School party
วุ่นรักงานโรงเรียน
ตอนที่ 4
เสียงไอค้อกแค้กดังมาจากชลธีเมื่อยามที่เขาเดินออกมาจากห้องอาจารย์ป้อม
ขณะที่เดินผ่านระเบียงทางเดินระหว่างตึกมัธยมต้นกับมัธยมปลาย ก็ได้ยินเสียงใสๆทักขึ้นมา
"อ้าว ธีเป็นหวัดเหรอ ระวังรักษาตัวหน่อย ใกล้งานโรงเรียนแล้วนะ
ระวังจะหายไม่ทันงาน"
ชลธีเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสาวต่างห้อง ส่งยิ้มให้เล็กน้อย
"ก็เพราะอาจารย์ป้อมนะแหละ...แกบอกว่าตำแหน่งพิธีกรไม่มีการอัดเสียงพูด...ให้พูดสดๆ
กลัวว่าผมจะทำเสียหน้าผู้ปกครองละมั้ง ก็เลยเรียกให้ไปซ้อมบ่อยเป็นพิเศษ
แล้วห้องอาจารย์มันก็ห้องแอร์ เข้าๆออกๆ ก็เลยเป็นหวัดอยู่นี่ไง"
ชลธีอธิบาย
"อืม..อาจารย์แกเข้มงวดนะ ห้องของกิ๊บก็เหมือนกัน...กว่าละครจะผ่านส่งตั้งหกรอบ
เนี่ยก็เลยต้องมาเร่งซ้อมอยู่ ห้องของธีดีนะ ผ่านตั้งแต่รอบแรกเลย"
กิ๊บสาวห้องสามพูดเสียงเหนื่อยอ่อน เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากระโปรง
ควานหาอะไรสักพักก่อนที่จะยื่นส่งให้ชลธี
"กิ๊บมีลูกอมอยู่นะ ธีเอาไปอมสิจะได้ชุ่มคอ...."
ธีรับลูกอมมาจากมือเพื่อนสาว ก่อนจะชวนคุยต่อ
"ใช่ ผมยังไม่รู้เลยว่าละครห้องกิ๊บนะเกี่ยวกับอะไรเหรอ..."
กิ๊บอึกอักอยู่พักหนึ่ง เธอยิ้มพูดแบบอายๆ
"เพื่อนในห้องมันบอกว่าเป็นความลับสุดยอดไม่ให้บอกใคร กะจะให้เซอร์ไพรส์
พวกผู้ชายมันแต่งเรื่องกันเอง..เรื่องมันก็เลยบ้าบอแบบกู่ไม่กลับ...แต่กิ๊บคิดว่าบอกแค่ชื่อเรื่องก็คงจะไม่มีใครว่ากิ๊บมั้ง"
เธอหันมากระซิบบอกกับชลธี
"......"
"ฮ่า..ฮ่า..." ชลธีอดหัวเราะไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อเรื่อง...กิ๊บเองก็หัวเราะเช่นเดียวกัน
ก่อนจะขอตัวบอกว่านัดกับอาจารย์ป้อมไว้ ชลธีมองตามหลังของกิ๊บที่วิ่งไปทางห้องอาจารย์ซึ่งอยู่ชั้นล่างของตึกมัธยมต้น...ก่อนที่จะมีเสียงดังขัดขึ้นมา
"มองตามหลังสาวตาลอยเชียวนะจ๊ะ...มิน่าหมู่นี้ไม่ค่อยเห็นไปที่บ้านเท่าไหร่....กำลังมีความรักนี่เอง"
ชลธีสะดุ้งมองไปยังต้นเสียง เห็นเต๋ายืนยิ้มๆอยู่
"ไม่เอาน่าเต๋า...มีความรักที่ไหน...แค่ทักกันเท่านั้นเอง"
ชลธีบอกตามตรง ก่อนเอามือป้องปากไอออกมาอีกสองสามที
"ทักกันอะไรมีให้ของ แถมกระซิบข้างหูกันอีก ตาไม่บอดนะ..อย่าลืมสิจ๊า..นี่มันกลางทางเดินระหว่างตึก..."
