School party
วุ่นรักงานโรงเรียน
ตอนที่ 2
"อะไรนะ...ผ่านแล้ว" เสียงอุทานด้วยความประหลาดใจดังมาจากห้องสี่
ในการประชุมร่วมครั้งที่สอง
เต๋าพยักหน้ารับรอง...เธอเองแทบไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าเจ้าเซนมันจะมีความสามารถขนาดนี้
เขียนแค่ครั้งเดียวผ่าน ถึงแม้ว่าจะถูกอาจารย์ให้กลับไปแก้นิดหน่อยก็เถอะ
สมกับที่ชลธีบอกว่ามันตอแหลเก่งจริงๆ วันนี้เธอไปพบอาจารย์ป้อมมาเพื่อรายงานความคืบหน้าก่อนการประชุม
"ละครห้องเธอนี่ท่าทางจะสนุกนะ...อาจารย์อ่านแล้วชอบมากเลย"
เต๋ายังจำได้ถึงคำพูดของอาจารย์ป้อม แต่พอเธอถามเจ้าเซนว่าเรื่องเกี่ยวกับอะไร
เจ้าตัวดีก็ได้แต่ยักคิ้วหลิ่วตาทำหน้าทะเล้นบอกแต่ว่าเดี๋ยวก็รู้เอง
"ชั้นได้ข่าวว่าละครของพวกห้องหนึ่งกับห้องสาม ส่งใหม่เป็นรอบที่ห้าแล้วยังไม่ผ่านเลย"
เพื่อนสาวร่างใหญ่ของเต๋าพูด
"สมแล้วที่ให้ชลธีเขียน มอบหมายงานไม่ผิดคนจริงๆ" เสียงชมดังขึ้น
ทุกคนหันไปมองหน้าชลธี
"เรื่องเกี่ยวกับอะไรเหรอธี.." เสียงสาวๆห้องสี่ถามมา
ชลธีได้แต่ทำท่าอึกอัก พูดไม่ออก ก็แหงล่ะเขาไม่ใช่คนเขียนนี่
"เอ่อ..ผมไม่ได้เป็นคนเขียนหรอก เจ้าเซนเขียนน่ะ" ชลธีตอบตามความจริง
หันไปมองเพื่อนสนิทซึ่งตอนนี้แอบมายืนอยู่ด้านหลังเขา
"ต๊าย ตาย เซนเขียนเหรอ...ไม่อยากจะเชื่อเลย เก่งจัง"
เด็กสองห้องหันมามองเจ้าเซนด้วยสายตาชื่นชมกึ่งประหลาดใจ จะยกเว้นก็แต่คิงคนเดียว
เซนยืนแอบอยู่หลังธีกระซิบกระซาบอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ชลธีก็หันมาพูดในที่ประชุม
"คือเจ้าเซนมันถามว่าจะให้ใครเล่นเป็นตัวเอกของละคร" ชลธีหันมาพูดแทน
ไม่เข้าใจเจ้าเซนเหมือนกันทำไมวันนี้มันถึงไม่ยอมพูดเอง...หรือว่ามันอายที่เห็นมีแต่คนชมมัน...
