่นี่สวย ก็เลยอยากมาเที่ยวสักครั้ง มาครั้งแรกก็ถูกล้วงเลย"
"นายเป็นคนอเมริกันใช่ไหม...ชั้นเป็นคนอังกฤษนะ ชื่อกาเร็ท...ยินดีที่ได้รู้จัก" กาเร็ทแนะนำตัวให้อีกฝ่ายฟัง เขาล้วงปากกาในกระเป๋าเสื้อออกมาพร้อมกับจดอะไรยุกยิกบนเศษกระดาษก่อนยื่นส่งให้คนข้างๆ
"นี่เป็นเบอร์โทรศัพท์ชั้นนะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรไปหาได้"
ขณะที่ชายหนุ่มคนนั้นกำลังจะแนะนำตัว เสียงแจ๋วๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา
"พี่กาเร็ทฮะ...หายไปไหนตั้งนาน คุณดักลาสเขาจะพาทีมงานกลับไปโรงแรมแล้วนะฮะ" มิเกลวิ่งตรงเข้ามาหากาเร็ท หลังจากที่กาเร็ทหายไป ดักลาสจึงบอกเขาให้มาตาม กาเร็ทสังเกตเห็นเจ้าหนุ่มข้างๆเขามองมิเกลด้วยสายตาแปลกๆ
"เออใช่แล้ว...ผมมีเพื่อนเป็นคนอเมริกันเหมือนกัน ไม่แน่ว่าเขาอาจจะช่วยอะไรคุณได้นะ" กาเร็ทนึกถึงดักลาสขึ้นมา
"มะ...ไม่เป็นไรครับ...ผมพึ่งนึกออกว่าจริงๆ มีเพื่อนคนหนึ่งเขามาเที่ยวที่นี่เหมือนกัน...แต่มาก่อนหน้าผมสองสามวัน ไม่แน่ผมอาจจะไปตามหามันก่อน" ชายหนุ่มคนนั้นลุกขึ้นมา ส่งยิ้มให้มิเกลก่อนจะเดินออกไป แต่ก่อนที่จะไปไกลนักก็เหมือนนึกอะไรออก
"เอ่อ...คุณกาเร็ทครับ...ผมชื่ออาเธอร์นะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก" เขาโบกมือให้


เดวิทช่างภาพและทีมงานพักอยู่โรงแรมเดียวกับดักลาสเพียงแต่ต่างชั้นกันเท่านั้น กาเร็ทกับมิเกลขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะบ่ายกว่าแล้ว กาเร็ทเองอยากเปลี่ยนชุดที่เปื้อนกาแฟส่วนมิเกลก็ต้องกลับไปดูแลบ้านแทนแม่
"คุณกาเร็ทครับ เย็นนี้มาทานดินเนอร์ด้วยกันนะครับ" ดักลาสเอ่ยปากชวน "ถือเป็นการฉลองเปิดกล้องไงครับ"
"ไม่ใช่ถ่ายหนังสักหน่อย..." กาเร็ทพูดขำๆ
"ก็คล้ายๆกันแหละ เดี๋ยวผมไปรับตอนทุ่มนึงนะครับ" ดักลาสไม่ฟังคำตอบ กาเร็ทได้แต่ยิ้มไม่ได้ว่าอะไร

