Peebee

Pround of destiny

"ความรักที่มีอุปสรรคกีดขวาง ความแตกต่างของฐานันดร พวกเขาจะทำเช่นไร.........."

บทที่ ๑

ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ เสียงฝีเท้าวิ่งฝ่าความเงียบมาตามระเบียงทางเดินของปราสาท สุดทางคือห้องโถงใหญ่ ซึ่งขณะนี้เต็มไปด้วยบรรดาเหล่าเสนาอำมาตย์และราชวงศ์เกือบทุกพระองค์ ทุกคนล้วนหน้าตาหมองคล้ำเหมือนกับมีเรื่องกังวลอยู่ในใจ
เมื่อเจ้าของเสียงฝีเท้าปรากฏตัวเข้ามา ชายวัยกลางคนที่นั่งบนบัลลังก์กลางห้องก็เอ่ยปากถามอย่างกังวล
"ทัพเสริมของไฮแลนการ์ดเดินทางมาถึงหรือยัง"
ไฮแลนการ์ดเป็นชื่อของอาณาจักรเล็กๆอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างไกลจากอาณาจักรมาดาแลนด์พอสมควร แต่ก็เปรียบเสมือนเมืองพี่น้อง เพราะพระราชธิดาและพระราชโอรสของทั้งสองเมืองได้อภิเษกสมรมกัน
"กำลังเสริมจากไฮแลนการ์ด ยังเดินทางมาไม่ถึงเลยพะยะค่ะ ตอนนี้กองกำลังของเราต้านทัพจากเบสแลนด์ไม่ได้แล้ว" ทหารนายนั้นพูดอย่างโกรธแค้น
เหล่าบรรดาเสนาที่ยืนรวมกลุ่มต่างอุทานอย่างตกใจ หน้าซีดเผือด ชายวัยกลางคนที่นั่งบนบัลลังก์กำมือแน่น
"แล้วแม่ทัพของเราล่ะ"
"เอ่อ...คือบรรดาแม่ทัพ...เอ่อ เจ้าชาย"ทหารนำสารพูดตะกุกตะกัก ด้วยเพราะพระราชาอะเรเซียมีพระชายาและพระสนมหลายคน ดังนั้นจึงมีพระราชธิดาและพระราชโอรสเกือบสิบพระองค์ บรรดาเจ้าชายจึงเป็นฝ่ายออกนำทัพด้วยตัวเอง
"เจ้ารายงานมาเถอะ พวกเรารับฟังได้ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด" เสียงนุ่มดังมาจากหญิงวัยกลางคนหน้าตาสวยที่นั่งข้างพระราชาอะเรเซีย
"คือ..จะ..เจ้าชายคามิวกับเจ้าชายซาเรสิ้นพระชนม์ในสนามรบแล้วพระเจ้าข้า...ส่วนเจ้าชายราวินซ์ถูกทหารฝ่ายตรงข้ามจับตัวไป...."
โครม!!! พระราชาอะเรเซียทรุดลงไปกองกับพื้นท่ามกลางความตกใจของทุกคน

อาณาจักรมาดาแลนด์เป็นอาณาจักรเล็กๆ แต่มีภูมิประเทศสวยงาม พระราชาอะเรเซียทรงมีพระมเหสีและพระสนมรวมแล้วถึงสี่พระองค์ แต่ละคนล้วนมีพระสิริโฉมงดงาม เจ้าชายคามิวและเจ้าชายซาเรเป็นเจ้าชายองค์ที่หนึ่งและองค์ที่สี่ที่เกิดจากพระสนม ส่วนเจ้าชายราวินซ์นั้นเป็นเจ้าชายองค์ที่สองก็จริงแต่เป็นเจ้าชายที่เกิดจากพระมเหสี จึงมีศักดิ์เป็นเจ้าชายรัชทายาท มาบัดนี้เจ้าชายรัชทายาทถูกฝ่ายตรงข้ามจับตัวไป จึงเป็นเหตุให้พระราชาอะเรเซียตกใจจนสิ้นสติ

