School party
วุ่นรักวัยเรียน (ภาคพิเศษ)
ตอน รักวุ่นๆ ลุ้นยามเช้า
ตื๊ด ๆๆๆๆๆๆๆ Good morning Good morning
!! เสียงนาฬิกาปลุกรูปลิงร้องดังขึ้นมาตามเวลาที่ถูกตั้งไว้ พร้อมกับมือเล็กๆ
ที่ยื่นไปกดกล้วยที่ปากซึ่งเป็นปุ่มปิดเสียงก่อนจะซุกตัวกลับเข้าไปนอนในผ้าห่มเหมือนเดิม
แต่ยังไม่ทันจะได้หลับต่อก็ถูกดึงตกลงมาจากเตียงดังโครมใหญ่
"โอ๊ย !! เจ็บนะ ปลุกดีๆหน่อยไม่ได้เหรอไง เจ๊" ร่างเล็กอุทธรณ์
ก่อนจะยกมือขึ้นกุมศีรษะ
"ถ้าปลุกดีๆนายก็ไม่ตื่นสิยะ นี่ชั้นอุตส่าห์ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ให้
ไหนสัญญาว่าจะออกไปวิ่งตอนเช้ากันไง เซน" เต๋ายกมือดึงผ้าห่มนวมของญาติหนุ่มเอาไว้ไม่ให้ดึงกลับไปได้
"ก็ช่วงนี้มันปิดเทอม แถมวันนี้ช่วงเช้าอากาศยังน่านอนแบบนี้อีก
ขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้แล้วกันนะคร้าบ" ร่างเล็กไม่ยอมลืมตา พยายามจะปีนกลับขึ้นไปที่เตียง
"ไม่ได้ !!" เสียงกร้าวดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก "เห็นนายพูดแบบนี้ทุกวัน
ถ้าวันนี้ไม่ไปละก็..." สาวสวยลากเสียงยาวจนคนที่ได้ยินขนลุก
"น้าทิพ..." เต๋าตะโกนผ่านประตูห้องนอนที่เปิดอยู่ "ช่วยเอาเจ้าบิ๊กเบน.."
ยังไม่ทันจบประโยคเจ้าคนที่ทำท่าไม่อยากไปเมื่อสักครู่รีบเด้งขึ้นจากเตียงทันที
เร่เข้าไปจับมือญาติสาว พูดเสียงหวานจ๋อย
"เจ๊เต๋าคร้าบ...ผมแค่พูดเล่นเท่านั้นเอง แค่ออกไปวิ่งลดน้ำหนักแค่นี้
สบายมากเลยครับ วิ่งได้สิบรอบสวนลุมสบายๆ" เซนออดอ้อนยิ้มตาเป็นประกาย
"งั้นก็ไปเปลี่ยนชุด ให้เวลาสามนาทีเท่านั้นนะ ถ้านานกว่านี้ละก็ชั้นจะเอาเจ้าบิ๊กเบนไปวิ่งด้วย"
พอเต๋าพูดจบเท่านั้นเซนก็รีบกระโดดข้ามผ้าห่มตรงไปที่ห้องน้ำทันที
เต๋าอดอมยิ้มไม่ได้
เซนเป็นที่รักของทุกคนในบ้านด้วยเพราะความน่ารักสดใสและนิสัยที่ออกจะกวนนิดๆ
เขาค่อนข้างจะปากร้ายตามประสาวัยรุ่นและคนอารมณ์ร้อน แต่ก็ไม่ได้ก้าวร้าว
และยิ่งกับคนใช้อายุมากด้วยแล้ว เซนนับว่าเป็นขวัญใจเลยทีเดียว
ส่วนเจ้าบิ๊กเบนที่เต๋าพูดถึงนั้นเป็นสุนัขพันธุ์ชิวาว่าที่เธอเลี้ยงไว้
เธอชอบใช้มันเป็นข้ออ้างแกล้งเซนและใช้งานเล็กๆน้อยเสมอ เพราะเซนนั้นเลื่องชื่อลือชาว่าเป็นคนกลัวหมาเข้าขั้น
ไม่จำกัดสายพันธุ์และขนาด แต่คนที่รู้ความลับของเซนนั้นนอกจากคนในบ้านก็จะมีเพียงชลธีเพื่อนตั้งแต่อนุบาล
และคิง คู่ปรับที่รู้ความลับเข้าโดยบังเอิญตอนที่มาจีบเต๋านั่นเอง
