Peebee

School party

วุ่นรักงานโรงเรียน

ตอนที่ 1

กร็อก...แกร็บ เสียงแกะห่อขนมขบเคี้ยวดังไปทั่วห้องประชุมซึ่งเป็นกระประชุมวันแรกเรื่องการแสดงละครประจำปีของนักเรียนชั้นมัธยมปลาย สายตาหลายคู่หันไปมองทางต้นเสียง ซึ่งเจ้าตัวคนแกะห่อขนมนั่งหยิบชิ้นมันฝรั่งทอดกรอบขึ้นมาเคี้ยวอย่างไม่สนใจใคร จนเพื่อนที่นั่งใกล้ๆ หันเอาศอกมากระทุ้ง กระซิบเตือน
"เฮ้ย เซน...แกอย่าพึ่งกินขนมตอนนี้สิฟะ นี่เรามาประชุมนะโว้ย"
ร่างเล็กที่ชื่อเซนเงยหน้าขึ้น ยักไหล่มองไปยังคู่ปรับที่ยืนจ้องมาแบบโกรธๆ ทางหัวโต๊ะอีกฟากหนึ่งแบบท้าทาย
"ไม่เห็นเป็นไรเลย...ไม่ได้ประชุมเป็นทางการสักหน่อย...อาจารย์ก็ไม่มี...เครียดไปได้...ประชุมแบบเป็นทางการเขายังมีพักดื่มน้ำชากันเลย...เอ้า...ธี นายกินปะ รสนี้อร่อยนะ บาบีคิวไก่" เซนยื่นห่อขนมไปให้เพื่อน แต่ชลธีกลับแย่งมาทั้งซองเอามาซ่อนไว้ในกระเป๋าเขา
"ว้าก..ไอ้ธี...ชั้นไม่ได้ให้นายทั้งซองนะโว้ย ตะกละจริงๆ" เซนโวยวายเสียงดัง จนกระทั่งในที่สุดคนที่ยืนหัวโต๊ะพูดออกมา
"ท่านรองประธานนักเรียน....ท่านจะเริ่มประชุมได้หรือยัง หรือยังมัวห่วงกินอยู่" ร่างใหญ่พูดกระแทกเสียงแบบประชดตำแหน่งที่เซนดำรงอยู่ตอนนี้ เซนหันมายิ้มให้ยียวน
"คร้าบ...คร้าบ..จะเริ่มก็เริ่ม นายพูดมาสิ คิง"
ถึงตอนนี้ได้ยินเสียงถอนหายใจมาจากเพื่อนข้างๆ เป็นที่รู้กันว่าธรรมดาห้องสองสายศิลป์ กับห้องสี่สายวิทย์ไม่ค่อยจะถูกกัน เนื่องมาจากเด็กห้องสี่จะเป็นเด็กหัวกระทิของโรงเรียนจึงไม่ค่อยจะสุงสิงกับเด็กห้องสองซึ่งเป็นพวกเด็กเก ไม่ตั้งใจเรียน โดยเฉพาะนายเซนกับนายคิงยิ่งเหมือนน้ำกับไฟ เจอะกันทีไรเป็นได้กัดกันทุกที
สาเหตุที่เซนกับคิงไม่ถูกกันนั้นนับรวมคงได้ไม่ต่ำกว่าสิบข้อ....แต่สาเหตุใหญ่ๆ คงจะมีแค่สองข้อ
ข้อแรกก็คือ...ปีนี้ห้องสายวิทย์แพ้ห้องสายศิลป์ในการเลือกตั้งประธานนักเรียน!! และแน่นอนตัวแทนห้องคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนายเซนและนายคิง
ส่วนข้อที่สอง...เป็นข้อที่ชลธีรู้สึกว่าไร้สาระที่สุด นั่นก็คือ.......
