School party
วุ่นรักงานโรงเรียน
ตอนที่ 5
หลังจากวันที่ไปตัดชุดที่ประตูน้ำกลับมา...ชลธีก็รู้สึกว่าเซนกลับมาพูดมากเหมือนเดิม
แต่คราวนี้เริ่มจะพูดจาแปลกๆผิดๆถูกๆ อาทิเช่น
"แก....อย่าเข้ามาใกล้ชั้นนะโว้ย ไอ้เกย์โรคจิต!!" เซนตะโกนด่าคิงเมื่อเห็นคิงเดินเข้ามาหา
"คิงมันเป็นเกย์ที่ไหนเล่า เป็นกระเทยไม่ใช่เหรอ...แกเขียนบทเองอย่าสับสนสิวะ"
ชลธีทักขึ้นมา วันนี้เขาไม่ต้องไปซ้อมพูดกับอาจารย์เลยมาดูซ้อมการแสดงของห้องแทน
"มันต่างกันตรงไหนล่ะวะ...เกย์หรือกระเทยมันก็จิตผิดปรกติทั้งนั้น...ไอ้เกย์โรคจิต!!"
เซนยังไม่วายยืนยันคำเดิมจนเพื่อนชักเอือม...ปล่อยเลยตามเลย...เห็นเหมือนจะดีกับคิงได้สักพัก
นี่กลับมากัดกันอีกแล้ว...
เซนจ้องคิงที่เดินกลับไปซ้อม ในสมองเขาได้แต่ประมวนความคิดกลับไปกลับมา
เขานั่งคิดนอนคิดแทบทุกวัน...บางวันถึงขนาดเก็บไปฝันร้าย...ทำไมวันนั้นคิงมันถึงหอมแก้มเขา...
อุตส่าห์นึกว่าเป็นคนดีแล้วเชียว เห็นช่วยปลอบช่วยอุ้ม แต่ที่ไหนได้สักพักกลับมา...กลับมา......โธ่เว้ยยยยย...ไม่อยากคิดถึงมันเลยยยย.....หรือว่าเป็นวิธีแก้แค้นใหม่ของมัน...ต้องใช่แน่ๆ...เพราะเท่าที่ดูมันก็ยังยิ้มหน้าหม้อเหมือนเดิมตอนที่จับมือกับเต๋า...แถมยัยเจ๊ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หัวเราะไปกับมันด้วย....ตกเสน่ห์มันไปแล้วหรือไงนะ....ไม่สบอารมณ์เลย....
"เป็นอะไรไปเซน...แมลงเข้าหูเหรอ..ส่ายหัวใหญ่" ชลธีถามเมื่อเห็นเซนเอาแต่ส่ายหัว
"บ้าสิ...คิดอะไรนิดหน่อย...." เซนเงียบไปไม่ยอมพูดอะไรต่อ
ชลธีจึงหันไปดูการซ้อมแทน วันนี้เป็นการซ้อมบทที่เพิ่มมาเป็นพิเศษ
เพื่อนๆคนอื่นที่ช่วยคิดท่าทางกำลังยืนกำกับอยู่ บางท่าแทบจะกอดกันอยู่แล้ว...
"ช่วงนี้แกไม่ขัดขวางคิงกับเต๋าแล้วเหรอ...แถมยังเขียนบทเพิ่มให้สองคนนั่นอีก"
ชลธีถามพลางเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำข้างตัวมาดื่ม ช่วงนี้อาการหวัดเขาค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้ว...แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ดื่มน้ำเย็นจัด
"ใครบอกว่าไม่ขวาง!!...." เซนพูดห้วนๆ "แค่ปล่อยให้ไอ้คิงมันได้ใจไปก่อนแค่นั้นเอง..."
เขาไม่กล้าบอกชลธีว่าโดนคิงข่มขู่ให้เขียนบทเพิ่ม น่าอายจะตาย...