"อ้าว ตกลงกันตั้งแต่คราวที่แล้วแล้วนี่ ว่าจะให้คิงเป็นพระเอก
เต๋าเป็นนางเอก ใช่ไหมคิง" ต้อมสาวคนที่เสนอชื่อสองคนนี้คราวที่แล้วพูดขึ้นมา...ชลธีได้แต่คิดในใจ
ใครไปตกลงกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่
"หรือว่าเอาชลธีเป็นพระเอกดี..." มีเสียงผู้หญิงจากห้องสองบางคนเสนอ
เพราะชลธีเองก็หน้าตาดี แต่เจ้าตัวกลับบอกว่า
"ผมคงเล่นไม่ได้หรอกครับ เพราะงานโรงเรียนผมรับหน้าที่เป็นพิธีกรรอบดึก
คิงเล่นแหละดีแล้ว" ชลธีหันไปมองหน้าคิง ซึ่งนั่งยิ้มอย่างภูมิใจอยู่
"ผมนะ ยังไงก็ได้ครับ...แต่ถ้าเพื่อนๆสนับสนุนก็ไม่มีปัญหาอะไร
งานโรงเรียนทุกคนก็ต้องร่วมมือกันอยู่แล้ว" คิงพูดราวกับหาเสียง
ชลธีได้ยินเสียงเจ้าเซนทำท่าแหวะอยู่ข้างหลังเขา หลังจากนั้นก็ได้ยินมันหัวเราะเบาๆ
"เต๋าเองก็ไม่มีปัญหาอะไรเหมือนกันคะ..." เต๋าพูดขึ้นบ้าง
"เนื้อเรื่องเป็นเรื่องแขก...แฟนตาซี...สาวๆต้องไปตัดชุดแขกด้วย"
ชลธีพูดขึ้นตามคำพูดของเจ้าเซนที่กระซิบอยู่ด้านหลัง สาวๆทำท่าตื่นเต้นกันยกใหญ่
"เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการตามหาของวิเศษ...พระเอกของเรื่องชื่ออาละดิน"
ชลธีพูดต่อ ถึงตอนนี้ก็มีคนทัก
"ดัดแปลงมาจากเรื่องอาละดินกับตะเกียงวิเศษใช่หรือเปล่า...อย่างนี้นางเอกก็ชื่อเจ้าหญิงจัสมินใช่ไหม"
ชลธีพยักหน้ารับหลังจากฟังเจ้าเซนพูด
"ใช่แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องตลกนะ...ไม่เหมือนต้นฉบับเดิมหรอก...ชื่อเรื่องว่า
อาละดินกับหม้อวิเศษ" ชลธีพูดปนหัวเราะหลังจากได้ยินชื่อเรื่อง...เจ้าเซนนี่มันตลกจริงๆด้วย
เพื่อนทุกคนพยักหน้า บางคนก็ขำตั้งแต่ชื่อเรื่อง
"ท่าทางจะสนุกนะ..ชั้นชอบเรื่องแนวแฟนตาซี เล่าต่อสิ"
ปุ๊กสาวร่างยักษ์เอ่ยปาก
"พระเอกของเรื่องเป็นกระเทย...."
"....."
"ห๋า!!!" ถึงตอนนี้ชลธีรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป เขานึกว่าฟังผิดทีแรก...คิงที่นั่งฟังอยู่หน้าซีดเผือด
ฝ่ายเจ้าเซนกลั้นหัวเราะอยู่ข้างหลังเขา นี่เองสาเหตุที่มันเอาแต่ยืนอยู่ด้านหลังเขา...เอาเขาเป็นเกราะกำบังนี่เอง
และแล้วลางสังหรณ์เขาก็เป็นจริงจนได้
"ผมไม่เล่นแล้ว!!! กะแล้วว่าไอ้เซนเขียนต้องวิบัติแน่"
คิงโวยวายขึ้นมา ถึงตอนนี้เจ้าเซนตะโกนขึ้นมาจากทางด้านหลังชลธี
"ไหนใครวะ ที่บอกว่างานโรงเรียนเต็มใจให้ความร่วมมือไง ปากอย่างใจอย่างนี่หว่าแก...เรื่องนี้ผ่านอาจารย์ป้อมแล้วนะ
ถ้านายไม่เอานายแต่งเองแล้วกัน"
ถึงตอนนี้คิงก็เงียบไป จริงๆเรียกว่าโกรธจนพูดไม่ออกมากกว่า ทุกคนไม่มีใครอยากเขียนเรื่องใหม่หรอก
ในเมื่อได้ข่าวว่าเรื่องของห้องอื่นส่งตั้งห้ารอบยังไม่ผ่าน เต๋าจึงพูดไกล่เกลี่ยขึ้นมา
"ยังไม่ได้ฟังจนจบเลย...ฟังเซนมันเล่าให้จบก่อนดีกว่านะ"
