ตอนที่ 2 |
หลังจากที่มิซากิได้รู้ความจริงว่า ยูกิ เป็นนักแซกโซโฟนที่มีฝีมือถึงขนาดนั้น เธอก็พยายามชักชวนให้ยูกิ กลับมาเข้าร่วมกับชมรมอีกครั้ง แต่ยูกิหาได้สนใจไม่โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากเล่นร่วมกับพวกที่มีฝีมือต่ำกว่ามากๆอย่างในชมรม วันหนึ่งขณะที่มิซากิกำลังกลับบ้านพร้อมกับจิเอะ ลูกเบสบอลได้ลอยมาจากสนามที่พวกชมรมเบสบอลกำลังซ้อมกันอยู่ โดนเข้ากับคาริเน็ตที่จิเอะถืออยู่จนตกและร้าวไปจนใช้การไม่ได้อีกชิโนดะซึ่งเคยเป็นมือทรัมเป็ตของวงอีกทั้งยังเคยเล่นเบสบอลกับเอสของชมรมเบสบอลมาก่อน( ชุดวอร์ม ) ผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี จึงเข้าไปบอกให้ทางชมรมเบสบอลรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ทางชมรมเบสบอลปัดความรับผิดชอบจนหวิดจะมีเรื่องกันขึ้น จิเอะลองนำคาริเน็ตนั้นไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาชมรมดู ปรากฏว่าซ่อมไม่ได้มีแต่ต้องซื้อใหม่อย่างเดียวเท่านั้น อีกทั้งที่ชมรมก็ไม่มีคาริเน็ตตัวอื่นเหลืออยู่อีก มิซากิจึงพาจิเอะไปยังสภากรรมการนักเรียนเพื่อของบซื้อใหม่ แต่ทางสภานักเรียนกลับให้ซองบอกรับบริจาคมา เพื่อให้ไปขอบริจาคกันเองทำให้มิซากิโกรธมาก แต่จิเอะได้ทัดทานไว้แล้วกลับบ้านไปอย่างเงียบๆ
วันถัดมาจิเอะไม่มาโรงเรียน
ด้วยความเป็นห่วงมิซากิจึงตามไปหาเธอที่บ้าน
เธอได้พบว่าบ้านของจิเอะเป็นร้านขายทาโกะยากิเล็กๆที่ใกล้จะเจ๊ง
เพราะพ่อของเธอกำลังถูกยากุซ่าตามทวงหนี้ที่ไปยืมมา
อีกทั้งเธอยังได้รู้จากจิเอะอีกด้วยว่า
ที่พ่อเธอทำตัวเละเทะไม่ยอมเปิดร้านเพื่อขายของหาเงินมาใช้หนี้นั้น
เป็นเพราะเอาแต่โศกเศร้าเสียใจกับการตายของแม่เธอจนทำตัวสำมะเลเทเมา
ทั้งๆที่ร้านทาโกะยากิของเธอมีขนมสูตรพิเศษ
"ทาโกะยากิ
รสแกงกะหรี่ "
ที่ไม่มีใครเหมือนแท้ๆ
มิซากิได้แต่นั่งฟังและคิดหาวิธีช่วยเหลือเพื่อนอย่างเงียบๆ
จนในวันต่อมามิซากิคิดแผนการช่วยทางบ้านของจิเอะได้สำเร็จ ด้วยการไปขอความร่วมมือจากคนในวงช่วยกันจัดตั้ง สตรีทเพอร์ฟอแมนท์ หรือ คณะวงดนตรีเร่ขึ้น โดยจะมีแผ่นป้ายโฆษณาร้านทาโกะยากิของจิเอะติดอยูที่ตัวของทุกคน เพื่อโปรโมทร้านของเธอไปตามตัวเมืองด้วย จิเอะเห็นดังนั้นก็ซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนและลุกขึ้นสู้โดยกลับมาเปิดร้านด้วยตัวเองอีกครั้ง แต่เหตุการณ์ก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด ระหว่างทางที่กลุ่มของมิซากิเดินโฆษณากันไปตามเมืองนั้นเผอิญได้พบกับพ่อของจิเอะ พอพ่อของจิเอะเห็นป้ายโฆษณาร้านก็ตกใจแล้วรีบวิ่งหนีกลับร้านไปทันที กลับไปถึงร้านก็สั่งให้จิเอะปิดร้านทันที และตวาดพวกของมิซากิที่วิ่งตามไปถึงด้วยว่าอย่าทำอะไรตามใจชอบอีก จิเอะโกรธและเสียใจในตัวพ่อของเธอมากที่ไม่กล้าสู้กับความจริง
