เจตนาบิดเบือนพระพุทธวจนะ สร้างความสับสนว่า นิพพาน เป็น อนัตตา

 

 

a_116.jpg (2849 bytes)ความร้ายแรงของ "ไวรัสศาสนา" รุนแรงและสามารถแทรกตัวสร้างความสับสน โดยยกคำว่า "สุญฺญํ" หรือ "ความว่าง" นั่นแหละเป็น "อนัตตา" ดังนั้นเมื่อ "นิพพาน เป็น ความว่าง นิพพาน ก็ต้องเป็นอนัตตา" ซึ่งหากใครไม่ทราบถ่องแท้ลึกซึ้ง ในหลักพระสัทธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะเชื่อไปเช่นนั้น แต่เมื่อท่านผู้อ่านได้พิจารณาพุทธพจน์ที่ได้นำมาแสดงไว้แต่ต้น ก็คงจะทราบบ้างแล้วว่า นี่เป็นการหักล้างพระพุทธวจนะโดยเจตนา ไม่เพียงเท่านั้น ยังข่มขู่กระทำอาฆาตมาดร้าย รวมกับการใช้อำนาจรัฐจับกุม ลงโทษพระภิกษุสงฆ์ ที่เทศนาว่า "นิพพานเป็นอัตตา" ตามพระพุทธพจน์อันปรากฏในพระไตรปิฎก อย่างนี้เรียกว่าเป็น "ไวรัส ศาสนา" ซึมแทรกทำลายพระพุทธศาสนาใช่หรือไม่ ในปัจจุบัน (ต.ค.๒๕๔๒) การทำลายหัวใจของพระพุทธศาสนาก้าวร้าวหนักไปถึงขนาด ที่ว่าจะออกกฎหมายบังคับพระภิกษุสงฆ์ทั้งหมดในประเทศไทย "ให้เทศนา สั่งสอนว่า นิพพานเป็นอนัตตา" ซึ่งเท่ากับว่า บังคับให้คณะสงฆ์ไทยกระทำอกตัญญูต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยร่วมกันประกาศสัทธรรมปฏิรูปที่บัญญัติขึ้นใหม่ "โดยศาสดาพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต)" ทั้งนี้เนื่องจากในพระไตรปิฎกนั้นว่า

"คำว่า สุญฺญํ อตฺเตน วา อตฺตนิเยน วา (สูญ : ว่างเปล่าจากอัตตา) หรือสิ่งที่เนื่องจากอัตตาที่ชาวโลกดำริไว้อย่างนี้ว่า ผู้ทำ ผู้เสวย ผู้มีอำนาจเอง และจากบริขารอันเป็นของตนเพราะความไม่มีอัตตานั่นแหละ. จักษุเป็นต้นทั้งหมดเป็นธรรมชาติที่เป็นของโลก, จักษุเป็นต้นนั่นแหละชื่อว่า โลก เพราะย่อมสลายไป.

อนึ่ง เพราะอัตตาไม่มีในโลกนี้และสิ่งที่เนื่องด้วยอัตตาก็ไม่มีในโลกนี้, ฉะนั้นท่านจึงกล่าวว่า โลกสูญ แม้โลกุตตรธรรมก็สูญจากอัตตา และ สิ่งที่เนื่องด้วยอัตตานั่นแหละ แต่ ท่านกล่าวถึงโลกียธรรมเท่านั้น โดยสมควรแก่การถาม

อนึ่งคำว่า สูญ ท่านไม่กล่าวว่า ธรรมไม่มี ท่านกล่าวถึงความไม่มีสาระในอัตตาและสิ่งที่เนื่องด้วยอัตตาในธรรมนั้น. อนึ่ง เมื่อเขาพูดกันในโลกว่า "เรือนสูญ หม้อสูญ" ก็มิใช่กล่าวถึงความไม่มีเรือนและหม้อ (แต่) กล่าวถึงความไม่มีสิ่งอื่นในหม้อนั้น.

อนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสความนี้ไว้ว่า ก็สิ่งใดแล ไม่มีในสิ่งนั้น. ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นสิ่งนั้นว่าสูญ ด้วยเหตุนั้น. แต่สิ่งใดมีเหลืออยู่ในสิ่งนั้น. สิ่งนั้นมีอยู่ ภิกษุย่อมรู้ว่า สิ่งนั้นมีอยู่ ดังนี้ นั่นแหละ ในญายคันถะ และในสัททคันถะ ก็มีความอย่างนี้เหมือนกัน

ในพระสูตรนี้ท่านกล่าวถึง อนัตตลักษณะ เท่านั้น ด้วยประการฉะนี้.

(สุญฺญํ อตฺเตน วา อตฺตนิเยน วาติ "การโก เวทโก สยํวสี" โลกปริกปปิเตน อตฺตนา จ อตฺตาภาวโตเยว อตฺตโน สนฺตเกน ปริกฺธาเรน จ สุญฺญํ สพฺพํ จกฺขาทิ โลกิยํ ธมฺมชาตํ. ตเยว ลุขฺจนปลุขฺขนฏเฐน โลโก นาม. ยสฺมา จ อตฺตา จ เอตฺถ นตฺถิ. อตฺตนิยญฺจ เอตฺถ นตฺถิ. ตสฺมา สุญฺโญ โลโกติ วุจฺจตีติ อตฺโถ. โลกุตฺตโรปิ จ ธมฺโม อตฺตตฺตนิเยหิ สุญฺโญ เอว. ปุจฺฉานุรูเปน ปน โลกิโยว ธมฺโม วุตฺโต.

