# องค์การนาซ่าได้ทำการวางแผนที่จะส่งมนุษย์ไปยังดาวอังคาร
จากการศึกษาของนาซ่าในเรื่องของการส่งอุปกรณ์ สิ่งประดิษฐ์ และมนุษย์ ไปยังดาวอังคารว่า ถ้ามันมีผลมันอาจจะหมายถึงว่า
มนุษย์อาจจะได้ไปสำรวจบนดาวอังคารก่อนปี 2010 ก็ได้
ทางองค์การนาซ่าได้รายงานว่า จะมีการส่งยานอวกาศ 3 ลำ ไปยังดาวอังคาร มีโอกาสเริ่มในปี 2007 หลักจากนั้นก็จะทำการส่ง
เครื่องมือไปบนพื้นผิว และวงโคจรของดาวอังคารในปี 2007 ส่วนการส่งมนุษย์และสิ่งประดิษฐ์อีก 2 อย่าง ก็จะถูกส่งออกไปอย่างช้าในปี
2009 โดยใช้เวลา 180 วัน ในการเดินทางไปดาวอังคาร
โดยมีลูกเรือ 6 นาย จะอยู่บนดาวอังคาร เป็นเวลา 18 ถึง 20 เดีอน โดยระหว่างนั้นพวกเขาจะทำการประดิษฐ์เชื้อเพลิง สำหรับ
พาหนะที่จะใช้ขึ้นจากดาวอังคาร โดยยานลำแรกที่จะขึ้นไปยังดาวอังคารและกลับมายังโลก จะถูกดำเนินการในปี 2007 และอีกครั้งในอนาคต
ข้างหน้า
โดยมีเป้าหมายของโครงการ เพื่อไปตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคารภายในปี 2016 โดยลูกเรือ 3 คนแรก จะทำการสร้าง " basic
infrastructure " เพื่อใช้เป็นฐานในการอยู่อาศัยอย่างถาวร
สำหรับงบประมาณที่ใช้ในการทดลองจนกระทั่งปี 2016 จะประมาณ 40 พันล้านดอลล่าร์ ซึ่งเป็นงบประมาณที่สูงมากเกินไป
ในอนาคตจึงจะต้องลดค่าใช้จ่ายในงบประมาณลง
# นักดาราศาสตร์ไม่พบหลักฐานในการค้นหาก้อนนำแข็งบนดวงจันทร์
นักดาราศาสตร์ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับโลกพระจันทร์ด้วยกล้องโทรทรรศน์สัญญาณวิทยุที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับ
ก้อนนำแข็งซึ่งเป็นที่สงสัย หลังจากที่มีการประกาศการค้นพบก้อนนำแข็งบนยานอวกาศ Clementine เมื่อปีที่แล้ว
โดยผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัย Cormell นายโดนัลด์ แคมป์เบลล์ กล่าวว่า พวกเราไม่เห็นอะไรเกี่ยวกับก้อนนำแข็ง
ที่ผุดขึ้นมา และไม่คิดว่าจะมีหลักฐานที่ชัดเจนอื่นๆจากรูปถ่ายเรดาห์ที่เห็นเป็นรูปก้อนนำแข็งบนโลกพระจันทร์
นายแคมป์เบลล์ กับนักศึกษาของเขา และนักวิทยาศาสตร์ ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์สัญญาณวิทยุขนาดใหญ่ 300 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ที่
Arecibo Pueto Rico เพื่อใช้ดูโลกพระจันทร์ในปี 1992 และมีการใช้คลื่นเรดาห์ ความยาว 13 ซ.ม. เหมือนกับของ the Clementine
spacecraft ใน 2 ปีต่อมา
ซึ่งทีมดังกล่าวได้บอกว่า เขาพบแสงกระทบจากสัญญาณเรดาห์เป็นส่วนเล็กๆ ที่ดูเหมือนกับนำแข็ง ภายในระยะ 1 ก.ม. แต่เขาก็ยัง
พบแสงดังกล่าวบ้างในส่วนอื่นๆ ของดวงจัทร์ ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่น่าจะเกิดนำแข็งได้
ดังนั้นทางทีมงานของแคมป์เบลล์ จึงเชื่อว่า ลักษณะของผิวหน้าดวงจันทร์ที่ดูหยาบๆ และบุบนั้น น่าจะมาจากการที่มีบางสิ่งที่ตกมา
