School party
วุ่นรักงานโรงเรียน
ตอนที่ 3
สงครามครับ สงคราม...ชลธีได้แต่ส่ายหัวเมื่อฟังสองคนข้างหน้าทะเลาะกัน...เต๋ามองสองคนที่ยืนเถียงหรือซ้อมบทก็ไม่รู้อย่างปลงๆ
แล้วก็หันมามองชลธีพร้อมกับส่ายหัว
น้ำกับขนมที่เตรียมไว้หมดไปหลายรอบแล้ว หลังๆ เต๋าเป็นคนเข้าไปหยิบในตู้เย็นออกมาเอง
เพราะขี้เกียจรอเรียกคนใช้ให้ไปหยิบให้
"นายทำท่าให้มันเป็นกระเทยมากกว่านี้หน่อยสิ...ไม่ได้เรื่องเลย"
เสียงพูดประโยคนี้ฟังก็รู้ว่าเป็นของใคร
"ก็ชั้นไม่ใช่กระเทยนี่หว่า...ใครจะไปทำได้เล่า" อีกคนที่ถูกว่าเถียงขึ้นมาบ้าง
"อ๊ะๆๆ ...ช่างมันเถอะ..งั้นตอนพูดลงท้ายประโยคนายก็พยายามลากเสียงให้ยาวหน่อยก็แล้วกัน
แล้วหางเสียงก็ขึ้นเสียงสูงนะ จำไว้ ไหนลองพูดประโยคนี้สิ....น้องดินชอบผู้ชายหล่อล่ำคะท่านแม่"
"น้องดินช้อบชอบผู้ชายหล่อล่ำค่าท่านแม่...." เสียงห้าวๆที่พยายามดัดตามที่เจ้าคนตัวเล็กบอกดังขึ้นมา...นี่ถ้าเต๋าไม่นั่งอยู่ด้วยนะ
เขาได้ซัดไอ้บ้านี่คว่ำไปแล้วแน่ๆ หลังจากพูดจบก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังกิ๊กมาจากร่างบางบนเก้าอี้
คิงหน้าแดง...
"ดีแล้ว...ดีแล้ว....อีกไม่นานนายได้เป็นกระเทยจริงๆแน่เลยว่ะ"
เซนหัวเราะขำ....แต่แล้วเสียงหัวเราะของเซนก็หยุดชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงพูดของแช่มสาวใช้
"คุณเต๋าคะ หนูได้ยินเสียงเจ้าบิ๊กเบนที่อยู่บนห้องร้องครางใหญ่
แถมตะกายจนวอลเปเปอร์ที่ผนังเป็นรอยเต็มไปหมด หนูก็เลยพามันลงมาค่ะ
สงสัยมันคงจะหิวละมั้ง" แช่มเดินอุ้มเจ้าหมาตัวน้อยเข้ามาหา
แถมเจ้าบิ๊กเบนเมื่อเห็นหน้าเต๋าก็เห่าอย่างดีใจ เต๋าได้แต่ทำท่าโบกมือไล่เป็นนัยๆ
ไปทางสาวใช้ของเธอ ชลธีมองไปทางเซนก็เห็นว่าเจ้าตัวเล็กยืนเงียบกริบไม่ได้ส่งเสียงอะไร
อืมมันช่างอดทนได้ดีจริงๆ เป็นธรรมดารับรองวิ่งป่าราบไปแล้วแน่
ฝ่ายแม่แช่มตอนแรกก็งงกับท่าทางของเจ้านายสาว แต่เมื่อมองไปที่คนที่ยืนอยู่ในห้องเธอก็อุทานออกมา
"อุ๊ยตาย ขอโทษคะ หนูไม่ทันเห็นว่าคุณเซนก็อยู่ด้วย หนูเอาเจ้าบิ๊กเบนไปเก็บที่เดิมก่อนนะคะ"
กิตติศัพท์ความกลัวหมาของเซนนั้นเป็นที่รู้กันดีของทุกคนในบ้าน แต่ยังไม่ทันที่แช่มจะหันหลังกลับ
เจ้าบิ๊กเบนของเต๋าก็กระโดดลงมาจากอ้อมกอดของสาวใช้ร่างท้วม แทนที่มันจะวิ่งไปหาเต๋ามันดั๊นเสือกวิ่งเข้าไปหาเซนอีกแนะ...แช่มเอามือปิดปากอย่างตกใจเมื่อเห็นเจ้าบิ๊กเบนวิ่งเข้าไปคลอเคลียขาร่างเล็ก
ส่วนเต๋าและชลธีเอามือยกขึ้นปิดหูตัวเอง เต๋าหลับตาปี๋ กะว่าบ้านแตกแน่คราวนี้
