ยุทธการล้างพุทธศาสนา-ล้มสถาบันกษัตริย์ในเวียตนาม

 

 

ในช่วงการรบระหว่างฝรั่งเศสกับกองทัพกู้ชาติเวียตนามนั้น ได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์ดังกล่าวขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๓ โดยสภาความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Council (NSC) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมองเห็นว่า เป็นช่วงที่จะต้องรีบฉกฉวยโอกาส ที่ฝรั่งเศสเพลี่ยงพล้ำนี้ เข้ายึดครองเวียตนามเสียเอง จึงได้มีความเห็นร่วมกันว่า

"ประเทศสหรัฐอเมริกา จะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเริ่มที่ประเทศเวียตนามนี้ให้ได้โดยฉับพลัน และไม่ต้องคำนึงถึงรูปแบบวิธีการในการปฏิบัติการ แต่ให้บรรลุเป้าประสงค์คือการ ยึดครองให้ได้หมดทั้งภูมิภาค ทั้งนี้ให้ถือเป็นนโยบายถาวรของสหรัฐอเมริกา ซึ่งรัฐบาลทุกรัฐบาลจะต้องปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมายตามนี้ (PANTAGON Confidential Report, Feb ๑๙๕๐) เป็นนโยบายถาวรมหาอำนาจ "ไม่สนับสนุนระบบกษัตริย์" ทุกกรณี ในลักษณะเดียวกันจึงให้การสนับสนุนในการโค่นล้มระบบกษัตริย์ของประเทศเวียตนาม โดยร่วมมือกับองค์กรคริสเตียนคาทอลิค ให้การสนับสนุน โง ดินห์ เดียม ให้โค่นล้มระบอบกษัตริย์ในประเทศเวียตนาม ในทันทีที่จังหวะและเวลาเอื้ออำนวย

จากการพ่ายแพ้ในยุทธการ "เดียนเบียนฟู" นั่นเอง ทำให้ประเทศฝรั่งเศสวางแผนการใหม่ ที่จะใช้อิทธิพลทางการเมือง เพื่อประโยชน์ทางการค้า ในทรัพยากรธรรมชาติของเวียตนามต่อไป จึงได้มีการเสนอให้มีการลงนาม ในสัญญาเจนีวา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศขึ้น (รวมเหนือใต้) โดยฝรั่งเศสจะใช้เงินลงทุนที่จะสนับสนุนคนของตน ให้ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี และครองเสียงข้างมากในรัฐบาลประเทศเวียตนาม

ก่อนที่เราจะดำเนินเรื่องต่อไป ขอพาผู้อ่านมารู้จักกับบุคคลซึ่งต่อไปจะมีบท บาทในการทำลายล้างพระพุทธศาสนา ตามคำสั่ง VATICAN COUNCIL 2 ดังนี้

๑. โง ดินห์ เดียม เกิด เมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๔๔๔ ในครอบครัวคริสเตียนโรมันคาทอลิค ที่เคร่งศาสนามาก ที่เมือง ไดฮอน มลฑลวานบิน ซึ่งเป็นตอนกลางของประเทศเวียตนาม โง ดินห์ เดียม ลักษณะภายนอกจะเห็นเป็นคนที่เรียบร้อย สุขุม พูดจาเจ้าหลักการ เชือดเฉือนฝ่าย ตรงข้าม แต่ไม่หยาบคาย มองดูแล้วจะมีลักษณะอ่อนน้อมถ่อมตน แต่โดยนิสัยแท้จริงกลับตรงกันข้าม เป็นบุคคลที่มีความคดในข้องอในกระดูก พร้อมที่จะหักหลัง หรือเหยียบย่ำทันที่ที่บุคคลใดก็ตามไร้ประโยชน์ หรือจะทำให้เกิดโทษกับเขา ทำลายทุกคนที่เป็นอุปสรรคทางการเมือง ในทุกวิถีทาง นี่คือลักษณะที่ตรงกันข้ามในคนๆ เดียวกัน นับถือและเคร่งในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิคที่สุด

