School party
วุ่นรักงานโรงเรียน
ตอนที่ ๖
ตอนนี้พื้นสนามโรงเรียนด้านหนึ่งมีการวางโครงเหล็กเพื่อที่จะสร้างเป็นเวทีชั่วคราว
การเรียนเริ่มน้อยลงเพราะงานโรงเรียนใกล้เทศกาลคริสมาสต์และอีกเพียงไม่กี่อาทิตย์ก็จะเป็นวันหยุดยาว
ทางโรงเรียนกำหนดให้นักเรียนซ้อมใหญ่การแสดงทุกชุดก่อนการแสดงจริงสองวัน
ละครเรื่องอาละดินกับตะเกียงวิเศษของห้องสองและห้องสี่นั้นถูกจัดคิวให้เป็นการแสดงชุดสุดท้าย
ซึ่งเริ่มตอนสี่ทุ่มครึ่งและคงจะเสร็จประมาณห้าทุ่มกว่าๆถ้าไม่มีการล่าช้า
ตอนนี้เซนมาโรงเรียนได้แล้วแต่เขาพยายามหลบหน้าไม่ไปดูการซ้อมละครของห้อง
จริงๆอยากจะหลบหน้าคนบางคนต่างหาก
"วันพรุ่งนี้ซ้อมใหญ่บนเวทีนะ เตรียมตัวให้ดีด้วย" ชลธีประกาศตอนชั่วโมงโฮมรูมของห้องในตอนเช้า
"อาจจะเลิกช้าหน่อย แต่คงไม่ดึกเท่าวันแสดงจริงเพราะรุ่นน้องจะซ้อมใหญ่กันวันนี้"
เขาอธิบายต่อให้เพื่อนๆในห้องฟัง
"อย่าลืมไปขายบัตรซุ้มเกมให้รุ่นน้องด้วยนะ"
เสียงคนอื่นในห้องตะโกนบอกกัน
ก่อนวันงานทุกคนจะวุ่นกันมาก โดยเฉพาะรุ่นพี่ม.6 ที่ทำซุ้มเกม เพื่อเป็นการไม่ให้วุ่นวายจะมีการขายบัตรเกมของห้องให้รุ่นน้องก่อนวันงานประมาณหนึ่งอาทิตย์
เงินที่ได้ก็เอามาเป็นทุนตกแต่งซุ้มเกมกับของรางวัลด้วยนั่นแหละ
กำไรที่ได้ทั้งหมดก็ต้องให้โรงเรียน
"ว้ายพี่...หนูขอบัตรเกมห้องพี่สองใบนะคะ"
เสียงรุ่นน้องร้องเรียกรุ่นพี่หน้าตาดี ที่ยืนขายบัตรตอนพักเที่ยงอยู่
"ห้องพี่ทำเกมอะไรเหรอคะ...สาวน้อยตกน้ำหรือเปล่า" เสียงใสๆของรุ่นน้องถามแจ้วๆ
"ไม่ใช่ครับ...สนุกกว่านั้นอีก ชื่อเกมว่า เปิดตาปาเค้กนะครับ"
"น่าสนุกนะคะ หนูขอด้วยสามใบ"
"ครับๆ ไม่ต้องแย่งกันนะ พี่มีแยะ แล้วละครตอนดึกก็อย่าลืมไปดูนะครับ"
คิงได้ทีโฆษณาละครของห้องไปด้วย ก่อนที่เขาจะเหลือบไปเห็นคู่ปรับที่ยืนขายบัตรอยู่บนระเบียงทางเดินอีกด้านหนึ่ง
"เซน หายหวัดแล้วเหรอ" คิงตะโกนถามขึ้นมา
ช่วงที่เซนไม่อยู่เขาเองก็เหงาปากไปเหมือนกัน แต่จริงๆใจก็โหวงๆแบบไม่รู้สาเหตุ
เขาเดินเข้าไปหาร่างเล็กที่ยืนเงียบไม่ได้ตอบคำ
"เป็นอะไรไปนะ หรือว่าไข้กลับ" คิงทำท่าจะยกมือไปจับหน้าผาก
แต่ร่างเล็กรีบเบี่ยงตัวหนี
"หายแล้วโว้ย.." เซนอดตะโกนออกมาไม่ได้ เขาเงยหน้าขึ้นสบตาร่างตรงข้ามแต่ก็รีบก้มหน้าลงอย่างเร็ว
ในที่สุดเขาก็พูดอุบอิบขึ้นมา
"ขอบใจสำหรับของเยี่ยม"
คิงยิ้มแฉ่งเมื่อได้ยินร่างเล็กพูดขอบคุณ
"จริงๆ ชั้นไม่รู้ว่านายชอบอะไรระหว่างชอกโกแลตกับผลไม้ ชั้นก็เลยซื้อไปฝากทั้งสองอย่างเลย"
คิงยังพูดต่อ แต่ข้างฝ่ายเซนกลับรู้สึกร้อนๆหนาวๆ สายตาคิงมันแปลกๆไป
รู้สึกขนลุกยังไงก็ไม่รู้ ทำเอาเขาหน้าแดง
"นายรู้รึยังเรื่องวันงานนะ ทุกคนกะว่าจะไปแต่งตัวแต่งหน้ากันที่บ้านของเต๋านะ"
คิงพูดต่อ คราวนี้เซนเงยหน้าขึ้นทันที
"เฮ้ย..ทำไมชั้นไม่รู้ละ" เขาโวยวาย
"อ้าว..ก็นายไม่สบายไปสองวัน อะไรๆมันก็เรียบร้อยหมดแล้ว.."