หนึ่งนาทีผ่านไป....ยังไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้น....เต๋าเริ่มลืมตาขึ้นมามองข้างหนึ่ง...เห็นว่าเซนยังยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม...ฝ่ายเจ้าบิ๊กเบนก็วิ่งไปรอบๆ
คิงมองเต๋ากับชลธีแบบไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น...ทุกคนทำท่าเหมือนโลกจะแตก...เต๋ายักไหล่ส่ายหัวเธอวิ่งเข้าไปอุ้มเจ้าชิวาว่าของเธอออกมาส่งให้แช่ม
หลังจากเจ้าบิ๊กเบนถูกแช่มอุ้มวิ่งลับสายตาไปเท่านั้นแหละ ชลธีกับเต๋าก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่...เต๋าหันไปมองเซนก็รู้สึกว่าเจ้าญาติหนุ่มของเธอคราวนี้อดทนได้ดีเกินคาด
นี่คงเป็นเพราะอยู่ต่อหน้าคู่ปรับแน่ๆ เลยไม่กล้าเอะอะอะไรออกมา
ครั้งหลังคงต้องชวนคิงมาบ้านบ่อยๆซะแล้ว...
แต่แล้วไม่ทันไร คนที่ยืนตัวแข็งก็ล้มไปในอ้อมอกของคู่ปรับที่ยืนตรงข้าม
คิงยกมือขึ้นรับอย่างตกใจ เต๋าหน้าซีด หันไปตะโกนเรียกสาวใช้
"แช่ม แช่ม...กลับมาก่อน...เอายาดมยาอมยาหม่องมาด้วย...เจ้าเซนมันกลัวจนเป็นลมไปแล้ว
เร็วเข้าาาาาาา" ทุกคนได้แต่ลนลานจนทำอะไรไม่ถูก คิงได้แต่ยืนอุ้มเซนอยู่
"คิง...อุ้มเจ้าเซนมาทางนี้เร็ว เอามันมานอนที่โซฟานี่ก่อน"
เต๋าสั่งเพื่อนชาย ชลธีหยิบกระดาษเขียนบทมาพัดที่หน้าของเพื่อน
"ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตมันออกมาก่อนเร็ว..." ชลธีบอกเต๋า
เมื่อเขานึกทบทวนถึงวิธีช่วยคนเป็นลม...เต๋าทำตามที่บอก เธอปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเซนลงมาจนหมด
เผยให้เห็นผิวเนื้อสีขาวที่ไม่มีขนสักเส้น พร้อมกับติ่งเนื้อสีชมพูที่หน้าอก
ชายหนุ่มสองคนข้างหลังกลืนน้ำลายดังเอื๊อก..
"ต้องปลดตะขอกางเกงด้วยรึเปล่า" เต๋าพูดอย่างลนลาน...มือเลื่อนไปที่กางเกงของเซน
สองหนุ่มข้างหลังพูดประสานเสียงพร้อมกัน
"ไม่ต้อง!!"
หลังจากนั้นไม่นานเซนก็ได้สติด้วยยาดมตราท่านเจ้าคุณของแช่ม..เขาครางเบาๆขึ้นมาก่อน..เมื่อลืมตาขึ้นมองก็เห็นหน้าของคิงอยู่ห่างจากตัวเองแค่ไม่ถึงคืบ
เซนลุกพรวดพราดขึ้นมาอย่างเร็ว จนหัวโขกกับคิงแทบเป็นลมไปอีกรอบ
"โอ๊ย เจ็บนะโว้ย เป็นบ้าอะไรวะ...จู่ๆก็ลุกขึ้นมา" คิงโวยวาย
เอามือลูบหน้าผากตัวเองที่ปูดขึ้นมานิดหนึ่ง
"...เกิดอะไรขึ้น..." เซนถามขึ้นมาเมื่อพบว่าท่อนบนของตัวเองแทบจะเปลือยด้วยฝีมือญาติสาว
"ก็แกเป็นลมไปนะสิ ถามได้ ทุกคนเป็นห่วงกันใหญ่" ชลธีตอบแทน
ถึงตอนนี้เซนนึกออกแล้วว่าเขาเป็นลมไปเพราะอะไร...เขามองไปที่คิงหวาดๆ
"ชั้นเป็นลมไปเหรอ....สงสัยคงจะร้อนจัดมั้ง" เซนพูดตะกุกตะกัก
คิงอดรนทนไม่ได้พูดขึ้นมา
"ไอ้บ้า...ชั้นรู้หมดแล้วว่ะ ว่าแกกลัวหมาจนเป็นลม ไม่ต้องมาปิดบังหรอก"
คราวนี้คิงเป็นฝ่ายหัวเราะใส่ร่างเล็กที่หน้าซีดยามได้ยินเขาพูด...
