"ทำลายพุทธศาสนา" กรรมหนักที่ไม่ต้องรอชาติหน้า |
|
จากการกวาดล้างพุทธบริษัทเวียตนาม ยังความไม่พอใจให้กับผู้นำทหาร ที่นับถือพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ได้มีความพยายามที่จะหยุดการ กระทำอันป่าเถื่อนของรัฐบาล โง ดินห์ เดียม มาโดยตลอดคือ ครั้งแรกในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๓ พันเอก เหงียน จัน ที พุทธศาสนิกชนและคณะนายทหารยศนายพัน ซึ่งนับถือพุทธศาสนา จะได้นำกองทหารพลร่ม ๔ กองพัน เข้าจับกุมประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม ซึ่งนายทหารเวียตนามกลุ่มนี้ มีความนิยมและไว้วางใจชาวอเมริกันมาก และนายพล ลี โน แอล แมคคาร์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ CIA ได้รับรองว่าจะให้การสนับสนุนการปฏิวัติ แต่ความเป็นจริงแล้ว นายพลอเมริกันผู้นี้คือสายลับ ที่ถูกส่งให้มาสืบความเคลื่อนไหว เพื่อรายงานข่าวและกำจัดผู้ที่ต่อต้านรัฐบาล โง ดินห์ เดียม ฉะนั้นนายทหารเวียตนามชุดดังกล่าว จึงถูกหักหลังโดย CIA ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกัน กับคริสต์จักรโรมันคาทอลิคเวียตนามของ โง ดินห์ ถึก และรัฐบาล ทำให้ทหารคริสเตียนของรัฐบาล ตั้งกองทหารซุ่มไว้รอฆ่าเรียบร้อย โดยทาง CIA ก็ได้สั่งให้กองทหารสื่อสารอเมริกัน ใช้เครื่องมือก่อกวนคลื่นสัญญาณวิทยุสื่อสารทหารของกลุ่มปฏิวัติ จนไม่สามารถติดต่อสั่งการได้ ต้องใช้รถจักรยานยนต์แทน ทำให้ถูกปราบได้ภายใน ๒ วันมีทหารเสียชีวิต ๑๐๐ คน และนายทหารที่มีรายชื่อ แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องอีกมากมาย ได้ถูกสังหารโดย CIA และนี่คือบทพิสูจน์อุดมการณ์อมตะของเหล่าทุจริตชนที่ว่า "ผลประโยชน์ ย่อมอยู่เหนือความถูกต้อง" ครั้งที่ ๒ ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๐๕ ได้มีการฆ่าพระภิกษุสงฆ์ เผาทำลายวัดมากมาย ทำให้นายทหารอากาศ ที่นับถือพุทธศาสนาทนไม่ได้ ได้ขับเครื่องบินไปทิ้งระเบิดทำเนียบรัฐบาล ขณะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อหยุดพฤติกรรมอันชั่วร้าย ที่กระทำต่อพุทธบริษัทของรัฐบาล แต่กลุ่ม โง ดินห์ เดียม ก็รอดไปได้ การแสดงออกของกองทัพและทหารนี้แทนที่รัฐบาล โง ดินห์ เดียม จะเปลี่ยนนโยบายทำลายพุทธ กลับเร่งการเข่นฆ่าพระและนางชี รวมทั้งผู้นับถือพุทธศาสนามากขึ้น เนื่องจากเป็นคำสั่งโดยตรงจากวาติกัน ซึ่ง โง ดินห์ ถึก อันเป็นสังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค ได้ไปร่วมประชุมสังคายนาวาติกัน ๒ ที่กรุงวาติกัน (เริ่มประชุมปี พ.