"อาละดินเป็นกระเทย...อยากมีแฟนเป็นผู้ชาย....แต่แม่ของอาละดินไม่ชอบใจที่เห็นลูกชายเป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว
จึงได้ออกคำสั่งให้อาละดินไปตามหาหม้อวิเศษเพื่อมาขอพรให้กลายเป็นแมนเต็มตัว
ถ้าไม่ทำจะตัดแม่ตัดลูกกัน...อาละดินจึงจำใจต้องออกเดินทาง"
ชลธียังทำหน้าที่พูดแทนเซนอยู่ คนฟังหลายคนพยักหน้ารับรู้ คิงเริ่มใจเย็นลง
"แล้วนางเอกละ...อาละดินเจอกับเจ้าหญิงจัสมินยังไง" คิงถามขึ้นมาบ้าง...ก็ในเมื่อจุดประสงค์หลักของคิงก็คือได้เล่นคู่กับเต๋า
เต๋าเองก็สนใจอยากจะรู้บทของตัวเองอยู่แล้ว หันมามองทางเจ้าญาติสนิทยิ้มๆ
แต่เจ้าเซนกลับไม่กล้าสบตา ก้มกระซิบบอกชลธีอีกต่อ ถึงตอนนี้ชลธีเริ่มหน้าซีด
"เฮ้ย แกแน่ใจนะโว้ยว่าแกแต่งแบบนี้ แกไม่กลัวยัยเต๋าหรือไง"
ชลธีกระซิบถาม
"กลัวสิ..แต่บังเอิญตอนแต่งวิญญาณเชคสเปียร์เข้าสิงมั้ง ยิ่งเขียนยิ่งมันส์...ก็เลยลืมตัวแถมอาจารย์ป้อมกลับชอบซะอีก"
เซนทำหน้าแหยๆ กระซิบตอบ
"เอ้า...กระซิบอะไรกันอยู่ เล่าต่อสิ เจ้าหญิงจัสมินเป็นยังไง"
เต๋าถามซ้ำ...
"เอ่อ...คือว่า..." ชลธีกระแอมทีหนึ่ง ก่อนจะตัดใจพูด
"เจ้าหญิงจัสมินเป็นเจ้าหญิงผู้น่าสงสาร เกิดมาหน้าตาน่าเกลียดไม่มีเจ้าชายคนไหนจะแต่งงานด้วย...พระราชาก็เลยหาวิธีที่จะหาคู่ให้เจ้าหญิงขายไม่ออกโดยการจับคลุมถุงชนกับเจ้าชายต่างเมืองสายตาสั้น...."
ชลธีหยุดหายใจสักพัก เหลือบมองคนเล่นเป็นเจ้าหญิงจัสมินเพื่อดูปฏิกิริยา...เงียบ...แต่แล้วเขาก็เห็นเต๋ายิ้มเหมือนจะขำ
แต่ด้วยความที่คบกันมานานทำให้รู้ได้เลยว่า....เย็นนี้แหละ ไอ้เซนโดนบิ๊กเบนถล่มแน่...ซวยละมันเอ๋ย!!
แกล้งใครไม่แกล้ง
"แต่เจ้าหญิงจัสมินไม่ชอบใจที่ถูกจับคลุมถุงชนเธอจึงหลบหนีออกจากพระราชวัง...ระหว่างนั้นเองเธอก็ได้พบกับอาละดิน...ทั้งสองคนจึงร่วมกันเดินทางตามหาหม้อวิเศษ.....แต่การเดินทางนั้นไม่ใช่ง่ายๆ
จาฟาพ่อมดร้ายก็ต้องการได้หม้อวิเศษเพื่อที่จะขอพรให้ตนเองเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกันตามมาขัดขวาง...ระหว่างการต่อสู้นั่นเองเจ้าหญิงจัสมินบังเอิญได้หม้อวิเศษมาครอบครอบ
เธอเรียกยักษ์ในหม้อให้ออกมา เจ้ายักษ์บอกกับเธอว่าเธอมีโอกาสที่จะขอพรได้สามครั้งก่อนที่หม้อนี้จะระเบิดตัวเอง...เธอจึงขอพรข้อแรกด้วยการให้จาฟาพ่อมดร้ายกลายเป็นคนดี....พรข้อที่สองที่เธอขอก็คือ
ขอให้อาละดินกลายเป็นเป็นแมนเต็มตัว...ส่วนพรข้อสุดท้าย..เธอขอให้ตัวเธอกลายเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุด....และแล้วตอนจบอาละดินกับจัสมินก็แต่งงานอยู่กินกันอย่างมีความสุข"
ชลธีเล่าต่อรวดเดียวจนจบ...นักเรียนทั้งสองห้องนั่งฟังกันเงียบ...จนกระทั่งมีคนพูดขึ้นมาว่า
"ก็ตลกดีเหมือนกันนะ ชั้นชอบ ถึงแม้ตอนจบจะเหมือนนิทานทั่วๆไปก็เถอะ...ชั้นว่าเรื่องน่าสนใจดี...ไม่น้ำเน่าน่าเบื่อ"
ในเมื่อมีคนสนับสนุนคนอื่นๆก็เห็นด้วย....
