Pround of destiny
"ความรักที่มีอุปสรรคกีดขวาง ความแตกต่างของฐานันดร
พวกเขาจะทำเช่นไร.........."
บทที่ ๒
ราวินซ์ถูกพันธนาการติดกับโต๊ะ เมื่อทหารนำเขาเข้าไปในห้องๆหนึ่ง
เขารู้สึกเหมือนกับออกไปข้างนอกอีกครั้ง ภายในห้องนั้นมีบรรยากาศที่แตกต่างจากห้องเมื่อครู่ราวฟ้ากับดิน
มีสวนหย่อมและทะเลสาบจำลอง พุ่มดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างดี
มีลมพัดอ่อนๆที่หอบเอากลิ่นหอมของดอกไม้มาด้วย ราวินซ์รู้สึกผ่อนคลาย
เขาถูกยกมาวางไว้ตรงทางเดินที่ปูด้วยก้อนหินที่ทอดยาวไปสู่ห้องเล็กๆอีกห้องหนึ่ง
ทหารที่นำเขาเข้ามาเดินกลับออกไปข้างนอก ราวินซ์นอนมองท้องฟ้า
เขาสงสัยว่าบุคคลที่อยู่ในห้องเช่นนี้จะเป็นคนเช่นไร เขาเคยได้ยินชื่อของฟอร์ดมาก่อน
แม่ทัพของเบสแลนด์ซึ่งร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระราชาดาซิล
แม่ทัพผู้โหดร้ายจนได้รับฉายาว่า "หมาป่ากระหายเลือด"
ราวินซ์ตื่นจากภวังค์เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าเดินผ่านประตูเข้ามา
เขาได้ยินเสียงคนคุยกัน
"อะไรนะ ของขวัญสำหรับข้า ข้าไม่ต้องการของขวัญจากคนพรรค์นั้นหรอก
ตั้งใจจะเล่นตลกอะไรกับข้าอีกล่ะ" เสียงห้าวแหบดังขึ้นอย่างไม่พอใจ
เป็นเสียงที่ไม่คุ้นเคย
"เจ้าเรียกพระราชาดาซิลอย่างนั้นได้อย่างไร ของขวัญคราวนี้เจ้าเห็นแล้วจะตกใจ
ฟอร์ด" สุ้มเสียงนี้ราวินซ์จำได้คือวัลโลแม่ทัพฝ่ายขวา และเป็นคนที่จับเขามา
เมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาถึง "ของขวัญ" ที่กล่าวถึงราวินซ์จึงเงยหน้าขึ้นสำรวจแม่ทัพฟอร์ด
ชายในชุดเกราะเหล็กใหญ่โต ศีรษะสวมหน้ากากรูปหมาป่า ท่าทางน่าเกรงขาม
ราวินซ์ไม่สามารถเห็นสีหน้าของฟอร์ดได้เพราะอยู่ใต้หน้ากาก แต่เขารู้สึกว่าแววตาของฟอร์ดเปลี่ยนไปเมื่อเห็นเขา
เขาพยายามไม่นึกถึงสภาพของตัวเอง มือและเท้าทั้งสี่ข้างถูกมัดติดกับขาโต๊ะ
เสื้อผ้าฉีกขาด มีคราบเลือดเปรอะเปื้อนไปทั่วตัว แถมกางเกงที่ใส่ด้านหน้ากระดุมหลุดลงมาหลายเม็ด
แทบจะเผยให้เห็นอวัยวะที่ซ่อนไว้ภายใน
"เจ้าชายราวินซ์" ฟอร์ดพึมพำชื่อของเขาออกมา
"ใช่แล้ว นี่เป็นเชลยคนสำคัญของเราที่ข้าจับมาได้ พระราชาดาซิลยกเขาให้แก่เจ้าแล้ว
เจ้าสามารถจะทำอะไรกับเขาก็ได้ ทุกอย่าง" วัลโลเน้นคำว่าทุกอย่างเป็นพิเศษ
เขาสบตาฟอร์ด
"ทุกอย่างเลยรึ" ฟอร์ดทวนคำ
"ใช่แล้ว ทุกอย่าง เขาเป็นของเล่นที่หน้าตาดีที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา
เมียเจ้าก็ตายไปตั้งนานแล้ว เจ้าน่าจะสนุกกับของเล่นชิ้นนี้ได้"
วัลโลพูดยิ้มๆ
ฟอร์ดไม่พูดอะไร เขายกขวานในมือของเขาฟันเศษผ้าที่มัดมือและเท้าของราวินซ์ออก
เมื่อเป็นอิสระราวินซ์รีบลุกขึ้นมานั่ง แต่พอขยับตัวแผลที่หน้าอกเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมา
เขามองหน้าฟอร์ดและวัลโลสลับกันไป
