ปลอมปนพระธรรมวินัย |
|
คำนี้ผมไม่ได้เขียนขึ้นเองนะครับ เป็นคำกล่าวของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ซึ่งระบุไว้ชัดปรากฏในหนังสือกรณีธรรมกาย ฉบับสมบูรณ์ หน้า ๙๗ ว่า "๓.ขั้นปลอมปนพระธรรมวินัย คือกล่าวให้ผิดพลาด คลาดเคลื่อนไป เช่น เมื่อพระไตรปิฎกสอนว่าอย่างนี้ กลับบอกว่าพระไตรปิฎกไม่ได้สอนอย่างนี้ แต่สอนอย่างนั้น หรือนำเอาคำสอนบัญญัติภายนอก แม้แต่ของพุทธศาสนานิกายอื่นๆ เข้ามาแทรกแซงปะปน ในพระธรรมวินัย หรือพระไตรปิฎก ทำให้หลักการหรือหลักฐานสับสน" ก็อยากจะถามเหมือนกันว่า การตัดพระพุทธพจน์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ดีแล้วออกจากพระไตรปิฎก เติมเข้าไปทั้งๆ ที่ไม่มีในพระไตรปิฎกให้แปลความหมายผิดบ้าง ทำศัพท์ให้วิปริต เช่นนี้จะเรียกว่า เป็นขั้นปลอมปนพระธรรมวินัย ตามที่ท่านธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ระบุหรือไม่?? ที่ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่แสดงเจตนารู้ซึ้งถึงความสำคัญของพระไตรปิฎกเป็นอย่างดี ถึงขนาดเขียนเอาไว้ชัดว่า "พระไตรปิฎกสำคัญยิ่งกว่ารัฐธรรมนูญสำหรับศาสนิกชน เพราะรัฐธรรมนูญนั้น สามารถเปลี่ยนแปลงไปโดยมติของประชาชนที่ผ่านองค์กรนิติบัญญัติตามยุคตามสมัย แต่พระไตรปิฎกไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ เพราะเป็นคำสอนขององค์พระศาสดา และพระศาสดาก็ปรินิพพานแล้ว ถ้าพระไตรปิฎกสูญหาย คำสอนของพระพุทธเจ้าก็สูญสิ้น (กรณีธรรมกาย หน้า ๑๘ พระธรรมปิฎก ป.อ.ปยุตฺโต) การที่เรานับถือพระพุทธศาสนา ก็คือเรายอมรับการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า พร้อมทั้งอยากรู้และนำความจริงที่พระองค์ตรัสรู้นั้นมาปฏิบัติ ดังนั้นสิ่งที่เราต้องการที่สุดจึงได้แก่ คำสั่งสอนของพระองค์ เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้วเราจึงถือเป็นความสำคัญที่สุดว่า จะรักษาคำสอนหรือคำตรัสของพระองค์ ที่เรียกว่า พุทธพจน์ไว้ให้แม่นยำบริสุทธิ์ ได้อย่างไร เพื่อให้พุทธศานิกชนสามารถเข้าถึงคำสอนของพระองค์ได้ต่อไป ดังนั้นในเรื่องพระธรรมวินัยในพระไตรปิฎกนี้ แทนที่ จะคิดว่าจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลง มีแต่ว่าจะต้องรักษาไว้ให้บริสุทธิ์ ให้ตรงตามเดิมเท่าที่จะเป็นได้ (กรณีธรรมกาย หน้า ๑๙ พระธรรมปิฎก ป.อ.ปยุตฺโต)" ดังนั้น เมื่อนำเอาคำให้สัมภาษณ์ของ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ซึ่งบอกว่าการสร้าง CD-ROM พระไตรปิฎก Computer โดยมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งใช้เวลาเพียง ๑ ปีนั้น หากทำด้วยมนุษย์จะเป็นไปมิได้โดยแท้ด้วยประการทั้งปวง ทั้งทางด้านวิชาการเทคนิคและข้อมูล จึงพิสูจน์ได้ว่าได้มีการจัดสร้างโดยบิดเบือน ทำให้คลาดเคลื่อนจากพระไตรปิฎกบาลีเถรวาท ให้เป็นพระสัทธรรมปฏิรูปตามคำสั่ง VATICAN COUNCIL 2 ขบวนการล้มพุทธซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมจากการทำลายพระพุทธศาสนา โดยการแผ่อิทธิพลและเครือข่ายเข้าไปในองค์กรของรัฐ จึงจะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐบางกลุ่ม ได้ออกมาปกป้องพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ผู้ร่วมมือกันสร้างพระสัทธรรมปฏิรูปนี้ ทั้งการ ใช้อำนาจทางกฎหมาย และอิทธิพลมืดข่มขู่ครอบครัวของผู้ที่นำความจริงเหล่านี้มาเปิด เผย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจออกคำสั่ง "ยึดเอกสารหนังสือของชมรมชาวพุทธสามเหล่าทัพ" เป็นการกระทำที่ขัดต่อบท บัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เป็นความผิดกฎหมายอาญา ผิดระเบียบข้าราชการพลเรือนอย่างร้ายแรง และทั้งยังเป็นการสนับสนุนขบวนการล้มพุทธ ให้ทำลายพระพุทธศาสนาอย่างชัดแจ้ง จึงไม่เป็นการยากที่จะรู้ได้ว่าคณะบุคคล หรือองค์กร นักการเมืองคนใด ที่มีพฤติกรรมทำลายพระพุทธศาสนา เพราะปรากฏเป็นหลักฐานบนหน้าหนังสือพิมพ์ (พ.