"สรุปว่าทั้งเรื่องชั้นต้องเป็นกระเทยทั้งแต่ต้นจนจบใช่ไหม..."
คิงถามเสียงเครียด...กัดฟันกรอดๆ
"ไม่จนจบหรอก ก็ฉากสุดท้ายเป็นแมนไง" เซนพูดแทรกขึ้นมา
ขำหน้าเจ้าคิงเต็มที่...
"เอาล่ะๆ ในเมื่อตกลงกันได้แล้วประชุมวันนี้ก็แค่นี้แหละ...ครั้งหน้าก็เริ่มกำหนดตัวประกอบแล้วก็รายละเอียดเล็กๆน้อย
เสร็จแล้วก็เริ่มซ้อมบทกันได้" ชลธีตัดบท "คนที่เก่งด้านศิลปะหน่อยก็ลองออกแบบฉากกับโปสเตอร์มาดูนะ"
ยิ่งใกล้งานโรงเรียนเท่าไหร่...นักเรียนทุกคนก็ยิ่งตื่นเต้น
บางคนถึงขนาดไม่เรียนออกมาโทรศัพท์ขอสปอนเซอร์กันข้างนอก...ซึ่งทางโรงเรียนก็อนุญาต
และยิ่งชั้นม.6ด้วยแล้ว...มีเวลาซ้อมละครด้วยกันอาทิตย์ละสี่ชั่วโมง...แถมบางครั้งก็นัดกันมาซ้อมช่วงเสาร์อาทิตย์อีก
ทุกคนให้ความร่วมมือกันเต็มที่ ซึ่งคนที่ร่วมมือออกหน้าออกตาที่สุดก็คงจะเป็นเซน
ไม่ว่านัดไปซ้อมที่ไหนเซนตามไปทุกที่ จริงๆแล้วตามไปนั่งหัวเราะต่างหาก
ข้างฝ่ายเต๋าที่ชลธีนึกว่าจะไปเล่นงานเจ้าเซนที่บ้านแน่กลับไม่ทำอะไรเลย...เธอให้ความร่วมมือเต็มที่
แสดงด้วยความสนุกสนาน จนเจ้าเซนโล่งอก ที่ทีแรกนึกว่าจะโดนบิ๊กเบนถล่ม
วันนี้เป็นวันเสาร์ทุกคนนัดกันมาซ้อมช่วงเช้ากันที่โรงเรียน เพราะโรงเรียนเปิดห้องประชุมให้นักเรียนได้มาซ้อมเตรียมตัวกัน
"ไม่ได้สิ...ไม่ได้...กระเทยที่ไหนพูดเสียงห้าวขนาดนั้น...ต้องทำท่าสะบัดสะบิ้งมากกว่านั้นอีกสิ
ลองใหม่แล้วกัน" เซนพูดแทรกขึ้นมาบอกบทคิง
"ต๊ายตาย ท่านแม่ฮ้า...ดินเป็นแบบนี้มีอะไรไม่พอใจหรือไงฮ้า...ทำไม้ทำไมท่านแม่ต้องให้น้องดินผู้น่ารักออกเดินทางไปหาหม้อบ้าบออะไรนั้นด้วย!!"