ผ่านไปไม่ถึงสามนาที เซนก็วิ่งปรู๊ดออกมาด้วยชุดเสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงวอร์ม..เต๋ายิ้มอย่างพอใจ
หมอกยามเช้ายังไม่จางหายไป อากาศเย็นสบายลมพัดโชยเบาๆ เสียงนกร้องดังไปทั่วสวนสาธารณะใหญ่โตกลางกรุงที่แออัดไปด้วยผู้คน
เอ้า...หนึ่ง สอง หนึ่ง สอง ยกแขนแตะไหล่แล้วบิดนะครับ หนึ่ง สอง
หนึ่ง สอง ดีครับ ดี...ช้าๆ ไม่ต้องรีบร้อนนะครับ
เสียงครูนำฝึกออกกำลังประกอบเพลงตอนเช้าดังประกอบกับเสียงเพลงบอกจังหวะ
แน่นอนยามเช้าที่สวนลุมนี่มีคนหลากหลายประเภทมาออกกำลัง นักกีฬามหาลัยบ้าง
คนทั่วไปบ้าง แต่ที่เห็นส่วนมากจะเป็นคนชราที่นิยมมารำมวยจีน มาคุยพบปะสังสรรค์
ตั้งวงน้ำชา และวิ่งจ็อกกิ้ง และถ้าเป็นช่วงเช้าวันเสาร์อาทิตย์ด้วยแล้วคนก็จะยิ่งแยะเป็นเท่าตัว
ตรงประตูทางเข้านั้นก็มีพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งแผงขายของตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่
เอาใจคนช่างกินซื้อกลับไปบ้าน มีทั้งบ๊ะจ่าง ขนมนมเนยพรั่งพร้อม
หอมกรุ่นส่งกลิ่นยวนใจ
"อาเหมย...เอ็งนี่มีหลานดีจิงๆเลยน้า...อั๊วนี่ซี ชวนมันมาตอนเช้าทีไล
มังไม่เห็นอยากจะมาพร้อมอั้วเลยซักที เอาแต่จานองจานอง...สันหลังมังจายาวกว่าตัวเลี้ยว"
เสียงชราภาพเสียงหนึ่งเปรยขึ้นมาก่อนจะยกน้ำชาขึ้นจิบ เพื่อนสาววัยเดียวกันที่ถูกเอ่ยยิ้มแก้มแทบปริ
"โธ่ ไม่จริงหรอกอาสุ่ย..เนี่ยเพราะช่วงนี้หลานชั้นนะมันเรียนจบมัธยมแล้ว
กำลังเตรียมสอบมหาลัยมันถึงมีเวลาว่างมาส่งชั้นได้ ไม่งั้นก็เอาแต่เรียนๆเหมือนกัน
หลานเธอนะทำงานแล้วไม่ใช่หรือก็เลยไม่ว่างนะสิ" เสียงชราภาพแต่ไม่ติดสำเนียงจีนตอบอย่างเอาใจเพื่อน
"อาไร้..หลานลื้อสิบแปดขับรถได้แล้วหรือ...เก่งจริงๆนะ..หลานอั๊วนี่สิ
อายุตั้งยี่สิบแล้วยังทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง" เสียงคนข้างๆที่ร่วมวงน้ำชาหันมาชวนคุย
"ก็พ่อเค้านะสิ..สัญญาเอาไว้ว่าถ้าสอบติดมหาลัยที่เลือกไว้จะซื้อรถให้ขับ
หลานชั้นเค้าก็เลยหัดขับรถเอาไว้ก่อน...นี่ขับวนในหมู่บ้านทุกวันแหละ..เมื่ออาทิตย์ก่อนเพิ่งไปสอบใบขับขี่ได้มา..อ้าว
นั่นไงมาพอดี มาทางนี้หน่อย คิง" คุณยายเล่าต่ออย่างภูมิใจหลานชาย
หล่อนกวักมือเรียกหลานชายที่เดินออกมาจากห้องน้ำให้เข้ามาหา
"สวัสดีครับ" ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้บรรดาเพื่อนคุณยายที่หันมามองที่เขา
