Pround of destiny
"ความรักที่มีอุปสรรคกีดขวาง
ความแตกต่างของฐานันดร พวกเขาจะทำเช่นไร.........."
บทที่ 8
"กองทัพของเบสแลนด์ถอยกลับไปแล้ว เจ้าจะทำยังไงต่อดีสโตล"
ฟาริมหันไปถามเพื่อนที่นอนแบบอยู่บนเตียง ตอนนี้พิษในร่างของสโตลสลายไปหมดแล้ว
เพียงแต่ร่างกายไม่มีแรงเพราะความเหนื่อยอ่อน
"ส่งเจ้าพวกฝีมือดีลอบเข้าไปในวังชิงตัวเจ้าชายราวินซ์เดี๋ยวนี้เลย"
ร่างนั้นบอกพร้อมกับออกความเห็น "พวกนั้นคงไม่ได้ระวังตรงนี้เท่าไหร่
เราแทรกเข้าไปชิงตัวประกันอาจจะง่ายกว่าที่คิด"
"เจ้านี่ต่อให้ล้มหมอนนอนเสื่อสมองก็ยังเฉียบคมเหมือนเดิมเลยนะ"
ฟาริมหัวเราะ
"หึ..สมองข้าเกือบจะถูกเจ้าต้มอยู่ในหม้อยาบ้าๆนั่นแล้วซะมากกว่า"
สโตลสบถออกมา เขายังจำได้ถึงความทรมานช่วงที่ต้องแช่อยู่ในหม้อยา
กลิ่นยารมเขาแทบจะหายใจไม่ออกแถมยังต้องขย้อนเอาอาหารที่มีอยู่ในท้องออกมาจนหมดอีก
แม้จะไม่มีอะไรให้ออกแล้วก็ยังมีน้ำเขียวๆรสขมออกตามมา น้ำสมุนไพรก็ร้อนจนแทบลวก
แม้แต่ตอนนี้ตัวเขาก็ยังมีกลิ่นสมุนไพรติดอยู่
"แต่หม้อยาบ้าๆนั่นก็ทำให้เจ้ารอดตายมาได้นะโว้ย...เจ้าควรจะขอบใจเจ้าหญิงอะดิลล่า
ถ้าไม่ได้นางมีหวังตอนนี้เจ้าอืดไปเยี่ยมพ่อข้าแล้ว" ฟาริมพูดขรึมๆ
ร่างนั้นไม่ได้ตอบอะไร
"นางเข้ามาดูเจ้าแทบทุกชั่วโมง เกือบจะไม่ได้นอนเลยกระมัง"
ฟาริมเหลือบมองที่คนป่วยอีก
"เออ ขอบใจที่บอก เจ้าออกไปสั่งงานได้แล้ว ข้าจะพักผ่อน"
สโตลพูดเรียบๆ พร้อมกับหลับตาแบบไม่ใส่ใจ
"เฮ้...เฮ้ สโตล" ฟาริมเรียกแต่ร่างนั้นก็ไม่ยอมลืมตา
เขาจึงจำใจเดินออกไป แต่ก่อนออกไปก็ยังไม่วายพูดเล่นว่า
"ข้าไม่ได้แก้ผ้าอาบน้ำกับเจ้ามาตั้งนานแล้ว ตอนนี้อะไรๆของเจ้ามันก็ใหญ่โตไปหมดเลยนะ"
ร่างที่เหมือนจะหลับคว้าแจกันข้างตัวเขวี้ยงใส่เจ้าคนพูดมากเต็มแรง
ร่างนั้นผลุบหายไปหลังประตู พร้อมกับเสียงหัวเราะที่เริ่มไกลออกไป
ข่าวที่ไฮแลนการ์ดเดินทางไปถึงมาดาแลนด์ในสภาพเสียหายเล็กน้อย
ทำให้ซามิวดีใจมาก เขาเดินออกมาข้างนอกเพื่อเดินเล่นแก้เบื่อ ความเคยชินทำให้เขาเดินไปที่บ้านพักของสโตลจนได้
สามวันมานี้เขาเดินมาห้องนี้บ่อยมาก