"เฮ้ย...ระวังหน่อยแล้วกัน...เพราะดูท่าคิงมันไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียวนะเฟ้ย...เต๋าก็ทำท่าชอบๆมันอยู่ด้วย...ดูสิ"
ชลธีบุ้ยปากให้ดูคู่พระคู่นางของละคร จริงอย่างที่มันว่า เต๋านั้นกำลังบริการส่งน้ำดื่มให้คิง
แถมยังมีผ้าเช็ดปากยื่นส่งตามให้อีก...คิงรับมาดื่ม เพื่อนๆที่ยืนอยู่รอบๆส่งเสียงล้อเลียน
เต๋าก็ยิ้มไม่แคร์ เซนอ้าปากค้าง..เกิดมาไม่เคยเห็นเจ๊บริการใครถึงขั้นนี้มาก่อน...รู้สึกใจหาย...เจ็บจี๊ดๆในอก...
"จ้องอะไรคะ หน้าเต๋ามีอะไรผิดปรกติเหรอ" หญิงสาวทักเพื่อนชายที่เล่นบทคู่กันเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองไม่วางตา
"เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอก...แค่คิดว่าเต๋ากับเซนนี่ก็คล้ายกันเหมือนกันนะ"
คิงรู้สึกตัว...เมื่อกี้เขามัวแต่มองเครื่องหน้าของเต๋าพลางคิดเปรียบเทียบกับคนที่อุ้มเมื่อวันก่อน...ตาเรียวคล้ายกัน
คิ้วก็ทรงเดียวกันเพียงแต่เซนจะเข้มกว่า...จมูกเต๋าโด่งกว่าเล็กน้อย...
คาง...ปาก....แก้ม...จมูกเขาเหมือนยังได้กลิ่นหอมที่สัมผัสเมื่อครั้งก่อน...จริงๆวันนั้นเขาเกือบก้มไปจะจูบปากที่พูดมากนั่นต่างหาก..แต่ก็เบี่ยงประเด็นวูบไปที่แก้มแทน..ตกใจตัวเองเหมือนกันที่จู่ๆคิดแบบนั้นเลยหันมากลบเกลื่อนแบบพูดเล่น...ซึ่งเซนคงคิดว่าถูกเขาแกล้งแน่ๆ
"ก็ต้องเหมือนสิคะ...ญาติกันนี่ไม่ใช่คนอื่นคนไกล" เต๋าพูดพร้อมยิ้มน้อยๆ...ทั้งสองคนหันไปมองทางคนที่ถูกพูดถึงซึ่งตอนนี้หันไปนั่งกินขนมอยู่กับชลธี
'สนิทกันจริงนะ' คิงมองอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อนึกถึงคำพูดของเซน...ธรรมดาธีอุ้ม...แล้วนี่กินขนมก็แทบจะป้อนกันอยู่แล้ว...โอ๊ย...กูเป็นอะไรไปวะ...!!
วันอาทิตย์เป็นวันที่นักแสดงที่มีบทพูดทุกคนนัดไปเจอกันที่ร้านฟาสฟูตย่านสาธุประดิษฐ์เพื่อที่จะไปห้องอัดเสียงต่อ
คิงไปถึงเป็นคนแรกก่อนเวลานัดสิบนาทีเพราะโดยนิสัยเขาไม่ชอบผิดนัดใคร..เขาสั่งไก่ทอดมานั่งกินรอเพื่อนไปพลางๆ...ผ่านไปไม่นานเพื่อนหลายคนก็เริ่มทยอยมากันจนเกือบครบ
เสียงคุยดังเซ็งแซ่จนโต๊ะข้างๆหันมามอง
"นี่เต๋ายังไม่มาอีกเหรอ นัดสิบโมงนี่เกือบจะสิบเอ็ดโมงเข้าไปแล้ว"
ปุ๊กเอ่ยถาม... "ใครมีเบอร์โทรฯเต๋ามั่งเนี่ย"
"ไม่เป็นไรหรอก... จองเวลาห้องอัดไว้บ่ายโมงไม่ใช่เหรอ"
เอกถามปุ๊กเพื่อความแน่ใจ "กินไก่ดีกว่าน่า หรือว่าจะไปสั่งน้ำมานั่งรอก็ได้..นี่ก็ยังมาไม่ครบทุกคนสักหน่อย"
ปุ๊กได้แต่บ่นพึมพำ...เธอกะไว้แล้วว่านัดสิบโมงนี่จริงๆคงจะมีคนสายมาไม่ตรงเวลาหลายคน
แล้วก็จริงๆซะด้วย
"อ้าวนั่นไง...มานั่นแล้ว..เต๋าเดินมาพร้อมกับโจ๊กแนะ"
คิงพูดเมื่อเห็นเต๋าเดินผ่านประตูร้านเข้ามา...สายตาเขาพยายามจะสอดส่ายหาอีกคนแต่ก็ไม่เห็น
"ว้าย...ยัยเต๋า ชั้นนัดสิบโมง ดูสิเธอมาเกือบจะสิบเอ็ดโมง...ดูเวลาซะมั่งสิ"
ปุ๊กโวยวายกับเพื่อนเธอ...
"เอาน่า..จองห้องอัดตั้งบ่าย..นี่มาสิบเอ็ดโมงยังเหลือเวลาอีกตั้งสองชั่วโมง
เร่งร้อนทำไม มาช้ายังดีกว่าไม่มานะจ๊ะ" เต๋าพูดเล่นกับเพื่อน
"ถ้าเธอไม่มาสิ...ชั้นได้อาละวาดแน่" ปุ๊กตบไหล่เพื่อนสาวอย่างแรง
เสียงดังเพี๊ยะ
"โอ๊ย...ออมแรงหน่อย ชั้นไม่ได้แรงช้างแรงม้าอย่างเธอนะยะหล่อน"
เต๋าโวยวาย...
คิงได้แต่มองสองสาวหยอกล้อกันสนุกสนาน...ในใจเริ่มหงุดหงิด อยากจะออกปากถามถึงคนอีกคนแต่ก็ยังหยิ่ง..ทำไมไม่เห็นมีใครนึกถึงเลยนะ...หรือว่าเขาใส่ใจอยู่คนเดียว
"อ้าว...แล้วนี่พ่อยอดชายนายเซนของเธอไม่ได้มาด้วยกันเหรอ...ธรรมดาเห็นตัวแทบจะติดกันไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด"
ในที่สุดสาวปุ๊กช่างพูดก็เอ่ยถามออกมาจนได้ คิงหูผึ่งรอฟังคำตอบ
"ชั้นก็อยากจะลากมันมาด้วยหรอก แต่มันไม่สบายน่ะ...ไข้ขึ้นนอนซมอยู่บ้านลุกไม่ไหว...บอกมันแล้วว่านายธีเป็นหวัดก็ไม่ฟังมัวแต่ไปขลุกอยู่ด้วยกัน..."
เต๋าพูดแบบเซ็งๆ "ส่วนเจ้าตัวคนแพร่เชื้อไม่เห็นเป็นไรเท่าไหร่"
หลังจากนั่งคุยกันหาอะไรทานเป็นมื้อเที่ยงแล้วทุกคนก็เดินทางไปห้องอัดเสียงซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่
การอัดเสียงเป็นไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งถึงเย็น..