"ไหว้พระเถอะจ๊ะหลาน โอ้โห หลานเธอนี่หน้าตาดีนะเนี่ย..เหมือนพ่อเขาหรือเปล่า
มีแฟนหรือยังจ๊ะ" หญิงชราคนหนึ่งเอ่ยปากชมคิง คนอื่นๆก็พูดเห็นด้วย
ยายของคิงก็ยิ้มไม่หุบ
คิงยืนเฉยไม่ได้ตอบอะไร เพราะเขาเห็นว่าถ้าขืนเข้าไปนั่งร่วมวงน้ำชาด้วยนี่คงจะต้องอีกยาวแน่
ส่วนใหญ่เรื่องที่คนแก่พูดกันก็เห็นจะไม่พ้นเรื่องลูกหลาน บางคนก็มาปรับทุกข์เรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟัง
ลูกไม่รักบ้างล่ะ ลูกสะใภ้ชวนทะเลาะบ้างล่ะ ร้อยแปดพันเก้า...สารพัดสารเพ...บางคนก็ชอบถามเขาเรื่องแฟน
สงสัยคงอยากจะเสนอลูกหลานให้จับคู่กันเองหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ เขาเองมาส่งคุณยายมาออกกำลังที่สวนลุมนี่ประมาณสามครั้งแล้ว
ทุกๆครั้งก็ถามวนเวียนกันแต่เรื่องเดิมๆ ถึงจะเบื่อแต่คิงก็พยายามจะไม่แสดงออกทางสีหน้า
"คุณยายครับ..เดี๋ยวผมขอออกไปวิ่งทางนั้นดีกว่านะครับ"
คิงขอตัวหลบออกมาอย่างสุภาพ เขาถอนหายใจ
"จ๊ะ คิงจะกลับบ้านก่อนก็ได้ แล้วไว้ช่วงบ่ายๆค่อยมารับยายก็แล้วกัน
เดี๋ยวยายอาจจะไปที่ไหนกับเพื่อนอีก" ยายตอบไล่หลังมา
ช่วงนี้เพื่อนของคิงทุกคนจบมัธยมกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนเอาแต่วุ่นอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบแทบไม่ได้เจอหน้ากัน
รวมทั้งเขาเองด้วย ยิ่งพอถูกคนแก่ถามเรื่องแฟน คิงก็ยิ่งโมโห โธ่เอ๊ย!!
ตอนงานโรงเรียนเขาอุตส่าห์ยอมลดทิฐิสารภาพรักกับเจ้าคู่ปรับไปแล้ว
แต่ทำไม้ทำไมมันถึงยังคิดว่าเขาแกล้งมันอยู่อีกนะ ปิดเทอมโทรไปชวนเที่ยวก็ไม่ยอมออกมาพบ
ไปหาที่บ้านก็ทำเมิน รู้งี้จับปล้ำไปซะตั้งแต่คราวนั้นก็ดี
คิงถอนหายใจอีกสองครั้งติดๆกัน เขาเสนอตัวออกมาส่งคุณยายตอนเช้าก็เพราะจะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้
ยิ่งคิดถึงเจ้าคู่ปรับทีไรเขาต้องแอบลุกมาซักกางเกงในตอนดึกทุกที
คุณยายยังจะยิ้มออกไหมเนี่ยถ้ารู้ว่าหลานชายคุณยายผิดปรกติไปเสียแล้ว
ฮัดชิ้ววววว....เสียงจามดังลั่นของเจ้าคนที่ถูกคิดถึง เต๋ารีบยกมือปิดจมูก
"นี่..เซน จามนะปิดปากหน่อย เชื้อโรคทั้งนั้นนะยะ..เดี๋ยวไปแพร่เชื้อให้คนอื่นเข้า
ยิ่งตอนนี้ซาร์ระบาดอยู่" เธอพูดพร้อมกับวิ่งเหยาะไปตามทาง
ส่วนเจ้าคนถูกพูดถึงวิ่งหอบลิ้นห้อยอยู่ข้างๆ
"นี่เจ๊..ผมขอพักหน่อยได้ไหม เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว เอาแรงควายถึกมาจากไหนเนี่ย.."
