กำเนิด
คัมภีร์ล้างพุทธ

 

นายธรรมเกียรติ กันอริ สมาชิกมูลนิธิโกมลคีมทอง เปิดเผยว่า ได้เป็นผู้ชักนำพระภิกษุ ในพระพุทธศาสนา เป็นพระราชาคณะชื่อ พระศรีวิสุทธิโมลี (ป.อ. ปยุตฺโต) และ พระมหาชาย อาภากโร เข้าร่วมกิจกรรมกับมูลนิธินี้ ในฐานะองค์ปาฐกผู้เผยแพร่ นับตั้งแต่เริ่มแรก (ปี พ.ศ.๒๕๑๔) โดยมีฐานปฏิบัติการ ในภาคเหนือเป็นหลัก อาศัย วัดอุโมงค์ จังหวัดเชียงใหม่ (ปัจจุบันเป็นที่อยู่ของ พระมหาจรรยา ผู้ออกมาโจมตีธรรมกาย) เป็นสถานที่จัดสัมมนา ผู้ที่เข้ารับการสัมมนา เป็นนักศึกษารุ่นหนุ่มสาว ที่ถูกคัดสรรมาแล้วโดยเฉพาะ (สาเหตุที่ไม่จัดในมหาวิทยาลัย เพราะเสี่ยงต่อกฎหมายบ้านเมือง ในขณะนั้น เนื่องจาก กอ.ปค. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ จับตาแกนนำนักศึกษา ในมหาวิทยาลัย) จึงต้องใช้วัด เป็นที่เผยแพร่แนวคิด อุดมการณ์พุทธศาสตร์แนวใหม่ สำหรับคนหนุ่มสาว ซึ่งมักใช้หัวข้อว่า "อุดมคติ ของคนหนุ่มสาว" โดยมีพระศรีวิสุทธิโมลี (ป.อ.ปยุตฺโต) เป็นผู้บรรยาย และในการบรรยายครั้งหนึ่ง พระศรีวิสุทธิโมลี และกลุ่มหนุ่มสาว ที่มีอุดมคติเดียวกัน ถูกตำรวจล้อมจับ ณ วัดอุโมงค์ จ.เชียงใหม่ แต่รอดพ้นมาได้ เพราะมี พระเทพกวี ช่วยเหลือเจรจา กับเจ้าพนักงานที่จับกุม ในที่สุดเจ้าพนักงาน ซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชน เห็นแก่ผ้ากาสาวพัสตร์ จึงได้ปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมทั้งหมด

ส่วนนาย ส.ศิวรักษ์ (ผู้รับมอบหมายจาก สภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย) ได้มอบหมายให้ พระศรีวิสุทธิโมลี (ป.อ.ปยุตฺโต) เขียนหนังสือโดยใช้ชื่อว่า "พุทธธรรม" ตามหนังสือ คริสตธรรม - พุทธธรรม ซึ่งทางสภา คริสตจักรฯ ได้เคยจัดพิมพ์ขึ้นแล้วนั้น เพื่อจะใช้เป็นเครื่องมือในการปลอมปนได้สะดวกยิ่งขึ้น และเพื่อให้หนังสือ มีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น จึงต้องอาศัยอ้างอิงเบื้องสูง โดยวางแผนให้แสดง ธรรมกถา เนื่องในวันประสูติ ครบรอบ ๘๐ พรรษา ของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ และนำหนังสือ "พุทธธรรม" เข้าบรรจุอยู่ใน "ชุมนุมนิพนธ์ เพื่อถวายพระเกียรติ" ชื่อหนังสือว่า "วรรณไวทยากร"