๒. มาดาม โง ดินห์ นู ภรรยาของ โง ดินห์ นู เป็นผู้นับถือคริสต์โรมันคาทอลิค และมีความพอใจในการกระทำทุกอย่าง ที่จะก่อความสูญเสีย ให้เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนา เพราะเธอเชื่อว่า "ผู้ไม่นับถือในพระเจ้าคือสาวกซาตานที่ต้องถูกกวาดล้างทำลาย" และมีความเห็นสำหรับพระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนาว่า "คุณไม่คิดหรือว่าพวกที่เป็นพุทธน่ะ คือพวกอันธพาลนี่เอง แต่อาศัยห่มผ้าเหลืองเท่านั้น"

๓. โง ดินห์ ถึก เป็นพี่ชายของ โง ดินห์ เดียม ได้รับแต่งตั้งจากวาติกัน ให้มีตำแหน่งเป็น สังฆราชของคริสเตียนโรมันคาทอลิค จากผลงานการปราบปรามและฆ่าล้างศาสนาพุทธ โดยควบคุมกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และตำรวจลับที่เป็นชาวเวียตนามที่เข้ารีตคริสเตียนแล้ว ทั้งยังมีอิทธิพลต่อกองทัพเวียตนามด้วย

ช่วงปี ๒๔๙๔ ถึง ๒๔๙๖ โง ดินห์ เดียม ได้เดินทางไปสหรัฐอเมริกา เพื่อรับการอบรมในหลักสูตรลับเฉพาะโดยการสนับสนุนจาก "วุฒิสมาชิก แมนฟิล (ซึ่งต่อมาได้ถูกย้ายมาเป็นเอกอัคราชทูตประจำประเทศญี่ปุ่น) และวุฒิสมาชิกจอนห์ เอฟ. เคเนดี้ (ต่อมาได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐเอมริกา) และบุคคลผู้นำของสหรัฐอเมริกาอื่นๆ อันเป็นการปูทางวางตัวบุคคล ที่จะเป็นผู้นำในการโค่นล้มระบบกษัตริย์ของประเทศเวียตนาม

วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๔๙๗ เป็นช่วงก่อนสัญญาเจนีวาจะถูกลงนามโดยจักรพรรดิเบ๋าได๋ กษัตริย์เวียตนาม ได้มอบหมายให้ โง ดินห์ เดียม จัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นในวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๔๙๗ จึงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งรัฐบาล โง ดินห์ เดียม เป็นรัฐบาลตามกฎหมาย สหรัฐอเมริกาได้จัดส่ง นายพลรันเดล คริสเตียนโรมันคาทอลิคผู้เคร่งศาสนา หัวหน้าซี.ไอ.เอ มาเป็นที่ปรึกษาทางการทหารให้กับรัฐบาล โง ดินห์ เดียม ซึ่งวางแผนให้รัฐบาลใช้กลยุทธ์จิตวิทยาหลอกพุทธศาสนิกชนชาวเวียตนาม เพื่อสร้างกระแสความนิยมของประชาชน ให้ยอมรับมหาอำนาจคือ สหรัฐอเมริกา และ โง ดินห์ เดียม โดยประกาศว่า จะยกเลิกพระราชกฤษฏีกาที่กดขี่พุทธบริษัท ชาวเวียตนาม ซึ่งฝรั่งเศสประกาศมีผลใช้บังคับอยู่นั้นโดยเร็วที่สุด