"นี่ปุ๊ก...ช่วยอัดเทปเผื่อเราม้วนนึงด้วยนะ จะเอากลับไปซ้อมที่บ้านน่ะ"
เต๋ายื่นเทปเปล่าให้เพื่อนสาว ปุ๊กอ้าปากหวอ
"ยายเต๋า..แกจะจริงจังอะไรปานนี้...ไม่ใช่สอบนะโว้ย..กลัวจะไม่ได้ท็อปหรือไง"
เธออุทานขึ้นมา มองหน้าเพื่อนสาว เต๋ามองซ้ายมองขวาไม่เห็นมีใครสนใจ
เธอก็กระซิบข้างหูเพื่อนร่างใหญ่
"ไม่ใช่...จริงๆคือชั้นไม่มั่นใจตัวเองนะ.." เต๋าทำหน้าลำบากใจก่อนจะเล่าต่อ
"เห็นชั้นกล้าๆแบบนี้...แต่ตอนเด็กๆชั้นเคยออกงานแสดงเปียโน
ทั้งที่ตอนซ้อมไม่มีปัญหาอะไรแท้ๆ แต่พอแสดงจริงๆชั้นกลับดีดไม่ออก
ผิดแล้วผิดอีกจนในที่สุดก็เลยร้องไห้วิ่งลงจากเวทีไปเลย" เธอเล่าเรื่องในอดีตให้เพื่อนสาวฟัง
"แล้วนี่ก็งานโรงเรียนปีสุดท้ายด้วย ถึงแม้ตอนซ้อมที่โรงเรียนชั้นจะพยายามเต็มที่
แต่ก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี" เธอพูดเสียงเบา
ปุ๊กพยักหน้ารับรู้อย่างเห็นใจ มิน่าที่โรงเรียนเต๋าจึงตั้งใจแสดงอย่างมาก...
อีกสองอาทิตย์เท่านั้นก็จะถึงวันงานโรงเรียน...ทุกคนเริ่มซ้อมบทตามเทปที่ไปอัดเสียงมา...วันไหนที่ไม่มีซ้อมก็มานั่งเตรียมงานช่วงกลางวันแทน
เสาของโรงเรียนแทบทุกต้นเต็มไปด้วยกระดาษใบปลิวติดไปทั่ว รวมทั้งโฆษณาละครของชั้นม.6
ทั้งสองเรื่องด้วย...
"กรี๊ด...ชั้นอยากดูละครของพี่ม.6ห้องสองกับห้องสี่จัง"
เด็กมัธยมต้นกลุ่มหนึ่งยืนคุยกันหน้าโปสเตอร์โฆษณาที่ติดไว้
"อาละดินกับหม้อวิเศษเหรอ...ท่าทางน่าสนุกนะ...พี่คิงกับพี่เต๋าแสดงด้วยล่ะ"
"นี่ไง...นายฉมาบดี ศรีเมฆา...กับนางสาวธนัชชา เอกอาชา.."
เธอชี้ไปที่ชื่อของดาราแสดงนำ
"แต่ว่าอาละดินแต่งหน้าด้วยเหรอ" เธอชี้ไปที่รูปวาดในใบปลิว
ถึงแม้จะเป็นแค่ใบปลิวถ่ายเอกสาร แต่ทุกคนก็เอาสีไม้มาแต่งแต้มเพิ่มสีสันทีหลัง
จึงค่อนข้างจะเด่นพอสมควร
"สงสัยใครมือบอนมั้ง...พระเอกที่ไหนแต่งหน้าทาปากแดงแบบนั้น..."
"แต่อาละดินยืนท่าแปลกๆนะ..." สาวน้อยอีกนางเริ่มมองรายละเอียด
"แถมเจ้าหญิงก็มีจุดดำๆที่แขนด้วย..."
"ลายผ้ารึเปล่า"
"แต่ว่าลายผ้าทำไมมันแยะจัง ที่หน้าก็มีด้วยนะ"
"!!"
"!!"