หมดกัน !! หมดกัน!! ในที่สุดความลับของเขาก็ถูกมันรู้เข้าจนได้...เซนได้แต่ร้องคร่ำครวญในใจ....
หลังจากวันที่คิงรู้ความลับของเซนเข้าแล้วนั้น...เขาก็เริ่มแสดงละครด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นราวกับผีกระเทยเข้าสิง
ตรงกันข้ามกับเจ้าตัววุ่นที่แต่ก่อนเอาแต่หัวเราะตอนนี้ได้แต่ยิ้มแหยๆ
"โห ไอ้เจ้าคิงมันเริ่มอินกับบทบาทกระเทยของมันแล้วมั้ง...วันนี้ซ้อมด้วยกันชั้นเห็นแล้วขนลุกเลยว่ะ
ยิ่งตอนที่มันหันมายิ้มให้ชั้นน่ะ บรื้อ..." เอกคนที่เล่นบทผู้ร้ายจาฟาวิพากษ์วิจารณ์
"ชั้นก็ว่างั้นแหละ...แต่นิสัยมันดีขึ้นนะเว้ย...ชั้นว่าบทกระเทยทำให้มันลดดีกรีความหลงตัวเองของมันลงได้นิดหน่อยว่ะ
นี่ถ้าเกิดมันได้บทเจ้าชายรูปหล่อละก็ กูว่ามันหดคอไม่ลงแหง"
หนุ่มๆหลายคนจับกลุ่มคุยกันตอนที่คิงเดินออกไปข้างนอก
"นี่วันพุธหน้าวันหยุดราชการ อย่าลืมว่าพวกเราจะไปตัดชุดกันที่ประตูน้ำนะจ๊ะ"
เสียงสาวปุ๊กที่เล่นบทแม่อาละดินตะโกนขึ้นมาบอกทุกคนบ้าง เธอเป็นคนนัดหมายเวลาและจดบันทึกทุกอย่างของการแสดงครั้งนี้
"ใช่แล้ว...ส่วนวันอาทิตย์หน้าพวกเราต้องไปอัดเสียงกันด้วย
ไปกันเฉพาะตัวละครที่มีบทพูดนะ.." เธอเตือนความจำเพื่อนอีกรอบ
เนื่องจากเป็นการแสดงของเด็กมัธยม อาจารย์จึงกำหนดให้ละครทุกเรื่องต้องมีการอัดเทปบทละครเตรียมไว้ก่อน
เวลาแสดงจริงๆนักแสดงแค่อ้าปากพะงาบๆไปตามบทพร้อมกับออกท่าทางเท่านั้น
จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องจำบทไม่ได้หรือว่าพูดเสียงเบาจนไม่ได้ยิน จะติดก็ตรงแต่ที่ว่าบทพูดกับปากไม่ตรงกันเท่านั้น
ซึ่งตรงนี้อาจารย์ย้ำนักย้ำหนาว่าให้ฝึกให้ดี
ช่วงนี้ชลธีเองก็วุ่นอยู่กับการฝึกเป็นพิธีกรของงานกับอาจารย์ป้อมซะจนไม่มีเวลาจะมาอยู่ติดกับเซน
เซนก็เลยต้องจัดการทำอะไรตัวคนเดียวตลอด สำหรับละครในเรื่องเขาใส่บทตัวเองเป็นบทคนเดินผ่านที่โผล่มาแค่ฉากเดียวเท่านั้น
ส่วนเพื่อนคนอื่นก็มีบทเป็นแดนเซอร์ประกอบฉากเล็กๆน้อยๆ...ตอนนี้เด็กห้องสองกับห้องสี่เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
จากที่เคยเขม่นกันในบางเรื่องก็กลายเป็นช่วยเหลือกันดี บางคนถึงกับจับคู่เป็นแฟนกันไปเสียแล้ว...ด้วยเพราะห้องสี่สายวิทย์จำนวนผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ส่วนห้องสองนั้นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง อะไรที่เกินแรงผู้หญิงก็มีผู้ชายห้องสองเข้าไปช่วย...