"พระอาการเป็นอย่างไรบ้างท่านพี่" เสียงใสๆของเจ้าหญิงอะดิลล่าตรัสถามเจ้าชายซามิวผู้พี่เมื่อเดินออกมานอกห้องบรรทม พระพักตร์เป็นกังวล
"เฮ้อ....ทรงตกพระทัยเกินไปที่รู้ว่าท่านพี่ราวินซ์ถูกจับตัวไป รอให้ผ่านไปสักพัก อาการคงดีขึ้นเอง" เจ้าชายซามิวถอนหายใจ
"จริงรึ ซามิว ได้ยินเช่นนี้แม่ก็หมดห่วงได้อย่างหนึ่ง พวกเจ้าก็อยากไปรบกวนเสด็จพ่อเจ้ามากก็แล้วกัน" หญิงกลางคนที่นั่งข้างพระราชาอะเรเซียเมื่อครู่กล่าวขึ้น หน้าตาของหล่อนซีดเซียวพอสมควร
"เสด็จแม่ฟอจูน่าทรงมีความเห็นยังไงกับเรื่องนี้เพคะ" เจ้าหญิงอะดิลล่าถามขึ้น "เสด็จพี่ราวินซ์จะเป็นยังไง......"
"เจ้าอย่าถามอะไรตอนนี้เลยน่า อะดิลล่า" ซามิวปรามน้องสาว อะดิลล่าย่นจมูกทำท่าไม่พอใจเมื่อถูกพี่ชายขัดขึ้นกลางคัน
"อ้าว นี่มันเวลาคับขันนะเสด็จพี่ จะมารอช่วงจังหวะพูดได้ไงล่ะ ปัญหาคือเราจะจัดการยังไงต่อให้เร็วที่สุดต่างหาก"
"มันก็จริงอย่างที่อะดิลล่าพูดนั่นแหละ เจ้าไม่ต้องห่วงแม่มากนักหรอกซามิว" พระราชินีฟอจูน่าตรัส แววเข้มแข็งปรากฏในน้ำเสียง ซามิวมองอย่างเป็นห่วง ถึงแม้พระราชินีฟอจูน่าจะไม่ใช่แม่แท้ๆของซามิวกับอะดิลล่า แต่พระองค์ก็ปฏิบัติต่อโอรสธิดาของสนมทุกพระองค์ประดุจมารดาแท้ๆ พระราชินีฟอจูน่ามีพระโอรสองค์เดียวคือราวินซ์
"ราวินซ์คงไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตหรอก เพราะทางฝ่ายศัตรูคงต้องการใช้ราวินซ์มาต่อรองกับเรา" ราชินีฟอจูน่าออกความเห็น
"หม่อมชั้นยังเดาความคิดฝ่ายนั้นไม่ออก พระราชาดาซิลแห่งเบสแลนด์ยิ่งได้ชื่อว่าเป็นสิงห์ร้ายผู้บ้าคลั่งอยู่ เขาจะทำอะไรเสด็จพี่ราวินซ์บ้างก็ไม่รู้ ถึงไม่ฆ่าแต่อาจจะทรมานเสด็จพี่ก็ได้นะเพคะ"
"เจ้ายิ่งพูดยิ่งมองโลกในแง่ร้าย อย่าพูดมากไปดีกว่าน่าอะดิลล่า" ซามิวอยากให้น้องสาวของตัวเองหุบปากยิ่งนัก เพราะเมื่อมองไปยังสีหน้ากังวลของเสด็จแม่
"หม่อมชั้นอยากจะบอกว่าตอนนี้เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถึงแม้กองทัพของไฮแลนการ์ดมาถึง เราก็ยังไม่กล้าจะบุ่มบ่ามทำอะไรอยู่ดีเพราะไม่รู้ว่าเสด็จพี่ราวินซ์เป็นอย่างไร" อะดิลล่าพูดพร้อมทำท่าครุ่นคิด ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นมองทุกคน
"หม่อมชั้นมีอะไรบางอย่างจะเสนอ"

