Irc Lover ---Hoshine's Side--- Chapter 6 -----Mystery Object----- ในห้องแล็บของยูกินะซัง ผมกำลังจัดการดัดแปลงระบบในตัวเซร่าใหม่ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว สามวันที่ ผ่านมา ผมเกือบเอาชีวิตไม่รอดตั้งหลายครั้ง เพราะยูกินะซังเล่นดัดแปลงเซร่าซะจนผมปรับตัวในการทดลองขับไม่ทัน และทุกครั้ง ผมก็ต้องมาดัดแปลงกลับให้อยู่ในสภาพที่ผมพอจะรับได้ แต่พอวันรุ่งขึ้น เซร่าก็กลับไปในสภาพเดิมอีก แถมดูเหมือนจะหนักกว่าครั้งก่อนๆด้วยซ้ำ เป็นแบบนี้มาสามครั้งแล้ว คราวนี้ ผมเลยตั้งใจว่าหลังจากดัดแปลงเซร่าให้ เข้าที่เข้าทางแล้ว จะจัดการล็อกระบบตอบรับการดัดแปลงไปซะเลย 'Password Input OK' ตัวอักษรสีแดงปรากฏขึ้นบนจอในค็อกพิทของเซร่า เรียบร้อยซะทีสินะ ผมโดด ลงจากค็อกพิทแล้วก็เดินไปทางลิฟท์ "เสร็จแล้วเหรอ" ยูกินะซังทักผมที่กลับขึ้นมาถึงห้องแล็บใหญ่ ผมไม่ตอบ แต่พยักหน้าเบาๆแทนพร้อมกับ ยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินไปขึ้นลิฟท์ทางออก . . . . . เช้าวันต่อมา หลังจากที่พวกโนเอมิออกจากบ้านไปแล้ว ผมที่ไม่มีเรียนก็ขึ้นไปจัดการทำความสะอาดห้องว่าง ห้องหนึ่งบนชั้นสอง เพราะตั้งแต่บ่ายนี้เป็นต้นไป ห้องนี้จะไม่ใช่ห้องว่างอีกแล้ว ผมใช้เวลาเพียงไม่นานก็จัดการห้องให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยได้ เวลาตอนนี้ก็.....10 โมงสินะ ยังมีเวลาอีก 4 ชม.ก่อนนายูกิจะมาถึง "ยังพอมีเวลา ไปลองเทสต์เซร่าดูอีกทีดีกว่า" ผมคิดแล้วก็เดินกลับห้องของตัวเองที่อยู่ชั้นล่างเพื่อเปลี่ยน เสื้อผ้า "นี่!!! เมื่อวานเธอทำอะไรกับเซร่าน่ะ!!!" ยูกินะซังตะโกนใส่ผมทันทีที่ลงไปถึงห้องแล็บ "ดัดแปลงอะไรก็ไม่มี การตอบสนองซักอย่าง บอกมานะว่าเธอทำอะไรไว้" "ก็ล็อกระบบตอบสนองการซัพพอร์ตไว้น่ะสิ" ผมตอบ "ผมยังไม่อยากเอาชีวิตไปเสี่ยงเหมือนวันก่อนๆอีก หรอกนะ" "เสี่ยง? นี่เธอหมายความว่าการดัดแปลงของฉันใช้ไม่ได้งั้นเหรอ!" ยูกินะซังยังไม่เลิก แม้ว่าผมจะเดินมา ถึงลิฟท์ที่จะลงไปยังที่เก็บเซร่าแล้วก็ตาม "ไม่ใช่ใช้ไม่ได้ แต่ยูกินะซังดัดแปลงมันมากเกินไปตะหาก ลองคิดถึงขีดจำกัดของมนุษย์ดูบ้างสิ ใครจะไป ทนรับความเร็วกับพละกำลังขนาดนั้นได้กัน" ผมพูดพลางกดปุ่มเปิดประตูลิฟท์ อีกซักพัก