เซนยันต้นไม้หอบหายใจ เต๋าขมวดคิ้ว
"หนอย...หาว่าสาวสวยอย่างชั้นเป็นควายถึกรึไงยะ..แล้วนี่ ไหนใครบอกวิ่งได้สิบรอบสวนลุม
นี่แค่ครึ่งรอบยังทำท่าจะตายเอา ผู้ชายอะไรเนี่ย...ไม่มีแรงเอาซะเลย"
เต๋าพูดดูถูก
"คร้าบ..คร้าบ...ก็ผมมันไม่ฉลาดเหมือนเจ๊นี่ อ่านหนังสือรอบเดียวก็จำได้แล้ว...ผมนี่สิห้ารอบสิบรอบยังจำไม่ได้สักกะตัว
เมื่อคืนก็ท่องซะจนดึก ตอนเช้าก็ถูกเจ๊ลากมาเนี่ย...นอนได้ไม่ถึงสี่ชั่วโมงเลย
อาทิตย์หน้าชวนแฟนเจ๊มาแทนก็แล้วกัน" เซนโอดครวญ
แน่นอนแฟนเต๋าที่เซนพูดถึงก็คือชลธีเพื่อนตั้งแต่อนุบาลของทั้งสองคนนี่เอง
ทั้งสองคนเริ่มคบกันหลังจากงานโรงเรียนที่วุ่นแสนวุ่นสิ้นสุดลง งานโรงเรียนคราวนั้นเพื่อนหลายคนมีแฟนกันถ้วนหน้า
ห้องที่ไม่ถูกกันก็กลายเป็นห้องที่ร่วมมือกันดีที่สุด ละครห้องเขาได้รับรางวัลละครยอดนิยมจากรุ่นน้อง
ส่วนตัวเขาก็ได้รับการสารภาพรักจากคนที่คิดไม่ถึงมาก่อน
"ชั้นจะชวนธีมาได้ไงเล่า เป็นสาวเป็นนางมีใครที่ไหนเขาชวนแฟนออกมาวิ่งกันสองต่อสองตอนเช้ามั่ง
พ่อแม่ชั้นรู้เข้ามีหวังลมจับ" เต๋าให้เหตุผล "แล้วอีกอย่างชั้นจะมาวิ่งลดน้ำหนักนะยะ
ขืนธีรู้เข้ามีหวังอายตาย" เต๋าตอบเคืองนิดๆ
แน่นอนช่วงปิดเทอมก่อนเตรียมตัวสอบเอ็นทรานซ์นั้นเป็นช่วงเวลามหาโหดจริงๆ
ทุกคนหันมาเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ บางคนเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
บางคนยิ่งเครียดก็ยิ่งกิน ส่วนเต๋านั้นคงจะอยู่ประเภทหลังเสียมากกว่า
เธอเองก็ไม่ได้เครียดอะไรมากนักหรอกเพราะหัวดีอยู่แล้ว สอบได้เกรดเฉลี่ยเกินสามทุกครั้ง
คะแนนเก็บเธอตรงนี้มีเพียบ เพียงแต่ชอบกินเวลาอ่านหนังสือ ผ่านไปไม่ถึงเดือนน้ำหนักขึ้นเกือบห้ากิโล
"ผมว่าเจ๊ลดปริมาณของกินลงก็ผอมเองแหละ เจ๊กินมื้อนึงผมกินได้ทั้งวัน..."
เซนย้อน "ให้เวลาผมอ่านหนังสือสอบหน่อยน่า"
"นายนะได้แต่ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองผ่านไปแป๊ปเดียวก็ลืมแล้ว..จริงๆมีคนเขาอยากจะติวให้ใจแทบขาด
นี่โทรมาอ้อนวอนขอพบหน้าน้องเซนแทบทุกวัน เข้าทางเจ้าตัวไม่ได้ก็เลยโทรมาหาชั้นแทน..นี่ชั้นรับโทรศัพท์แทนนายจนแฟนชั้นเข้าใจผิดแล้วมั้งเนี่ย"
เต๋าพูดเสียงยานคาง ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นเซนหน้าแดงขึ้นทันทีที่พูดถึงคิง
"เชอะ..เจ๊ไม่ต้องพูดถึงไอ้กระเทยวิปริตนั่นเลย..ผมไม่ญาติดีกับมันง่ายๆหรอกน่า"
เซนสะบัดหน้าหนี พูดเสียงสั่นนิดๆ
"แหมก็ใครละจ๊ะ...เอาแต่แกล้งเขาก่อน งานโรงเรียนก็ให้เล่นบทกระเทย
แถมพอเขาดีด้วยก็กลับไม่ยอมดีกับเขาอีก ไม่มีน้ำใจนักกีฬาเอาซะเลยนะ"
เต๋าพูดยั่ว เซนหน้าแดงไปถึงหู
"ไม่เอาแล้ว..ไม่พูดเรื่องนี้กับเจ๊แล้ว ผมวิ่งของผมดีกว่า"
เซนสะบัดหน้าพรืด ออกตัววิ่งไปอย่างเร็ว แต่เสียงหัวเราะของเต๋าก็ยังแว่วตามไปเป็นระยะ
ข้างฝ่ายคิง เขาได้แต่วิ่งตามทางไปเรื่อยๆ
แบบคนใจไม่อยู่กับตัว คิดอะไรสารพัด จนกระทั่งสายตาเขาไปสะดุดกับร่างเล็กสองร่างที่วิ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของสวน
เขาขยี้ตาไปสองสามทีด้วยไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็น เจ้าคู่ปรับที่เขาคิดถึงอยู่ทุกเช้ากำลังวิ่งอยู่ตรงหน้านี่เอง!!
