Episode 7 -----Juney&Jurey----- "งั้นเหรอ....." เฟรซิสรำพึงกลับตัวเองหลังจากฟังเรื่องที่ฟินเล่าจบ "เฟรเซียยอมสละตัวเองเพื่อช่วยทุกคนสินะ" "ใช่" แม่ของเฟรซิสมองไปทางลูกสาว "พวกลูกสองคนนี่เหมือนกันไม่มี ผิดเลย ทั้งเรื่องความมั่นใจในตัวเอง แล้วก็การเห็นคนอื่นสำคัญกว่าด้วย" "แล้วจากนี้ไป เธอจะเอายังไง" ฟินถามน้องสาว "จะอยู่ด้วยกันซะที่นี่เลย มั้ยล่ะ" "ฉันจะอยู่กับพวกท่านแม่ที่นี่แน่ค่ะ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้" เฟรซิสตอบ "ฉันยัง มีเรื่องต้องทำอีก" "หมายถึงการแก้คำสาปนี่น่ะเหรอ" ฟินถามต่อ "ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่นา ถึงจะ เปลี่ยนเป็นผู้หญิง แต่ยังไงเธอก็คือเฟรส ลูกคนกลางของบ้านนี้อยู่ดี ไม่มีใครที่ไม่ ยอมรับเธอในสภาพนี้หรอกนะ" "ไม่ได้หรอกค่ะ" เฟรซิสส่ายหน้าช้าๆ "สถานที่ที่ฉันจะไปเพื่อแก้คำสาปนี้น่ะ ตอนนี้ มันไม่ใช่ปลายทางของฉันคนเดียวแล้วล่ะ" "ลูกหมายถึง เด็กสองคนนั่นน่ะเหรอ" "ค่ะ ถึงจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ฟีเมลกับฟาร์นี่ก็เป็นเพื่อนร่วมทางของ ฉัน พวกเรามีเป้าหมายของการเดินทางร่วมกัน เพราะฉะนั้น ฉันยังทิ้งพวกเธอไปไม่ได้ หรอกค่ะ" "จริงสิ แล้วสองคนนั้นรู้เรื่องจนหมดรึยัง" ฟินถามน้องสาวอีก "แค่เรื่องที่ฉันมาจากฟอนเนลเท่านั้นแหละค่ะ ส่วนเรื่องตัวจริงของฉันน่ะ ยัง......." เฟรซิสนั่งก้มหน้าลง "เพราะฉันไม่แน่ใจว่า ถ้าเล่าไปแล้ว พวกเธอจะยัง ยอมรับฉันอยู่อีกรึเปล่า" "แต่ยังไง พวกเธอก็ต้องรู้จนได้แหละค่ะ แล้วตอนนั้น ทุกคนจะยังเป็น เพื่อนของฉันต่อไป หรือจะหาว่าฉันเป็นคนโกหกหลอกลวง ก็ขึ้นอยู่กับพวกเธอเอง แล้วล่ะ" เฟรซิสลุกขึ้นจากที่นั่ง "คืนนี้ ฉันขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ" "อีกอย่างนึง ฉันยังมีคนที่ต้องไปตามหาอยู่อีก" เฟรซิสพูดขณะกำลังเดิน ออกจากห้องนั่งเล่น "ตอนที่กลับมาที่นี่ ฉันจะพาลูกสาวอีกคนของบ้านนี้กลับมาเป็น ของฝากนะคะ" "อ้าว มาพอดีเลย" ฟาร์นี่ที่ออกมาจากห้องของตัวเองทักเฟรซิสที่เพิ่งเดิน ขึ้นมาชั้นสอง "มีอะไรเหรอ ฟาร์นี่" "พวกหนูตั้งใจว่าคืนนี้จะไปนอนด้วยกันกับพี่เฟรซิสน่ะค่ะ" ฟีเมลโผล่หน้า ออกมาจากห้องอีกคน "ได้มั้ยคะ" "ก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วนี่" "จริงเหรอคะ" น้ำเสียงของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความดีใจ "ถ้าอย่างนั้น อีก เดี๋ยวพวกฉันจะขนหมอนกับผ้าห่มไปที่ห้องเธอเลยนะ" ฟาร์นี่เสริมขึ้นมาอีก "ฟาร์นี่....." เฟรซิสเอ่ยขึ้นในชั่วขณะที่วงสนทนาของทั้งสามเงียบลง "เธอรู้จักไอเท็มที่จะช่วยให้รู้ที่อยู่ของคนๆหนึ่งได้รึเปล่า" "อืม.... ไอเท็มตามหาคนเหรอ มันก็มีหลายอย่างนะ แต่ละอย่างก็บอก รายละเอียดได้ต่างๆกันไป ไอ้ที่ใช้ง่ายๆก็บอกได้แค่ทิศทาง ส่วนที่ยืนยันตำแหน่งได้ แน่นอนก็ใช้ยากซะจน..... เดี๋ยวสิ ทำไมสารานุกรมเคลื่อนที่อย่างเธอถึงมาถามฉันล่ะ" "อัศวินอย่างฉันจะไปรู้เรื่องไอเท็มเวทย์มนต์แบบละเอียดได้ไงกันเล่า" เฟรซิสทิ้งตัวลงนอนกับเตียง "แต่ก็มีใช่มั้ยล่ะ ไอ้ที่จะชี้ตำแหน่งได้แน่นอนเลยน่ะ" "มีน่ะมันมี แต่จะใช้ได้รึเปล่าฉันก็ไม่รู้นะ เพระมันเป็นไอเท็มระดับเดียวกับ กระจกเซเนียเลยล่ะ" "เล่ามาเถอะ" เฟรซิสตื๊อต่อ ในขณะที่ฟีเมลปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงข้างๆ เฟรซิส "เล่าเถอะค่ะพี่ฟาร์นี่ หนูเองก็อยากฟังเหมือนกัน" "ก็ได้ๆ แต่ขอบอกไว้อย่างนะ ว่าถึงเธอจะใช้กระจกเซเนียได้ แต่ก็ไม่แน่ว่า จะใช้กระดิ่งแอนนิต้านี่ได้ด้วยหรอกนะ" "กระดิ่งแอนนิต้า?" "กระดิ่งแอนนิต้าก็เป็นหนึ่งในไอเท็มเวทย์มนต์ระดับสูงสุดแบบเดียวกับ กระจกเซเนียนั่นแหละ" ฟาร์นี่อธิบายต่อไปเรื่อยๆในขณะที่สาวน้อยอีกสองคนกำลังฟัง อย่างตั้งใจ "แต่ถึงจะเป็นไอเท็มเวทย์มนต์ ก็ไม่ได้ใช้พลังเวทย์ในการใช้งานเหมือน กระจกเซเนียหรอกนะ" "ไอเท็มเวทย์มนต์ที่ไม่ได้ใช้พลังเวทย์?" เฟรซิสทวนคำพูดของฟาร์นี่ "มี ด้วยเหรอ ของแบบนั้นน่ะ" "สายสัมพันธ์น่ะ" ฟาร์นี่พูดราวกับมองออกว่าเฟรซิสจะถามอะไรต่อไป "คนที่จะใช้กระดิ่งแอนนิต้าให้ได้ผล ต้องเป็นคนที่มีสายสัมพันธ์กับคนที่ต้องการจะ ตามหาอย่างแน่นแฟ้นเลยล่ะ" "แล้ว...สายสัมพันธ์ที่ว่า....." ฟีเมลถามขึ้นมาบ้าง "ก็อย่างเช่น มิตรภาพ สายเลือด ความรัก อะไรพวกนี้แหละ" ฟาร์นี่ตอบ "และอีกอย่างนึงที่จำเป็นก็คือ'ความปรารถนาที่จะพบ'น่ะ" "พูดง่ายๆก็คือ ต้องเป็นคนใกล้ชิด แล้วก็อยากพบจริงๆ ถึงจะใช้กระดิ่ง นั่นตามหาได้สินะ" เฟรซิสพูดขึ้นมาบ้าง ซึ่งฟาร์นี่ก็พยักหน้าเป็นการให้คำตอบ "ถ้าเป็น ฝาแฝด เงื่อนไขข้อแรกคงจะไม่มีปัญหาสินะ" "ก็อยู่ที่ทั้งสองคนสนิทกัน รักกันมากแค่ไหนด้วยน่ะนะ" สาวน้อยเฟเธอร์ พูดต่อไปเรื่อยๆ สักพักก็หยุดเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ "เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่าเธอมี ฝาแฝดด้วยน่ะ" "พวกเราถูกแยกกันตอนที่ฟอนเนลถูกโจมตีนั่นแหละ" เฟรซิสเล่าให้ฟาร์นี่ ฟังหลังจากพยักหน้าให้คำตอบไปแล้ว "ฉันออกไปรบเป็นทัพหน้ากับท่านพ่อ ส่วน เฟรเซีย จากที่ท่านพี่เล่า เธออยู่ในจำนวนคนที่ท่านพี่พาตีฝ่าออกมาจากเมืองด้วย แต่ หลังจากเอาตัวเข้าล่อกองทัพที่ตามมาแล้วก็หายสาบสูญไป....." "นี่ วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน แล้วเข้านอนกันเถอะ ดีมั้ย" เฟรซิสเปลี่ยนเรื่อง หลังจากที่หันมาเห็นฟีเมลผลอยหลับไปข้างๆตัวเธอ ฟาร์นี่พยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะ เดินไปยังที่นอนของตัวเอง . . . . . "....ถ้างั้น คนที่หนีออกมาได้ตอนนั้นทุกคนก็อยู่ที่จูรี่สินะคะ" เฟรซิสเอ่ยขึ้น ระหว่างการร่วมโต๊ะกันรับประทานอาหารเช้า หลังจากที่ได้ฟังจากพี่ชายว่าคนที่รอดมา จากสงครามได้ตั้งเมืองใหม่ขึ้นที่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำรุยน่าด้านหลังของเมืองจูเน่ "ใช่แล้วล่ะ" ฟินพูดขณะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม "เธอน่าจะลองแวะไปดูหน่อยนะ พวกเขาเองก็ต้องจำเธอได้แน่" "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะท่านฟิน ถ้าจะเดินทางต่อพวกฉันต้องข้ามแม่น้ำรุยเน่ ยังไงก็ต้องผ่านเมืองนั้นอยู่แล้วล่ะค่ะ" ฟาร์นี่พูดขึ้นบ้าง "แล้วนี่ เด็กคนนั้นยังไม่ตื่นอีกเหรอ" ท่านแม่ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเอ่ยปากขึ้นบ้าง เมื่อเห็นฟีเมลยังไม่ลงมาร่วมโต๊ะทั้งที่เฟรซิสกับฟาร์นี่และคนอื่นๆใกล้จะจัดการกับ อาหารตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว "ถ้าหมายถึงฟีเมลล่ะก็ เดี๋ยวก็ลงมาเองแหละค่ะ" เฟรซิสตอบระหว่างที่มือ ก็ใช้ช้อนตักอาหารคำสุดท้ายเข้าปาก "เด็กคนนั้นนอนขี้เซาจะตาย แล้วเมื่อวานก็ท่าทาง จะเหนื่อยมากด้วย ให้แกได้นอนพักสบายๆเถอะค่ะ" "ท่านฟินครับ!" เสียงๆหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา "เรื่องด่วนครับ! กรุณาเปิดประตูด้วย!" ทันทีที่ภรรยาของฟินเปิดประตู ชายคนนั้นก็รีบถลันเข้ามาในบ้าน พร้อมกับ อธิบายเรื่องต่างๆให้ฟินที่ยืนอยู่ใกล้ๆกันฟัง "กองทัพมอนสเตอร์!? ที่จูรี่น่ะนะ!?" ขณะเดียวกัน ในห้องอาหาร เฟรซิสที่ได้ยินเสียงของพี่ชายดังลอดเข้ามา ทันทีที่สมองเธอพอจะจับความหมายของประโยคเมื่อครู่ได้ เธอก็ลุกขึ้นยืน แล้วก็วิ่งขึ้น ไปชั้นสอง และในเวลาเพียงไม่นาน สาวน้อยก็ไปถึงประตูหน้าบ้านพร้อมกับ ดาบคู่ประจำตัว เธอวิ่งผ่านพี่ชายที่ยืนอยู่หน้าประตูไปอย่างรีบร้อน "เดี๋ยวสิเฟรซิส เธอจะไปไหนน่ะ" ฟินตะโกนเรียกน้องสาว(?) "จูรี่!" เฟรซิสตอบพี่ชายแค่นั้น "จูรี่?" ยังไม่ทันที่ฟินจะได้คิดอะไร