ในปี พ.ศ.๒๔๙๘ ชาวพุทธในเวียตนามได้ก่อตั้งวัดซาลอย และพุทธสมาคมมหายานขึ้นที่ปลายถนนแวร์ดัง ห่างไปทางด้านทิศใต้ของทำเนียบรัฐบาล ๑ กม. พร้อมกับได้ร่วมกันก่อสร้างเจดีย์สูงสง่า ๙ ชั้นขึ้น นับว่าเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดจัดเป็นศูนย์กลาง และศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธในเวียตนาม เจดีย์นั้นภายในแบ่งเป็นห้องๆ หลายร้อยห้องใช้เป็นที่ปฏิบัติภาวนาของพระภิกษุสงษ์ และพุทธบริษัทโดยทั่วไป ซึ่งสามารถบรรจุคนได้เป็นจำนวนพัน นับว่าเป็นช่วงที่ศาสนาพุทธ กลับมารุ่งเรืองในประเทศเวียตนามอีกครั้งหนึ่ง โดยมีผู้สร้างวัดฝ่ายเถรวาทขึ้นอีกถึง ๔๐ กว่าวัดในปีเดียวกันนั้นเอง โดยชาวเวียตนามที่ศรัทธาในพุทธศาสนา และเข้ามาอุปสมบทในประเทศไทย กลับไปเป็นเจ้าอาวาสในวัดเหล่านี้แต่ใครจะรู้บ้างว่า นี่คือแสงสว่างของเทียนวูบสุดท้ายเมื่อใกล้ดับของ พระพุทธศาสนาในประเทศเวียตนาม การรวมตัวอย่างเข้มแข็งของชาวพุทธนี้เอง สร้างความไม่พอใจให้กับ นายพลรันเดล และบาทหลวงคริสเตียนโรมันคาทอลิคเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากพุทธศาสนา กำลังจะกลับมามีอิทธิพลในประเทศเวียตนามอีกครั้ง โดยการสนับสนุนของสถาบันพระมหากษัตริย์ และพุทธศาสนิกชนอันเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ อันจะทำให้ผลประโยชน์ ซึ่งคริสจักรจะได้รับจากคริสต์ชน ซึ่งผูกขาดธุรกิจในเวียตนามจะลดน้อยลงไปด้วย

ดังนั้น เพื่อผลประโยชน์ร่วมของคริสต์จักรโรมันคาทอลิคและประเทศมหาอำนาจ จึงมีความเห็นร่วมกัน ที่จะต้องโค่นล้มสถาบันกษัตริย์ลงไปให้ได้ แต่ทั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก เพราะสถาบันกษัตริย์ยังมีกองทัพ ที่จงรักภักดีต่อราชบัลลังค์อยู่ การวางแผนจึงต้องแนบเนียนและได้ผล จึงเป็นหน้าที่ของบาทหลวงคริสเตียนโรมันคาทอลิคจะต้องดำเนินการ โดย CIA จะให้เงินทุนสนับสนุนในการปฏิบัติการดังกล่าวนี้ ในเวียตนามขณะนั้น กองทัพที่สนับสนุนสถาบันกษัตริย์จักรพรรดิเบ๋าได๋ มีอยู่ ๓ กองทัพด้วยกันคือ

๑. กองทัพปิ่นเชวียง ซึ่งนำโดยนายพลเวียน จัดว่ามีกำลังมากที่สุด และดูแลกรมตำรวจด้วย

