คำปรารภ

มนุษย์ถูกสร้างให้มีตาสองข้าง
เพื่อให้มองในแง่มุมที่แตกต่างกันของตาแต่ละข้าง
มีหูสองหูให้ฟังความแต่ละอย่าง มีมันสมองสองซีกให้ใช้คิดเหตุและผล
มีมือซ้ายและขวา เพื่อให้เขาได้กระทำและแก้ไข
เพื่อความถูกต้องอันเป็นสัจจะ 
ซึ่งเป็นความจริงของธรรมชาติแห่งการอยู่ร่วมกันในสังคม

.......แต่นับเนื่องจากพุทธศักราช ๒๕๔๑ ถึง ๒๕๔๒ นั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นดูคล้ายกับว่า
มนุษย์ที่สามารถอาจสื่อรับรู้ความหมายซึ่งกันและกันได้นั้น
ประหนึ่งถูกปิดตาไว้ให้มองในมุมเดียว ที่ใครคนหนึ่งต้องการให้มองมุมนั้น
ถูกอุดหูไว้ข้างหนึ่ง  เพื่อรับฟังสิ่งที่เขาคนนั้นยัดเยียดให้รับฟัง
และสมองน้อยก็ถูกยึดครองให้คิดตามนึกตาม 
ไม่มีแม้โอกาสที่จะไตร่ตรองเหตุและผล
ทำให้การกระทำที่เกิดขึ้นปรากฏขึ้นในสังคมไทยอันเรียกว่า
"เป็นเมืองพุทธ"
ถึงกับจะต้องถามกันว่าสิ่งที่ประชาชน
หรือผู้ที่กระทำภายใต้สังขารอันเรียกว่า "มนุษย์" นั้น
ยังเรียกว่ายังเป็นมนุษย์ อยู่หรือไม่?
อะไรคือความถูกผิด? ดี หรือ เลว ? ธรรมะหรืออธรรม ?
และจะใช้อะไรมาตัดสิน

และเพื่อความสมบูรณ์ของธรรมชาติ  อันอยู่ร่วมกันในฐานะมนุษย์
จึงต้องใช้เหตุและผลซึ่งธรรมชาติได้สรรสร้างให้  คิด พูด ทำ ด้วยเหตุและผล 
ดังนั้นการนำเสนอเอกสารทางประวัติศาสตร์แห่งพระพุทธศาสนาเล่มนี้ 
ก็ด้วยเจตนาที่จะให้ท่านผู้อ่านนำไปพิจารณา ในแง่มุมที่ถูกกักกั้น 
ว่าอีกแง่มุมหนึ่งนั้น มีข้อแท้จริงเป็นอย่างไร?

ฉะนั้น จึงมิใช่เป็นการนำเสนอโดยเจตนาเพื่อโจมตีใส่ร้าย 
ใส่ความเท็จแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือองค์กรหนึ่งองค์กรใด
อันปรากฏนามในหนังสือเล่มนี้ทั้งสิ้น 
แต่เป็นเพียงวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้เป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์ฝากไว้แก่ลูกหลาน 
ว่าในครั้งหนึ่งบนผืนแผ่นดินอันเรียกว่าประเทศไทย
เคยมีศาสนาหนึ่งที่เคยยิ่งใหญ่ที่ชนชาติไทยเรียกว่า
"พุทธศาสนา" เท่านั้น.....

 

(หน้าปก --- สารบัญ --- อ่านต่อ)

1