"เอ่อ...คนที่ดูแลเรื่องงานแสดงละครปีนี้ไม่ใช่คิงหรอกนะคะ แต่เป็นเต๋าต่างหาก" เสียงหวานใสดังมาจากกลุ่มเด็กผู้หญิงห้องสี่ที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง สายตาหนุ่มๆหลายคู่มองตาเป็นประกาย คิงกลับไปนั่งที่ตามปรกติ แต่สังเกตดีๆก็จะเห็นว่ามันส่งยิ้มหวานไปให้เต๋า
"แล้วก็เซน นายนั่งให้เรียบร้อยด้วย เอาขาลงจากโต๊ะได้แล้ว" เต๋าพูดเสียงเรียบๆ มองมาทางเซน ซึ่งเซนก็เอาขาลงแต่โดยดี แถมทำตัวเรียบร้อยไม่ยียวนกวนประสาทเหมือนเดิม ซึ่งก็ไม่มีใครแปลกใจเพราะว่าเต๋านั้นเป็นญาติสาวของเซนทำให้เซนออกจะเกรงใจอยู่ เธอทั้งสวยทั้งน่ารัก เรียนก็เก่ง หนุ่มๆก็เลยหมายปองเธอไปทั่ว รวมทั้งนายคิงก็เป็นหนึ่งในนั้น แถมดูจะมีภาษีดีกว่าคนอื่นเพราะหน้าตาหล่อ พ่อรวย ทุกคนรู้ว่าเซนหวงญาติสาวก็เลยหาเรื่องแกล้งคิงตลอด
"เรื่องงานโรงเรียนปีนี้นะ เป็นที่รู้กันว่าอาจารย์ป้อมอยากจะให้ทุกๆคนได้ร่วมแสดงละครด้วย...ดังนั้นถ้าใครไม่แสดงจะถูกหักคะแนนความประพฤติ" เต๋าเริ่มอธิบาย เสียงโห่ฮือฮาดังมาจากนักเรียนห้องสอง....
"ไม่เอาน่า...พวกแก ยังจะมาโห่หาอะไร รู้ๆ อยู่ว่ามันเป็นแบบนี้ทุกปี เค้าให้แสดงก็แสดงเถอะ ไม่ต้องโดดไปเที่ยวไหนหรอก จะจบๆกันอยู่แล้ว" เซนพูดออกมา ทำให้เด็กห้องสองเงียบลงไป
เด็กห้องสี่เริ่มยิ้มออก...จริงๆพวกเขาก็ไม่ได้โกรธเกลียดพวกห้องสองมากมายนัก...ติดตรงที่เจ้าสองคนหัวโจกของห้องเท่านั้นแหละ ดังนั้นห้องสี่จึงให้เต๋าเป็นคนออกหน้าแทน เพราะรู้ว่าถ้าเป็นนายคิงละก็ การประชุมคงไม่มีทางสำเร็จได้ด้วยดีแน่
"รวมสองห้องแล้วก็มีนักเรียนประมาณสี่สิบสองคน เราคงต้องมาปรึกษากันก่อนว่าจะแสดงละครเรื่องอะไร" ชลธีพูดขึ้นมาบ้าง
"เสนอให้คิงเป็นพระเอกแล้วก็เต๋าเป็นนางเอกค่า" เสียงผู้หญิงจากห้องสี่เสนอออกมาโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะแสดงละครเรื่องอะไรเลย...เซนแอบแลบลิ้นอยู่ในใจ แหวะ....กะอยู่แล้วว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ แล้วจะมาประชุมทำไมวะ ด้วยความที่คิงหน้าตาดีสาวๆจึงมักจะกรี๊ดอยู่เสมอ ส่วนเต๋าก็เป็นผู้หญิงที่คิงมันตามจีบอยู่ทุกคนก็เลยมักจะจับคู่ให้กัน...