เต๋ามองแบบอยากรู้อยากเห็น
"ลูกอมน่ะ กิ๊บเขาเห็นว่าผมเป็นหวัดก็เลยให้มาอม เนี่ยเจ็บคออยู่เลย"
พูดจบชลธีก็ยื่นห่อลูกอมให้เต๋าดู พร้อมกับแกะทำท่าจะกิน แต่โดนสาวเต๋าคว้าไปเข้าปากตัวเองเสียก่อน
ชลธีได้แต่อึ้งยืนถือเปลือกลูกอมงงๆ
"นี่เจ็บคอนะ เขาไม่มาอมพวกลูกอมหวานๆแบบนี้หรอก...น้ำตาลยิ่งทำให้เหนียวคอ
ไปขอยาห้องพยาบาลเลยดีกว่า" ไม่รอคำตอบจากเพื่อนชาย เต๋าลากชลธีเดินลงจากบันไดระหว่างตึก
ชลธีได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ตั้งแต่รู้จักกันมาเต๋าเป็นคนชอบเจ้ากี้เจ้าการเรื่องของคนอื่นอยู่แล้ว
ถ้าอะไรที่เธอเห็นว่าดี ไม่เป็นพิษเป็นภัย เธอก็ชอบที่จะให้ได้ดังใจของเธอ
แถมเซนก็ยอมเต๋ายังกะอะไรดี ก็เลยติดเป็นนิสัย เมื่ออยู่บ้านเต๋าจะทำตัวเป็น
"เจ้าแม่" เต็มที่
เต๋าลากชลธีผ่านดงต้นหูกวางไปทางตึกพยาบาลที่แยกออกมาจากตึกเรียน
ตึกพยาบาลเป็นตึกสีขาวสองชั้น ชั้นล่างมีห้องเลี้ยงเด็กเล็กๆอยู่หนึ่งห้อง..ซึ่งทางโรงเรียนมีไว้เพื่อให้อาจารย์บางคนที่มีลูกเล็กพาลูกมาไว้ที่โรงเรียนได้
มีพยาบาลคอยดูแล เสียเงินให้กับทางโรงเรียนเล็กน้อยต่อเดือน...ส่วนชั้นสองเป็นห้องพยาบาล
มีอาจารย์นั่งประจำ และก็มีเตียงนอนอยู่ห้าเตียง
ชลธีได้แต่บอกอาการไม่สบายเล็กน้อยของตนให้อาจารย์ห้องพยาบาลฟัง
อาจารย์ก็พยักหน้าพร้อมกับหยิบยาแก้หวัดมาให้เขาสองเม็ด พร้อมกับชี้บอกให้ไปกดน้ำเอาเองที่ตู้น้ำร้อนเย็นข้างนอก
หลังจากนั้นเธอก็เดินไปดูเด็กคนอื่นที่ไม่สบายมากกว่า
"แล้วเมื่อกี้กระซิบกระซาบอะไรกับกิ๊บเหรอ" เต๋าถามต่อ
ชลธีนึกออกก็หัวเราะคิกคักขึ้นมาอีก
"กิ๊บเขาแอบบอกเรื่องละครของห้องให้ฟัง...เห็นเพื่อนคนอื่นบอกให้เก็บเป็นความลับก่อนจะแสดงซ้อมใหญ่"
ชลธีบอก
"อ้าว...ละครห้องเขาผ่านอาจารย์แล้วเหรอเนี่ย..." เธอถามอย่างสนใจเช่นเดียวกัน
"ผ่านแล้ว...ชื่อเรื่องว่า เงือกน้อยกับยอดมนุษย์" ชลธีพูดพร้อมกับสบตาเต๋ายิ้มๆ