ซามิวเคาะประตูเบาๆ สาวหน้าตาแฉล้มคนหนึ่งเดินออกมาเปิดประตู ซามิวค่อนข้างงงเพราะธรรมดาจะเป็นฟาริมออกมาเปิดซะมากกว่า
"เจ้าหญิงอะดิลล่า..." เธออุทานอย่างตกใจ
"อาการคนป่วยเป็นไงบ้าง" ซามิวถาม
"เอ่อ ท่านสโตลพักผ่อนอยู่เพคะ ส่วนท่านฟาริมออกไปสั่งงานด้านนอก
เลยให้หนู เอ้ย...หม่อมชั้นมาอยู่ดูแลท่านสโตลแทน" ร่างนั้นพูดผิดๆถูกๆ
ซามิวยิ้ม
"พูดกับชั้นอย่างธรรมดาก็ได้ เหมือนที่เธอพูดกับคนอื่นน่ะ"
ซามิวเดินเข้าไปในห้อง สาวคนนั้นจึงเดินเลี่ยงออกไปข้างนอก เขามองเห็นสโตลนอนหลับอยู่
ใบหน้ารกครึ้มไปด้วยหนวดเคราทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของคนป่วยเท่าไหร่
ร่างนั้นขยับพลิกตัว ซามิวเหลือบเห็นประกายสีทองของกุญแจตรงหน้าอกที่ร่างนั้นคล้องอยู่
ความคิดวูบหนึ่งผุดขึ้นมา ฟาริมไม่อยู่ สโตลก็หลับ...เงินของเขา....
ซามิวเดินเข้าไปใกล้
เตียงของสโตลค่อนข้างใหญ่ ซามิวเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อที่จะเอื้อมหยิบกุญแจ
เขาพยายามแกะห่วงที่คล้องกุญแจกับสร้อยออกอย่างเบามือที่สุด เจ้าห่วงนี้ก็ช่างแข็งซะจริง
ซามิวคิดด้วยความโมโห ยังไม่ทันจะทำสำเร็จ จู่ๆร่างข้างใต้ก็ฉุดเขาถลาล้มลงพร้อมกับพลิกตัวขึ้นทับ
มืออีกข้างจับลำคอเขาอย่างแรง กดจนรู้สึกเจ็บ ดวงตาสีเขียวของซามิวเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ด้วยสัญชาติญาณ ถึงแม้จะอ่อนเพลียเพียงใด สโตลก็ตอบโต้โดยไม่รู้ตัว
แต่พอเขาเห็นว่าร่างข้างใต้เป็นใคร ก็รีบเอามือออก แต่ถึงกระนั้นก็ยังปรากฏรอยแดงที่คอ
"ไม่น่าเชื่อเลยว่าเจ้าชายซามิวจะชอบทำตัวเป็นขโมยกับเขาด้วย"
สโตลพูดช้าๆแต่ก็ยังไม่ยอมลุกขึ้น ซามิวฉุนกึก
"ข้าไม่ใช่ขโมยนะ แค่จะเอาเงินของข้าคืนมันผิดด้วยเหรอ"
ซามิวพยายามดันตัวออก แต่น้ำหนักร่างข้างบนก็กดทับมาจนขยับแทบไม่ได้
หน้าเขาเริ่มแดงด้วยความโกรธ
"ท่านลุกออกไปได้แล้ว" ซามิวพูดอย่างทนไม่ได้
สโตลรู้สึกว่าเขาเกิดความรู้สึกบางอย่างกับร่างเล็กข้างใต้ เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