กาเร็ทนั่งเหม่ออยู่ในบ้านเช่าของตัวเอง หลังจากเขากลับบ้านแล้วก็ขี้เกียจออกไปไหนอีก..อาบน้ำแต่งตัว...เฮ้อ ไม่อยากยอมรับตัวเองว่ารอดักลาสมาหาทั้งๆที่ตอนนี้พึ่งหกโมงเย็นเท่านั้นเอง
"กรี๊งงงง..." เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา กาเร็ทรีบวิ่งไปรับ ดักลาสล่ะมั้ง
"คุณกาเร็ทหรือเปล่าครับ" เสียงปลายสายถามขึ้นมา กาเร็ทถอนหายใจนิดหนึ่งเมื่อรู้ว่าไม่ใช่คนที่คาด
"ครับ...คุณ."
"ผมอาเธอร์นะครับ ที่เจอกันเมื่อตอนเช้า"
"อ้อ..สวัสดีครับ เป็นยังไงบ้าง.." กาเร็ทถาม
"คือผม..ผม...ผมมีปัญหานิดหน่อยนะครับ ผมติดต่อเพื่อนผมไม่ได้ แล้วตอนนี้ผมหลงทาง เงินก็ไม่มี...แถมมือถือผมแบตจะหมดอีก....ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วเนี่ย..คุณกาเร็ทช่วยผมทีสิครับ" เสียงตามสายเริ่มสั่นแบบคนวิตก กาเร็ทเองก็ถามต่ออย่างกังวล เขาได้ยินเสียงเตือนจากมือถือฝ่ายตรงข้าม
"แล้วคุณอยู่ที่ไหนครับ...ถ้ายังไงไว้เดี๋ยวผมจะไปหา!! ลองบอกจุดสังเกตมาหน่อยสิ" กาเร็ทพูดกรอกหูโทรศัพท์เพราะเสียงเริ่มจะขาดๆหายๆ
"ผมเองก็ไม่รู้แน่เหมือนกัน...แต่ผมอยู่หน้าร้านขายอุปกรณ์ตกปลาที่ชื่อ...ตื๊ด." เสียงนั้นอธิบายชื่อร้านให้กาเร็ทฟังทันก่อนที่จะถูกตัดสายพอดี กาเร็ทเองก็กังวลเขายิ่งเป็นคนขี้สงสารอยู่ ในที่สุดเขาตัดสินใจคว้ากระเป๋าสตางค์เดินออกจากบ้าน...เวลาเย็นรถประจำทางก็เริ่มน้อยลง แถมอยู่บนเกาะแบบนี้อีก..กาเร็ทจึงไปขอยืมจักรยานของบ้านข้างๆปั่นออกไป
กาเร็ททบทวนชื่อร้านที่อาเธอร์บอก เขารู้จักทางไปร้านนั้นเหมือนกัน แต่ค่อนข้างไกล ไปแล้วหวังว่าอาเธอร์ยังจะอยู่ที่เดิมนะ กาเร็ทปั่นจักรยานไปตามถนนสายตาก็สอดส่ายหาเจ้าหนุ่มที่โทรหาเขา
"อาเธอร์" กาเร็ทเรียกชื่อชายหนุ่มที่กำลังนั่งกุมขมับซุกหน้ากับหัวเข่าตัวเอง...ข้างๆตัวเขามีกระเป๋าเป้ไม่ใหญ่มากวางอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก
"คุณกาเร็ท.." เสียงเขาตะโกนขึ้นมาอย่างดีใจ... "ผมนึกว่าคุณจะไม่มาช่วยผมซะแล้ว...ฮือ...ดีใจจริงๆ" เขาพูดปนสะอื้นเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับร้องไห้ "ผมนึกว่าคืนนี้ต้องไปนอนที่ท่าเรือหรือไม่ก็ท่ารถเสียแล้ว.."
"เอาน่า...ชั้นไม่ใช่คนที่ปล่อยคนอื่นลำบากหรอก" กาเร็ทถอนหายใจ "ถ้ายังไงคืนนี้ไม่มีที่นอนก็ไปนอนบ้านชั้นก่อนก็ได้" กาเร็ทตัดสินใจในที่สุด ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มลุกขึ้นมาอย่างดีใจ แต่แล้วก็ทรุดลงไปอีกเอามือกุมท้องตัวเองไว้
"เป็นอะไรไป...!!" กาเร็ทถามอย่างเป็นห่วง
"เอ่อ...หิวนะครับ...ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย"
กาเร็ทถอนหายใจเฮือก เขามองซ้ายมองขวาก่อนจะดึงร่างนั้นขึ้นมา
"ไปกินพิซซ่าที่ร้านนั้นก่อน ชั้นเลี้ยงเอง"