"เจ้าเป็นอิสระแล้ว จะไปไหนก็ตามใจเจ้า" ฟอร์ดพูดเรียบๆ
วัลโลหน้าเสีย
"เจ้าไม่มีสิทธิ์ปล่อยเขาไปนะ!!!! ฟอร์ด"
"เขาเป็นของข้าแล้วไม่ใช่รึ ข้าจะทำยังไงมันก็เรื่องของข้า
เจ้าไม่ต้องสนใจหรอก เชิญกลับไปได้แล้ว" ฟอร์ดไล่อย่างไม่ใยดี
วัลโลตัวสั่นด้วยความโมโห ก่อนจะเดินกระแทกเท้าออกไป
ฟอร์ดหันหลังเดินเข้าห้องไป เขาไม่สนใจราวินซ์เลย
ราวินซ์ได้แต่นั่งงง ไม่รู้จะทำยังไง ในที่สุดเขาตัดสินใจเดินตามหลังฟอร์ดเข้าไปในห้องด้วย
ภายในห้องนั้นไม่หรูหรานัก มีแค่เตียง ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเก้าอี้หนึ่งชุด
บนผนังมีรูปภาพประดับอยู่สองรูป เป็นรูปผู้หญิงกับผู้ชาย ราวินซ์ตะลึงกับความงามของผู้หญิงภายในรูป
ผู้หญิงผมทองที่มีดวงตาสีเขียวมรกตราวกับจะกระชากวิญญาณออกจากร่าง
เขาเคยเห็นผู้หญิงสวยมามาก บรรดาสนมของเสด็จพ่อเขาก็ล้วนแต่หน้าตาสวยงาม
เจ้าหญิงอะดิลล่าน้องสาวเขาก็เป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาดีมาก แต่เมื่อเทียบกับผู้หญิงในรูป
เขารู้สึกว่าเป็นความงามที่ต่างกันออกไป
ราวินซ์มองผู้ชายที่อยู่ในรูปถัดมา ชายที่มีใบหน้ารูปเหลี่ยม
รอยแผลเป็นใหญ่พาดจากหางตาขวาไปที่ซอกคอ และแผลเป็นเล็กๆอีกหลายรอย
เป็นใบหน้าที่ดูน่ากลัวขัดกับภาพแรกโดยสิ้นเชิง ราวินซ์คิดว่าผู้ชายในรูปคงเป็นฟอร์ด
แม่ทัพที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา ส่วนผู้หญิงในรูปคงเป็นภรรยาที่เสียชีวิตไป
เขาคะเนว่าฟอร์ดน่าจะอายุพอๆกับเสด็จพ่อของเขา
"เจ้าสำรวจพอรึยัง" เสียงแหบห้าวดังขึ้นผ่านหน้ากาก
"เอ่อ ..... ราวินซ์ไม่รู้จะพูดอะไร ฟอร์ดโยนของบางสิ่งมาให้เขา
ราวินซ์ยกมือรับตามสัญชาติญาณ พอก้มมอง เขาก็เห็นตลับยาเล็กๆ
"เอายานั่นทาแผลของเจ้า ติดกับห้องนี้มีห้องว่างอีกห้องหนึ่ง
เจ้าอยู่ที่นั่นจนกว่าแผลจะหายก็ได้ แต่อย่าเข้ามายุ่มย่ามในห้องของข้า"
หลังจากพูดจบฟอร์ดก็หันหลังกลับไปไม่หันมามองราวินซ์อีก
ราวินซ์เดินไปยังห้องที่ฟอร์ดบอก เป็นห้องเล็กๆที่อยู่ติดกับห้องแรก
เขาเงยหน้าสำรวจบรรยากาศโดยรอบอีกที ห้องทั้งสองอยู่ภายในสวนจำลองขนาดมหึมาที่โอบล้อมด้วยกำแพงอีกที
เพดานเป็นโดมกระจกใส ตามผนังห้องจะมีช่องหน้าต่างเล็กๆที่ลมสามารถพัดผ่านเข้าไปได้
ราวินซ์เข้าไปในห้อง เขาล้มตัวลงนอนพร้อมกับความรู้สึกสับสนในหัว
จากที่เขาสังเกต เขารู้สึกว่าฟอร์ดจะไม่ชอบพระราชาดาซิลเท่าไหร่
แต่พระราชาดาซิลกลับสร้างห้องที่ดูหรูหราอย่างมหัศจรรย์นี้ให้กลับฟอร์ด
ส่งเขามาให้ฟอร์ดเพื่อหวังให้เป็นของเล่นระบายอารมณ์ ยิ่งคิดราวินซ์ก็ยิ่งปวดหัว
ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ประหลาดนัก
"ไม่ได้เด็ดขาด" เสียงอุทานพร้อมกันสองเสียงดังขึ้นหลังจากฟังข้อเสนอของเจ้าหญิงอะดิลล่า