เหมือนสวรรค์เป็นตาฟ้าเป็นใจ โลกที่มีแต่หมอกควันกลับสดใสขึ้นทันตาเห็น
ราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องมาให้ความอบอุ่นแก่สัตว์โลก สัตว์โลกตัวไม่น้อยอย่างนายคิงก็รีบวิ่งเข้าไปหาตามที่ใจเรียกร้องทันที
จะด้วยอานุภาพแห่งรักหรืออะไรไม่ทราบได้ ที่ทำให้สัญชาติญาณของเซนตื่นตัวขึ้น
เขามองตรงไปด้านหน้าอย่างตกใจกับร่างที่กำลังวิ่งเข้ามาหาด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่าร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง
"อ้าวคิง" เต๋าอุทานอย่างแปลกใจเมื่อร่างที่วิ่งอยู่ลิบๆใกล้เข้ามา
เธอคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเจอกับคิงที่นี่
คิงยิ้มร่าอย่างคนอารมณ์ดีขณะที่ห่างจากเป้าหมายไม่ถึงร้อยเมตร แต่แล้วเจ้าตัวเป้าหมายจู่ๆ
ก็หันหลังกลับวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตายถึงขนาดที่ คาร์ล ลูอิส นักวิ่งร้อยเมตรระดับโลกเห็นยังต้องอ้าปากค้าง
"เซน..นายจะวิ่งไปไหน...รอผมก่อน" คิงตะโกนไล่หลังไป แต่เซนก็ยังวิ่งแบบไม่ฟังเสียงรอบข้าง
คิงจึงตัดสินใจวิ่งตาม เขาวิ่งผ่านเต๋าไป ข้างฝ่ายเต๋าเธอเองก็มองร่างสองร่างที่วิ่งไม่หยุดอย่างงงๆ
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจวิ่งตามไปอีกคน
จากการวิ่งเหยาะๆ ยามเช้ากลายเป็นการวิ่งแข่งสามคูณห้าร้อยเมตรไปได้อย่างไรก็ไม่มีใครรู้
สายตาหลายคู่จ้องมองทั้งสามคนอย่างงงๆ ข้างฝ่ายคิงเขาไม่ได้วิ่งเปล่า
ปากก็ตะโกนเรียกคนที่วิ่งนำหน้าไปด้วย
"เซน..นายจะเกลียดชั้นขนาดไม่ยอมเจอหน้าแบบนี้เลยเหรอ...เรามาคุยกันก่อนก็ได้...ให้โอกาสชั้นสักครั้งสิ"
เขาตะโกนออกไป แต่เหมือนกันลมที่พัดผ่าน ร่างข้างหน้ายังไม่ได้ลดสปีดลงแม้แต่น้อย
"เซน..ถึงนายจะไม่ยอมพบหน้าชั้นก็ตาม...แต่ชั้นไม่ยอมแพ้หรอก...นายอย่าลืมนะชั้นเคยบอกไปแล้วว่าชั้นรั..................."
เสียงตะโกนหยุดลงกลางคันก่อนที่คนทั้งสวนลุมจะเป็นพยานรักให้กับทั้งสองคนด้วยรองเท้าเบอร์เจ็ดครึ่งที่ถูกขว้างมาจากด้านหลัง
(วิธีหยุดแบบนี้อันตรายมาก พี่ๆ น้องๆ ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง) คิงล้มกลิ้งไปทางหนึ่ง
ดีที่พื้นเป็นพื้นหญ้าเขาเลยไม่ได้เจ็บอะไรมากนัก สายตาหลายคู่หันไปมอง
เต๋ากระโดดกระต่ายขาเดียวเข้าไปหา เธอหยิบรองเท้าที่ตกที่พื้นขึ้นมาสวมก่อนจะยืนหอบอยู่ข้างๆ
ร่างคิงที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาร้องไห้อยู่
"ฮือ...ฮือ....ทะ...ทำไม...ทำไมต้องวิ่งหนีกันขนาดนั้นด้วย....ผมมันเลวร้ายขนาดนี้เลยเหรอ....ถึงแต่ก่อนผมจะทะเลาะกับเขาบ่อย...แต่ก็ไม่น่าทำแบบนี้...."