คิงพูดยิ้มๆ "คราวนี้อย่าลืมเก็บนาฬิกาให้ดีด้วยล่ะ" เซนได้แต่มองเคืองๆ
*******
ซ้อมใหญ่ผ่านไปด้วยดี มีเด็กหลายคนมานั่งดูก่อน ถึงแม้จะไม่มีการแต่งตัวเต็มที่แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะได้มากพอสมควร
ละครเรื่องเงือกน้อยกับยอดมนุษย์ที่ห้องหนึ่งกับห้องสามบอกว่าเป็นความลับสุดยอดนั้นพอเซนได้ดู
ถึงกับหัวเราะจนตกเก้าอี้ ชลธีเองก็หัวเราะไม่หยุดเหมือนกัน สมแล้วที่กิ๊บบอกว่าบ้าบอจนกู่ไม่กลับ
เรื่องคร่าวๆที่ชลธีพอจับความได้มีอยู่ว่า เงือกน้อยได้ช่วยชีวิตชายหนุ่มคนหนึ่งเอาไว้จากการจมน้ำ
เธอตกหลุมรักชายหนุ่มคนนั้นทันทีโดยที่เธอไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว ชายหนุ่มคนนั้นเป็นหัวหน้าขบวนการยอดมนุษย์สามสีที่มีหน้าที่ต้องปกป้องโลกจากเหล่าร้าย
ด้วยภาระและหน้าที่ทำให้ชายหนุ่มคนนั้นต้องละทิ้งเงือกน้อยเพื่อผดุงความยุติธรรม
ข้างฝ่ายเงือกน้อยเมื่อยอดมนุษย์จากไปแล้วเธอจึงตัดสินใจไปขอร้องแม่มดให้ปรุงยาที่กินแล้วทำให้หางของเธอกลายเป็นขาขึ้นมา
แม่มดมีเงื่อนไขโดยการขอให้เงือกน้อยซื้อกระเป๋าหลุยส์วิตตองค์ให้เธอยามที่ขึ้นไปบนโลกแล้ว
ถ้าเกิดเธอหาซื้อกระเป๋าได้ไม่ทันในเวลาสามวันเธอจะต้องตาย
เนื่องจากเงือกน้อยขึ้นบกด้วยตัวเปล่าๆจึงไม่มีเงินติดตัวสักบาทแถมเธอก็ไม่รู้อีกว่าคนรักของเธออยู่ที่ไหน
เงือกน้อยจึงตัดสินใจไปเข้าร่วมกับเหล่าร้ายที่วางแผนการจะปล้นธนาคาร
แต่ความพยายามก็ล้มเหลวเมื่อยามของธนาคารกดออดเรียกยอดมนุษย์มาช่วยเหลือ
ในที่สุดเงือกน้อยและคนรักของเธอก็ได้พบหน้ากันอีกครั้งแต่คราวนี้ในฐานะคนร้ายและผู้พิทักษ์คุณธรรม
เงือกน้อยถูกยอดมนุษย์ใช้ท่าจระเข้ฟาดหางสั่งสอนไปสามสี่ทีเนื่องจากหลงผิดไปร่วมมือกับผู้ร้าย
แต่หลังจากรู้ความจริงเข้าเขาก็นำเงินรางวัลที่ได้จากการจับผู้ร้ายปล้นธนาคารไปซื้อกระเป๋าหลุยส์ของฮ่องกงมาหนึ่งใบแล้วส่งอีเอ็มเอสด่วนลงทะเลไปให้แม่มด
ในที่สุดเงือกน้อยก็รอดพ้นวิกฤตและได้อยู่กับยอดมนุษย์คนรักของเธอ
แถมตอนจบเงือกน้อยกลายเป็นหนึ่งในขบวนการสามสี่อีกแนะ...เอ้ย..ไม่ใช่
สี่สีแล้วต่างหาก
เนื้อเรื่องมันก็บ้าบออยู่แล้ว และยิ่งรวมกับพวกตัวแสดงทำให้ทุกคนอดหัวเราะไม่ได้
คนที่เล่นเป็นยอดมนุษย์ผอมกระหร่องดูแล้วน่าจะปลิวตามลมได้..แถมเงือกน้อยก็เอาผู้ชายเล่นอีก...ทุกคนคิดในใจว่าคงจะไม่มีผู้หญิงคนไหนของห้องยอมเล่นบทนี้แน่