"เดี๋ยวๆ คิดเรื่องก่อนสิว่าจะเอาเรื่องอะไร แนวไหน" ธีติงขึ้นมา
"ชั้นอยากได้เรื่องที่แต่งตัวสวยๆ "
"ชั้นอยากได้แนวรักโรแมนติก"
"เดี๋ยวๆ ชั้นอยากได้แนวตลกขบขันมากกว่า"
"ไม่เอาน่า...น่าเบื่อจะตายมันต้องแฟนตาซีสิ..."
เสียงพูดกันดังเซ็งแซ่ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเสียงผู้หญิงมากกว่า เซนได้แต่นั่งทำหน้าเบื่อ อ้าปากหาว นี่ถ้ามีขนมอีกห่อคงจะแกะกินไปแล้ว
"เอาแบบนี้แล้วกัน เรื่องบทละครให้ชลธีเป็นคนแต่งก่อน...คงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมธี เอาตามความเห็นของพวกสาวๆนั่นแหละ" คิงถือโอกาสมอบหมายงานที่ยากที่สุดให้ธีทำ แถมยังหันมาทำหน้ายิ้ม ด้วยนิสัยยอมคนชลธีจึงพยักหน้ารับแบบเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้ชลธีจะอยู่ห้องสอง แต่เขาเป็นเด็กฉลาด เขาเลือกเรียนสายศิลป์ก็เพราะอยากเข้าคณะอักษร ไม่ใช่ว่าเพราะเรียนสายวิทย์ไม่ไหว แถมตอนนี้คนที่ดำรงตำแหน่งประธานนักเรียนก็คือเขานี่แหละ
"งั้นอาทิตย์นี้ก็ประชุมกันแค่นี้ก่อน" เต๋าพูดตัดบทการประชุม

เซนกับธีนั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนชั้นประถม บ้านของทั้งสองคนอยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนเท่าไหร่ เดินแค่เพียงสามนาทีเท่านั้น ตอนเย็นๆ ชลธีจึงมักมานั่งเล่นบ้านที่เพื่อน เพราะว่าหลังใหญ่กว่า แถมติดแอร์เย็นฉ่ำ โซฟาก็ตัวใหญ่นั่งสบาย
"เพราะแกแท้ๆ ชั้นเลยโดยนายคิงนั่นเขม่นไปด้วยเลย ดูสิ มันเอาบทละครมาให้ชั้นเขียนเฉย...ไม่ใช่งานง่ายๆนะ" ชลธีถอนหายใจต่อว่าเพื่อน
"แกก็ไปยอมมันทำไมวะ..ถ้าเป็นชั้นก็ว่าไปอย่าง..แกกับมันตัวก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ฟัดกันไปเลย" เซนตบไหล่เพื่อน ชลธีตัวใหญ่พอๆกับคิง ถึงหน้าตาคิงมันจะหล่อคมเข้มกว่าก็เถอะ แต่ชลธีก็ใช่ว่าจะไม่หล่อมีสาวๆ มัธยมต้นกรี๊ดพอสมควร
"นั่นสิ...แกไซส์ต่างกับเจ้าคิงนั่นตั้งแยะ ดันเสือกเสนอหน้าไปเป็นคู่กัดกับมันได้...ชั้นเห็นแววแพ้มาแต่ไกลเลยว่ะ" ชลธีมองหน้าเพื่อนตัวเล็กของเขา เซนสูงแค่ร้อยหกสิบแปดหน้าตาน่ารัก...ถึงแม้จะตัดผมเกรียนแบบเด็กนักเรียนชายทั่วไปก็เถอะ ขนาดเต๋าญาติมันยังเป็นถึงดาวโรงเรียนเลยหน้าตาก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ ...นี่ถ้าเซนมันตั้งใจเรียน ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร มันคงจะเป็นที่รักของอาจารย์มากกว่านี้