เฟรซิสก็เร่งฝีเท้าออกห่างไปทุกที "เดี๋ยวสิ! เธอคิดจะไปทั้งชุดนอนแบบนั้นน่ะเหรอ" "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ" ฟาร์นี่เดินมาสมทบด้วยอีกคน "ลองยัยนั่นคิดจะทำ อะไรแล้วล่ะก็ หยุดเธอไม่ได้หรอกค่ะ เรื่องนี้ พวกท่านน่าจะรู้ดีที่สุดนี่นา" ฟินหันมามอง สาวน้อยผมยาวดำ ในขณะที่เจ้าหล่อนหันหลังเดินไปทางบันได "ฉันเองก็ต้องไปเตรียมตัวบ้างแล้ว เดี๋ยวยัยนั่นจะคลาดสายตาไปซะก่อน" เฟรซิสที่กำลังวิ่งเต็มฝีเท้ามุ่งหน้าไปทางสะพานด้านหลังเมือง ชุดนอนกระโปรงยาวทำให้เธอไม่สามารถวิ่งได้เร็วมากนัก แต่ก็เร็วพอที่จะออกห่างจาก บ้านของฟินมาได้ 140 รูเม่ (200 เมตร) ในเวลาไม่ถึงนาที ฉับพลัน มือคู่หนึ่งก็เข้าโอบ ลำตัวของเธอแล้วพาขึ้นสู่ท้องฟ้า "ฟาร์นี่!?" "ยายบ้าเอ๊ย ทีหลังวิ่งช้าๆหน่อยได้มั้ย เกือบตามไม่ทันแน่ะ" ฟาร์นี่พูดกับ เฟรซิสที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของเธอ สาวน้อยกางปีกขาวบนหลังออกเต็มที่ บ่ายหน้า ไปทางแม่น้ำรุยเน่ "บ้านท่านฟินน่ะอยู่ห่างจากจูรี่ตั้งเกือบ 11 รูเมโร่ (1.5 กิโลเมตร) ไม่ใช่รึไง วิ่งแบบนี้ กว่าจะไปถึงเธอก็หมดแรงกันพอดี" "นี่ ทำไมถึงต้องรีบขนาดนั้นล่ะ" ฟาร์นี่พูดขึ้นอีกหลังจากทั้งคู่เงียบไปพัก หนึ่ง "ทางโน้นเองก็น่าจะมีคนที่คอยรับมืออยู่บ้างไม่ใช่รึไง" "ฟอนเนลน่ะเคยถูกทำลายมาแล้วครั้งนึงนะ" เฟรซิสพูดด้วยสีหน้าและ น้ำเสียงจริงจังจนฟาร์นี่ที่เผลอสบตากับเธอเข้ายังอดรู้สึกหวาดๆไม่ได้ "ตอนนี้ พวกเขาอุตส่าห์สร้างเมืองใหม่ขึ้นมาได้แล้ว จะยอมให้ถูกทำลายไปอีกได้ไงกันล่ะ" "จ้าๆ เข้าใจแล้วจ้ะ แม่นักปกป้อง" ฟาร์นี่แกล้งพูดตลก ทั้งที่ในใจเธอเอง ก็รู้ดีว่าเฟรซิสพูดประโยคเมื่อครู่ออกมาด้วยความรู้สึกจริงๆจากใจ "เอาล่ะ ถึงแล้ว ทีนี้ จะให้ฉันปล่อยเธอลงตรงไหนดีล่ะ?" ทันทีที่ฟาร์นี่ปล่อยมือที่โอบตัวเธออยู่ออก เฟรซิสก็พุ่งลงจากท้องฟ้า ดาบคู่ในมือสะท้อนกับแสงอาทิตย์เป็นประกาย สาวน้อยเลือกหลังคาบ้านหลังหนึ่งเป็นที่ ชะลอความเร็วชั้นหนึ่งก่อนที่จะพุ่งตรงลงไปกลางฝูงมอนสเตอร์ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------- Author's Favourite : "ลองยัยนั่นคิดจะทำอะไรแล้วล่ะก็ หยุดเธอไม่ได้หรอกค่ะ เรื่องนี้ พวกท่านน่าจะรู้ดีที่สุดนี่นา" ;ฟาร์นี่ "ตอนนี้ พวกเขาอุตส่าห์สร้างเมืองใหม่ขึ้นมาได้แล้ว จะยอมให้ ถูกทำลายไปอีกได้ไงกันล่ะ" ;เฟรซิส ทั้งที่ในใจเธอเองก็รู้ดีว่าเฟรซิสพูดประโยคเมื่อครู่ออกมาด้วย ความรู้สึกจริงๆจากใจ ;Scene