วันนั้นทุกคนต่างพากันกลับบ้านอย่างเป็นทุกข์ ที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรจิเอะได้เลย โดยเฉพาะมิซากิพอกลับมาถึงบ้านก็ได้พบว่ามีพัสดุส่งมาจากต่างประเทศ พอแกะดูก็พบว่าเป็นฟลุตที่พ่อของเธอส่งมาให้ นั่นเป็นเพราะไดกิซึ่งเป็นพี่ชายของมิซากินั้น ขณะโทรไปหาพ่อแม่ที่ต่างประเทศได้เล่าเรื่องที่ มิซากิเข้าชมรมดนตรีให้พ่อฟัง ดังนั้นพ่อของเธอจึงส่งฟลุตมาให้เพื่อเป็นกำลังใจ แต่แทนที่เธอจะดีใจกลับนั่งกลุ้มเพราะหวนให้นึกถึงจิเอะซึ่งไม่มีแม้แต่คาริเน็ต แต่เธอกลับมีฟลุตอยู่ถึง2เลา
คืนนั้นไดกิได้เริ่มไปทำงานพิเศษของเขาที่คลับแห่งหนึ่งซึ่งก็เผอิญเหลือเกิน เพราะเป็นคลับของแม่ของยูกินั่นเอง เขาได้รู้จักกับยูกิที่ไปเล่นแซกที่นั่นและพอดีกับตอนนั้นมีคนจากบริษัทเทปมาติดต่อให้เธอไปเป็นโปร ออกงานเดี๋ยวทั่วโลกอยู่พอดีเขาทึ่งในความสามารถของเธอมาก และเผลอเล่าเรื่องของน้องสาวตัวเองให้ยูกิฟังโดยบอกว่าถ้าน้องสาวเป็นได้สักครึ่งของยูกิคงจะดี โดยเขาหาได้รู้ไม่ว่ายูกินั้นรู้จักกับน้องเขาเป็นอย่างดี
วันต่อมามิซากิไปที่ร้านขายเครื่องดนตรีเพื่อที่จะนำฟลุตที่พ่อให้มาไปแลกกับคาริเน็ต แต่ก็ไม่สำเร็จเธอได้แต่พยายามต่อไปในร้านอื่นๆเพื่อจะหาทางเอาคาริเน็ตอันใหม่มาให้จิเอะให้ได้ การกระทำของเธอถูกเห็นโดยพ่อของจิเอะ อย่างเงียบๆ
ในวันนั้นที่บ้านของจิเอะมีพิธีทำบุญครบรอบวันตายของแม่เธอ หลังจากพิธีเลิกพ่อของเธอได้รวบรวมเงินช่วยเหลือที่ได้มาทั้งหมดในวันนั้นให้จิเอะและบอกให้เธอนำมันไปซื้อคาริเน็ต โดยบอกว่าถ้าทำแบบนี้แล้วแม่ที่อยู่บนสวรรค์คงดีใจ จิเอะดีใจมากเธอรีบตรงไปหามิซากิที่บ้านพอดี แต่ปรากฏว่ามิซากิได้ออกจากบ้านเพื่อนำคาริเน็ตไปขายที่ร้านดนตรียังเมืองข้างๆ ที่ยูกิแนะนำมาว่าที่ร้านนั้นรับซื้อขายแลกเปลี่ยนเครื่องดนตรี จิเอะตกใจมากเธอรีบวิ่งวิ่งและวิ่ง เพื่อที่จะไปยับยั้งมิซากิ เธอรู้ดีว่าที่มิซากิทำไปทั้งหมดก็เพื่อเธอ
ในที่สุดเธอก็ไปถึงทันและแล้วรอยยิ้มก็กลับมาบนใบหน้าของเธอทั้ง2 อีกครั้ง...เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามตอนหน้านะครับ....