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ละครเริ่มหนาหูขึ้น...ทุกคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่...อย่างน้อยทุกปีก็มีเด็กอยู่เย็นจนถึงงานเลิกเกือบเที่ยงคืนหลายร้อยคน...ปีนี้ก็คงเช่นเดียวกัน
"เฮ้ย...ช่วงกลางวันที่จะทำห้องเกมนะ...ให้โรงเรียนเขียนจดหมายขอสปอนเซอร์รึยัง"
เสียงเพื่อนๆคนหนึ่งตะโกนถาม ยิ่งใกล้งานโรงเรียนก็ยิ่งมีเรื่องให้ตระเตรียมมากขึ้น
ละครที่ทำรวมสองห้องนั้นเป็นงานกลางคืน ส่วนงานกลางวันไม่ได้มีการร่วมกัน...ดังนั้นแต่ละห้องจึงวิ่งวุ่นกับการขอสปอนเซอร์
ซึ่งบางทีก็ได้เป็นเงินสด บางทีก็ได้เป็นของ ขนม หรือว่าเครื่องเขียน
"เรียบร้อยแล้ว...อย่าลืมจัดเวรเฝ้าซุ้มด้วยนะ" เสียงชลธีดังขึ้นมา...เขาเป็นหัวหน้าห้องจึงต้องรับผิดชอบมากกว่าคนอื่น
"ผมขอช่วงเช้านะธี..ช่วงบ่ายจะได้มีเวลาว่างไปเดินเที่ยวกับน้องอ้อมสักหน่อย"
เสียงเพื่อนชายคนหนึ่งตะโกนบอก ชลธีก็ได้แต่พยักหน้าจดยิกๆ ลงบนตารางที่ทำขึ้นมา
"แล้วนี่เซนมันยังไม่หายหวัดอีกเหรอ...ไม่มาโรงเรียนสองวันแล้วนะ"
เพื่อนคนเดิมถามขึ้น "รู้สึกห้องเงียบๆยังไงก็ไม่รู้"
"ก็ค่อยยังชั่วแล้ว...แต่มันบอกว่ามาก็ไม่ค่อยได้เรียน...นอนกับบ้านพักผ่อนก่อนดีกว่า...สบาย"
ชลธีบอก เขาไปเยี่ยมเซนเมื่อเย็นวาน แม่ของเซนบอกว่าเซนค่อยยังชั่วมากแล้ว
แต่เห็นว่าใกล้จะงานโรงเรียนก็เลยให้นอนพักกับบ้านจะได้ไม่ไปแพร่เชื้อให้ใคร
"แล้วพวกนายตอนนี้ซ้อมละครกันวันไหนบ้างล่ะ" ชลธีถามต่อ
"ช่วงนี้ห้องซ้อมมันมีเด็กไปใช้หลายกลุ่มนะ..ละครห้องเราแล้วก็ละครเรื่องเงือกน้อยของห้องหนึ่ง...ก็เลยสลับวันกัน..อย่างวันนี้ไม่มีซ้อม...มีซ้อมอีกทีก็วันศุกร์"
เพื่อนอธิบายให้ฟัง
ข้างฝ่ายเซนคนที่เพื่อนๆถามถึงกำลังนอนดูทีวีอยู่ที่บ้าน
ในเมื่อไม่ได้ไปโรงเรียนก็เลยเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ดูทีวีบ้าง เล่นเกมบ้าง
วันอาทิตย์ที่แล้วไข้ขึ้นสูงมากแม่ก็เลยไม่ให้ออกไปข้างนอกกับเต๋า
หลังจากนั้นอีกสองวันอาการก็ดีขึ้น
"คุณเซนคะ ลงไปทานข้าวต้มหน่อยไหมคะ น้าทิพต้มข้าวต้มไว้ให้นะคะ"
ทิพสาวใช้เก่าแก่ขึ้นมาเคาะประตูเรียกที่ห้อง เธออยู่รับใช้ที่บ้านเซนส่วนแช่มหลานสาวดูแลที่บ้านของเต๋า
"น้าทิพช่วยเอามาให้ข้างบนได้ไหมครับ...ผมขี้เกียจเดิน"
เซนอ้อนเต็มที่ ยิ้มให้กับน้าทิพที่ชะโงกหน้าเข้ามาดู
"อะไรกันคะ...แหม ไม่สบายอ้อนใหญ่เชียว...ไม่ใช่ขาหักสักหน่อย..."
เธอเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับจับหน้าผากเพื่อวัดไข้
"ตัวยังรุมๆอยู่เลยนะคะ...เดี๋ยวทิพเอาข้าวต้มขึ้นมาให้ก็ได้...มีปลาสลิดกับหมูหยอง"
"อยากกินไข่เค็มด้วยนะครับ" เซนช้อนสายตามองหน้าทิพ ทิพพยักหน้ารับรู้
เธอยิ้มก่อนเดินออกจากห้องไปเตรียมข้าวต้มให้เซน
เซนเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา น้าทิพคงจะให้ทานมื้อนี้เป็นมื้อเย็นไปเลยเพราะก็ใกล้เวลาอาหารเย็นของที่บ้านแล้ว...ผ่านไปสักพักทิพก็เดินขึ้นมาพร้อมกับถาดข้าวต้ม
แต่ไม่ได้มีแค่ข้าวต้มกับกับข้าวอย่างเดียว มีทั้งช็อกโกแลต ผลไม้แล้วก็ดอกไม้อีกช่อหนึ่ง
"โห มีปาร์ตี้หรือไงเนี่ย....ทั้งผลไม้ทั้งขนม...แถมดอกไม้ด้วย"
เซนมองอย่างแปลกใจ เขาเอื้อมมือไปที่กล่องช็อกโกแลตยี่ห้อสุดแพงก่อนจะแกะออกมากิน
อืม...อร่อยสมราคา น้าทิพมองยิ้มๆ
"ไม่มีปาร์ตี้หรอกคะ..เพื่อนคุณเซนเอามาให้นะคะ" เธอบอก
"ก็สมควรแล้ว...ปล่อยเชื้อหวัดให้คนอื่นติดนอนซมแบบนี้ จริงๆควรจะให้สองกล่องด้วย
เพราะไม่ได้ไปโรงเรียนตั้งสองวัน" เซนพูด
"แต่เพื่อนคนนี้ไม่ใช่คุณธีนะคะ..." ทิพพูดต่อเพราะรู้ว่าเซนเข้าใจผิด
เซนชะงักนิดหนึ่ง ไม่ใช่ธีแล้วจะเป็นใคร ไม่ได้ป่วยนอนโรงพยาบาลสักหน่อยเพื่อนๆจะได้มาเยี่ยม
แถมเพื่อนห้องเขาก็รู้ๆนิสัยกันดี
"แล้วใครนะ น้าทิพเคยเห็นหน้ารึเปล่า"
"น้าทิพก็ไม่รู้จักหรอกคะ...เห็นมากดออดที่รั้ว บอกว่ามาเยี่ยมคุณเซนเพราะไม่ได้ไปโรงเรียนสองวันแล้ว
แต่พอน้าทิพมาเรียก
คุณ คุณนอนหลับอยู่ เขาก็เลยฝากของพวกนี้ไว้นะคะ...ดอกไม้นี่ก็สวยนะคะ"
น้าทิพชูช่อดอกไม้โทนสีฟ้าขาวที่ผูกโบอย่างดีให้เซนดู เซนอ้าปากค้าง
ลืมช็อกโกแลตที่อยู่ในปากเสียสนิท...
"แต่น้าทิพว่าหน้าเขาคุ้นๆเหมือนเคยเห็นเหมือนกันนะคะ....คงจะเคยมาที่บ้านครั้งสองครั้งได้...หล่อๆ
แบบนั้น น้าทิพไม่น่าจะลืม" ทิพพรรณาต่อ
ถึงตอนนี้เซนชักรู้แล้วว่าใครมาเยี่ยมเขา... ก็หนุ่มหน้าตาดีที่เคยมาที่บ้านมันมีสักกี่คนกันละ.......แล้วช็อกโกเลตนี่มันใส่ยาพิษไว้หรือเปล่าฟะ...