ทั้งๆที่ร่างตรงข้ามก็ไม่ใช่ผู้หญิง แต่ยามใกล้ชิดบนเตียงขนาดนี้กลิ่นกายหอมอ่อนๆที่เขาไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นของอะไรโชยมา
จิตใต้สำนึกที่เคยเตือนเขาก็ไม่รู้ว่าไปหลบซ่อนที่ตรงไหน
"เมื่อไหร่ท่านจะลุกไปซะที" ซามิวเอามือผลักร่างตรงข้ามสุดแรง
แต่ก็ไม่เห็นขยับสักกะนิด
ร่างใหญ่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย โน้มศีรษะลงมาใกล้ใบหูของซามิว ก่อนจะพูดว่า
"ข้ากำลังนึกถึงข้อตกลงระหว่างเรา ข้าช่วยชีวิตท่าน ท่านช่วยชีวิตข้า
ถือว่าเราไม่มีอะไรติดค้างกัน....แต่ว่า" ร่างใหญ่หยุดเว้นจังหวะ
"แต่อะไรอีกล่ะ...." ซามิวพูดด้วยความกังวล
โดนผู้ชายเหมือนกันคร่อมทับมันให้ความรู้สึกแปลกๆ แถมยังเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นเป่ารดซอกคออยู่
ทำไมต้องเข้ามากระซิบซอกหูด้วย
"แต่ข้ายังไม่ได้เรียกร้องค่าจ้างจากท่านเลยนะ" ร่างนั้นพูดยิ้มๆ
"ท่านจะเอาอะไรอีกเล่า ยังมีค่าจ้างอะไร" ซามิวแหวใส่
"การยกทัพออกไปช่วยไฮแลนการ์ดไม่ได้อยู่ในข้อตกลงระหว่างเราสักหน่อย
ดังนั้นท่านต้องจ่ายค่าตอบแทนให้ทางฝ่ายเราด้วย"
"ข้าจะไปมีให้ได้ไง เงินทั้งหมดท่านก็เอาไปหมดแล้ว แล้วเรื่องนี้ข้าจะตกลงกับทางหัวหน้าของท่านเองด้วย"
ซามิวพูดแบบโกรธๆ มืออีกข้างพยายามดันร่างข้างบนออก จนในที่สุดร่างใหญ่รวบมือซามิวขึ้นไปไว้เหนือศีรษะ
"เรื่องนั้นคุยกันทีหลังก็ได้ แต่ท่านรู้หรือเปล่าที่นี่มีกฏลงโทษสำหรับขโมยอย่างไร"
สโตลพูดพร้อมจ้องหน้าซามิว "ขโมยมือไหนก็ตัดมือข้างนั้น พร้อมกับโบยร้อยทีไม่มีเว้น"
สโตลพูดด้วยเสียงเหี้ยมเกรียมจนซามิวขนลุก ร่างนั้นจับข้อมือนุ่มบีบแน่น
"ท่านเป็นพวกโจรอยู่แล้วยังมีกฏป่าเถื่อนแบบนี้อีก....เราไม่ใช่คนของท่านจะมาลงโทษเราไม่ได้หรอก"
ซามิวพูดอย่างถือศักดิ์ พยายามบิดตัวออก
"แต่ตอนนี้ท่านอยู่ในหุบเขาของเรา ต้องทำตามกฏของเจ้าบ้าน...ท่านเป็นถึงเจ้าชายน่าจะรู้มารยาทข้อนี้ดีนะ"
สโตลพูดพร้อมกับขู่ร่างเล็กข้างใต้ "หรือว่าท่านอยากให้เราประกาศออกไปว่าเจ้าหญิงอะดิลล่าเป็นขโมย....."