เสียงไชโยโห่ร้องดังขึ้นภายในพระราชวัง....เหล่าทหารของอาณาจักรเบสแลนด์ต่างฉลอง
ด้วยความยินดีในชัยชนะ
"ขอฉลองให้กับแม่ทัพฟอร์ด หมาป่ากระหายเลือดผู้นำทัพของเรา" เสียงทหารนายหนึ่งตะ
โกนขึ้น ทหารที่เหลือต่างชูแก้วในมือให้กับแม่ทัพของตัวเอง
ร่างในชุดเกราะใหญ่โตที่นั่งตรงหัวโต๊ะไม่ได้พูดอะไร ภายใต้หน้ากากที่ดูน่าสะพรึงกลัวกลับมีแววตาที่ดูเศร้าสร้อย เขายกแก้วเหล้าขึ้นดื่มช้าๆเหมือนไม่ได้ยินคำชมของเหล่าทหาร

ในห้องโถงลึกของปราสาท เสียงหัวเราะดังก้องสะท้อนไปตามผนัง พระราชาดาซิลยินดีกับชัยชนะของตัวเองยิ่งนัก
"ผลการรบเป็นที่น่าพอใจมาก วัลโล" พระราชาดาซิลเอ่ยชมแม่ทัพข้างกาย
"สมกับเป็นมันสมองของเรา"
"พระองค์ชมหม่อมชั้นมากไปแล้ว...ทหารทุกคนมีผลงานน่าพอใจต่างหากพะยะค่ะ" วัลโลตอบอย่างเอาใจ ใบหน้าที่แหลมเหมือนเหยี่ยวยิ้มอย่างยินดีเมื่อได้รับคำชม เขาตบมือสองทีเป็นสัญญาณเรียกให้ทหารคุมตัวนักโทษเข้ามา
พระราชาดาซิลมองร่างนักโทษที่จับได้ ชายหนุ่มผมสั้นสีดำที่มองจ้องมาที่เขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ร่างนั้นหุบปากเงียบไม่ได้กล่าวอะไร มือทั้งสองข้างถูกตรึงไว้ด้วยโซ่เหล็กไพล่อยู่ด้านหลัง ร่างกายมีบาดแผลจากการต่อสู้พอสมควร
"นี่มัน....." พระราชาดาซิลเอ่ยอย่างสงสัย
"เจ้าชายราวินซ์ เจ้าชายรัชทายาทของมาดาแลนด์พะย่ะค่ะ" วัลโลเอ่ยชื่อของนักโทษนั้น พระราชาดาซิลเดินเข้ามาใช้มือจับคางของเจ้าชายราวินซ์ขึ้น ร่างนั้นพยายามเบี่ยงหนีแต่พระราชาดาซิลบีบคางไว้แน่นให้หันมาเผชิญหน้าพระองค์อย่างไม่ปราณี
"หน้าตายังกับตุ๊กตา นี่หรือเจ้าชายรัชทายาทของมาดาแลนด์"
"ไม่ต้องมาแตะต้องตัวเรา ไอ้สัตว์นรก" ราวินซ์สบถพร้อมกับถ่มน้ำลายใส่หน้าพระราชาดาซิล
วัลโลมองอย่างตกใจ ทหารที่คุมตัวนักโทษกระชากตัวราวินซ์ออก แต่พระราชาดาซิลยกมือห้ามไว้ เขาปาดน้ำลายออกจากใบหน้า รอยยิ้มเหยียดๆปรากฏที่มุมปาก