ศ. ๒๕๐๕) ซึ่งนับว่าเป็นการใช้แผนปราบปรามชาวพุทธครั้งแรกของ VATICAN COUNCIL 2 ทีเดียว นายทหารระดับผู้นำทัพผู้นำเหล่าจึงถูกขึ้นบัญชีดำ และติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด ในฐานะอาจเป็นบุคคลที่ก่อกบฎ มีนายทหารที่นับถือพุทธศาสนาหลายคนถูกตำรวจลับซึ่งเป็นคริสเตียนยิงทิ้ง โดยอ้างสาเหตุว่ามีพฤติกรรมเป็นกบฏ การกลั่นแกล้งในวงการทหารโดยการใส่ความเพื่อมิให้เลื่อนยศเกิดขึ้นมากมาย แม้ว่านายทหารที่นับถือพุทธเหล่านี้จะถูกสะกดรอย โดยตำรวจลับของ โง ดินห์ ถึก สังฆราชคริสเตียนและอธิบดีกรมตำรวจ ทุกฝีก้าวแต่วิญญาณของนักรบ ความตายเป็นเรื่องเล็ก ความชำนาญในการรบ ที่แตกต่างจากประสพการณ์อันอ่อนด้อย ของพวกตำรวจสอพลอ จึงเทียบกันไม่ได้ ทำให้ผู้นำทหารเหล่านี้ สามารถจัดประชุมลับกัน จนได้ซึ่งมี นายพลทราน วัน ดง หัวหน้ากองเสนาธิการ, นายพลเดือง วัน มินทร์, นายพลวัน คิม และ นายพลทราน เทียน เคียม สำหรับนายพลเดือง วัน มินทร์ ได้เสียสละถึง ๕ ปี เพื่อเข้าแทรกซึมอยู่ในหน่วยของ CIA เพื่อหาข่าวข้อมูล การทำลายล้างพุทธบริษัท ไม่เว้นแม้กระทั่งพระภิกษุสงฆ์ การเผาทำลายวัดพุทธสถาน การเข่นฆ่าพระภิกษุ ขณะสวดมนต์ทำสมาธิ หรือแม้กระทั่งผู้ที่ถือศิลประกอบศาสนกิจ ก็ถูกตำรวจยิงกราดตายมากมาย เอารถยนต์วิ่งชนดื้อๆ นี่ไม่ใช่วิสัยของมนุษย์ มันเป็นวิสัยของพวกภูติผีปีศาจ เสียงของพุทธศาสนิกชนที่เรียกร้องหาความชอบธรรม ความยุติธรรมถูกตอบกลับด้วยเสียงปืน พระสงฆ์องค์เจ้าถูกโยนลงจากเจดีย์ ร่างแหลกเละตายกับพื้น หลายรูปต้องเผาตัวเองตาย เพื่อประท้วงการกระทำ อันผิดมนุษย์ ของเหล่าคริสเตียนโรมันคาทอลิคโดยคำสั่ง VATICAN COUNCIL 2 ฉะนั้นเพื่อชีวิตของประชาชนเวียตนาม จึงจำเป็นต้องหยุดยั้งการกระทำอันบ้าคลั่งของกลุ่มโรมันคาทอลิคในทันที นายพลทั้ง ๔ จะรอช้าต่อไปไม่ได้เพราะทุกวินาทีหมายถึงชีวิตของชาวพุทธเวียตนามที่จะสิ้นไป ที่ประชุมพร้อมใจกันดำเนินการรัฐประหาร บ่าย ๑.๓๐ น.ของวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๖ กลุ่มรัฐประหารได้ติดต่อกับ CIA หลายครั้งเพื่อให้อเมริกาวางตัวเฉยในเหตุการณ์นี้ ทางไวท์เฮ้าท์ได้ส่งคำแนะนำมายัง ทูต ลอดจ์ ประจำไซ่ง่อน ลงวันที่ ๕ ตุลาคม มีใจความว่า "ไม่สนับสนุนการรัฐประหาร แต่อเมริกาไม่อยากถูกมองว่าเป็นตัวอุปสรรคในการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล" (ที่มา..PANTAGON Top Secret Report Nov, ๑๙๖๓) กลุ่มรัฐประหารได้ใช้ชื่อนายพลดง เรียกประชุมผู้บัญชาการและเสนาธิการทหารหน่วยต่างๆ ให้มาพร้อมกันที่กรมเสนาธิการทหารเวลา ๑๑ โมงเช้าตรง และได้จับกุมพวกนายพลและนายทหารยศสูงๆ ซึ่งเห็นด้วยกับรัฐบาล โง ดินห์ เดียม (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกคริสเตียนสอพลอ) ที่นี่ โดยให้นายพลมินท์เป็นผู้อ่านแถลงการณ์ ภายนอก เวลาบ่ายโมงตรง หน่วยนาวิกโยธิน หน่วยพลร่ม และทหารจากกองพลที่ห้า อยู่บริเวณตอนเหนือของเวียตนามใต้ หน่วยละสองพัน ได้นำรถถังจำนวน ๓๖ คัน