๒. กองทัพก๋าวด่าย มีกำลังพลพอประมาณ

๓. กองทัพหว่าหาว นำโดยนายพลบากัด มีกำลังน้อยที่สุด

ทั้งสามกองทัพนี้ล้วนมีทหารที่นับถือพุทธศาสนาทั้งสิ้น จัดเป็นศัตรูตัวสำคัญของการขยายตัว และผลประโยชน์ของคริสต์ศาสนาอย่างยิ ่งการวางแผนดังกล่าวนั้น ได้กำหนดเอาตัวบุคคลคือ โง ดินห์ เดียม ซึ่งเป็นผู้ใต้อาณัติของอเมริกันและเป็นคริสเตียนโรมันคาทอลิค ขึ้นปกครองประเทศแทน การดำเนินงานต้องทำอย่างรวดเร็วฉับพลัน โดยอาศัยจังหวะเวลาที่ จักรพรรดิเบ๋าได๋เสด็จเยือนยุโรป เพื่อกระชับสัมพันธไมตรี และประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า ประเทศเวียตนามจะมีการเลือกตั้ง ตามที่พระองค์ได้ทรงลงนามไว้ ในสัญญาเจนีวากับฝรั่งเศส เพื่อให้ประเทศเวียตนามมีสันติสุขเสียที หลังจากที่รบทัพขับสู้กันมาเป็นร้อยปี ดังนั้นการปฏิบัติการสลายกองทัพทั้งสาม และสถาบันกษัตริย์จึงเกิดขึ้น โดย

ทหารเวียตนามคริสเตียน ภายใต้การวางแผนของ CIA ส่วนหนึ่งทำหน้าที่เผาทำลายหมู่บ้านที่นับถือพุทธศาสนา แล้วประกาศว่าเป็นคำสั่งของราชวงศ์เบ๋าได๋ให้มากวาดล้างชาวพุทธ และในการปฏิบัติภารกิจทุกครั้ง จะประสานกับชาวเวียตนาม ที่เข้ารีตเป็นคริสเตียน จะกระจายข่าวให้กับผู้นับถือพุทธว่า วันไหนทหารของพวกราชวงศ์เบ๋าได๋ จะเผาวัดพุทธศาสนาที่ใดหมู่บ้านไหนบ้าง ซึ่งก็เกิดขึ้นตามนั้นเพราะเป็นการวางแผนโดย CIA เพื่อทำลายความจงรักภักดีของประชาชน และสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

ทหารอีกส่วนหนึ่งได้ส่งคนปลอมใส่เครื่องแบบกองทัพปิ่นเชวียงหลายสิบคน ทำเป็นเมาแล้วไปทำร้าย และฆ่าทหารของกองทัพก๋าวด่ายตายหลายคน จากนั้นใช้สาย CIA ชาวเวียตนามที่อยู่ภายในกองทัพก๋าวด่าย ปลุกกระแสให้ล้างแค้นกองทัพปิ่นเชวียง ซึ่งก็ได้ผลกองทัพก๋าวด่ายส่งทหารออกไปล้อมกรมตำรวจ ทหารทั้งสองกองทัพสู้รบกันอยู่ ๓ วัน ในที่สุดฝ่ายก๋าวด่าย ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆ จาก CIA ได้รับชัยชนะ เป็นอันว่า กองกำลังที่รักษาราชบัลลังค์กษัตริย์สลายไปหนึ่งกอง ด้วยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นทำให้จักรพรรดิเบ๋าได๋ ไม่สามารถเสด็จกลับประเทศเวียตนามได้ จึงยังคงพำนักอยู่ในประเทศฝรั่งเศสต่อไป กระแสของประชาชนเวียตนามเริ่มสับสนต่อสถาบันกษัตริย์