วันนี้เด็กทั้งสองห้องช่วยกันวาดฉากของละครอยู่เสียจนเย็น...ผู้หญิงส่วนใหญ่กลับบ้านไปแล้วเพราะว่ากลัวจะดึก..จนในที่สุดก็เหลือเพียงชายหนุ่มไม่กี่คนอยู่เก็บของ
แน่นอนเซนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเพราะบ้านเขาใกล้โรงเรียนที่สุด เต๋ากลับบ้านไปก่อนเพราะปวดท้องไม่ค่อยสบาย
ระหว่างที่เซนกำลังยกถังสีโปสเตอร์ไปเก็บในห้องอุปกรณ์นั้น เขาก็ได้ยินเสียงประตูห้องถูกปิด
หันขวับไปมองก็เห็นคิงยืนอยู่หน้าประตู
"เฮ้ย..แก..ปิดประตูทำไมว่ะ...กะจะมาหาเรื่องชั้นเหรอ!!"
เซนร้องด้วยความตกใจ แต่ก็ยังไม่วายยกหมัดขึ้นสู้...ก็อย่างที่ชลธีเคยบอกส่วนใหญ่เซนได้แต่ปากดีไปตามเรื่อง
แต่ถ้าให้ทะเลาะกันจริงๆ หุ่นสองคนนี่มันคนละไซส์กันเลย ถ้าคนหนึ่งเป็นรุ่นเฮฟวี่เวท
อีกคนคงเป็นไลท์ฟลายเวท
"ปล๊าว...แค่จะมาขออะไรแกหน่อย" คิงพูดหน้าตาเฉย
"ขออะไรฟะ" เซนพูดหวาดๆ
คิงมองหน้าเจ้าคู่ปรับ...หลังจากวันนั้นเขาก็พึ่งสังเกตว่าเจ้าเซนคู่ปรับของเขาเนี่ยหน้าตาน่ารักไม่แพ้เต๋าเลย
ปากนิดจมูกหน่อย ยิ่งตอนที่มันเป็นลมล้มมาซบเขาทีแรกหน้ามันห่างจากเขาแค่นิดเดียว...แถมผิวมันข้างในก็ขาวจั๊วะ...เล่นเอาเขาใจสั่น...
"ขอให้แกเพิ่มบทชั้นกะเต๋าน่ะ" คิงบอก "แกก็รู้ว่าชั้นชอบเต๋า...ช่วยเพิ่มบทจับมือหรือว่ากอดนิดกอดหน่อยให้บ้างได้ไหมล่ะ"
คิงพูดแบบไม่อาย เซนได้แต่ยิ้มเหยียด
"ไอ้เจ้าชู้...ไอ้หน้าหม้อ...แกไม่มีปัญญาจีบสาวเลยต้องมาขอร้องชั้นงั้นเหรอ"
เซนด่ารัวเป็นชุด ลืมไปว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ไม่ได้มีชลธีเป็นผู้ช่วยเหมือนทุกครั้ง
"ชั้นลืมบอกไปว่ะ บ้านชั้นเลี้ยงหมีกับเสือไว้ ถ้านายไม่ตกลงก่อนซ้อมจริงชั้นจะบอกให้เพื่อนๆไปซ้อมกันที่บ้านชั้นบ้าง"
"ฮ่า ฮ่า...ไอ้บ้า...หมีกับเสือชั้นไม่กลัวหรอกเว้ย อย่ามาขู่กันให้ยาก"
เซนหัวเราะเสียงดังออกมา แต่คิงกลับเดินเข้าไปประชิดตัวร่างเล็กพร้อมกับก้มกระซิบที่ข้างหู
"ชั้นลืมบอกแกไปอีกอย่าง...หมีกับเสือเนี่ยมันแค่ชื่อ จริงๆแล้วมันเป็นหมาพันธุ์โดเบอร์แมนกับอัลเซเชียน...ที่ตั้งชื่อให้แบบนี้ก็เพราะว่า....มันดุ"
ถึงตอนนี้เซนชะงักกึก..ยืนนิ่ง..คิงได้แต่อมยิ้ม หลังจากที่รู้ความลับของเซนเข้า
เขากลับรู้สึกไม่เหม็นขี้หน้ามันเหมือนเมื่อก่อน กลับกลายเป็นรู้สึกว่าเซนน่ารักขึ้น...