กาเร็ทอ้าปากค้างกับปริมาณอาหารที่อาเธอร์กิน เห็นตัวไม่อ้วนแต่ทำไมกินยังกะยัดทะนาน ยังดีที่ร้านที่เข้ามาเป็นร้านแบบบุฟเฟต์กินเท่าไหร่ก็ได้ เขาเองกินไปแค่สองชิ้นก็อิ่มแล้ว แต่อาเธอร์กำลังเริ่มชิ้นที่สิบสอง
"ไม่เกรงใจนะครับ ผมหิวมากไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าแล้ว...เอ แล้วกาเร็ทจะไปไหนต่อหรือครับ" อาเธอร์ถามขึ้นมาขณะเคี้ยวเต็มปาก กาเร็ทมองงงๆ
"ก็ไม่ได้ไปไหนต่อนี่....ทำไม"
"ก็เห็นคุณแต่งตัวเหมือนกับจะออกไปข้างนอก ผมรบกวนคุณหรือเปล่า" อาเธอร์ถามต่อ ถึงตอนนี้กาเร็ทเริ่มรู้ตัว เขายกนาฬิกาข้อมือตัวเองขึ้นมาดู สองทุ่มครึ่ง!! นัดกับดักลาสไว้ทุ่มนึง แถมไม่ได้โทรไปบอกอีก บ้านก็ไม่มีคนอยู่ เขาล้วงเข้าไปในเสื้อ ลืมมือถือไว้ที่บ้าน!! โธ่เว้ย ถ้าดักลาสโทรมาหาแล้วไม่มีคนรับ จะคิดว่าเขาแกล้งหรือเปล่า มองหน้าคนต้นเหตุก็โกรธไม่ลงเพราะโชคร้ายมากพอแล้ว กาเร็ทควานหาเศษตังค์ที่มีก่อนจะขอตัววิ่งไปโทรศัพท์สาธารณะแต่โทรเท่าไหร่ก็ไม่ติด...
อาเธอร์นั่งซ้อนท้ายจักรยานของกาเร็ทกลับบ้าน เมื่อมาถึงบ้านก็เกือบสามทุ่มครึ่งแล้ว กาเร็ทพบเศษก้นบุหรี่อยู่หน้าประตูประมาณหกเจ็ดตัว ท่าทางดักลาสคงเครียดน่าดู เขาพอเดาได้ถึงภาพตอนที่ดักลาสมายืนรอเขาหน้าบ้าน...เฮ้อ...กาเร็ทถอนหายใจ เขาเข้าบ้านไปหยิบมือถือโทรไปหาดักลาสอีกรอบ

ดักลาสขยี้ก้นบุหรี่กับพื้น หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน เขาโทรหากาเร็ทตั้งหลายรอบแต่ก็ไม่มีคนรับ ทำไมกัน!! เขานัดกาเร็ทไว้ทุ่มหนึ่ง แต่ตอนนี้ก็สองทุ่มเข้าไปแล้ว...มีเรื่องอะไรหรือเปล่า..จริงๆเขาจองโต๊ะดินเนอร์ที่โรงแรมไว้สองที่ เรื่องนัดเปิดกล้องอะไรนั่นเขาแค่พูดเล่นไปอย่างนั้นเองๆ จริงๆอยากนั่งทานอาหารเย็นกับกาเร็ทใต้แสงเทียนสองต่อสองต่างหาก
กาเร็ทหลบหน้าเขาหรือเปล่า โทรก็ไม่โทรมาบอก..ดักลาสบรรยายความรู้สึกของตัวเองไม่ถูก ธรรมดาเขาเองมีแต่ผู้หญิงเข้ามาหา ไม่เคยต้องมารอเก้อแบบนี้มาก่อน แถมถ้าเป็นลูกน้องเขาผิดนัดแบบนี้เขาไล่ออกไปนานแล้ว ผ่านไปจนเกือบสามทุ่ม ดักลาสจึงตัดสินใจขับรถกลับโรงแรม
เขาแขวนป้ายห้ามรบกวนไว้ที่หน้าห้องก่อนจะล้มตัวลงนอนก่ายหน้าผากบนเตียง เขาไม่ได้ทานอาหารเย็น โต๊ะที่จองไว้ก็แคนเซิล ขณะที่เขากำลังถอนหายใจอยู่นั่นเอง มือถือของเขาก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาเป็นทำนองเพลงเฉพาะตัว เขารีบหันไปหยิบจนแทบจะตกเตียง