"ทำไมล่ะเพคะ ที่หม่อมชั้นเสนอนับเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว"
เจ้าหญิงอะดิลล่าทำหน้าไม่พอใจ
พระราชินีฟอจูน่าถอนหายใจ
"เราไม่ควรไปของความช่วยเหลือจากคนในหุบเขาซาราร็อกหรอก พวกนั้นเป็นโจรป่านะอะดิลล่า"
หล่อนมองอะดิลล่าอย่างกังวล
หุบเขาซาราร็อกเป็นหุบเขาที่อยู่ไม่ห่างไกลจากอาณาจักรมาดาแลนด์เท่าไหร่นัก
เป็นแหล่งกบดานของเหล่าโจรป่าที่หาเลี้ยงชีพโดยการดักปล้นรถม้ารถเสบียงของเหล่าคนรวยหรือของทางทหาร
พระราชาอะเรเซียเคยออกคำสั่งให้ยกทัพไปปราบปรามแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จด้วยเพราะสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน
"แล้วพวกโจรป่าจะมาช่วยอะไรเราได้เท่าไหร่กัน อะดิลล่า"
ซามิวออกความเห็น
"พวกเขาเป็นโจรก็ต้องมีความสามารถแบบพวกโจรสิเพคะ ใครจะให้ไปประจันหน้าตรงๆกับกองทัพทหารเล่า"
อะดิลล่าพูดแกมรำคาญ ซามิวหน้าแดงที่ถูกน้องสาวว่าเอาซึ่งๆหน้า
ในบรรดาพระราชธิดาและพระราชโอรสทั้งหมด
อะดิลล่าและราวินซ์เป็นลูกที่พระราชาอะเรเซียโปรดปรานที่สุด ราวินซ์หล่อเหลาและเก่งกาจในด้านการรบและเป็นถึงเจ้าชายรัชทายาท
ส่วนอะดิลล่าถึงแม้เป็นพระราชธิดาที่เกิดจากพระสนม แต่มีความสวยงามและฉลาดเฉลียวกว่าใคร
ตัวเขาเองเป็นฝาแฝดกับอะดิลล่าแต่ก็แตกต่างกันมาก เขาอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก
ไม่สามารถฝึกการต่อสู้ได้ จึงไม่ค่อยมีคนสนใจ วันๆก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้องสมุดนั่งอ่านหนังสือไปวันๆ
เพื่อนที่รู้ใจที่สุดก็คือหมอหลวงที่ทำการรักษาเขา
"หม่อมชั้นจะขอให้พวกโจรป่าไปขโมยตัวท่านพี่ราวินซ์กลับมาต่างหาก"
อะดิลล่าจ้องหน้าพระราชินีฟอจูน่า
"โจรป่าพวกนี้เข้ามาขโมยของในราชสำนักเป็นประจำ ทั้งๆที่เราวางเวรยามเข้มแข็ง
หม่อมชั้นคิดว่าพวกเขามีฝีมือพอสมควร ถ้าพวกเราเสนอรางวัลให้เขานำตัวเจ้าชายราวินซ์กลับมาก็น่าจะเป็นไปได้"
ราชินีฟอจูน่าและเจ้าชายซามิวเริ่มพยักหน้าคล้อยตามกับความเห็นของเจ้าหญิงอะดิลล่า
"ถ้าท่านพี่ราวินซ์ถูกช่วยกลับมา ทหารของไฮแลนการ์ดกับทหารของเราก็คงจะพอต่อกรกลับเบสแลนด์ได้"
อะดิลล่ารีบพูดเสริมทันที
"งั้นให้ทหารนำสารส่งจดหมายของความช่วยเหลือไปก่อนก็แล้วกัน"
ราชินีฟอจูน่าตรัส อะดิลล่ายิ้มอย่างพอใจ
ราวินซ์นั่งๆนอนๆอยู่ในห้องนั้นเกือบสัปดาห์
จนแผลเริ่มผสานกัน ทุกวันเขาจะออกไปนั่งเล่นในสวน นั่งมองทะเลสาบจำลอง
โยนก้อนหินลงไป เมื่อถึงเวลาอาหารก็จะมีสาวใช้นำอาหารมาให้ถึงหน้าห้อง
พอตกเย็นฟอร์ดก็กลับมา หลังจากวันนั้นเขาแทบจะไม่ได้คุยกับฟอร์ดอีกเลย
ราวินซ์จมอยู่ในภวังค์ เขาคิดถึงเรื่องต่างๆมากมายจนนอนไม่หลับ
คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์ส่องสะท้อนผิวน้ำเป็นประกาย
ราวินซ์มองผ่านหน้าต่างห้องออกไป ในที่สุดเขาตัดสินใจเดินออกไปนอกห้อง