ศ.๒๕๔๒) อยู่แล้ว จะเห็นได้ว่าการประชุม ณ วิทยาลัยแสงธรรม อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๒๕ ได้มีมติให้จัดตั้ง "ศูนย์ศาสนสัมพันธ์" ขึ้น หลังจากนั้นจึงมอบหมายให้ นายประเวศ วะสี สมาชิกโกมลคีมทองซึ่งเป็น กรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล เสนอโครงการจัดทำพระไตรปิฎกคอมพิวเตอร์ขึ้น โดยอาศัยชื่อเสียงของสถาบันอันทรงเกียรตินี้เป็นเครื่องรับรอง พร้อมกันนั้นยังแอบอ้างเบื้องสูง อันเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ บังอาจ ทูลเกล้าฯ ถวายพระสัทธรรมที่ตนและพวกได้ทำให้ คลาดเคลื่อนจากพระไตรปิฎกบาลีเถรวาท ให้เป็นสัทธรรมปฏิรูป จนมหาวิทยาลัย HANAZONO ประเทศญี่ปุ่น สถาบันวิชาการพุทธศาสนา ตรวจสอบพิสูจน์พบการทำให้คลาดเคลื่อนจาก จึงได้ออกแถลงการณ์เตือนภัยชาวพุทธทั่วโลกให้ระวังเชื้อ "ไวรัสศาสนา" ที่แฝงมาในรูปของพระไตรปิฎกบาลีเถรวาท ฉบับสัทธรรมปฏิรูป ซึ่งไม่มีสถาบันพุทธศาสนา หรือนักวิชาการศาสนาสำนักใด ให้การรับรองความถูกต้อง นอกจากพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) เพียงผู้เดียว นี่คือความเป็นจริง ข้อแท้จริง ที่มีอยู่และเป็นไปจริง แต่ท่านผู้อ่านทราบหรือไม่ว่า ในคืนวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๒ ได้ปรากฏข่าวสารทางโทรทัศน์อันเป็นการแอบอ้างเบื้องสูงอันมีความว่า "การสร้างพระไตรปิฎกฉบับสัทธรรมปฏิรูปของมหาวิทยาลัยมหิดลนั้น เป็นการสนับสนุน โดยได้รับทุนของโครงการรัชดาภิเษก" นี่คือการบิดเบือนข้อเท็จ จริงทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยแท้ เพราะในวันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๒ ได้ปรากฏมีแถลงการณ์ของ "ชมรมชาวพุทธสามเหล่าทัพ" ได้นำข้อแท้จริงเรื่องการทำให้คลาดเคลื่อนจากพระสัทธรรม และการแอบอ้างสร้างพระไตรปิฎกฉบับสัทธรรมปฏิรูปนี้ไปล่วงหน้าก่อนแล้ว จึงนับว่าขบวนการไวรัสศาสนา มิได้มีความเกรงกลัวต่อความผิด และกฎหมายบ้านเมืองเนื่องจาก กลุ่ม BOSTON ได้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งทางทหาร เศรษฐกิจ และการบริหารประเทศไปโดยเรียบร้อยแล้ว จากการทำให้คลาดเคลื่อนจากพระไตรปิฎกอันเป็นหัวใจพระพุทธศาสนา หมายถึงการทำลายพระพุทธศาสนาทั้งศาสนา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ต้องมีการยึดพื้นที่ทางสมองของประชาชนไทย ซึ่ง ๙๙% เป็นชาวพุทธ บิดเบือนข้อแท้จริง เพราะไม่คิดว่าสถาบันทหารจะร่วมมือกับพุทธศาสนิกชน พระภิกษุสงฆ์นำข้อมูลดังกล่าวที่เป็นความจริงและเป็นความผิดของขบวนการของพวกตนมาเปิดเผย ซึ่งหากพุทธศาสนิกชนได้รับรู้ความจริงแท้ ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นการวางแผนการจากขบวนการดังกล่าว บุคคล องค์กร นักการเมือง ข้าราชการที่ร่วมมือใช้อำนาจและอิทธิพลทุกรูปแบบ ในการสกัดกั้นข้อมูล หรือการกระทำใดๆ อันเป็นการป้องกันพระพุทธศาสนาให้พ้นจากมหันตภัยที่เลวร้ายนี้ |