"ดักลาส.." เสียงกาเร็ทดังมาตามสาย "ขอโทษเรื่องวันนี้ด้วยนะครับ"
ดักลาสเองจริงๆเขาก็โมโหกาเร็ทไม่น้อยที่จู่ๆก็ผิดนัด แต่พอได้ยินเสียงคนที่คิดถึงโทรมาขอโทษเขาก็แทบจะหายโกรธ แต่ก็ยังไม่อยากยกโทษให้
"ครับ..ผมเองก็คิดว่ามิสเตอร์ไวท์คงจะติดธุระเร่งด่วนที่ไหนก็เลยไม่ได้รอผม ผมไม่คิดอะไรหรอกครับ"
กาเร็ทเองก็อึ้งไปเมื่อได้ยินดักลาสเอ่ยนามสกุลเขาแทนจะเอ่ยชื่อ โกรธจริงๆด้วย!! ถึงปากจะบอกว่าไม่คิดอะไร เขายอมรับว่าเป็นความผิดเขาเต็มๆ เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"ขอโทษจริงๆครับ บังเอิญคนรู้จักโทรมาหา.. เขามีปัญหาผมก็เลยรีบออกไปจนลืมมือถือไว้ที่ห้อง" กาเร็ทอธิบาย
"แล้วไม่ทราบว่ามิสเตอร์ไวท์รับประทานอาหารเย็นหรือยังครับ" จู่ๆดักลาสก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมา
"เรียบร้อยแล้วล่ะครับ.." กาเร็ทตอบอ้อมแอ้ม
"ครับ...ส่วนผมนั่งกินลมหน้าบ้านคุณจนอิ่มก็เลยกลับมานอนที่โรงแรมนี่แหละ"
กาเร็ททำหน้าไม่ถูกหลังจากฟังดักลาสพูด..แสดงว่าดักลาสยังไม่ได้ทานอะไรเลยสิเนี่ย
"ไว้คราวหน้า..ผมขอแก้ตัวนัดคุณดักลาสไปทานอาหารก็แล้วกันนะครับ..เอาไว้หลังปิดกล้องก็แล้วกัน" กาเร็ทเสนอออกมาด้วยความรู้สึกผิด ดักลาสแอบยิ้มบนใบหน้า
"ก็แล้วแต่คุณไวท์ก็แล้วกัน...ขึ้นอยู่กับว่าผมจะว่างหรือเปล่า บางทีไม่แน่ผมอาจจะติดธุระด่วนขึ้นมาบ้างก็ได้"


หลังจากนั้นอีกไม่กี่ประโยคกาเร็ทก็วางสาย หน้าตาไม่ค่อยสบายใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นอาเธอร์มองหน้าเขาอยู่
"ขอโทษนะครับ...เป็นเพราะผมหรือเปล่า" อาเธอร์ถามเสียงอ่อยๆ เขาได้ยินเสียงกาเร็ทพูดขอโทษเรื่องผิดนัด
"ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว...คิดเรื่องที่นอนนายคืนนี้ก่อนแล้วกัน" กาเร็ทไม่อยากพูดถึงมันอีก
"ผมนอนที่ไหนก็ได้ครับ..โซฟานี่ก็ได้" อาเธอร์เสนอตัวขึ้นมา
"ได้ยังไง โซฟานี่มันสั้นจะตายนอนเข้าไปได้ที่ไหน...ชั้นมีถุงนอนอยู่..เดี๋ยวชั้นหามุมในห้องนอนชั้นให้ นายคงไม่รังเกียจนอนพื้นนะ" กาเร็ทถาม
บ้านเช่าของกาเร็ทเป็นบ้านชั้นเดียวที่ด้านล่างแบ่งเป็นสามห้องเล็กๆ ห้องนอนห้องครัวห้องน้ำ ส่วนพื้นที่ว่างตรงกลางห้องก็เป็นห้องนั่งเล่นที่ใช้เป็นห้องรับประทานอาหารไปด้วยกันเลย
"ไม่รังเกียจหรอกครับ...ขอบคุณจริงๆ" อาเธอร์ยิ้มแก้มปริ
กาเร็ทเองก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน ที่จู่ๆก็หาเรื่องมาใส่ตัว เอาคนไม่รู้จักที่ไหนมานอนค้างด้วยแบบนี้ จะบอกว่าเขาไว้ใจคนง่ายเกินไปหรือเปล่า แต่กาเร็ทก็เชื่อสายตาตัวเอง เขาเดินทางถ่ายรูปคนเดียวมาหลายปีพอจะดูคนออก อาเธอร์ดูเป็นหนุ่มนักท่องเที่ยวธรรมดาที่ไม่มีพิษมีภัย บุคลิกก็ดูดี เสื้อผ้าที่ใส่ก็ไม่ใช่กระจอก เสื้อยืดยี่ห้องหรู กางเกงก็วัยรุ่นสมัยนิยมราคาแพง แถมรองเท้าก็ไนกี้อย่างดี ฐานะที่บ้านคงจะดีไม่น้อย ..


แนะนำติชมได้ที่บอร์ดนิยายนะคะ...................
1