เขาเดินตัดสวนหย่อมออกไปเรื่อยๆ จนในที่สุดมายืนอยู่ริมสระน้ำ
พุ่มดอกไม้สีขาวข้างๆส่งกลิ่นหอมกระจาย เสียงน้ำตกจำลองไหลเบาๆดังไม่ขาดสาย
เขายืนอยู่สักพักก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงน้ำดังผิดปรกติมาจากหลังพุ่มดอกไม้
เขาก้มตัวลงใช้มือแหวกพุ่มไม้สอดสายตามองไปตามต้นเสียง ในที่สุดสายตาเขาก็พบกับร่างขาวโพลนร่างหนึ่ง
ร่างนั้นแช่อยู่ในน้ำครึ่งตัว ยืนหันหลังให้เขา ผมสยายลงมาเต็มหลังกระทบแสงจันทร์เป็นประกายดุจเส้นไหมสีทอง
เขาได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆดังมาจากร่างนั้น ราวินซ์แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
นี่เขามองเห็นนางไม้หรืออย่างไร แม้เพียงแค่ด้านหลังก็ยังทำให้เขาแทบคลั่ง
เขาอยากจะเดินอ้อมไปอีกด้านเพื่อมองหน้านางไม้ตนนี้ชัดๆ แต่เขากลัวว่าภาพที่เห็นจะหายไปเสียก่อน
นางไม้ตนนั้นสะบัดผมไปด้านหนึ่ง ใช้มือวักน้ำลูบลำคอระหง ราวินซ์กลืนน้ำลาย
เขารู้สึกตื่นตัวขึ้นมา เขาพยายามชะโงกหน้าเพื่อมองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
จนเสียหลักกิ่งไม้หักเสียงดัง ร่างนั้นตกใจหันควับมามองต้นเสียง
วินาทีนั้นเองราวินซ์รู้สึกเหมือนเวลาหยุดลงตรงหน้า
ผู้หญิงที่เขาเห็นจากรูปในห้องของฟอร์ด!!!! แต่เมื่อมองให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเขาก็รู้ว่ามองพลาดไป
นางไม้ที่เขาเห็นนั้นเป็นผู้ชาย ถึงแม้จะหน้าตาเหมือนผู้หญิงในรูปแต่มีสีดวงตาต่างกัน
ร่างนี้มีสีดวงตาสีม่วงที่ลึกล้ำยิ่งกว่า ทั้งสองสบตากันสักครู่
ร่างตรงหน้าราวินซ์ก็ทำท่าจะหันหลังวิ่งหนี ราวินซ์ใช้ความรวดเร็ววิ่งไปคว้าข้อมือไว้ทัน
เขารู้สึกดีใจที่ร่างที่เขาจับมีเลือดเนื้อจริงๆ ไม่ใช่แค่ภาพลวงตา
ตอนนี้ร่างของราวินซ์แช่น้ำลงไปครึ่งตัวเช่นเดียวกับร่างเปลือยข้างหน้า
ร่างนั้นถึงแม้ดูบอบบางแต่ก็มีกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบที่เขามี ผิวเนื้อสีชมพูที่ตอนนี้แดงเรื่อด้วยความโกรธและความอาย
ร่างนั้นพยายามบิดมือออกจากมือเขาแต่ก็ไม่เป็นผล ดวงตาสีม่วงที่เต็มไปด้วยความโกรธมองเขา
ราวินซ์ดึงร่างนั้นเข้ามากอดอย่างลืมตัว มืออีกข้างโอบไปทางด้านหลัง
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังลอดออกมาจากปากสีกลีบกุหลาบ เขาก้มลงประทับจูบลงบนเรียวปากได้รูปนั้น
ถึงแม้ร่างตรงหน้าจะไม่ใช่ผู้หญิง ราวินซ์ก็รู้สึกถึงความนุ่มละมุนของร่างในอ้อมอก
แต่แล้วเขาก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาที่กลางลำตัว
ร่างบางยกเข่ากระแทกเข้ากลางลำตัวเขาอย่างไม่ปราณี แรงดันของน้ำช่วยลดความเร็วและแรงกระแทกลงได้บ้าง
แต่ราวินซ์ก็เจ็บจนต้องคู้ตัวไปข้างหน้า ร่างนั้นสะบัดหลุดจากอ้อมแขนเขาวิ่งขึ้นฝั่งหายลับตาไป
ราวินซ์ได้แต่มองด้วยความเจ็บปวด