จากการที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมของมูลนิธิฯ ดังกล่าว พระธรรมปิฎก จึงได้รับการสนับสนุน ให้ไปร่วมการสัมมนา ในต่างประเทศ ในปีถัดมา (๒๕๑๕) และตลอดมา แต่เนื่องจากมูลนิธิฯ ขณะนั้นเน้นหนัก ทางการเคลื่อนไหว ทางด้านการเมืองเป็นหลัก หนังสือ "พุทธธรรม" ในขณะนั้น จึงยังไม่ได้ถูกแก้ไข ปลอมปน พระสัทธรรมคำสอนของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๑๙ จากการปฏิบัติการทางการเมือง ของมูลนิธิโกมลคีมทอง ซึ่งร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศ มีการกระทำ อันละเมิดกฎหมายบ้านเมือง เป็นอันตรายต่อความสงบเรียบร้อย และการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ เป็นองค์พระประมุขอย่างชัดแจ้ง โดยไม่เกรงกลัว ต่อกฎหมายบ้านเมือง ดังนั้นเจ้าหน้าที่ ด้านความมั่นคงฝ่ายทหาร พร้อมกับตำรวจสันติบาล ซึ่งได้รวบรวมพยานหลักฐาน ชี้ชัดว่า มูลนิธิโกมลคีมทองนี้ มีพฤติกรรมและเผยแพร่ อุดมการณ์ อันเป็นภัยต่อชาติโดยได้รับทุนสนับสนุน จากองค์กรต่างชาติ ให้การสนับสนุน มีเครือข่าย และสมาชิกทั่วประเทศ เพื่อเป็นการป้องกัน ภาวะอันตราย อันอาจเกิดขึ้นได้ อย่างแน่นอน หากปล่อยไว้ต่อไป จึงได้นำกำลัง พร้อมรถถัง ๒ คันไปทำการปิดล้อม ที่ทำการมูลนิธิฯ และทำการตรวจค้นจับกุม ได้อาวุธยุทโธปกรณ์ ตลอดจนเอกสารแผ่นปลิวโฆษณาชวนเชื่อมากมาย หนังสือเผยแพร่อุดมการณ์ ทำลายชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ หลายแสนเล่มจริง เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถบรรทุกสิบล้อ ขนถึงสองเที่ยว เพื่อนำไปเผาทำลาย มิให้เผยแพร่ เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ ต่อไปภายหน้า ส่วนตัวหัวหน้า และผู้ร่วมเป็นสมาชิก ได้หลบหนีออกนอกประเทศ

พระราชวรมุนี (ป.อ.ปยุตฺโต) (เลื่อนสมณศักดิ์จากพระศรีวิสุทธิโมลี) ซึ่งเป็นสมาชิกในมูลนิธินี้ ได้หลบหนีออกนอกประเทศ โดยความช่วยเหลือของ สภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย ไปอยู่ในรัฐเพ็นซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เช่นกัน (ข้อมูลรายละเอียดมีมาก ขอได้จาก กองอำนวยการ รักษาความมั่นคงภายใน สภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยอาศัย พรบ.ข่าวสารฯ)

แต่การดำเนินงานของสภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย ก็มิได้หยุดยั้ง ได้มีการขอตั้งสถานศึกษาคริสเตียน เป็นวิทยาลัยเอกชน ชื่อ วิทยาลัยแสงธรรม ในสมัยที่ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อ ๑๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๙ จึงนับเป็นก้าวย่างที่มั่นคง ของศาสนาคริสต์ ในประเทศไทย ที่สำคัญมาก เพราะขณะนั้น มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มหาวิทยาลัยสงฆ์ ในพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาประจำชาติ) ยังไม่ได้ตั้งตามกฎหมาย

                      สรุปภารกิจการจัดตั้งขบวนการ และบุคลากร                      

เนื่องจากทางราชการโดย กอ.ปค. (กองอำนวยการปราบปรามคอมมิวนิสต์) และฝ่ายรักษาความมั่นคง ดำเนินการต่อต้าน และปราบปรามอย่างเด็ดขาด เข้มงวด แม้ว่าจะได้ปลูกฝังอุดมการณ์ ให้กับบุคคลที่มีคุณภาพสูง แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการ อย่างเปิดเผยได้อย่างเต็มที่


(หน้าปก - - - สารบัญ - - - อ่านต่อ)

1