คิงร้องไห้เอาหน้าคลุกดิน หมดสภาพหนุ่มหล่อหัวหน้าห้องนักเรียนดีเด่นไปจนสิ้น
"แฮ่ก...แฮ่ก....คะ..คิง" เต๋าพยายามจะพูดอะไรแต่ยังหอบจนพูดไม่ออก
"ฟังชั้นพูดหน่อย..." เธอพยายามรวบรวมกำลังเพื่อที่จะพูดต่อ
เหงื่อไหลไม่ขาดสาย
คิงยังคร่ำครวญไม่ฟังเพื่อนสาว...เขาบ่นพึมพำอย่างน่าสงสารจนเต๋าต้องจับไหล่เขย่า
"เงียบ!! แล้วฟังชั้นได้ไหม" เธอตะคอก ก่อนจะหอบออกมา
คิงอึ้งไปเพราะไม่คิดว่าเต๋าสาวหวานจะตะโกนใส่เขาได้
"ก่อนที่ใครเขาจะคิดว่าชั้นข่มขืนนายร้องไห้ล่ะก็ ชั้นขอบอกนายว่า..แฮ่ก...แฮ่ก...ถ้านายยังเอาเจ้าสองตัวนี่ติดไปด้วยล่ะก็
นายเข้าใกล้เซนไม่ได้แน่" เต๋าพูดผสมหอบ เธอชี้ไปที่หมาสองตัวของคิงที่วิ่งตามเจ้านายไปติดๆ
ถึงตอนนี้คิงถึงจำได้ว่า เขาเอาสุนัขที่บ้านออกมาวิ่งตอนเช้าพร้อมกับเขา
เพื่อจะได้มีข้ออ้างไม่ร่วมสังสรรค์กับคุณยายด้วย ตอนนี้เจ้าหมาสองตัวของเขาก็เข้ามาดมๆเจ้านายอย่างเป็นห่วง
คิงรีบลุกขึ้นมา เอาเสื้อยืดเช็ดหน้าตาก่อนจะยิ้มออก เขาหันมามองเต๋า
"ขอบใจมาก เธอเป็นเพื่อนรักของฉันจริงๆ ถ้าจะให้ดีกว่านี้ฝากช่วยดูแลเจ้าเสือกับเจ้าหมีด้วยนะ"
คิงยัดสายคล้องคอของเจ้าสุนัขทั้งสองตัวใส่มือเพื่อนสาวก่อนจะออกวิ่งต่อไม่ได้สนใจเสียงตอบรับเลย
เต๋าได้แต่ยืนอึ้งไม่ได้มีเรี่ยวแรงจะวิ่งต่อ จึงได้ยืนสบตากับหมาสองตัวที่เหมือนจะยิ้มให้
เซนวิ่งหน้าตั้งไม่ได้สนใจใครทั้งนั้น เขาแทบไม่ได้สังเกตเห็นคิง
เห็นเพียงแต่ว่ามีหมาตัวใหญ่โตสองตัววิ่งมาทางเขาแค่นั้นแหละ เซนก็หันหลังวิ่งหนีเต็มพิกัดลืมเหนื่อยไปเลย
วิ่งมาได้สักพักเขาก็ชะลอความเร็วลง หันหลังกลับไปดูก็เห็นว่างเปล่า
แต่ยังไม่ทันหยุดก็ปะทะกับร่างสูงด้านหน้าที่จู่ๆ ยื่นมือออกมารวบตัวเขาไว้
ทั้งสองร่างกลิ้งหลุนๆไปบนพื้นหญ้านิ่มๆ เซนร้องอย่างตกใจ แต่เมื่อเขาเห็นร่างที่เขานอนทับอยู่ก็ค่อยคลายความกลัว
"แฮ่กๆๆ ...ไอ้บ้าคิง แกเข้ามาเงียบๆ ทำไมว่ะ..ตกใจแทบแย่นึกว่าพวกดักตีหัวปล้น"
พอหายกลัวเซนก็เริ่มออกฝีปาก ถึงแม้จะยังหอบจากการวิ่งระยะยาวก็ตาม
เขาลุกขึ้นมาปัดฝุ่นที่ตัว แต่คิงไม่ได้ตอบแถมยังนอนคู้อยู่ที่เดิม
"เฮ้ย...ไอ้คิง.." เซนร้องเรียกหยั่งเชิง "เป็นอะไรไปวะ"
เซนถามอย่างเป็นห่วง
"เฮ้ย! คิง..เป็นอะไรหรือเปล่า" เซนถามอีกรอบ เขาก้มลงไปดูร่างสูงกว่าใกล้ๆ
ก่อนจะถูกรวบตัวไปไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง ร่างสูงกระซิบตอบข้างหูเล่นเอาคนตัวเล็กเสียวไปทั้งแถบ
"เหนื่อยครับ...นี่วิ่งตามเซนมาตลอด..จนในที่สุดวิ่งตัดสวนมาออกด้านหน้าถึงจับเซนได้"
คิงพูดยิ้มๆตาเป็นประกายพราว มองแก้มใสๆ ของร่างตรงหน้าที่แดงก่ำเพราะการวิ่ง
"แล้วแกจะวิ่งตามให้เหนื่อยทำไมวะ ไม่ได้เล่นหนังแขกสักหน่อย"
เซนพูดงอนๆพร้อมกับพยายามจะขืนตัวออก แต่ร่างด้านใต้ก็ไม่ยอมปล่อยมือ
"อ้าว..นี่ถ้าไม่วิ่งตามจะรู้หรือครับว่าเซนเป็นห่วง โทรไปหาก็ไม่ยอมรับสักครั้ง"
คิงพูดแบบน้อยใจนิดๆ
"ก็นายชอบแกล้งชั้นนี่หว่า แล้วนี่พูดจาเรียบร้อยแบบนี้ชั้นกลัววะ..มีครับด้วยฟังแล้วขนลุก"
เซนพูดพร้อมกับเบ้ปาก คิงยิ้ม
"แหม..พูดกับคนที่ชอบทั้งทีจะให้พูดจาหยาบคายเหมือนเดิมได้ยังไง.."