"ถ้ามันไม่มาจีบยัยเต๋า ชั้นคงไม่เขม่นมันมากกว่านี้หรอก สาวๆมีให้จีบตั้งเยอะ แต่ไหงดันมาจีบยัยเจ๊มหาภัยได้ก็ไม่รู้" เซนพูดถึงญาติสาว ชลธีอมยิ้ม ตอนนี้ถ้าเพื่อนที่โรงเรียนมาฟังเซนพูดอาจจะแปลกใจ ก็ที่โรงเรียนเซนออกจะดูนับถือญาติสาวคนนี้มาก เต๋าบอกอะไรก็ยอมแต่โดยดี...จนเพื่อนๆบางคนแอบล้อว่าเซนหวงญาติ แต่อยู่ที่บ้านกลับเป็นคนละแบบ
"ใคร ไหนใครว่าชั้น...ได้ยินแว่วๆ" เสียงหวานๆ ที่เซนได้ยินแล้วขนลุกดังขึ้นมาด้านหลัง "ชั้นจะมาขอบใจเรื่องที่นายไม่ก่อเรื่องในห้องประชุมวันนี้สักหน่อย...แต่แหม...มาได้ยินเรื่องสนุกๆพอดีเลย....เอ้าบิกเบ็น...ไปเล่นกับพี่เซนเค้าหน่อยไป๊"
"ว้าก!!! อย่านะ...อย่าเอามันเข้าม๊า!!!" เซนรีบกระโจนขึ้นบนพนักโซฟา ด้วยน้ำหนักตัวที่ไม่ใช่น้อยพร้อมกับแรงตกใจ ทำให้โซฟาตัวนั้นหงายหลังดังโครม ชลธีที่นั่งอยู่บนโซฟาเลยพลอยเจ็บตัวไปด้วย พอเขาลุกขึ้นยืนเซนก็วิ่งเข้ามาแอบอยู่ด้านหลัง หน้าซีดตัวสั่น
"โฮ่ง โฮ่ง" เจ้าบิ๊กเบนวิ่งเข้ามาคลอเคลียที่ขาของชลธี แต่เซนที่อยู่ด้านหลังแทบจะกระโดดขึ้นขี่คอชลธีอยู่แล้ว...แถมดันเอาหน้าไปซุกที่ซอกคอคนข้างหน้าด้วย...ชลธีขนลุกซู่...ตัวแข็งไปชั่วขณะ...
"ฮ่ะ..ฮ่ะ ยังกะลิงปีนต้นมะพร้าวแน่ะเจ้าเซน.." เต๋าหัวเราะเสียงใส
"เต๋า รู้ว่าเซนมันกลัวยังจะแกล้งอีก เรียกเจ้าบิ๊กเบนไปห่างๆเลย" ชลธีหันไปตำหนิ ก่อนจะเดินลากเจ้าคนเกาะหลังที่หลับตาปี๋ไปที่โซฟา
"แกก็เหมือนกัน หมาตัวเท่าแมวกลัวไปได้ ทีเรื่องอื่นละทำเก่ง" เขาจับโซฟาตั้งขึ้นตามปรกติ ดึงเพื่อนที่เป็นลิงเกาะหลังไปนั่ง เสียเวลาไปครู่ใหญ่เพราะเจ้าเซนมือเหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแก
เต๋าเรียกเจ้าหมาน้อยพันธุ์ชิวาว่าของเธอเข้ามาหา เปิดประตูกระจกที่ติดกับสวนไล่มันให้ออกไปเดินเล่น

"แกล้งนิดแกล้งหน่อยเอง...อยากมานินทาเต๋าก่อนทำไม" เธอพูดเสียงงอนๆ เมื่อเจ้าบิ๊กเบนออกไปแล้ว เซนจึงเริ่มเข้าสู่สภาพเดิม