เต๋าฟังก็อึ้งไป แล้วหลังจากนั้นทั้งสองคนก็หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง
"ฮ่า..ฮ่า...เต๋าพอเดารสนิยมอาจารย์ป้อมออกแล้ว...ท่าทางแกจะชอบเรื่องเพี้ยนๆนะ
เรื่องปรกติไม่เห็นชอบ มิน่าเซนถึงเขียนผ่านตั้งแต่รอบแรก"
เธอยกมือกุมท้องตัวเอง
"ก็เพราะแกแปลกๆแบบนี้ไง ถึงได้อยู่เป็นโสดมาจนถึงบัดนี้"
ชลธีนินทาต่ออีก...ถึงตอนนี้เต๋าหัวเราะจนน้ำตาเล็ด จนกระทั่งอาจารย์ห้องพยาบาลต้องออกมาเตือนให้เงียบๆเกรงใจคนป่วยหน่อย
เธอกับชลธีจึงจำต้องออกมาจากห้องพยาบาล
วันนี้สาวๆหลายคนกับหนุ่มๆพากันมาตัดชุดแสดงละครที่ประตูน้ำเพราะว่าเป็นวันหยุดราชการ...ทุกคนล้วนแล้วแต่ตื่นเต้นโดยเฉพาะพวกสาวๆที่ดีไซน์ชุดเปิดหน้าท้องกันมาซะสุดหรู
ปุ๊กแม่ของอาละดินเธอเป็นคนไปเดินเลือกซื้อผ้าที่พาหุรัดมาก่อน สำหรับสาวๆที่เป็นตัวเต้นประกอบฉาก
เธอเลือกผ้าคล้ายๆผ้าซับในแต่หนากว่า ราคาไม่แพงมาก หลากหลายสี ส่วนชุดของตัวเอกนั้นเธอซื้อผ้าราคาค่อนข้างแพง
มีปักดิ้นเงินดิ้นทอง
ผู้ชายที่แสดงเป็นตัวประกอบไม่ค่อยต้องแต่งตัวมากเท่าไหร่ แค่เดินเลือกซื้อเสื้อกั๊กเพิ่มหนึ่งตัว
ส่วนข้างในก็ให้ใส่เสื้อยืดสีดำแขนยาวแล้วก็กางเกงยีนส์สีเข้มธรรมดาจึงแยกไปกันคนละทาง
ยกเว้นแค่คิง เอก แล้วก็โจ๊ก เพราะสามคนนี้แสดงเป็นตัวหลัก เอกเล่นเป็นจาฟา
ส่วนโจ๊กก็เล่นเป็นยักษ์ในหม้อ จึงต้องมาสั่งตัดเสื้อพร้อมกับพวกผู้หญิง
สำหรับเซน หนุ่มน้อยถูกเต๋าลากให้ไปด้วยเพราะเธอขี้เกียจถือของ..เซนก็เลยตามไปแบบหงอยๆ
เพราะไม่อยากไปพร้อมกับคิงเท่าไหร่ ช่วงนี้คิงชอบเข้ามาล้อเขา ตามเขาแจมากกว่าเต๋าเสียอีก...จนเพื่อนๆนึกว่าญาติดีกันแล้ว
"เซน ชั้นว่าแกใส่ชุดนี้ท่าจะขึ้นว่ะ เสียอย่างเดียวไม่มีหน้าอก"
คิงชี้ไปที่ชุดนักร้องคาเฟ่สีชมพูปักเลื่อมแวววาวทั่วทั้งตัวแถมมีขนนกฟูฟ่องติดที่ด้านหลัง
เซนมองตามนิ้วมือ
"ไอ้บ้า..แกใส่เองเถอะเหมาะกับบทกระเทยโรคจิตอย่างแกอยู่แล้ว..."