คิงตัดใจแสดงอย่างเต็มที่...เพื่อนห้องเดียวกันจะหัวเราะก็ไม่กล้า...ก็ลองนึกภาพผู้ชายตัวสูงร้อยแปดสิบทำท่ากระเทยดูสิ
แถมท่าที่เจ้าเซนบอกให้ทำก็ล้วนแล้วน่าหัวร่อทั้งนั้น ให้เอามือจับหน้าเอียงคอ
กระพริบตาแยะๆ เพื่อนดูแล้วก็นึกถึงละครลิง มีแต่เจ้าเซนคนเดียวที่หัวเราะออกมาไม่อายใคร
แม้แต่เต๋ายังแอบอมยิ้ม หมดกันภาพพจน์หนุ่มรูปหล่อ....
สำหรับเต๋าเองเธอก็คิดว่าคิงนั้นหน้าดีอยู่หรอก แต่นิสัยที่ค่อนข้างมั่นใจในตัวเองสูงจนกระทั่งเรียกได้ว่าหลงตัวเองนั้น
ทำให้เพื่อนๆในห้องค่อนข้างหมั่นไส้อยู่รวมทั้งตัวเธอเองด้วย...โดยเฉพาะเซนยิ่งรู้สึกเหม็นขี้หน้าคิงเป็นพิเศษ
เวลากลับบ้านทีไรชอบมาบ่นให้เธอฟังเสมอ "เกลียดไอ้หัวหน้าห้องเธอว่ะ..ชอบมองมาทางพวกเราแบบดูถูกยังไงก็ไม่รู้...หนอยแค่เรียนเก่งหน่อย
หน้าตาดีนิด ทำราวกับคนอื่นเป็นหญ้าแพรก ชอบพูดทับถมกระทบกระเทียบ
อย่านึกว่าโง่แล้วจะฟังไม่ออกนะเฟ้ย..ไม่ได้ปัญญาอ่อนนี่" ตอนนี้แหละ
เซนก็เลยได้โอกาสแก้แค้นคนหลงตัวเองสักที
"พอเลยๆ ถ้าไอ้เซนยังเสนอหน้าอยู่ในห้องนี้ละก็ วันนี้ชั้นไม่ซ้งไม่ซ้อมแล้ว
ไม่มีสมาธิ" คิงพูดกระแทกเสียง
"อ้าว ไล่กันแบบนี้ได้ยังไง ชั้นน่ะผู้กำกับนะ...ละครไม่มีผู้กำกับก็เจ๊งสิ"
เซนพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่คิงเห็นแล้วรู้สึกว่าน่าถีบที่สุด...
"ถ้างั้นให้คิงไปซ้อมเป็นการส่วนตัวที่บ้านไหม เซน เห็นเธอไม่พอใจสักที"
เต๋าพูดยิ้มๆ เธอเห็นญาติผู้น้องสะดุ้งเฮือก ก็แน่ละเซนจะยอมให้คิงไปที่บ้านได้ยังไง
ก็ในเมื่อเจ้าบิ๊กเบนมันวิ่งเล่นอยู่ในสวน ถ้าคิงไปละก็ความลับของเซนมีหวังรั่วแน่ๆ
"จริงหรือครับ...เต๋ายอมให้ผมไปซ้อมที่บ้านหรือครับ วันนี้เลยไหมครับ
ตอนบ่ายผมว่างพอดี" คิงพูดด้วยน้ำเสียงดีใจเป็นที่สุด...เต๋าอึ้งไปพักหนึ่ง..จริงๆตอนแรกเธอพูดเพื่อที่จะแกล้งเซนต่างหาก
แต่ลืมไปว่าคิงชอบเธออยู่แล้วบ้านเธอกับเซนก็อยู่รั้วเดียวกัน...เพื่อนแต่ละคนก็โห่ร้องสนับสนุนออกมา
"ดีเลย...คู่พระคู่นางกลับไปซ้อมกันต่อที่บ้านนะจ๊ะ...ดีไม่ดีก่อนจบจะได้คู่พระนางจริงๆขึ้นมา"
เสียงเพื่อนๆแซวกันทั่ว เต๋ายิ้มแทบไม่ออกเมื่อมองหน้าเซนที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้กับคิงที่ยิ้มราวกับว่าโลกทั้งโลกเป็นฤดูใบไม้ผลิ