ในด้านของ CIA หากยังไม่สามารถทำลายกองทัพที่จงรักภักดีต่อราชบัลลังค์ได้หมดแล้ว ก็นับว่าอุปสรรคของคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิค และประเทศมหาอำนาจที่ต้องการยึดครองเวียตนามยังไม่หมดไป ฉะนั้นการกวาดล้างกองทัพของกษัตริย์ที่เหลือ จึงถูกดำเนินการอย่างเร่งด่วนก่อนที่จะมีผู้ไหว ตัวรู้เท่าทันในแผนการ ไม่มีอะไรใหม่คงใช้แผนเดิม คือใช้พรรคพวกปลอมเป็นทหารของกองทัพหว่าหาว ไปฆ่าทหารของกองทัพก๋าวด่าย ก็เกิดสู้รบกันขึ้น และช่วงนี้เอง CIA ได้มีคำสั่ง ให้ โง ดินห์ เดียม แสดงผลงาน โดยสั่งให้กองทัพออกช่วยกองทัพก๋าวด่าย อันที่จริงคือการทดสอบการใช้อำนาจสั่งการว่าทหารจะเชื่อฟัง โง ดินห์ เดียม หรือไม่ เพราะตามกฎหมายแล้ว โง ดินห์ เดียม ไม่ใช่ผู้สำเร็จราชการและไม่มีอำนาจสั่งการทหารเลย แต่เนื่องจากว่า กองกำลังของอเมริกันขณะนั้นมีอยู่ในเวียตนามบ้างแล้ว และ โง ดินห์ เดียม ได้ถูกสร้างภาพว่า เป็นผู้สามารถเรียกใช้กองทัพต่างชาติได้ ซึ่งเป็นการวางแผนปูทางให้กับ โง ดินห์ เดียม ไว้ตั้งแต่ต้น ดังนั้นจึงเป็นที่ยอมรับกลายๆ ของกองทัพเวียตนามไปด้วย ในการสั่งการต่อกระทรวงกลาโหม แน่นอนที่สุด โง ดินห์ เดียม ย่อมได้รับชัยชนะ เพราะกองทัพหว่าหาว เป็นกองทัพที่เล็กที่สุด และปราศจากอาวุธอันทันสมัย จึงถูกตีแตกไปเพียงชั่วข้ามคืน ทำให้ โง ดินห์ เดียม สามารถกลายเป็นผู้นำของกองทัพไปโดยปริยาย เพราะไม่มีกองทัพใดเหลืออยู่พอที่จะแข็งข้อได้อีกต่อไป นับเป็นแผนการชั้นประถมแต่ใช้ได้ผลนั่นเพราะมีบุคคลที่ขายชาติร่วมด้วยนั่นเอง

ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นจักรพรรดิเบ๋าได๋ ยังไม่สามารถกลับสู่ประเทศเวียตนามได้ เพราะมีการสร้างสถานการณ์ว่า มีการสู้รบอยู่แทบทุกพื้นที่ ในขณะเดียวกัน CIA และบาทหลวงคริสเตียนก็ร่วมกันปล่อยข่าวว่า "จักรพรรดิเบ๋าได๋ ผู้ทำลายพุทธ เป็นผู้ละทิ้งแผ่นดินและประชาชน ไม่สมควรเป็นกษัตริย์ปกครองชาวเวียตนามต่อไป" สื่อมวลชนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ CIA ออกข่าวต่อเนื่องซึ่งไม่ตรงต่อความจริง เพราะโดยความเป็นจริงแล้วจักรพรรดิ ไม่เคยทอดทิ้งราษฏรของพระองค์เลย ทรงดูแลไพร่ฟ้าประชาชน อย่างเต็มพระสติกำลัง ข้าราชการของพระองค์คนใด ที่กดขี่ข่มเหงประชาชน ก็จะเสด็จไปสอบสวนลงโทษ ด้วยพระองค์เอง (ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ ข้าราชการที่เข้ารีตเป็นคริสเตียนโรมันคาทอลิค) การเสด็จตรวจราชการ ก็ไม่มีพิธีรีตรองไม่มีกำหนดการ จึงสามารถจับทุจริตข้าราชการ ที่ร่วมมือกับต่างชาติได้เสมอ ทำให้พลเมืองทั้งประเทศเวียตนามทั้งสิ้น รวมทั้งกองทัพทั้งสามนั้น ถวายความจงรักภักดีต่อพระองค์เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพุทธศาสนิกชนย่อมเคารพเทิดทูนท่านอย่างที่สุด แต่กลับกลายเป็นศัตรูที่สำคัญ ของประเทศมหาอำนาจ โดยเฉพาะคริสต์จักรโรมันคาทอลิค จะมีอุดมการณ์ว่า "พระเจ้าย่อมมีความสำคัญสุด ส่วนกษัตริย์ไร้ความหมาย" จึงจะเห็นได้ในทุกประเทศ ที่เป็นคริสเตียนนั้นจึงทำลายสถาบันกษัตริย์ จนเกือบหมดสิ้น เพราะเชื่อว่าสันตะปาปาย่อมอยู่เหนือกษัตริย์ในโลกนี้ ดังนั้นการสร้างกระแสรุนแรงทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ในเวียตนามจึงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง อันเป็นไปตามแผนที่มหาอำนาจ และคริสต์จักรโรมันคาทอลิคได้วางไว้ ทำให้พระราชวงศ์ซึ่งล้วนนับถือพระพุทธศาสนา ต้องพากันอพยพเดินทางออกจากประเทศ เวียตนาม เพื่อความปลอดภัย ส่วนจักรพรรดิเบ๋าได๋ก็ไม่สามารถเสด็จ นิวัติกลับสู่ประเทศเวียตนามได้

และในเดือน กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๙๙ โง ดินห์ เดียม ประกาศไม่ยอมรับการลงนามสัญญาเจนีวา และไม่ยอมให้มีการเลือกตั้งทั่วประเทศ ตามสัญญาเจนีวา โดยอ้างเหตุผลว่า "รัฐบาลเวียตนามไม่ได้เป็นผู้ลงนามในสัญญาที่เจนีวา ผู้ลงนามไม่ได้เป็นตัวแทนรัฐบาล (จักรพรรดิเบ๋าได๋ เป็นผู้ลงนาม) ดังนั้นข้อตกลงในสัญญาที่ให้มีการเลือกตั้งทั่วประเทศนั้น จึงไม่มีสิทธิ์มาผูกมัดรัฐบาล (โง ดินห์ เดียม) ได้" และนี่คือคำพูดที่ทำให้ประเทศเวียตนามแบ่งออกเป็น ๒ ประเทศ โดยเขตเส้นขนานที่ ๑๘ เหนือเมืองเว้ ๘๐ กม. ตามแผนที่ยุทธศาสตร์ฝรั่งเศสได้ทำไว้ เป็นการเริ่มต้นของสงครามเวียตนาม นับแต่นั้นเป็นต้นมา โง ดินห์ เดียม จึงกลายเป็นประธานาธิบดี โดยการโค่นล้มสถาบันกษัตริย์จากการสนับสนุนของ CIA และคริสต์จักรโรมันคาทอลิคซึ่ง เป็นผู้วางแผนการขึ้นนั่นเอง สถาบันกษัตริย์ของเวียตนามที่สืบเนื่องนับเป็นพันปี ก็หายไปจากประวัติศาสตร์เวียตนามชั่วนิรันดรนับแต่นั้นมา

จากการแบ่งประเทศเวียตนามโดย โง ดินห์ เดียม นี้เอง ทำให้พุทธศาสนิกชน และประชาชนผู้รักชาติ พากันอพยพขึ้นสู่ภาคเหนือ (เวียตนามเหนือ) นับล้านคน เป็นชาวเขาซึ่งติดตามจักรพรรดิเบ๋าได๋ประมาณ ๒ แสนคน และเขาเหล่านี้เอง ที่ได้กลายเป็นผู้ที่ถูกประเทศมหาอำนาจ ตั้งให้เป็น "ผู้ร้าย" ไปในที่สุด สำหรับรัฐบาล โง ดินห์ เดียม เข้าปกครองประเทศภายใต้การบริหารของอเมริกา และสภาคริสต์จักรโรมันคาทอลิค จึงเป็นเพียงรัฐบาลหุ่นเชิดเท่านั้น