"เจ๊...หนอยที่โรงเรียนทำตัวเรียบร้อย มาที่บ้านละได้ทีแกล้งคนอื่น..." เซนโวยวาย ตอนนี้หน้าตาเขามีสีเลือดขึ้นมาหน่อย
"เอาน่า...ชั้นช่วยนายอยู่นะ....ฝึกทำตัวให้ชินเข้าไว้...เจ้าบิ๊กเบนน่ารักจะตาย ผู้ชายอะไรกลัวหมา"
"น่ารักเจ๊ก็เก็บไว้บ้านเจ๊สิ ไม่ต้องพามาบ้านคนอื่น" เซนเรียกเต๋าเป็นเจ๊ถึงแม้ว่าเต๋าจะแก่กว่าแค่สองเดือน
ชลธีถอนหายใจ ได้แต่ฟังสองพี่น้องเถียงกัน ตระกูล กนกอาชา ของเต๋ากับเซนนั้นเป็นตระกูลที่ค่อนข้างมีฐานะ ที่ดินเกือบสิบไร่ใจกลางเมืองได้แบ่งปันให้ญาติพี่น้องมาสร้างบ้านอยู่รวมกัน...บ้านของเต๋ากับเซนจึงห่างกันแค่เดินสิบก้าว เซนนั้นเป็นโรคกลัวสุนัขขึ้นสมองเพราะตอนเด็กๆเคยถูกหมาวิ่งไล่ฟัด แม้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแต่เซนก็กลายเป็นคนกลัวหมามาก แม้แต่เจ้าบิ๊กเบนสุนัขพันธุ์ชิวาว่าที่ตัวเล็กเท่าแมวเจ้าเซนก็กลัว แต่เรื่องนี้ไม่มีเพื่อนที่โรงเรียนคนไหนรู้นอกจากชลธีกับเต๋า เพราะเจ้าเซนถือว่าเป็นความลับสุดยอดของมันก็ว่าได้ เหตุนี้แหละครับ ที่โรงเรียนเจ้าเซนมันถึงยอมเต๋ายังกับอะไรดีไม่อย่างนั้นกลับบ้านเมื่อไหร่เต๋าได้อุ้มเจ้าบิ๊กเบนมาแกล้งมันแน่ แล้วที่มันไม่ยอมให้เจ้าคิงคบกับเต๋าก็เพราะมันกลัวเจ้าคู่ปรับของมันรู้ความลับเรื่องนี้แหละ
"อาจารย์ป้อมอยากจะได้เรื่องคร่าวๆของละครไปอ่านก่อนนะ....ถ้าแกไม่ชอบแกจะสั่งเปลี่ยน" เต๋าบอกสองหนุ่มที่นั่งด้านตรงข้าม
"เฮ้ย...พึ่งประชุมกันวันนี้เอง ไม่ใช่เทวดานี่จะไปเขียนทันได้ไง แล้วแต่ละคนนะ...เอาแต่ใจกันทั้งนั้น จะเอาเรื่องแนวนั้นเรื่องแนวนี้" ชลธีบ่น "แล้วนายคิงนั่นก็แกล้งกันชัดๆ จู่ๆก็เอาบทละครมาเสนอให้ชั้นเขียน งานชั้นไม่ใช่น้อยนะ"
"เอาน่า...ก็นายแย่งตำแหน่งประธานนักเรียนที่มันหมายมั่นไว้ไปนี่ มันก็เลยเขม่นแกเป็นพิเศษ" เซนตบไหล่เพื่อนข้างๆ อันนี้ก็เป็นนโยบายของโรงเรียนอีกเหมือนกันครับที่ให้นักเรียนม.6 ทุกห้องส่งตัวแทนเข้าร่วมชิงชัยตำแหน่งประธานนักเรียนพร้อมทั้งทีมงาน แต่ ม.6 มีแค่สี่ห้องจึงมีทีมเสนอแค่สี่ทีม....ทีแรกคิงคิดว่ามันต้องได้ชัวร์ๆอยู่แล้ว แต่ผลการโหวตจากนักเรียนทั่วทั้งโรงเรียนกลายเป็นเจ้าธีแทน...มันก็เลยจ๋อยไปเลย