ร่างใหญ่เว้นระยะไปพักหนึ่ง ซามิวหน้าแดงด้วยความโกรธ เขาตะโกนกลับไป
"ท่านไม่มีสิทธิ์จะทำ...." ยังไม่ทันพูดจบร่างข้างบนก็ประทับจูบลงมาอย่างรวดเร็ว
ซามิวดิ้นอย่างตกใจ ไม่เคยมีใครทำกับเขาแบบนี้มาก่อน เคราสากๆถูกกับใบหน้าจนรู้สึกเจ็บ
มืออีกข้างของร่างใหญ่จับคางเขาไว้ไม่ให้หันหน้าหนี ซามิวพยายามร้องแต่เสียงก็เหมือนถูกกลืนไปในลำคอของอีกฝ่าย
ลิ้นอุ่นๆซอกซอนเข้ามาอย่างจาบจ้วง ทั้งหยอกเย้าทั้งรุกราน แถมมือข้างที่ว่างยังพยายามลูบตามสะโพก
อีกทั้งพยายามจะเลื่อนไล้เข้าไปสัมผัสกับผิวเนื้อด้านใน น้ำตาเริ่มไหลเป็นทางจนร่างข้างบนเริ่มสัมผัสถึงรสเค็มของน้ำตา
ร่างนั้นชะงักเงยหน้าขึ้นมอง ร่างเล็กข้างใต้ตาเริ่มแดงเพราะผ่านการร้องไห้
ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงล้อมกรอบใบหน้าเล็กๆ ปากสีชมพูบวมแดงเพราะจูบของเขาตัดกับสีหน้าที่ซีดขาวเพราะตกใจ
เขาเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนี้ เขาระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้
เพี้ยะ .....เสียงฝ่ามือกระทบหน้าอย่างดัง ซามิวอาศัยช่วงที่สโตลชะงักไปดึงมือออกมาได้
ไม่รอช้า เขาตบหน้านั้นอย่างเต็มแรงจนหันไปตามแรงมือแล้วรีบกระเถิบลงจากเตียงลุกขึ้นยืน
เขาหันมาเผชิญหน้ากับสโตล
"นั่นยังน้อยไปสำหรับการลบหลู่เกียรติของข้า....ไอ้วิปริต"
ซามิวพูดด้วยความโกรธ ก่อนจะออกจากห้องเขาหันไปหยิบชามซุปของคนป่วยบนโต๊ะขว้างใส่
ถึงสโตลจะหลบทันแต่น้ำซุปในชามก็กระเด็นหกเลอะเทอะไปหมด สโตลถึงกับอึ้ง
หลังจากซามิวกระแทกประตูออกไป เขาเริ่มหัวเราะกับตัวเอง
"ฮึ ฮึ ไม่ใช่คนอ่อนแอน่าเบื่ออย่างที่ข้าเคยคิดไว้เลย"
"นี่เจ้ากินซุปยังไงถึงหกเลอะเทอะแบบนี้เนี่ย
สโตล" เสียงฟาริมบ่นอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นสภาพห้อง ผ้าปูที่นอนเลอะไปด้วยน้ำซุป
แถมเจ้าตัวคนถูกถามกลับหัวเราะอย่างพอใจเสียอีก
"เจ้าไปเตรียมน้ำมาให้ข้าอาบทีสิ ข้าอยากล้างตัวเต็มแก่แล้ว"
สโตลพูดบอกเพื่อนรัก
"ที่จริงเจ้าเพิ่งหายป่วย ไม่น่าจะรีบอาบเลย แต่ว่า..."