ผมก็ควบคุมเซร่าบินขึ้นไปเหนือท้องฟ้าของโตเกียว ความเร็วของเซร่าตอนนี้อาจจะมากกว่าก่อน แต่ก็อยู่ในสภาพที่พอจะควบคุมได้ ไม่ได้พุ่งทะยานออกไปเหมือนไร้การควบคุมอย่างสามวันที่ผ่านมา แต่แล้ว สายตา ของผมก็ไปสะดุดเข้ากับเงาๆหนึ่งในเมฆ "นี่ไม่ใช่ความสูงในระดับที่เครื่องบินจะบินนี่นา" ผมคิดในขณะที่เงานั้นกำลังเข้าใกล้เซร่าเข้ามาทุกทีๆ เมื่อ เงานั้นออกมาจากเมฆ ผมก็เห็นว่ามันไม่ใช่เครื่องบิน แต่เป็นหุ่นรบ บอดี้เป็นสีน้ำเงินและขาว มีปีกอยู่บนหลัง เดี๋ยวก่อน! ปีกนั้นมันเหมือนกับเซร่าของผมเลยนี่ ผมสังเกตดีไซน์ของหุ่นนั้นอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็พบว่ามัน เหมือนกับดีไซน์ของหุ่นแบบที่เรียกว่า MS ที่ยูกินะซังเคยให้ผมดูเลย แต่ว่า MS เป็นของที่ไม่น่าจะสามารถสร้างขึ้นได้ ในยุคนี้นี่นา ระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น หุ่นเจ้าของเงาก็บินสวนไปด้วยความเร็วพอๆกับเซร่า ผมบังคับเซร่าหันกลับ หมายจะไล่ตามหุ่นตัวนั้นไป แต่แล้วผมก็ต้องหยุดมือเพราะนึกขึ้นได้ว่าเซร่าตอนนี้ไม่มีอาวุธเลย จะมีก็แค่บีมที่ไหล่กับ เซร่าแคนนอนเท่านั้น ถ้าหากเกิดการปะทะกันขึ้นมาผมอาจจะเป็นฝ่ายแพ้ก็ได้ ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจเอาเซร่ากลับไปที่ ห้องแล็บ เพื่อเล่าเรื่องนี้ให้ยูกินะซังฟัง รวมทั้งจัดการติดตั้งอาวุธเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ เพราะถ้าลองมีของอย่าง นี้โผล่เข้ามาในโลกปัจจุบันแล้วล่ะก็ คงต้องมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นแน่ "MS!?" ยูกินะซังดูตกใจมากเมื่อผมเล่าเรื่องที่ไปเจอมาให้ฟัง "โกหกรึเปล่า" "โกหกเรื่องแบบนี้ไปแล้วผมจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ" ผมตอบกลับไปขณะที่มือก็เริ่มปลดล็อกระบบตอบสนอง การซัพพอร์ต "ถ้าลองแบบนี้ล่ะก็..." ยูกินะซังทำหน้าจริงจัง "คนที่บังคับ MS นั่นจะต้องเป็นคนที่ข้ามเวลามาแน่" "ก็ยังไม่แน่หรอกนะ" ผมพูดระหว่างที่มือก็คีย์โปรแกรมให้เซร่า "คนที่เป็นคนต้นคิด MS อาจจะมีชีวิตอยู่ใน ยุคนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้" "แต่เทคโนโลยีสมัยนี้ยังไม่น่าจะสร้าง MS ได้นี่นา" "นั่นอาจจะเป็น MS ตัวแรกของโลกก็ได้นี่" ปากผมก็พูดไปงั้นแหละ เพราะเท่าที่ผมเห็นมา รูปร่างกับสปีดขนาดนั้น มันไม่น่าจะเป็น'รุ่นแรกสุด'ไปได้เลย "ยูกินะซัง ช่วยเปิดสวิตช์เครนยกของให้ทีได้มั้ย" ผมหยุดมือที่คีย์โปรแกรมอยู่แล้วก็ชะโงกหน้ามาตะโกน เรียกยูกินะซังที่ยืนอยู่ข้างล่าง "เครนเหรอ รอเดี๋ยวนะ" ยูกินะซังรับคำแล้วก็วิ่งไปทางแผงสวิตช์ไฟ หลังจากที่เธอทำอะไรกับมันอยู่ซักพัก ก็หันมาส่งสัญญาณ OK ให้ผม พอเครนใช้การได้ผมก็เริ่มการประกอบอาวุธเข้ากับเซร่าทีละอย่าง..... 'ปิ๊บๆๆ' เสียงนาฬิกาข้อมือของผมดังขึ้นระหว่างที่ผมกำลังคีย์โปรแกรมติดตั้ง Increaser Bit พอยก มันขึ้นดู ตัวเลขก็บอกเวลา 13.20 "แย่จริง ถ้าไม่รีบไปล่ะก็สายแน่ แต่จะหยุดโปรแกรมไว้ครึ่งๆกลางๆก็ไม่ได้ซะด้วย" ผมหยุดคิดว่าจะทำ ยังไงดีในเวลาแบบนี้ แล้วก็ตัดสินใจตะโกนเรียกยูกินะซังที่เช็คสภาพเซร่าอยู่ "ยูกินะซัง เดี๋ยวช่วยจัดการโปรแกรม ติดตั้ง Increaser Bit ต่อให้ทีได้มั้ย พอดีผมมีธุระต้องรีบไปน่ะ" "อ๋อ ได้สิ" "ขอบคุณมากนะ" ผมกระโดดลงจากค็อกพิท "งั้นวันนี้ผมไปก่อนนะ แล้วอย่าดัดแปลงอะไรแปลกๆกับ เซร่าอีกล่ะ" "ไม่ต้องห่วงน่า" ยูกินะซังรับปาก แต่จะเชื่อใจได้มั้ยนะ ตอนที่ผมมาถึงสถานีเป็นเวลาเดียวกับที่รถไฟขบวนของนายูกิมาถึงสถานีพอดี ผมรีบมองหาตัวเจ้าหล่อน ทันที แล้วผมก็เห็นนายูกิกำลังลงจากรถไฟที่ประตูห่างจากผมไปประมาณ 5 เมตร "นายูกิ ทางนี้ๆ" พอสิ้นเสียง นายูกิก็หันมาทางที่ผมยืนอยู่ เธอทำหน้าดีใจ แล้วก็วิ่งลากกระเป๋าเข้ามาหา "มาเร็วจังเลยนะ" นายูกิทักผมทันทีที่เดินมาถึงตัว "ก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาเร็วหรอก คิดว่าจะเอาคืนเรื่องเมื่อตอนนั้นด้วยซ้ำ" "?" นายูกิทำหน้าสงสัย ก่อนจะทำท่าเหมือนนึกขี้นได้ "อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเอง" "นึกออกแล้วเหรอ" "เรื่องมันจะ 6 ปีแล้วนะ ยังจำได้อีกเหรอ" นายูกิมองหน้าผม "ไข้หวัดครั้งร้ายแรงที่สุดในชีวิต ใครจะไปลืมได้ล่ะ" ผมพูด แกล้งไม่มองหน้าเธอ "ขอโทษนะ" นายูกิซึมลงไป ท่าจะไม่ดีแล้วแฮะ "ล้อเล่นน่า" ผมยกมือขึ้นจับหัวเธอเบาๆ "ไม่ได้เจอกันตั้งนาน อย่าทำหน้าเศร้าอย่างนั้นสิ" แล้วผมก็หันไป ยกกระเป๋าเสื้อผ้าของนายูกิที่วางอยู่กับพื้นขึ้นมา พร้อมกับเริ่มออกเดิน "ไปกันเถอะ นายุ" To be Continued................