ในที่สุดด้วยเสียงสนับสนุนจากเพื่อนๆ ทำให้เต๋าต้องพาคิงไปที่บ้านจนได้
บ้านทั้งสองคนอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่อยู่แล้ว เซนลากชลธีเพื่อนคู่หูให้ไปด้วยกัน
แถมเดินเสียหลังสุดเหมือนจะถ่วงเวลาอย่างนั้นแหละ แต่เมื่อเดินมาถึงประตูบ้านรั้วเหล็กดัดสีทองใหญ่โตพร้อมกับป้ายชื่อที่ติดตรงกำแพงว่า
กนกอาชา เซนก็วิ่งขึ้นมาตัดหน้าก่อนที่เต๋าจะเปิดประตู
"เอ่อ... เต๋า เต๋าเข้าไปบอกคนในบ้านก่อนไม่ดีเหรอว่าพาเพื่อนมาด้วย....ให้พี่แช่มเขาเตรียมน้ำเตรียมขนมไว้ก่อนนะ..แล้วก็เอานาฬิกาเก็บเข้าห้องไปด้วย"
เซนพูดบอกเต๋า ทีแรกเต๋าก็งง แต่ในที่สุดเธอก็ร้องอ๋อ....
"นายหมายถึงนาฬิกาเรือนใหญ่ของชั้นนะเหรอ....ชั้นว่ามันสวยดีออกนะ
เอาออกมาโชว์คิงก็ได้นี่" เธอพูดยิ้มๆ เซนมองตาถลน
"จริงครับ...ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมชอบดูนาฬิกาครับไม่เห็นต้องเก็บเลยนี่"
คิงพูด เขาไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกว่าสองพี่น้องนี่ทำไมจู่ๆพูดถึงแต่เรื่องนาฬิกา
"ไม่เอา ไม่ดี...นาฬิกาเรือนใหญ่อย่างนั้นเกะกะ เก็บไปซะ!!"
เซนพูดอย่างร้อนรน คิงได้แต่มองหน้าสองพี่น้องงงๆ ข้างฝ่ายชลธีได้แต่ยืนขำ
เมื่อเข้าใจว่านาฬิกาที่สองพี่น้องพูดนั้นหมายถึงอะไร
"เอ้า..ก็ได้...คิงรอเต๋าอยู่ที่นี่ก่อนนะคะ เดี๋ยวเต๋าเข้าบ้านไปบอกคนที่บ้านให้เตรียมน้ำเตรียมขนมไว้ให้ก่อน"
พูดจบเต๋าก็เปิดประตูรั้วผลุบหายเข้าไป ทิ้งสามหนุ่มให้ยืนอยู่นอกรั้วบ้าน....คิงมองตามหลังสาวน้อยไปก็เห็นเธอวิ่งเข้าไปในบ้านหลังแรกสุดในรั้ว
ภายในรั้วบ้าน "กนกอาชา" นั้น
ประกอบไปด้วยบ้านขนาดใหญ่สไตล์ยุโรปสามหลังอยู่เรียงกัน..บ้านของเต๋าเป็นบ้านสามชั้นที่อยู่ด้านหน้าสุด
ส่วนบ้านของเซนเป็นบ้านสองชั้นแต่กินเนื้อที่ไปทางกว้างมากกว่าบ้านของเต๋า
มีรถจอดอยู่ในโรงรถสองคัน ส่วนบ้างหลังสุดท้ายเป็นบ้านของผู้อาวุโสของตระกูล...คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายของเต๋ากับเซนนั่นเอง
ผ่านไปสักห้านาที เซนก็ได้ยินเสียงตี๊ดจากอินเตอร์โฟนหน้าบ้าน เขาเดินเข้าไปกดปุ่ม
ก็ได้ยินเสียงเต๋าพูดออกมา
"เรียบร้อยแล้วจ้า...เข้าบ้านมาได้เลย"