ทำไมกาจึงดำ
สมัยหนึ่งนานมาแล้ว กาเป็นสัตว์ที่มีขนขาวน่ารักมาก ทั้งมีเสียงไพเราะเสนาะจับใจไม่แหบแห้งเหมือนดังทุกวันนี้ วันหนึ่งขณะที่ต้นตระกูล
กาตัวหนึ่งกำลังเกาะกิ่งไม้ใกล้ลำธารเพื่อชมโฉมของมันอยู่นั้น ก็มีผู้วิเศษคนหนึ่งเดินมาถึงลำธารสายนั้นและมีความกระหายน้ำเป็นกำลัง เมื่อเห็นน้ำ
ในลำธารใสสะอาดบริสุทธิ์เช่นนั้นก็มีความยินดีรีบตรงเข้าไปที่ริมลำธาร พร้อมกับอุทานออกมาว่า
"แหม ลำธารนี้น้ำช่างใสดีเหลือเกิน ใสราวกับกระจก น้ำคงจะจืดสนิทและเย็นชื่นใจ ต้องดื่มให้สมอยากทีเดียว"
ขณะนั้นกาก็ส่งเสียงร้องขึ้นเป็นทำนองเชิญชวนให้ผู้วิเศษหันมาชมความงามของมัน แต่แม้ว่ามันจะทำเสียงร้องเชิญชวนให้มีทำนองสูงต่ำ
เพียงใดก็ตาม แต่ผู้วิเศษกำลังหิวน้ำจึงไม่เอาใจใส่ต่อมันเลย พอถึงริมลำธารก็ตั้งหน้าตั้งตาแต่จะวักน้ำดื่มท่าเดียว พลางปาก็พูดพึมพัมว่า
"แหม จืดสนิทเย็นชื่นใจดีเหลือเกิน"
กาเมื่อเห็นว่าการร้องของตนไม่ได้ผลจึงบินลงไปในลำธารและสลัดปีกสลัดหางจนน้ำขุ่น โดยหวังจะให้ผู้วิเศษหันมาชมความงามของมัน
ให้จงได้ ผู้วิเศษเมื่อมองเห็นกาทำเช่นนั้นแทนที่จะชื่นชมในความงามของมัน กลับมีความโกรธมาที่กามาทำให้น้ำขุ่น จึงร้องสาปออกไปว่า
"เจ้าสัตว์หน้าโง่ ฮ่ะฮ่ะ หลงตนว่าสวยงามมีขนขาว และเสียงไพเราะมากนักรึ จึงได้เที่ยวรบกวนชาวบ้านเขาอย่างนี้ เอาละ เพื่อให้เจ้าได้สำนึก
ตัวเสียบ้าง ข้าขอสาป ข้าขอสาปเจ้า ให้ขนอันขาวของเจ้ากลายเป็นสีดำ สนิทดังสีนิล และเสียงอันไพเราะของเจ้าจงแหบแห้งไม่น่าฟัง ทีนี้แหละ
เจ้าจะได้เลิกอวดตัวและเลิกทำลายความสุขของชาวบ้านเสียที"
ตั้งแต่นั้นมากาก็เลยมีสีดำ ดังที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ และก็มีเสียงร้องได้แต่ กา กา ได้คำเดียว เสียงก็แหบแห้งไม่ไพเราะเหมือนเสียงนกอื่นๆ
ทั้งนี้ก็เป็นเพราะกาหลงทะงตนว่ารูปสวยมีเสียงไพเราะ แต่ไม่มีมารยาทจึงต้องถูกสาปดังเรื่องนี้