"เจ้าไม่รู้ตัวรึว่าอยู่ในสถานะอะไร" พระราชาดาซิลถามขึ้น
"จะฆ่าก็ฆ่าซะเลยสิ เราไม่กลัวเจ้าหรอก" ราวินซ์ตะโกนก้อง
"ปลดตรวนเขาออก" พระราชาดาซิลพูดเรียบๆ ทหารข้างหลังมองหน้าวัลโลอย่างงงๆ
"เราบอกให้ปลดตรวนเขาออก ฟังไม่รู้เรื่องรึไง" เสียงตะคอกดังขึ้นมา ทหารรีบทำตามคำสั่งอย่างลนลาน
"พระองค์จะทำอะไรพะย่ะค่ะ" วัลโลถามอย่างกังวล
"ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า เจ้าก็รู้ฝีมือเราดี วัลโล" พระราชาดาซิลยิ้ม เมื่อเห็นราวินซ์จับข้อมือที่เป็นอิสระของตัวเองอย่างงงๆ
"ออกไปได้แล้ว" พระราชาดาซิลออกคำสั่ง
"พระองค์จะทำ......"
"เจ้าด้วยวัลโล..."พระราชาดาซิลพูดขัดขึ้นมา วัลโลจำต้องออกไปอย่างเสียไม่ได้ เหลือแต่ราวินซ์ที่ยืนอยู่อย่างระมัดระวัง
ราวินซ์มองพระราชาดาซิลอย่างประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจการกระทำของพระราชาคนนี้เท่าไหร่นัก สมกับชื่อที่มีคนเรียกขานว่าสิงห์ร้ายผู้บ้าคลั่ง
"เจ้าไม่ต้องสงสัยการกระทำของเราหรอก..." พระราชาดาซิลเดินเข้าไปหาราวินซ์ โดยสัญชาติญาณราวินซ์ก้าวถอยหลังทันที หลังของเขาสัมผัสกับโต๊ะกลางห้อง
ด้วยความรวดเร็ว พระราชาดาซิลขัดขาราวินซ์ล้มลง ราวินซ์รีบกลิ้งตัวหลบ เขาลุกขึ้นกระโจนต่อยพระราชาดาซิล แต่ราวกับต่อยแท่งเหล็กเจ้าของร่างที่ถูกต่อยเหมือนไม่รู้สึกแถมยังจับมือข้างนั้นของเขาไพล่ไปข้างหลังอีก
"เจ้าอาจจะเคยดูถูกเรา แต่เจ้าจงรู้ไว้ว่าเราไม่ใช่กษัตริย์อ่อนแอเหมือนพ่อเจ้า....ที่วันๆเอาแต่สนุกกับบรรดาเหล่าสนม" พระราชาดาซิลหัวเราะเมื่อเห็นแววตาโกรธของราวินซ์
"ถ้าเจ้าเอาชนะเราได้ เราจะปล่อยเจ้าไป"
ราวินซ์พลิกตัวกลับพร้อมกับใช้แขนข้างที่เป็นอิสระศอกกลับไปที่ลำตัวของพระราชาดาซิล พระราชาดาซิลชะงักไปพักหนึ่ง ราวินซ์ฉวยโอกาสนี้ดึงแขนข้างที่ถูกจับออก เขากระโดดขึ้นไปบนโต๊ะวิ่งข้ามไปหยิบหอกที่ติดไว้ที่ผนักลงมา พระราชาดาซิลยิ้มที่มุมปาก