ขนาดหงอยๆ เซนก็ยังอดไม่ได้ที่จะด่า ตอนนี้เขายืนอยู่กับคิงแค่สองคน
เอกกับโจ๊กเดินไปดูของหายไปไหนก็ไม่รู้ จะเดินเข้าไปหาเต๋ากับพวกสาวๆก็ถูกไล่ออกมาเพราะกำลังวัดตัวกันอยู่
สงสัยคงเป็นความลับทางราชการ แม่เจ้าประคุณทั้งหลายก็เลยไม่ให้หนุ่มๆอย่างพวกเขาย่างกรายเข้าไปเลย
"แหมอย่างน้องดินนะค้า...ใส่อะไรก้อหล่อไปหมดแหละค่าาาาา"
คิงมองหน้าคู่ปรับที่ตอนนี้ยิ้มออกกับบทกระเทยนอกเวทีของเขา ไม่รู้เป็นอะไร
จริงๆเขาควรจะสบายใจด้วยซ้ำที่ช่วงนี้เจ้าเซนมันไม่ค่อยมาวุ่นวายหรือชวนทะเลาะเหมือนเมื่อก่อน
แต่ที่ไหนได้เขากับรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง...กลับชอบไปยั่วให้เซนมันด่าเขาเสียอย่างนั้นแหละ
หรือว่าเขากลายเป็นพวกโรคจิตชอบถูกคนด่าไปเสียแล้ว..คิงได้แต่คิดในใจ
"เออ เออ แกมันหล่อ...ซื้อกลับไปใส่ที่บ้านก็แล้วกัน พอแม่จะได้ภูมิ..."
ยังพูดไม่ทันจบประโยค เซนก็กระเถิบเข้าไปชิดกับคิง แบบที่อีกคนยังไม่ทันตั้งตัว
คิงยกมือขึ้นมาจับไหล่คนตัวเล็กกว่าก็พบว่าเซนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า
"เฮ้ย...แกเป็นอะไรไปวะ..." เขาถามงงๆ แต่เซนก็ไม่ยอมตอบอะไร
คิงจึงหมุนศีรษะมองไปรอบๆตัว ในที่สุดเขาก็เห็นว่าด้านหลังเขามีสุนัขจรจัดสามตัว
กำลังฮึ่มแฮ่ใส่กันอยู่ คนเดินซื้อของหลายคนกำลังเดินหลบออกมา
เป็นที่รู้กันดีว่าที่ไหนมีคนอยู่ก็ย่อมจะมีสุนัขจรจัด...แม่ค้าแถวนี้บางคนก็เอาเศษอาหารที่กินเหลือๆโยนให้บ้าง
จึงทำให้เจ้าสุนัขจรจัดพวกนี้ไม่ไปไหน..เดินหาเศษอาหารไปทั่ว บางครั้งก็มีกัดกันบ้างเมื่อใครหลงไปถิ่นใครเข้า...
"อ๋อ...รู้แล้ว...หมาตรงนั้น.." คิงพูดปนหัวเราะใส่หูคนที่ยืนยึดเสื้อเขาอยู่
เขาได้ยินเซนพูดปนสะอื้น
"ห้ามแกล้งนะ....." เซนพูดเสียงสั่น สิ่งที่เขากลัวที่สุดตอนนี้ก็คือกลัวคิงจะจับเขาโยนใส่กลุ่มหมา..ยิ่งเป็นคู่กัดกันอยู่ตลอดด้วย
คิงจะแก้แค้นเขามันก็ไม่แปลก
"เอาน่า ไม่แกล้งหรอก รู้ว่ากลัว..หายใจเข้าลึกๆสิ..พุท..โธ..."
คิงพูดเสียงนุ่ม ลูบหัวเซนเบาๆแบบปลอบใจ เซนพยายามระงับอาการตกใจของตัวเองอยู่
พยายามหายใจเข้าออกตามที่คิงบอก...แต่ก็ไม่เป็นผลเขายิ่งตัวสั่นเมื่อได้ยินเสียงเจ้าหมาสามตัวนั้นเริ่มที่จะกระโจนเข้าหากัน..เห่าเสียงดังขรม
คนเริ่มถอยกระจายออกเป็นวงกว้างมาเบียดทางที่คิงกับเซนยืนอยู่
"ถ้านายกลัวก็ถอยหลังเดินช้าๆนะ...ไม่ต้องไปมองหลับตาซะ"
คิงบอก พยายามดันเซนให้เดิน แต่เจ้าตัวเล็กก็ไม่ยอมขยับ
"เดินไม่ไหว...ขาไม่มีแรงเลย..." เซนพูดเสียงขาดๆ หายๆ...ก่อนที่จะตัดสินใจพูดประโยคที่คิงฟังแล้วอึ้ง
"นายอุ้มที..."
"เฮ้ย...ถ้าเป็นปรกติแกทำยังไงวะ หมามันก็มีทั่วไปนั่นแหละ..."