หลังจากที่ชลธีฟังเซนพูดจบ เขาก็ตาสว่างขึ้นมา
"ใช่แล้ว...แกเขียนแทนชั้นก็ได้นี่หว่าเจ้าเซน บทละครนะ" ชลธีพูดเสียงดัง
"เฮ้ย...ชั้นไม่เคยเขียนนะโว้ย บทละคร...แล้วไหงโยนมาให้ชั้นทำล่ะ" เซนพูดอย่างขี้เกียจ...ถ้าเขาเป็นคนเขียนบทละก็ หมายความว่าเขาแทบไม่มีเวลาโดดเรียนหลบไปทำอะไรเลยสิ ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เต็มตัว
"ก็ที่เจ้าคิงมันเขม่นชั้นก็เพราะแกด้วยนี่หว่า แกต้องรับผิดชอบสิ...ชั้นคิดว่าแกทำได้ว่ะ ไอ้สคริปที่แกเขียนให้ชั้นออกไปพูดตอนหาเสียงหน้าเสาธงน่ะ มันตอแหลซะจนเด็กมัธยมต้นเค้าเทคะแนนให้ชั้นกันหมดเลย...ชั้นว่าบทละครมันก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกว่ะ" ชลธีพูดสีหน้าจริงจัง เซนยิ้มแหยๆ นี่ไอ้ธีมันชมหรือมันด่าก็ไม่รู้...ก็ตำแหน่งประธานนักเรียนนะ...จริงๆแล้วมันไม่เห็นได้ทำอะไรสักอย่างนอกจากจะเป็นคนนำร้องเพลง "ปาเจรา จาริยา...โหนตุ..." ในวันไหว้ครูเท่านั้นเอง มันก็เหมือนกับนักการเมืองหาเสียงแหละ พูดดีก็ได้...ใครพูดไม่เก่งก็ไม่มีใครเชื่อไป
"ดีเหมือนกันนะ ให้เซนเขียน...เซนจะได้ร่วมทำกิจกรรมโรงเรียนกับเขามั่ง ธรรมดางานกีฬาสีหรือว่างานการกุศลของโรงเรียน ไม่เคยเห็นหน้ามันสักครั้ง" เต๋าสนับสนุน
เอาล่ะสิ ในเมื่อเต๋าสนับสนุน เขาจะกล้าปฏิเสธได้ไง ยิ่งเห็นเจ้าบิ๊กเบนมันวิ่งเล่นในสวนก็ยิ่งปฏิเสธไม่ออก...แต่ลองมานั่งคิดดู ละครเรื่องนี้คงไม่พ้นเจ้าคิงเป็นพระเอก เต๋าเป็นนางเอกแน่...แล้วถ้าให้เขาเขียนบทล่ะก็ ฮ่ะ ฮ่ะ เสียงหัวเราะในคอดังขึ้นมา สนุกแน่ไอ้คิงเอ๊ย...ชลธีกับเต๋ามองหน้ากันงงๆ เมื่อกี้เซนมันยังทำท่าไม่อยากเขียนอยู่เลย ไหงตอนนี้มันยิ้มเสียหน้าบาน
"อ๊ะ เขียนก็เขียน....ไว้อาทิตย์หน้ารับรองมีเรื่องให้อาจารย์ป้อมอ่าน" เชกสเปียร์จำเป็นทำท่าหยิบปากกาขึ้นมา ชลธีมีลางสังหรณ์แปลกๆ เขาพยายามไม่อยากคิดเรื่องที่เจ้าเซนมันกำลังจะแต่งเล้ย...แต่เอาเถอะยังไงเรื่องมันก็ต้องผ่าน กบว.เซนเซอร์ซึ่งก็คืออาจารย์ป้อมก่อน มันคงไม่มีปัญหาอะไรมั้ง

แนะนำติชมได้ที่บอร์ดนิยายนะคะ...................
1