คิงจ้องตาร่างเล็กด้านบน ก่อนจะพลิกตัวให้เซนไปนอนด้านล่างแทน เซนร้องขึ้นมา
"เฮ้ย...แกจะแกล้งอะไรชั้นอีก!"
"ไม่ได้แกล้งสักหน่อย ก็เคยบอกไปแล้วว่าชอบ...หรือว่าจะต้องให้พิสูจน์"
คิงพูดยิ้มๆ ที่ที่เขาทั้งสองคนนอนอยู่ค่อนข้างลับตาคน ถึงจะมีคนเห็นเข้าก็คงไม่ได้สนใจอะไร
นึกว่าเป็นคู่รักที่มาพลอดรักกันตอนเช้า
คิงก้มลงไปพิสูจน์รักกับร่างเล็กด้านใต้อย่างรวดเร็ว เซนอ้าปากค้างอย่างตกใจ
"แก๊...แกทำบ้าๆอะไรอีกวะ.." เซนหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก
พยายามจะดันตัวออก
"ก็บอกแล้วว่าพิสูจน์ หรือจะลองอีกทีก็ได้" คิงก้มลงไปพิสูจน์รักอีกทีอย่างที่บอก
คราวนี้ยาวนานกว่าเดิม ความคิดถึงและความกังวลหายไปเมื่อรู้สึกถึงการตอบรับจากร่างเล็กด้านใต้
เซนยกมือขึ้นกอดคอเขาแบบกล้าๆกลัวๆ ริมฝีปากที่เผยออ้าเล็กน้อยเชิญชวนให้เข้าไปพิสูจน์ให้ลึกล้ำกว่าเก่า
นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่กลางสวนลุมละก็เขาคงจะทำความฝันยามเช้าให้เป็นจริงเสียตรงนี้แหละ
คิงถอนริมฝีปากออก มองร่างเล็กอย่างอ่อนโยน เซนมองตอบแบบเบลอๆ
"ดีจังครับ...ได้รับ Morning kiss จากน้องเซนด้วย" คิงยิ้มหน้าบาน
ตูม หมัดลุ่นๆสวนเข้าที่ท้องน้อย คิงก้มลงไปนอนคู้ด้านข้าง
"Morning kiss บ้าบออะไรวะ...ชั้นจะกลับบ้านแล้ว" เซนรีบลุกขึ้น
หน้าแดงแป๊ด ก่อนจะรีบเดินออกไป
"เดี๋ยวครับ..เซน..รอด้วย ทำไมอายรุนแรงจัง" คิงพูดเบาๆ
ก่อนจะกุมท้องตัวเองวิ่งตามไป
แต่อย่างน้อยวันนี้คิงก็รู้ว่าเซนไม่ได้รังเกียจเขาเท่าที่ปากบอก...เจ็บตัวแค่นี้เขาทนได้...