***
"น้องครับ...เข้ามาอุดหนุนซุ้มพี่หน่อยนะครับ" เสียงโฆษณาดังโหวกเหวกไปทั่วสนามโรงเรียน
วันนี้เป็นวันงานที่ทุกคนรอคอยนั่นเอง เนื่องด้วยโรงเรียนนี้มีตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมเด็กนักเรียนจึงแยะเป็นพิเศษ
วันงานอาจารย์จะปล่อยให้เด็กชั้นประถมเข้ามาร่วมเล่นเกมสอยดาวหรือว่าซื้อขนมได้สามชั่วโมงในช่วงเช้าก่อนจะกลับไปเรียนต่อ
"ถ้าน้องสะสมบัตรรางวัลได้หลายๆใบก็เอามาแลกของรางวัลได้นะครับ.."
เซนเองก็เฝ้าซุ้มเกมของห้องประมาณสองชั่วโมงก็มีคนมาผลัด เต๋าลากเซนไปดูซุ้มเกมห้องของคิงตอนบ่ายๆ
"ทำไมต้องไปดูด้วย...ไม่เห็นอยากไปเลย" เซนพูดเสียงเบื่อๆเมื่อถูกเต๋าลากไป
"จริงเหรอ...ชั้นอุตส่าห์เลือกเวลาที่คิงมานั่งนะ..นายไม่อยากแก้แค้นคืนบ้างเหรอ
ถ้าไม่ไปตอนนี้ไม่มีโอกาสแล้วนะ" เต๋าถามปนหัวเราะๆ พอเซนได้ยินว่าแก้แค้นคืนก็หูผึ่ง
"ทำไม...แก้แค้นแบบไหนเหรอ"
"เอาน่า..นายต้องไปดูเอง" ในที่สุดเต๋าก็เดินมาถึงซุ้มของห้องสี่ซึ่งตอนนี้มีแต่คนมุงจนแทบไม่เห็นอะไร
เซนเองก็งงไปกับจำนวนคน ทีแรกเขาเข้าใจว่าเด็กผู้หญิงคงจะเล่นเยอะ
แต่ที่ไหนได้กลายเป็นเด็กผู้ชายซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนรุ่นน้องผู้หญิงได้แต่ยืนหัวเราะอยู่รอบข้าง
"เนี่ยเพราะคิงมานั่งนะ เลยมีคนมาเล่นแยะ" เต๋าบอก เซนได้แต่ชะเง้อมอง
เขาได้ยินเสียงคนเล่นตะโกนขึ้นมา
"คิง แกอย่าหลบสิวะ เขาให้นั่งเป็นเป้าไม่ใช่เรอะ"
"ชั้นมันเป็นเป้าเคลื่อนไหวโว้ย ไม่ใช่เป้านิ่ง พวกแกเล่นเล็งชั้นคนเดียวชั้นก็ตายสิวะ"
เสียงคิงตะโกนขึ้นมาบ้าง เซนแหวกคนเข้ามองบ้าง พอเห็นสภาพก็อดหัวเราะไม่ได้
ห้องของคิงทำเกมที่ชื่อว่า เปิดตาปาเค้ก...ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าปาเค้ก
เนื่องจากเอกที่บ้านทำเบเกอรี่ทุกคนก็เลยเสนอเกมนี้ขึ้นมาโดยให้บ้านเอกทำเค้กที่ถูกที่สุดแล้วเอามาปา
ให้เน้นครีมไม่เน้นเนื้อ แล้วให้ผู้ชายในห้องมานั่งเป็นเป้า สิบบาทได้เค้กสามชิ้น
เกมห้องนี้เป็นเกมที่ลงทุนแต่ค่าเค้กไม่ต้องมีของรางวัล ทุกคนที่เล่นล้วนแล้วแต่เอามันส์
ยิ่งตอนที่คิงมานั่ง หนุ่มๆห้องอื่นที่หมั่นไส้คิงมาก่อนก็เลยแห่มาเล่นกันใหญ่
(นับเป็นยุทธวิธีการขายอย่างหนึ่งที่ได้ผลดีทีเดียว)