"ฮะ ฮะ แมวมันต้องมีเขี้ยวเล็บบ้างถึงจะสนุก" พูดจบพระราชาดาซิลก็ชักดาบที่เหน็บไว้ข้างเอวออก
ทั้งสองประมือกันสักพัก ราวินซ์รู้สึกว่าพระราชาดาซิลกำลังเล่นกับเขาอยู่มากกว่า บางทีเขาเห็นช่องว่างที่เหมือนจะโจมตีได้ แต่พอโจมตีเข้าไปก็ถูกปัดป้องกลับมาได้ทุกครั้ง พระราชาดาซิลเชี่ยวชาญการใช้ดาบจริงๆ ถ้าไม่ใช่ศัตรูคู่แค้น ราวินซ์จะยอมรับนับถือชายคนนี้มาก ราวินซ์เริ่มรู้สึกเหมือนโดนดูถูก ในที่สุดเขายอมเสี่ยงโดยการแทงเข้าไปที่ชายโครงพระราชาดาซิลตรงๆโดยไม่หลบดาบที่แทงสวนมา พระราชาดาซิลหน้าเสียรีบหันปลายดาบออกแต่ดาบของเขาก็กรีดเข้าเนื้อเจ้าชายตรงหน้าสาหัสพอสมควร ส่วนตัวเขาเองก็ได้แผลที่ชายโครงมา เขาสะบัดดาบฟันหอกในมือราวินซ์หักไป ราวินซ์ชะงักไปชั่วครู่ขว้างด้ามหอกทิ้ง เอามือกดปากแผลไว้ เลือดไหลออกจนราวินซ์เริ่มรู้สึกหน้ามืด เทียบกันแล้วแผลเขาสาหัสกว่า แล้วยิ่งมีบาดแผลจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้มาด้วย ราวินซ์รวบรวมกำลังที่เหลือกระโดดข้ามโต๊ะไป เขาใช้โต๊ะเป็นที่กำบังหลบหลีกไปมา จนพระราชาดาซิลทนไม่ได้ ยกโต๊ะตัวใหญ่พลิกกลับดังโครม !!! เก็บดาบเข้าฝักแล้วเดินข้ามโต๊ะไป
ราวินซ์ไม่ยอมแพ้ เขายกมือขึ้นชกแต่ก็ถูกจับทุ่มไปกองอยู่ที่พื้น ราวินซ์อ้าปากหอบหายใจ เขารู้ตัวว่าไม่มีทางชนะแน่นอน พระราชาดาซิลยิ้มอย่างมีชัย
"เจ้ารู้สถานะของเจ้าแล้วสินะ..."
"ข้าไม่ยอมรับหรอก...ฆ่าซะเลยสิ" ราวินซ์ตะโกนตอบ หน้าเขาแดงด้วยความโมโห
"เจ้าน่าจะรู้ ข้าคงฆ่าเจ้าไม่ลงหรอก...แต่ข้ามีวิธีเล่นสนุกกับเจ้ามากกว่า" พูดจบก็เดินเข้าไปถึงข้อมือของราวินซ์ขึ้น เขาพยายามขัดขืนแต่ก็สู้แรงพระราชาดาซิลไม่ได้ พระราชาดาซิลฉีกเสื้อของราวินซ์ออกเผยให้เห็นหน้าอกขาวเนียนซึ่งบัดนี้ชโลมไปด้วยเลือดแดงฉานซีกหนึ่ง ราวินซ์ตกใจมากเขาเริ่มบิดข้อมือ พยายามให้หลุดจากการจับกุม แต่ก็ไม่เป็นผล พระราชาดาซิลลากเขาไปที่โต๊ะใช้เศษเสื้อมัดแขนของเขาไว้กับขาโต๊ะข้างหนึ่ง และทำเช่นเดียวกับแขนอีกข้าง ในที่สุดเขาก็ถูกตรึงไว้กับขาโต๊ะที่หงายไว้ทั้งสี่ด้าน ราวินซ์เริ่มรู้สึกกลัว
"เจ้าจะทำอะไรน่ะ" ราวินซ์ถามเสียงสั่น