จากที่อื่น และไม่ใช่ก้อนนำแข็ง
จากข้อมูลหลักฐานต่างๆ ทำให้นักวิทยาศาสตร์คาดว่า ดวงจันทร์จะมี 2 ด้าน ด้านหนึ่งเป็นด้านมืด ซึ่งมีอากาศหนาวเย็น และน่าจะมี
นำอยู่ และถ้ามนุษย์จะขึ้นไปอยู่อาศัยก็จะต้องมาอยู่ที่ด้านมืดนั้น และอีกด้านจะเป็นด้านสว่าง
# ลินินเจอร์ เล่าถึงการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดบนสถานีอวกาศ MIR
เจอร์รี่ ลินินเจอร์ นักท่องดวงดาวได้กลับมายังโลก เมื่อเดือนที่แล้วหลังจากใช้เวลา 4 เดือน บนสถานีอวกาศ MIR ของรัสเซีย
ได้กล่าวเกี่ยวกับ ช่วงเวลาที่อยู่บนสถานีอวกาศกับการปรับตัวใหม่บนพื้นโลก ในการประชุมเพื่อให้ข่าวในวันที่ 13 มิถุนายน
ในการประชุมดังกล่าว ลินินเจอร์ ได้กล่าวว่ามีปัญหาอย่างมากบนสถานี ในระหว่างที่เขาอยู่ที่นั่น ปัญหาเกี่ยวกับประกายไฟ การรั่วไหล
ของวัตถุให้ความเย็น ความขัดข้องของเครื่องผลิตออกซิเจน
เวลาที่เขาอยู่บนสถานีทำให้เขารู้สึกท้าทายมากกว่าที่เขาคิด โดยเขาได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ว่า
คุณจะรู้สึกว่า สิ่งที่คุณทำทั้งหมดเพื่อพยายามที่จะอยู่รอด และมักจะพูดกับตัวเองว่า สิ่งที่เราทำสำเร็จที่นี่ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการมีชีวิตอยู่
เขาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เขาต้องทำงานให้เสร็จในเวลากลางคืน เพราะไม่มีเวลาในการทำงานตอนกลางวัน ปัญหาเกี่ยวกับสถานี MIR
เขาได้กล่าวว่าการรั่วไหลของท่อที่ผุพังเกี่ยวกับระบบความเย็นเป็นปัญหากับส่วนสำคัญของ MIR และเขารู้สึกมีความสุขกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป
เขาดีใจที่เขาได้ผจญภัยในสิ่งแปลกๆ และยังอยู่รอดได้
# องค์การนาซ่าและกองทัพหน่วยรบของอเมริกาได้ทำการวางแผนการใช้ยานอวกาศ
ในปัจจุบันและอนาคต เพื่อมองหาหลักฐานเพิ่มเติมว่ามีดาวหางดวงเล็กๆ มาชนโลกเราบ้างใหม โดยองค์การนาซ่ามีความต้องการจะ
ค้นหาและศึกษาเกี่ยวกับดาวหางดวงเล็กๆ ที่จะพุ่งมาชนโลก
George Withbore หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของโครงการศูนย์ติดต่อของพระอาทิตย์กับโลกที่องค์การนาซ่า ได้บอกกับกองข่าว
ทางอวกาศ โดยเขากล่าวว่า เขาอยากจะให้มีการแบ่งเป็นกลุ่มๆ ในการสำรวจหาดาวหางดวงเล็กๆ โดยกำหนดเวลาในวันที่ 16 มิถุนายน
โดยนาย George Withbore ได้กล่าวว่า ทางองค์การนาซ่าจะใช้ยานอวกาศเพื่อสำรวจหาหลักฐานเกี่ยวกับบริเวณของดาวอังคาร
ที่ถูกชนโดยดาวหาง และสำรวจว่ามีดาวเคราะห์ดวงอื่นนอกจากโลกหรือไม่ที่ถูกดาวหางพุ่งชน
กองทัพหน่วยรบของอเมริกาได้ทำการร่วมมือกันกับองค์การนาซ่า ในการส่งยานของทางกองทัพเพื่อสำรวจหาดาวหางว่ามันเป็นชิ้น
ส่วนที่หลุดออกมาจากดาวอื่นๆ และเกิดเป็นประกายไฟ เมื่อมาถึงชั้นบรรยากาศก่อนมาถึงพื้นโลก