สุญฺโญหิ จ ธมฺโม นตฺถิติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺมึ ธมฺเม อตฺตตฺตนิยสารสฺส นตฺถิภาโว วุตฺโต โหติ. โลเก จ "สุญฺญํ ฆรํ. สุญฺโญ ฆโฎ" ติ วุตฺเต ฆรสฺส ฆฏสฺส จ นตฺถิภาโว วุตฺโต น โหติ. ตสฺมึ ฆเร ฆเฎ จ อญฺญสฺส นตฺถิภาโว วุตฺโต โหติ. ภควตา จ "อิติ ยํ หิ โข ตตฺถ น โหติ. เตน ตํ สุญฺญํ สมนุปสฺสติ ยํ ปน ตตฺถ อวสิฏฐํ โหติ. สนตํ อิทมตฺ ถิติ ปชานาตี " ติ อยเมว อตฺโถ วุตฺโต. ตถา ฌายคนฺเถ จ สทฺทคนฺเถ จ อยเมว อตฺโถ อิติ อิมสฺมึ สุตฺตนเต อนตฺตลกฺขณเมเจว กถิตํ)

แม้พระสารีบุตร ซึ่งเป็นมหาอัครสาวกเบื้องซ้าย ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังได้อธิบายสภาพของ "นิพพาน" ว่า มิได้ว่าง (อริตฺตํ) มิได้เปล่า (อตฺจฉํ) คือ มีสภาพเป็นอัตตาโลกุตรธรรมที่มีแก่สารสาระที่แท้ ปรากฏใน ขุ. ปฏิ. ๓๑/๗๓๕/๖๓๒ ว่า

"เมื่อพิจาณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์ "เป็นนิพพานไม่ว่าง ไม่เปล่า" ย่อมหยั่งลงสู่สัมมัตตนิยาม."

(ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ นิโรโธ อริตฺตํ นิพฺพานติ ปสฺสนฺโต สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมติ ...ฯเปฯ...ปญฺจนนํ ขนฺธานํ นิโรโธ อตุจฺฉํ นิพฺพานนฺติ ปสฺสนฺโต สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกกมติ.)

แม้ว่าจะปรากฏในพระไตรปิฎกก็ตาม แต่พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ซึ่งต้องผ่านการอ่านพิจารณามาแล้ว แต่มีเจตนาที่จะไม่นำมากล่าวอ้าง เพราะต้องการปิดบังความจริงอันเป็นพุทธพจน์มิให้พุทธศาสนิกชนได้รับรู้ หากว่านักวิชาการพุทธศาสตร์สำนักใด ต้องการปกป้องพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) โดยอ้างว่าการทำให้พระธรรมวินัยของพระพุทธองค์ให้วิปริต เป็นการกระทำที่ถูกต้องก็โปรดบอกมาเลยครับ ชาวพุทธไทยจะได้รับรู้กันเสียที และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือ "พุทธธรรม" ซึ่งไม่ได้มีการตรวจสอบหรือรับรองความถูกต้องของ หน่วยงานราชการหรือสถาบันใดๆ หรือว่ามีใครจะออกมาอ้างว่าเป็นผู้รับรองหนังสือนี้ก็ให้ว่ามา ที่ยิ่งไปกว่านั้นหนังสือเล่มนี้ยังเป็นหนังสือที่ใช้ในการศึกษา ของสถาบันราชภัฏ หลักสูตรปริญญาตรีซึ่งเมื่อจบออกไป ก็จะเป็นครูบาอาจารย์สอนเยาวชนคนไทยทั้งประเทศ ให้มีความเข้าใจอย่างผิดๆ ในหลักพระสัทธรรมคำสั่งสอนของพุทธศาสนา และส่วนของ "นิพพาน" นี้จัดเป็นหัวใจของพุทธศาสนาและนี่คือการเปลี่ยนหลักพระธรรมคำสั่งสอนสำคัญของพุทธศาสนา ซึ่งเท่ากับเป็นการเปลี่ยนพุทธศาสนาทั้งศาสนาเลยที่เดียว ตรงกันกับคำสั่ง VATICAN COUNCIL 2 ข้อ 7:15 ซึ่งระบุว่า

"ภารกิจของงานเผยแพร่แบบมิชชั่น ไม่จำกัดอยู่ที่การเปลี่ยนใจบุคคลทีละคน ให้มานับถือคริสต์ศาสนาต่อไปแล้ว แต่ภารกิจในบัดนี้คือ การเปลี่ยนตัวศาสนาทั้งศาสนาให้มาเป็นคริสต์ศาสนา"

และสามารถยืนยันได้จากหลักฐานว่ามีการใช้แผน VATICAN COUNCIL 2 ในประเทศไทยตลอดมาปรากฏตามเอกสารประกอบการประชุม ๑๑-๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๒ (ดูภาคผนวก) แต่ถ้าหากมีผู้กล่าวว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เป็น การใส่ร้ายป้ายสีพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ก็อยากจะถามว่า เหตุจูงใจอันใดทำให้พระธรรมปิฎกต้องกระทำให้พระธรรมวินัยอันพระพุทธองค์ตรัสไว้ดีแล้ววิปริตไปเช่นนี้เพื่ออะไร ? ผู้ที่ได้ประโยชน์คือศาสนาใด ?


(หน้าปก - - - สารบัญ - - - อ่านต่อ)

1