เข้าสู่กรุงไซ่ง่อน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ระหว่างทหารคริสเตียน ที่รักษาทำเนียบประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม พี่น้องโง ดินห์ เดียม และ โง ดินห์ ถึก ได้หนีลงทางลับใต้ดินภายในทำเนียบ ออกสู่ชายฝั่งแม่น้ำโขง และซ่อนตัวอยู่ในเมืองโซลอง ซึ่งเป็นย่านคนจีน ที่นับถือคริสเตียน แต่ในที่สุดก็ถูกจับได้ภายในโบสถ์คริสต์โรมันคาทอลิค ในระหว่างทางที่นำตัว โง ดินห์ เดียม,โง เดียน คาน,โง ดินห์ ถึก (สังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิค พี่ชายผู้สร้างกรรมไว้กับชาวพุทธ) ก็ถูกพลขับยิงทิ้งเสียทั้งสามคน และเอาเชือกผูกศพ ลากกลับไปยังทำเนียบประธานาธิบดี สำหรับตำรวจลับและข้าราชการ ที่ได้ใช้อำนาจเข่นฆ่าทำลายพุทธบริษัท และวัดในพุทธศาสนา ก็ถูกพิพากษาลงโทษประหารทั้งหมด เรียกว่า "ล้างบาง" ส่วนประธานาธิบดี จอนห์ เอฟ เคเนดี้ ของสหรัฐอเมริกาผู้สนับสนุน โง ดินห์ เดียม ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ถูกลอบสังหาร รวมทั้งวงศาคณาญาติอื่นๆ นับตั้งแต่ เคเนดี้ เป็นวุฒิสมาชิก ก็ถูกลอบสังหารที่มลรัฐเท็กซัส พี่น้องตระกูลเคเนดี้ทั้งหมด ล้วนถูกลอบสังหาร และกระทั่งลูกชายของประธานาธิบดีจอนห์ เอฟ เคเนดี้ ก็เครื่องบินประสบอุบัติเหตุตกตายในปี พ.ศ.๒๕๔๒ เช่นกัน ผลกรรมที่ได้กระทำต่อชาวพุทธ ได้สนองต่อบุคคล ผู้มีส่วนในการทำลายล้างพระพุทธศาสนาอย่างถ้วนหน้า นี่คือหลักฐานข้อพิสูจน์การปฏิบัติการ และความร่วมมือระหว่างประเทศมหาอำนาจ กับคริสต์จักรโรมันคาทอลิครวมถึงการใช้คำสั่ง VATICAN COUNCIL 2 ในภาคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ทำลายพระพุทธศาสนาอย่างเป็นรูปธรรม หากจะนับระยะเวลาที่ โง ดินห์ เดียม ล้มสถาบันกษัตริย์ แล้วขึ้นครองอำนาจเป็นประธานาธิบดี ร่วมกับพรรคพวกก่อกรรมทำเข็ญ แก่พุทธบริษัทเวียตนาม ถือว่าสั้นมาก เพียง ๙ ปีเท่านั้น ผลกรรมดังกล่าวตามทัน สมจริงดังพุทธพจน์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "กมฺมุนา วตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" (ที่มาของข้อมูลจาก คำสัมภาษณ์ของผู้เขียน กับ นายเตรือง นู อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เวียตนาม และ พลเอก เหงียน เกา กี อดีต ประธานาธิบดีเวียตนาม ที่มลรัฐ California USA. ๑๙๘๕) จากความล้มเหลวในการใช้แผนแบบ "มิชชั่น" ในประเทศเวียตนาม อันทำให้เกิดภาพพจน์เสียหายแก่วาติกัน ซึ่งสนับสนุนการกระทำของพวกบาทหลวงและรัฐบาล โง ดินห์ เดียม นั่นเอง ทำให้มีการปรับกลยุทธ์ทำลายพระพุทธศาสนาใหม่ โดยเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นประเทศไทยแทน เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางคริสต์จักรโรมันคาทอลิคในภาคพื้นเอเซีย |