ฟาริมมองสภาพเลอะเทอะของสโตลก็เห็นว่าสมควรจะตามใจ แล้วอีกอย่างเพื่อนเขาทนถูกต้มได้ตั้งนาน
กับแค่การอาบน้ำแค่นี้คงไม่ทำให้มันตายได้หรอก
"อือม...." สโตลครางด้วยความพอใจเมื่อน้ำอุ่นสัมผัสผิวกาย
เขาวักน้ำขึ้นล้างหน้า มือใหญ่สัมผัสกับเคราดกดำที่ไว้มาหลายปี เขาหยุดนึกถึงใบหน้างามสมส่วนที่เพิ่งทะเลาะกันเมื่อสักครู่
ผิวกายหอมเรียบลื่น ปากนุ่มละมุน คิดได้แค่นี้ร่างกายก็ตื่นตัวขึ้นอีกครั้งแล้ว
"เฮ้ย นั่นแกทำอะไรกับหน้าแกว่ะ" เมื่อฟาริมเดินเข้ามาเขาอุทานด้วยความตกใจ
เมื่อเห็นเพื่อนร่างใหญ่โกนเคราดกที่ไว้มานานออก ฟาริมรู้ว่าสโตลชอบเคราตัวเองมากทีเดียวเพราะว่ามันทำให้เขาดูน่าเกรงขาม
"ก็ไม่มีอะไร แค่อยาก" สโตลพูดเฉยๆ เขาก็รู้สึกเหมือนกันว่ายามที่ใบหน้าเขาไม่มีเครามันเหมือนกับขาดอะไรไปสักอย่าง
"แล้วจู่ๆทำไมแกอยากว่ะ เห็นไว้มาตั้งหลายปี" ฟาริมถามอย่างสงสัย
เขาเองเห็นสโตลไว้เครามาตั้งแต่เริ่มเข้าวัยหนุ่ม หน้าสโตลตอนไม่มีเคราเขาเองก็นึกไม่ออก
แต่พอมาเห็นก็ต้องยอมรับว่าหน้าเพื่อนเขาหล่อเอาการอยู่ นี่ถ้าเดินออกไปที่ลานของหุบเขาละก็คงแย่งสายตาจากสาวๆในหมู่บ้านจากเขาไปได้พอดู
(^. ^)
"ก็มันไม่ถนัดตอนจูบ" เพื่อนเขาตอบหน้าตาย ฟาริมอ้าปากค้าง
"ฮ้า แกไปจูบลูกสาวบ้านไหนเข้าห๋า หรือว่าแกเกิดไปติดใจยัยเด็กที่ชั้นฝากมาเฝ้าแกหรือไง
นับวันพันปีไม่เคยเห็นแกพูดถึงผู้หญิงสักที" ฟาริมพูดอย่างตื่นเต้น
"จะบ้าเรอะ ชั้นก็แค่คิดเท่านั้น อีกอย่างเด็กนั่นมันเพิ่งเริ่มสาว
แกอย่าไปคิดอัปมงคลน่า" สโตลพูดแกมรำคาญ
"คงไม่ได้หมายความว่าแกจะหวังสูงหรอกนะเพื่อน" ฟาริมพูดจริงจัง
เพราะนอกจากนี้ผู้หญิงคนอื่นที่ฟาริมจะนึกถึงก็ไม่มีอีกแล้ว
"ถ้าเกิดชั้นจะหวังสูงขึ้นมาล่ะ ก็ไม่เห็นน่าจะเป็นไร ทีแกก็ยังเหมือนกัน"
สโตลหรี่ตามองเพื่อน
ฟาริมถอนหายใจ เขาเคยพูดหยอกเล่นกับสโตลมาก่อนว่าให้สนใจผู้หญิงเสียบ้าง
แต่กับเจ้าหญิงอะดิลล่า ถึงแม้ตัวเขาจะเคยส่งสายตากรุ้มกริ่มให้
พูดจาหวานๆ แต่นั่นก็เป็นเหมือนนิสัยส่วนตัวของเขาที่ชอบทำกับผู้หญิงสวยๆอยู่แล้ว
"แกก็น่าจะรู้ชั้นเป็นคนยังไง ชั้นมันพวกชอบคนสวยๆ แต่ว่าสำหรับเจ้าหญิงอะดิลล่า
ชั้นว่าเธออยู่สูงเกินที่จะสอยลงมานะ" ฟาริมพยายามเตือนสติเพื่อน
"หึ...ชั้นก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเป็นเจ้าหญิงอะดิลล่า"
สโตลลูบคางตัวเอง ฟาริมงงกับอาการของเพื่อน ถ้าไม่ใช่เจ้าหญิงอะดิลล่าแล้วจะเป็นใครไปได้
คนติดตามเจ้าหญิงรึ?