คิงถามแบบประหลาดใจ
"ธรรมดาเจ้าธีเป็นคนอุ้ม...." เซนตอบพร้อมกับดันตัวเข้าไปชิดยิ่งขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงเห่าอีกระรอก คำตอบของเซนทำให้คิงรู้สึกเคืองแบบไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
ฮึ่ม...ธรรมดาเจ้าธีอุ้ม...
คิงดันตัวเซนออกไปเล็กน้อยก่อนที่จะก้มลงช้อนใต้ขาคนตัวเล็ก ยกขึ้นอุ้มลอย
พร้อมกับตะโกนขอทางคนที่ยืนเบียดกันอยู่
"ขอโทษครับ เพื่อนผมมันไม่สบายหลีกทางหน่อย" เขาเดินเบียดออกตามฝูงชนที่แหวกทางให้
ด้านหลังยังได้ยินเสียงสุนัขกัดแว่วมาอยู่พร้อมกับเสียงตะโกนของพ่อค้าบางคนแล้วก็ตามด้วยเสียงน้ำ
โครม....ซ่าาาา...
เซนอายจนหน้าแดง...ซุกหน้ากับอกของคิงไม่กล้าสบตาใคร..เขาบอกให้คิงอุ้มก็จริงแต่ไม่ได้คิดว่าคิงจะอุ้มแบบอุ้มเจ้าสาวแบบนี้
ธรรมดาเวลาชลธีอุ้มเขาจะเหมือนการ 'ลาก' เสียมากกว่า แถมพอลากออกมาได้ก็เอาแต่บอกว่าเขาตัวหนัก...แต่นี่คิงกลับอุ้มเขาจนตัวลอยเหมือนเบาๆอีกแนะ
คิงกึ่งเดินกึ่งวิ่งอุ้มเซนหลบไปทางซอกตึกที่ไม่ค่อยมีคนแห่งหนึ่ง
วางเซนลงให้ยืนด้วยขาตัวเองก่อนที่จะพิงผนังหอบ เซนยังยืนซบคิงอยู่
เขาสูดลมหายใจลึกๆสงบสติอารมณ์ตัวเองพร้อมกับฟังเสียงหัวใจเต้นรัวของคนข้างๆ
จนกระทั่งมันกลับสู่ระดับปรกตินั่นแหละ เซนจึงรู้ตัวว่าเขายืนซบคิงเพลิน...แถมคิงยังเอามือโอบรอบอยู่ด้านหลังเขา...ยังกับยืนกอดกัน..
เซนดันตัวออก พูดพึมพำขอบคุณไม่ยอมสบตาคู่อริ...คิงหัวเราะเบาๆ
"อ้าว...คราวนี้ไม่ได้เป็นลมแฮะ...นึกว่าอาจจะได้เมาส์ทูเมาส์ซะแล้ว"
คิงยังอดไม่ได้ที่จะพูดแกล้ง..เขารู้สึกตื่นเต้นที่ได้อุ้มเซนมากกว่าตอนที่เขาได้จับมือเต๋าในการแสดงละครอีก...ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้นะ
"ไอ้เวร!! เมาส์ทูเมาส์มันสำหรับคนจมน้ำโว้ย....ไม่ใช่คนเป็นลม
ฉลาดหรือแกล้งโง่ว่ะ" เซนเริ่มโวยวายได้อีกครั้ง "ต่อให้จมน้ำจริง
ถ้าทำแบบนั้นกับแกมีหวังได้เป็นตราบาปไปชั่วชีวิต" เซนพล่ามต่อไม่หยุด...แต่แล้วก็ตาเหลือกเมื่อได้รับสัมผัสเบาๆที่ข้างแก้ม
"เมาส์ทูเมาส์เป็นตราบาปไปชั่วชีวิตแล้วเมาส์ทูชีคละ เหมือนกันหรือเปล่า"
เสียงพูดกลั้วหัวเราะถามขึ้น ก่อนจะเดินออกจากซอกตึกไป
"แก๊..............." พร้อมกับเสียงด่าตามไล่หลังมาติดๆ...