ตอนนี้คิงเองก็เละไปทั่วตัว เขาสวมหมวกว่ายน้ำไว้บนศีรษะ พร้อมกับมีถุงพลาสติกครอบตัวไว้อีกชั้นหนึ่ง
เขาวิ่งไปรอบซุ้ม หลบเค้กที่จ้องแต่จะปามาที่เขา ถึงมันไม่เจ็บก็เถอะ...แต่มันก็ไม่สบายตัว
"คิง คู่กัดตัวจริงแกมาแล้วว่ะ" เสียงคนอื่นๆตะโกน เมื่อเห็นเซนเดินเข้ามา
แน่นอนเรื่องที่เซนกับคิงไม่ถูกกันนั้นเป็นที่รู้กันไปทั่ว ชายหนุ่มคนหนึ่งส่งเค้กมาให้เซน
"ปาเลย เซน เอาให้โดนหน้ามันเลย" ทุกคนส่งเสียงเชียร์
เซนเองก็เริ่มสนุก เขายกเค้กขึ้นมา
"อย่างเซนนะ ปาไม่ถูกหรอก.." คิงพูดเยาะเย้ยปนหัวเราะ
เขาวิ่งหลบเค้กชิ้นนั้นได้เฉียดฉิว เซนเริ่มฉุน เขาหยิบเค้กที่วางข้างๆปาไปติดๆกัน
แต่คิงก็หลบไปได้ทุกครั้ง แถมบางทียังไปแอบหลังเป้าคนอื่นให้รับเคราะห์แทนอีก
"ฮ่าๆๆ แน่จริงก็ปาไม่ถูก" คิงหัวเราะต่อ เซนยิ้มเจ้าเล่ห์
ในที่สุดเขาเลยตะโกนบอกคนจัดเค้ก
"ก้อง!! มีเค้กเท่าไหร่เหมาหมดเลย แล้วให้เป้าคนอื่นๆออกไปด้วย"
ถึงตอนนี้เสียงหนุ่มคนอื่นๆตะโกนร้องอย่างสะใจ เชียร์เซนกันใหญ่
เต๋าเองก็ยืนเชียร์อยู่ข้างๆด้วย เซนปาถูกบ้างไม่ถูกบ้าง ถึงถูกก็ฉิวเฉียดคิงก้มหลบทันเกือบทุกที
คิงเองก็พูดหัวเราะเยาะไปเรื่อยกระตุ้นอารมณ์ร่างเล็กอีก
ระยะห่างระหว่างคนเล่นกับเป้านั้นประมาณสามถึงสี่เมตรได้ มีโต๊ะกั้นเอาไว้
พื้นที่ที่ปาเค้กนั้นปูผ้าพลาสติกอย่างดีเนื่องจากเป็นเกมที่เลอะเทอะเป็นพิเศษ
คิงวิ่งหลบเค้กไปได้อีกสามสี่ชิ้นก็ลื่นล้มไปกับพื้นนอนแน่นิ่ง ทุกคนได้แต่ยืนตะลึง
"เฮ้ย !! เป็นอะไรไปหรือเปล่า" เพื่อนคิงหลายคนวิ่งเข้าไปดูสีหน้าเป็นห่วง
แต่คิงก็ไม่ได้ลุกขึ้น เซนเองก็เริ่มกังวล ถ้ามันเป็นไรไปเป็นเพราะเขาหรือเปล่า
เซนกระโดดข้ามโต๊ะวิ่งเข้าไปดู แต่แล้ว
"เผละ!!" เค้กกับครีมก้อนโตโป๊ะมาบนหน้าเขาเต็มๆ
เสียงหัวเราะของเจ้าตัวคนที่นอนเจ็บเมื่อกี้ดังข้างๆหู พร้อมกับเสียงของคนอื่นๆ
เขาหลงกลมันอีกแล้ว!! ไอ้บ้า!!
เซนปาดเค้กออกจากหน้าพร้อมกับควานหาเศษเค้กบนพื้นมาปากลับไปบ้าง
เพื่อนคนอื่นๆที่ยังไม่เลอะก็เริ่มจะวิ่งหลีกเพราะสงครามเค้กเริ่มจะกระจายไปไกลออกนอกพื้นที่เสียแล้ว
ผ่านไปสักเกือบครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงเต๋าตะโกนห้ามทัพ
"เอาจ้า..ๆๆ หมดเวลาสนุกแล้วนะ...ต้องรีบไปแต่งตัวเตรียมงานละครรอบดึกได้แล้วนะ"
********