การปราบปรามผู้ต่อต้านนี้เองจึงเป็นโอกาสให้คริสเตียนโรมันคาทอลิค อันมี โง ดินห์ ถึก อธิบดีกรมตำรวจ ซึ่งเป็นพี่ชายของประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม ทำการทำลายล้างพระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนาทุกท้องที่ ตำรวจลับทั้งหมด ล้วนเป็นชาวเวียตนามที่เข้ารีตเป็นคริสเตียน มีหน้าที่กำจัดพระสงฆ์ และชาวพุทธเท่านั้น และมีรางวัลในการฆ่า หรือกวาดล้างชาวพุทธโดยการให้เงินหรือเลื่อนขั้น ทำให้พุทธบริษัทเวียตนามอยู่อย่างหวาดผวา แม้กระทั่งพระภิกษุสงฆ์ทำการสวดมนต์ หากตำรวจลับได้ยิน จะฆ่าทิ้งในข้อหาสวดมนต์สาปแช่งรัฐบาล จากผลงานในการกวาดล้างพุทธศาสนิกชนอย่างหฤโหดนี้เอง ทำให้วาติกันพอใจและแต่งตั้งให้ โง ดินห์ ถึก เป็นสังฆราชของคริสเตียนโรมันคาทอลิคเวียตนาม พร้อมกับแต่งตั้งให้ โง ดินห์ ถึก ควบคุมกระทรวงศึกษาธิการอีกตำแหน่งหนึ่ง โดยเป็นผู้มีอำนาจ กำหนดตำราเรียนแก่เยาวชนในประเทศเพียงผู้เดียว ทั้งนี้เพื่อเป็นการควบคุมบทเรียนที่สนับสนุนพระพุทธศาสนา และคุมสมองเยาวชนของชาติให้ยอมรับ เฉพาะคริสต์ศาสนาเท่านั้น ในส่วนหนังสือที่เป็นหลักสูตรพุทธศาสนานั้น ก็แก้ไขแทรกคำสอนคริสเตียนเข้าไปโดยบาทหลวงโรมันคาทอลิคเป็นผู้จัดทำขึ้น

กลุ่มคริสเตียนโรมันคาทอลิคยังได้ตัดโค่นป่าไม้ตามโครงการเกษตรของ โง ดินห์ เดียม และเงินทั้งหมดที่ขายไม้ได้ ถูกนำไปให้กับองค์กรคาทอลิคทั้งหมด โดยคำสั่ง โง ดินห์ เดียม

การทำลายขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณีที่สืบทอดต่อกันมานับแต่บรรพบุรุษ ระดมผ่านเข้ามาโดยนักธุรกิจอเมริกัน ทั้งยาเสพย์ติด และซ่องโสเภณี เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย โดยข้าราชการที่เป็นคริสเตียนให้การสนับสนุน แม้กระทั่งใช้วัด เพื่อจัดงานสังสรรค์ พร้อมหญิงโสเภณี และบังคับพระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนา ทำหน้าที่เสริฟอาหารบริการข้าราชการเหล่านี้

บาทหลวงหรือผู้เข้ารีตนับถือคริสเตียนโรมันคาทอลิคจะได้รับประโยชน์พิเศษหลายประการ เช่นสามารถทำอะไรก็ได้อย่างเสรี โดยไม่ต้องขออนุญาต โดยเฉพาะ ของกินของใช้ในตลาดเมืองเว้ ซึ่งติดป้ายไว้ว่า "ห้ามขายหรือแลกเปลี่ยน - ของสำหรับแจกคนยากจนเท่านั้น" ก็ปรากฏว่าบาทหลวงคาทอลิคก็นำออกขายเก็บรายได้เป็นของตนเป็นปกติ ในขณะที่พระสงฆ์ใน พุทธศาสนาไม่สามารถจะหาซื้อสินค้าได้ในตลาด เพราะจะถูกตำรวจลับของ โง ดินห์ ถึก จับในข้อหาสะสมเสบียงไว้ต่อต้านรัฐบาล


(หน้าปก - - - สารบัญ - - - อ่านต่อ)

1