ยิ่งตอนนี้ริมฝีปากเขาห่างจากแก้มมันนิดเดียว...กลิ่นกายหอมอ่อนๆโชยมาเข้าจมูก
คิงไม่รู้มาก่อนเลยว่าผู้ชายจะมีกลิ่นแบบนี้ด้วย...เขาก้มศีรษะลงไปอย่างลืมตัว
จนกระทั่งปากเขาห่างจากแก้มมันประมาณหนึ่งเซ็นเท่านั้น เซนก็ ตะโกนขึ้นมา
"ก็ได้...ชั้นเพิ่มบทให้นายก็ได้...เรื่องแค่นี้ก็ต้องขู่กันด้วย...เกลียดแกจริงๆเลยโว้ย"
เซนโวยวายออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่าเมื่อกี้เกือบจะถูกทำมิดีมิร้ายไปแล้ว....เขาเดินปึงปังออกนอกห้องเก็บอุปกรณ์ไป
ปล่อยคู่ปรับร่างใหญ่ยืนเสียดายอยู่ในห้อง...
สองวันถัดมาบทละครที่ถูกเพิ่มก็มาอยู่ในมือของทุกคน
เต๋าอ่านไปได้นิดหน่อยก็หันมาถามเซน
"ทำไมจู่ๆเซนถึงเพิ่มบทของเต๋ากับบทของอาละดินขึ้นมาละ"
ด้วยความที่ปากเป็นเอกอยู่แล้วเซนก็เลยพล่ามออกมาเสียยาวเหยียด "ก็ไม่มีอะไรมากหรอก
เห็นว่าละครตลกอย่างเดียวมันออกจะไร้สาระไปหน่อย ก็เลยอยากเพิ่มบทที่ดูแล้วโรแมนติกขึ้นมานะ
แสดงให้เห็นว่าเจ้าหญิงจัสมินถึงแม้เธอจะหน้าตาน่าเกลียดในสายตาของคนทั่วไป
แต่สำหรับกระเทยอาละดินผู้ที่ฝ่าฟันกับเธอด้วยกันมาตั้งนานนั้นเห็นว่าเธอสวยงามที่จิตใจไม่ใช่ที่หน้าตา...."
คิงที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องแอบหัวเราะกับคำพูดของร่างเล็กที่กำลังยืนถือบทละครอยู่ตรงกลางวงนักแสดงหญิง...นานเข้าเขาก็ยิ่งเห็นว่าเจ้าเซนมันน่ารักขึ้นทุกวัน...ยิ่งตอนนี้ที่มันยกมือยกไม้ประกอบอธิบายบทที่เขาขอให้มันต่อเติมขึ้นมาราวกับว่ามันไม่ได้ถูกบังคับนั้นทำให้เขายิ่งขำ
"โอเค..ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว...สนุกดีซะอีก" เต๋ารับคำอย่างง่ายดาย
แถมพูดอย่างชื่นชอบ ทำให้เซนแปลกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าเต๋ายอมรับบทง่ายอย่างนี้
เพราะว่าเซนเคยได้ยินเต๋าพูดมานานแล้วว่าไม่ชอบผู้ชายขี้เก็กแบบคิง...หรือว่าตอนนี้เต๋าเริ่มเปลี่ยนใจหันมาชอบคิงแล้วนะ...แค่คิดเซนก็ขนลุก...หรือว่าฝันร้ายที่เขาเคยคิดจะกลายเป็นจริง
วันที่สองคนนี้รวมหัวกันแกล้งเขาขึ้นมา ทั้งบิ๊กเบน ทั้งหมี ทั้งเสือ....