คิงกับเซนเดินมาตามทางวิ่ง เซนยังไม่มองหน้าคิงแต่ก็ไม่ได้ไล่ ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังตามหาตัวเต๋าอยู่
เซนตามหาญาติสาวก็เพราะว่าต้องการจะกลับบ้าน ส่วนคิงก็เพราะต้องการจะเอาเจ้าเสือกับเจ้าหมีสุนัขที่ฝากเต๋าไว้ทั้งสองตัวกลับ
"นี่เซน ถ้านายมีปัญหาเรื่องเรียนอะไรก็ถามชั้นได้นะ..ชั้นติวให้นายได้"
คิงชวนคุยขึ้นมา
"ไม่ต้องหรอก นายเรียนสายวิทย์ชั้นเรียนสายศิลป์ วิชามันเหมือนกันที่ไหนล่ะ"
เซนตอบปฏิเสธ
"วิชาสามัญก็เหมือนกันนี่นา ส่วนวิทย์กายฯ ชั้นว่ามันก็คล้ายๆกับวิทย์ที่ชั้นเรียนแหละ
เพียงแต่ของชั้นมันเจาะลึกกว่า" คิงพูดอธิบายแบบเสนอตัวเต็มที่
"นายมาติวให้ชั้นน่ะ มั้นเสียเวลาอ่านหนังสือของนายไป ถ้านายสอบไม่ติดละก็ชั้นรู้สึกผิดแย่"
เซนถอนหายใจพูดตามความคิดตัวเองออกมา
"ไม่เห็นเป็นไร ชั้นเต็มใจนี่นา ชวนชลธีมาติวด้วยกันก็ได้"
คิงพูดแบบเปิดกว้างเต็มที่ แม้จะมี กอ ขอ คอ งอ ถึง ฮอ มาเป็นก้าง
แต่ถ้าให้ได้เจอเซนละก็เขายอมทั้งนั้นแหละ
"เออ..นายว่างั้นก็ตามใจ" เซนพูดไม่ยอมสบตา
"แล้วพรุ่งนี้นายจะมาวิ่งอีกหรือเปล่า" คิงเปลี่ยนเรื่อง
"ไม่รู้ แค่วิ่งวันนี้ชั้นก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว...ขอไปซื้อน้ำก่อนแล้วกัน"
เซนไม่ยอมตอบ เขาหันเดินไปตรงทางออกด้านนอกของสวนที่มีร้านค้าตั้งอยู่มากมาย
คิงเดินตามไปติดๆ
เมื่อเซนเดินไปถึงแผงขายน้ำเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคนที่กำลังตามหาอยู่นั่งโซ้ยโจ๊กอยู่ที่ร้านข้างๆ
ส่วนหมาสองตัวของคิงถูกผูกไว้ที่ต้นไม้ไม่ไกลจากแผงเท่าไหร่นัก
"เฮ้ย..เจ๊ ....พวกผมตามหากันแทบแย่ นึกว่าวิ่งลดน้ำหนักอยู่
ที่ไหนได้ออกมาซดโจ๊กอยู่ตรงนี้เอง แล้วนี่น้ำหนักจะลดหรือ"
เซนถาม
เต๋าหันมายักไหล่ ก่อนจะชี้หน้าทั้งสองคน
"ก็พวกนายนะเล่นให้ชั้นวิ่งตามจนเหนื่อย ใครยังจะบ้าวิ่งต่อได้
ชั้นก็เลยต้องมาเติมพลังตรงนี้แหละ พรุ่งนี้นายมาวิ่งกับชั้นต่ออีกด้วย"
เต๋าออกคำสั่งกับญาติหนุ่ม ส่วนชายอีกคนยืนยิ้มแป้นเมื่อได้ยินคำของเพื่อนสาว
"ไม่ต้องยิ้มเลย นายคิง! ค่าจ้างดูแลหมา โจ๊กสามชามนี่นายจ่ายด้วย"
เธอชี้ไปที่ชามโจ๊กว่างเปล่าบนโต๊ะ คิงหน้าเบ้ นี่เขาคงคิดถูกแล้วใช่ไหมที่เปลี่ยนใจจากเต๋าเป็นเซนแทน
ผ่านไปสามวันเซนน้ำหนักลดลงไปสามกิโล แต่เต๋ายังลดไม่ลงเลยสักนิด
ส่วนคิงรู้สึกเหมือนว่าน้ำหนักของเงินในกระเป๋าจะลดลงอย่างเดียวเพราะต้องตามจ่ายเงินค่ากินของเต๋าตลอด...แล้วนี่จะคุ้มไหมเนี่ย...
End
22/12/03 Time 0:20
จบไปแล้วนะคะ สำหรับภาคพิเศษตอนสั้นๆของทั้งสองคน..จริงๆ
แล้วเราคิดจะเขียนภาคต่อของคิงกับเซนเป็นตอนยาวอีก แต่ยังไม่มีเวลาจะเขียนจริงจัง
สำหรับภาคแรกยังหาอ่านได้ในเวบไซต์ของเรานะคะ www.clik.to/miracle
สุดท้ายนี้ขออวยพรให้คนอ่านทุกคนมีความสุขตลอดปีนี้นะคะ........