พระราชาดาซิลยิ้มกับผลงานของตัวเอง ตอนนี้เจ้าชายเชลยแทบไม่สามารถขยับตัวได้เลย อกเปลือยปรากฏแก่สายตา เลือดเริ่มจับตัวเป็นก้อน
"ข้าก็จะสนุกกับเจ้าไงล่ะ" พระราชาดาซิลตอบพร้อมกับยกมือลูบไปที่หน้าอกของราวินซ์เบาๆ ราวินซ์ขนลุกซู่
"ไอ้....ไอ้วิปริต" เขาด่าขึ้นมา เมื่อเริ่มเข้าใจความหมายของคำว่าสนุก พระราชาดาซิลจับคางเขาดันขึ้น
"หึ...ด้วยหน้าตาอย่างเจ้า สามารถทำให้ทหารของข้าวิปริตได้ทั้งกองทัพแหละ ถ้าเห็นเจ้าในสภาพนี้" พระราชาดาซิลหรี่ตามองใบหน้าตรงหน้าอย่างสำรวจ คิ้วเค้มได้รูป ตาสีฟ้าน้ำทะเล จมูกค่อนข้างโด่งรับกับคางเหลี่ยมเล็กน้อย ปากรูปกระจับสีชมพู ผมสีดำที่บัดนี้ระมาปรกหน้าผาก ถึงแม้ดูยุ่งเหยิงแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความมีเสน่ห์ของใบหน้าลดลงไป กลับดูยั่วยวนมากขึ้นในสภาพที่ถูกมัดแบบนี้ มือของพระราชาดาซิลเริ่มเลื่อนต่ำลงไป
"หย่ะ....อย่าเตะต้องข้านะ ไอ้อัปลักษณ์" ราวินซ์ตะโกนเมื่อรู้สึกถึงมือที่เคลื่อนไหวอยู่แถวช่วงล่างเริ่มลูบคลำอวัยวะที่อยู่ใต้กางเกง
"อัปลักษณ์ ข้านะรึ" พระราชาดาซิลชะงักมือ แววตาเจ็บปวด
"ใช่แล้ว เจ้าอัปลักษณ์ อัปลักษณ์ที่สุดในโลก" ราวินซ์ตะโกนก้อง พระราชาดาซิลสะบัดมือตบหน้าราวินซ์เต็มแรง เลือดไหลออกจากมุมปาก
"ห้ามบอกว่าข้าอัปลักษณ์นะ เจ้าเองก็ว่าข้าอัปลักษณ์งั้นเรอะ" พระราชาดาซิลเสียงสั่น แววตาปวดร้าว
ที่จริงพระราชาดาซิลถึงแม้จะย่างเข้าวัยกลางคน แต่ก็มีร่างกายแข็งแรงสมส่วน หน้าตาก็ดูมีสง่าราศี จัดได้ว่าวัยหนุ่มคงเป็นคนที่หล่อเหลาทีเดียว ราวินซ์พูดไปก็เพราะอารมณ์พาไปไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะทำให้คนตรงหน้าเจ็บปวดได้เพียงนี้
ผ่านไปสักพักร่างตรงหน้าเริ่มสงบจิตใจได้ เขาหันมองราวินซ์
"หึ...เพราะคำพูดของเจ้าทำให้ข้าเปลี่ยนใจ ข้าเองก็ไม่ได้มีรสนิยมชอบเอากับผู้ชายนักหรอก"
ราวินซ์ถอนหายใจแต่เขาก็เริ่มตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินพระราชาดาซิลพูดต่อ
"ข้าจะส่งเจ้าเป็นของขวัญให้คนคนหนึ่ง ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าคนที่ภรรยาตายไปหลายปีจะอดทนกับเจ้าได้แค่ไหน" พูดจบพระราชาดาซิลก็ตะโกนเรียกทหารรับใช้เข้ามา ทหารรับใช้รู้สึกตกใจกับสภาพในห้องนัก ข้าวของล้มระเนระนาด เลือดกองเป็นหย่อมๆ แล้วที่ชายโครงของพระราชาดาซิลก็มีเลือดไหลออกมา
"เจ้าหายาสมุนไพรมาทาแผลเจ้าชายราวินซ์ทีสิ แล้วเรียกหมอหลวงมาทำแผลให้ข้า" พระราชาดาซิลสั่งทหารรับใช้ ทหารนายนั้นรีบวิ่งออกไป
หลังจากใส่ยาให้ราวินซ์เรียบร้อยแล้ว พระราชาดาซิลก็ออกคำสั่งกับทหารนายนั้น
"เจ้ายกโต๊ะตัวนี้ไปที่ห้องของแม่ทัพฟอร์ด บอกว่าเป็นของขวัญจากข้า"

 

แนะนำติชมได้ที่บอร์ดนิยายนะคะ...................
1